คังอิงรีบถอยร่างเข้าไปในเงามืดของซุ้มประตูบ้าน ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่เป็มุมอับที่เกิดจากกำแพงของบ้านสองหลังมากันพอดี บวกกับที่เธอสวมเสื้อยืดสีดำ หากไม่ได้เดินเข้ามาใกล้ๆ คงไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ
ทว่าขณะที่คังอิงกำลังเดินไปทางซุ้มประตู เธอพลันเหยียบเข้ากับบางสิ่งที่นุ่มๆ อุ่นๆ คล้ายจะเป็คน?
คังอิงใแทบร้องเสียงหลง แต่ก็กัดฟันอดกลั้นไว้ ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเบา “อย่าส่งเสียง ถ้าคุณส่งเสียงล่ะก็ อย่าหาว่าผมไม่เตือน!”
คังอิงยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็รู้สึกว่ามีลมแรงพัดมาจากด้านหลัง จากนั้นทั้งร่างของเธอก็ถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอันร้อนแรง
คังอิงสวมเสื้อแขนสั้น ิับนแขนของเธอัักับอีกฝ่ายโดยตรง ทำให้รู้สึกถึงความลื่นและเหนียวหนืด เหมือนกับของเหลวบางอย่าง ทันใดนั้นคังอิงก็นึกถึงเืขึ้นมา
คังอิงถูกชายคนนั้นจับตัวเอาไว้ และรู้ตัวทันทีว่า ชายคนนี้คงเป็คนที่กลุ่มคนพวกนั้นกำลังไล่ล่าอยู่
์เอ๋ย ทำไมเธอถึงได้โชคร้ายขนาดนี้นะ ไม่เพียงแต่หลงทาง ตอนนี้เธอยังต้องมาพัวพันกับเื่ของคนอื่นอีก
วันนี้เธอเพิ่งจะเฉลิมฉลองที่หย่าร้างสำเร็จอย่างยินดี ดูท่าคงจะเป็ ‘ความสุขสุดขีดกลับกลายเป็เื่โศกเศร้า’ [1] ดังนั้นหากเป็คน อย่าได้หลงลำพองใจจนเกินไป
โชคดีที่นอกจากชายคนนั้นจะเอามือปิดปากเธอแน่นแล้ว พอเห็นว่าเธอไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน เขาจึงไม่ได้ปิดจมูกเธอ ทำให้เธอยังหายใจได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงขาดอากาศหายใจตายแน่ๆ
กลุ่มคนที่ส่งเสียงดังวุ่นวายวิ่งไปข้างหน้า เมื่อเสียงฝีเท้าของพวกเขาดังห่างออกไปเรื่อยๆ จนที่นี่ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ แล้ว อีกฝ่ายจึงปล่อยตัวคังอิง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“คุณไปได้แล้ว ระวังอย่าไปเจอกับพวกนั้น พวกเขาไม่ใช่คนดี!”
หากชายคนนี้ไม่ได้เอ่ยเตือนประโยคสุดท้าย บางทีคังอิงคงรีบเผ่นแน่บไปแล้ว แต่พอถูกชายคนนั้นเตือนแบบนี้ เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าพวกนั้นไม่ใช่คนดี อย่างนั้นแสดงว่าเขาเป็คนดีหรือเปล่า? อีกทั้งตลอดเวลาที่อยู่กับเขา คังอิงก็ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเจตนาจะทำร้ายเธอเลย
ดังนั้นคังอิงจึงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถามขึ้น “คุณไปกับฉันได้ไหม? ฉันกลัวจะไปเจอกับพวกนั้น!”
หญิงสาวตรงหน้ามีเสียงคุ้นหู สือเจียงหย่วนยืนพิงกรอบประตูหลังบ้านของบ้านหลังหนึ่ง เขาััถึงความปวดแปลบจากาแด้านหลังที่อยู่ใกล้กับแขนซ้ายของเขา
เขาไม่คิดเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะเห็นว่าเขาเป็ที่พึ่งได้ สือเจียงหย่วนถึงกับหัวเราะไม่ออก เขากล่าวพึมพำว่า “ก็ได้ ตามผมมา!”
พอพูดจบ สือเจียงหย่วนก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกเวียนศีรษะ แล้วหมดสติไป...
