บทที่ 95 หน้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตได้รับการยืนยัน
ซูอี้อวิ๋นเป็คนขับรถให้ พอเขารู้จากซูเหยียนว่าเย่จื่อเฉินมีความคิดที่จะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นในใจของเขาก็คือมันไม่น่าเชื่อถือ
ความลับของเย่จื่อเฉินนั้นเขาเข้าใจเป็อย่างดี ไม่ต้องไปคิดถึงอย่างอื่น ก็ยาวิเศษในมือของเขานั่นแหละ
ถ้าเขาอยากได้เงิน ก็แค่เอามันออกมาขายในแวดวงมหาเศรษฐีสักสองสามเม็ด
แน่นอนว่ามันเพียงพอให้เขาใช้ได้อย่างสบายไปตลอดชีวิต
“เย่จื่อ ทำไมนายถึงนึกอยากจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตขึ้นมา”
ซูอี้อวิ๋นทำหน้าไม่เข้าใจ เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปาก แล้วพูดพลางหัวเราะ
“เป็เื่ปกติที่นักศึกษาจะเริ่มสร้างธุรกิจไม่ใช่เหรอ ฉันจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตนายยังจะห้ามอีกหรือไง?”
“ไม่ได้ห้าม แต่จากที่นายพูดมาฉันกลัวว่ามันจะไม่โอเค แล้วอีกอย่างเริ่มสร้างธุรกิจจากซูเปอร์มาร์เก็ตเนี่ยนะ?”
“แล้วยังไงล่ะ เริ่มจากระดับล่างไง”
“เดี๋ยวนะ นี่นายจริงจังเหรอ?”
ซูอี้อวิ๋นนึกว่าซูเหยียนล้อเขาเล่น แต่พอฟังดูแล้วดูเหมือนจะไม่ใช่
“จริงจัง”
เย่จื่อเฉินพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
“แล้วหน้าร้านที่เราไปดูมาสองสามร้านเมื่อกี้นั่นล่ะ ร้านพวกนั้นที่ฉันหามาให้นายเป็ย่านการค้าที่มีปริมาณของคนค่อนข้างมาก แล้วก็มีหลายร้านที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา แต่นายก็ไม่ชอบร้านพวกนั้น”
โลเคชันพวกนั้นที่ซูอี้อวิ๋นหามามันไม่เลวก็จริง แต่ความตั้งใจของเย่จื่อเฉินก็ไม่ได้คิดจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อหาเงินอยู่แล้ว
แต่เขา้าเปิดเพื่อขายของให้กับคนบน์ต่างหาก
ซูอี้อวิ๋นส่ายหน้า เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วพาเย่จื่อเฉินไปยังโลเคชันต่อไป
“เถ้าแก่ครับ เถ้าแก่ว่ายังไงครับ? หน้าร้านก็ใหญ่พอ ชั้นล่างก็ยังใช้เก็บของได้ด้วย”
ชายอ้วนหน้ามันวาวคนหนึ่งถูมือยิ้มกริ่มให้เย่จื่อเฉิน ซูอี้อวิ๋นขมวดคิ้วมุ่น มองออกไปนอกร้าน
“ที่นี่กันดารเกินไป”
“แหะๆ ที่นี่กันดารก็จริง แต่ราคามันก็ถูกนะครับ”
“ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยโอเค เย่จื่อ นายว่ายังไง?”