เมื่อสือเจียงหย่วนรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในโฮสเทลลี่หมิน
ที่พักสมัยนี้ล้วนแต่มีการตกแต่งคล้ายๆ กัน ดังนั้นสือเจียงหย่วนจึงรู้ได้ทันทีว่าที่นี่คงไม่ใช่บ้านพักอาศัย
สือเจียงหย่วนยกมือขึ้น แล้วพบว่าาแด้านหลังซ้ายของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆ ส่วนแขนของเขาเองก็ถูกพันเอาไว้เช่นกัน เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะขยับแขน จากนั้นก็พยายามพยุงร่างให้ลุกขึ้นนั่ง
สือเจียงหย่วนกำลังสงสัยว่าใครกันที่ช่วยเขา แถมยังทำแผลให้อีก ในตอนนั้นเองคังอิงที่เพิ่งไปเติมน้ำร้อนจากเคาน์เตอร์ชั้นล่างก็กลับมาถึงห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เธอก็เห็นสือเจียงหย่วนนั่งอยู่ตรงขอบเตียง คนทั้งสองที่สบตากันต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
สือเจียงหย่วนเพ่งมองคังอิง ก่อนดวงตาของเขาจะเป็ประกายขึ้นมา เขารู้จักคังอิงทันที นี่มันผู้หญิงที่กำลังจะหย่ากับสามีที่ร้านกาแฟซินซื่อจี้หรือไง?
ไม่จริงน่า เขาถูกเธอช่วยเอาไว้งั้นหรือ? โลกนี้มันช่างกลมจริงๆ !
คังอิงตกตะลึงไปเพียงครู่เดียว ก็หันหลังไปล็อกประตู จากนั้นเธอก็วางกระติกน้ำร้อนลงบนโต๊ะน้ำชา พลางกล่าวกับสือเจียงหย่วนว่า
“ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว ก่อนหน้านี้คุณเสียเืมากจนหมดสติไป ฉันเคาะประตูบ้านหลังนั้น ขอให้พวกเขาช่วยเรียกหมอจากคลินิกเอกชนมาเย็บแผลให้ พอทำแผลเสร็จก็ส่งคุณมาที่นี่ หมอบอกว่าคุณเสียเืมาก เขาคิดว่าคุณคงฟื้นพรุ่งนี้แน่ๆ ดูท่าร่างกายของคุณคงแข็งแรงมาก ถึงได้ฟื้นเร็วขนาดนี้”
สือเจียงหย่วนรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เขาถูกฟันเข้าที่หลังระหว่างการต่อสู้ แล้วน่าจะโดนฟันเข้าเส้นเืด้วย ไม่อย่างนั้นตอนที่เขาวิ่งหนี คงไม่เสียเืเยอะขนาดนี้
เื่ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาหมดสติไป คงเป็ไปตามที่คังอิงบอก สือเจียงหย่วนไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คังอิงต้องใช้เงินไปเยอะมากแน่ๆ
ไม่งั้นจะมีใครเต็มใจให้คนแปลกหน้าที่เนื้อตัวเปื้อนเืแบบเขาเข้าบ้านกัน? หมอคนไหนจะเต็มใจเย็บแผลแล้วพันผ้าพันแผลให้เขา? แล้วใครจะยอมแบกชายร่างใหญ่แบบเขามาส่งที่โฮสเทลตอนกลางดึก?
สือเจียงหย่วนนึกชื่นชมผู้หญิงคนนี้ เธอช่างมีวิธีจัดการกับปัญหาได้ดีจริงๆ เจอเื่เช่นนี้ ยังสามารถจัดการกับมันได้อย่างใจเย็น เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“คุณไม่ถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมช่วยเหลือผมแบบนี้ ถ้าผมเป็คนร้ายขึ้นมา คุณจะทำยังไง?”
คังอิงกวาดตามองสือเจียงหย่วนด้วยดวงตากลมโต พลางถามกลับว่า “คุณเป็คนร้ายงั้นหรือ?”
สือเจียงหย่วนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “แน่นอนว่าผมไม่ใช่”
คังอิงยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธองดงามราวกับดอกถาน [2] ที่บานสะพรั่งอย่างฉับพลันในยามราตรี ทำให้บรรยากาศโดยรอบตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม เธอกล่าวว่า
“คุณไม่มีทางเป็คนร้าย ฉันดูคนไม่ผิดหรอก”
สือเจียงหย่วนไม่คิดว่าคังอิงจะพูดแบบนี้ หากเป็ผู้หญิงคนอื่น เขาอาจจะพูดว่าโง่ แต่อาจเป็เพราะบุคลิกที่ดูมั่นอกมั่นใจของคังอิง ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเป็คนดื้อรั้น ทำอะไรตามใจชอบ ไม่เคยมีใครในเมืองหลวงที่ให้คำชมเช่นนี้แก่เขา
แน่นอนว่าตัวเขาเองรู้ดีว่าตนทำอะไรลงไป เขาไม่เคยคิดจะทำเื่ผิดกฎหมาย หรือแม้แต่เื่ผิดศีลธรรม
เื่ในครั้งนี้เป็เพราะเขาพลาดท่า จนถูกคนที่หน้ามืดตามัวไล่ล่า เรียกได้ว่าค่อนข้างอันตรายมาก หากไม่ใช่เพราะได้พบกับคังอิง ชีวิตน้อยๆ ของเขาที่เป็ถึงคุณชายตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงคงต้องจบสิ้นลง ณ ที่แห่งนั้น
หากเขาตายไป ต่อให้ตระกูลสือจะลงมือแก้แค้นให้เขาอย่างรวดเร็ว แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อคนตายไปแล้ว
คังอิงเห็นเขามีท่าทางเหม่อลอย ก็นึกว่าเขาไม่อยากพูดอะไรอีก ทว่าสือเจียงหย่วนกลับเงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “แบบนี้แปลว่าการตัดสินใจของคุณถูกต้องแล้ว ผม สือเจียงหย่วน ไม่มีทางเป็คนร้ายได้หรอก”
เอาละ นี่เป็วิธีแนะนำตัวที่ไม่เหมือนใครจริงๆ คังอิงยิ้มบางๆ พลางกล่าวตอบว่า “สือเจียงหย่วนสินะ? ฉันชื่อคังอิง”
ก่อนหน้านี้คังอิงไม่มีเวลามองว่าสือเจียงหย่วนมีหน้าตาอย่างไร ตอนนี้สถานการณ์เริ่มสงบลงแล้ว คังอิงเพิ่งสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลามาก โครงหน้าก็ดูมีมิติ คิ้วเข้ม ตาโต ใบหน้าเหมือนกับคนมีทำนองคลองธรรม แต่พอเพ่งมองอย่างถี่ถ้วนก็พบว่า ระหว่างคิ้วและดวงตาของเขามีร่องรอยของความดื้อรั้นที่ช่วยให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้น
สือเจียงหย่วนเห็นคังอิงกำลังถือชามเคลือบใบหนึ่ง ซึ่งส่งกลิ่นหอมของอาหารออกมา อาจเป็เพราะเขาเสียเืมากเกินไป จึงทำให้เขารู้สึกถึงเสียงร้องโครกครากในท้องทันที เขาเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจว่า
“คุณเอาอะไรมาให้ผมกินเหรอ?”
ดูเหมือนคังอิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในมือของเธอกำลังถือชามเคลือบอยู่ พอได้ยินคำถามของสือเจียงหย่วน เธอก็รีบเปิดฝา แล้วหยิบตะเกียบใช้แล้วทิ้งหนึ่งคู่ยื่นไปข้างหน้าสือเจียงหย่วน พลางกล่าวว่า “ร้านอาหารปิดหมดแล้ว ฉันก็เลยให้พ่อครัวของที่พักทำงานล่วงเวลา เพื่อต้มบะหมี่ใส่ตับหมูให้ หมอบอกว่ากินตับหมูแล้วจะช่วยบำรุงเื คุณเสียเืไปเยอะนี่ รีบกินเสียสิ”
เชิงอรรถ
[1] ความสุขสุดขีดกลับกลายเป็เื่โศกเศร้า เป็สำนวนที่มีความหมายว่า หากเฉลิมฉลองยินดีมาก หรือเร็วเกินไป อาจเกิดเื่ผิดพลาดในภายหลัง
[2] ดอกถาน ต้นไม้เตี้ยมีสีเขียวตลอดปี ดอกใหญ่สีขาวจะบานในตอนกลางคืน ่ระยะเวลาบานจะสั้นมาก ดอกถานมีความหมายแฝง เปรียบเทียบถึงความรัก เนื่องจากมันบานเพียงชั่วข้ามคืน เหมือนความรักและความสุขที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้