ซูอี้อวิ๋นส่ายหน้า ที่ทุรกันดารแบบนี้ ถ้าเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตไป ต้องขาดทุนย่อยยับภายในสามเดือนแน่นอน
“ฉันว่ามันก็ไม่เลวนะ เอาที่นี่แหละ”
ใครจะไปรู้ว่าสถานที่ที่ซูอี้อวิ๋นไม่ชอบ แต่เย่จื่อเฉินกลับชอบ
สถานที่ตรงนี้ทุรกันดารก็จริง แต่สำหรับเย่จื่อเฉินแล้ว มันตรงกับที่เขา้าพอดี
“เย่จื่อ ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม” ซูอี้อวิ๋นเบิกตาโพลง เย่จื่อเฉินส่ายหน้ายิ้ม “ฟังไม่ผิดหรอก ฉันชอบที่นี่ ซื้อเลย”
เมื่อเดินดูรอบๆ ร้านอีกครั้งแล้ว เย่จื่อเฉินก็หันไปพูดกับชายอ้วน
“เอาสัญญามาแล้วใช่ไหม เซ็นเลยแล้วกัน”
ซูอี้อวิ๋นจ่ายเงินให้เย่จื่อเฉิน จากนั้นชายอ้วนก็ถือสัญญากับเงินวิ่งส่ายก้นจากไป
เย่จื่อเฉินหันมาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับหน้าร้าน ซูอี้อวิ๋นเดินเข้ามาพร้อมกับพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“เย่จื่อ นายอยากเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย ที่ทุรกันดารแบบนี้ ยังไงก็ขาดทุนแน่นอน”
“หึ นายไม่เข้าใจหรอก” เย่จื่อเฉินตบบ่าซูอี้อวิ๋น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เงินค่าร้านอีกเดี๋ยวฉันจะคืนให้นายทีหลัง่นี้ค่อนข้างขัดสน อีกอย่างใบอนุญาตเปิดร้านไม่ต้องมี แล้วก็ช่วยติดต่อแหล่งสินค้าให้ฉันหน่อย ขนมทุกอย่าง เครื่องดื่ม…ฉันเอาหมดเลย”
คิ้วที่ขมวดมุ่นของซูอี้อวิ๋นคลายออกทันที เขาเลิกคิ้วพร้อมพาดแขนไปบนไหล่ของเย่จื่อเฉิน แล้วพูดขึ้น
“เย่จื่อ นายบอกฉันมาเลยนะ ตกลงนายคิดจะทำอะไรกันแน่? ไม่เอาใบจดอนุญาต เอาแต่แหล่งสินค้า ฉันว่าการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตของนาย มันดูมีปัญหาอยู่นะ”
“ไม่บอกหรอก”
ในขณะที่หัวเราะอยู่นั้น โทรศัพท์ของเย่จื่อเฉินก็ดังขึ้นมา พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเขาจึงหันไปโบกมือให้ซูอี้อวิ๋น
“ฝากเื่แหล่งสินค้าไว้กับนายก็แล้วกันนะ ฉันยังมีเื่ต้องรีบไป”
มีซูอี้อวิ๋นคอยดูซูเปอร์มาร์เก็ตไว้ให้แล้ว ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นแน่นอน แต่จะว่าไปที่นี่มันก็ทุรกันดารจริงๆ นั่นแหละ
เขายืนงงอยู่บนถนนมาสิบกว่านาที ถึงเรียกแท็กซี่ได้คันหนึ่ง
ในระหว่างทางที่มาบ้านของหวงเซิงเหม่ยอีกครั้ง เย่จื่อเฉินก็ยิ่งคุ้นเคยกับเส้นทางมากขึ้น หวงอี้เข็นวีลแชร์เข้ามาต้อนรับ
“คุณไอดอล คุณมาแล้ว”
จากนั้นหวงเซิงเหม่ยก็ยกผลไม้มาให้ พร้อมกับยิ้มให้เย่จื่อเฉิน
“จื่อเฉิน”
ความรู้สึกที่ปิดไม่มิดบนใบหน้านั้น ทำให้เย่จื่อเฉินถึงกับทรงตัวไม่อยู่เล็กน้อย
“ไม่ต้องทำท่าเกรงใจกันขนาดนั้นหรอก ที่โทรเรียกผมมาก็เพราะจะให้มารักษาขาของหวงอี้ไม่ใช่เหรอ”
“คุณไอดอล คุณรักษาขาของผมได้จริงๆ เหรอครับ?”
ในดวงตาของหวงอี้มีความตื่นเต้นปนอยู่เล็กน้อย ในครั้งแรกที่เย่จื่อเฉินมาหา เขาก็ตื่นเต้นจนเอาแต่มองคุณไอดอล ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย
จนกระทั่งหลายวันมานี้ เขาถึงได้รู้สึกว่าในตอนนั้นที่เย่จื่อเฉินกดบั้นเอวของเขา ส่วนขาของเขาที่ไม่เคยมีความรู้สึกมาก่อนกลับมีความรู้สึกขึ้นมา
“เลิกเรียกฉันว่าคุณไอดอลได้แล้ว เรียกฉันว่าเย่จื่อเฉินก็พอ หรือจะเรียกพี่ก็ได้ เอาแต่เรียกคุณไอดอลแบบนั้นมันแปลกๆ”
“ครับ พี่จื่อเฉิน”
หวงอี้พยักหน้ารับแล้วให้หวงเซิงเหม่ยเข็นวีลแชร์เข้าไปในห้องนอน จากนั้นเย่จื่อเฉินก็เดินตามเข้าไป
“ให้ฉันช่วยไหม?”
หวงเซิงเหม่ยยืนอยู่ข้างเตียง เย่จื่อเฉินยิ้มพร้อมส่ายหน้า แล้วจึงพูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอก คุณไปทำงานของคุณเถอะ”
“โอเค”
หวงเซิงเหม่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ แล้วเดินออกไปจากห้อง ความอ่อนโยนของหวงเซิงเหม่ยตกอยู่ในสายตาของหวงอี้ที่นอนอยู่บนเตียง
“พี่จื่อเฉิน พี่กับพี่สาวผมเป็อะไรกันเหรอ?”
“เป็เพื่อนกัน”
เย่จื่อเฉินเอามือกดไปที่บริเวณกระดูกเชิงกรานของหวงอี้ ที่ปลายนิ้วค่อยๆ มีพลังไหลเวียนมารวมกัน
ราวกับว่าหวงอี้ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่สภาพร่างกายของเขา แต่กลับสนใจอยู่กับคำพูดของเย่จื่อเฉินเมื่อครู่นี้
“แต่ผมว่าสายตาของพี่สาวผมที่มองพี่เมื่อกี้มันไม่ธรรมดาเลยนะครับ”
“งั้นเหรอ? ทนเจ็บหน่อยนะ”
มือขวาออกแรงกดเต็มที่ จากนั้นพลังปราณจากปลายนิ้วก็พุ่งเข้าสู่จุดที่กดด้วยนิ้วทั้งสอง
หวงอี้ที่เมื่อครู่นี้กำลังคุยกับเย่จื่อเฉินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เพียงชั่วครู่ก็มีเสียงร้องเ็ปดังออกมาจากปากของเขา
อาการของหวงอี้หนักมากจริงๆ เขาจัดอยู่ในกลุ่มคนพิการแล้ว เพราะขาทั้งสองข้างไม่มีความรู้สึกมาั้แ่เด็ก
กระแสเืลมภายในร่างกายถูกปิดสนิท ถ้าอยากให้หายดี ก็ทำได้แค่ต้องเปิดทางเดินกระแสเืลมเท่านั้น
มันดีกว่าถ้าจะทำให้หวงอี้เจ็บหนักทีเดียว แทนที่จะทำให้เขาเจ็บไปทีละนิด
หวงอี้ที่นอนอยู่บนเตียงยังร้องเ็ปอยู่ เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นตบหลังเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น
“หยุดร้องได้แล้ว บอกมาว่าขาขวารู้สึกอะไรบ้าง”
“เจ็บ”
หวงอี้เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา เย่จื่อเฉินกลอกตาใส่
มันต้องเจ็บอยู่แล้ว
ถ้าไม่เจ็บ ขาเขาก็ไม่มีทางเป็อะไรหรอก
“ที่จริงแล้ว…”
“มันรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยด้วยครับ” หวงอี้ลองัักับความรู้สึกที่มาจากขาขวาอย่างละเอียด ประโยคนี้เพิ่งออกจากปาก เขาก็อึ้งไปทันที
เดี๋ยวนะ!
ขาเขาไม่น่าจะมีความรู้สึกนี่
“พี่จื่อเฉิน”
หวงอี้ที่ได้สติหันขวับมามองเย่จื่อเฉินด้วยใบหน้าที่ไม่เชื่อ
“อย่ามองฉัน ทนหน่อย”
เย่จื่อเฉินคลำแถวกระดูกเชิงกราน แล้วก็กดอีกครั้ง นาทีต่อมา เสียงร้องโอดโอยก็ดังขึ้นมาภายในห้องนอนของหวงอี้อีกครั้ง
หวงเซิงเหม่ยที่อยู่ข้างนอกกำมือแน่น ทุกครั้งที่เสียงร้องดังขึ้นในห้อง หัวใจของเธอก็จะเ็ปตามไปด้วย
แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความคาดหวัง
ในเมื่อหวงอี้รู้สึกเจ็บ ก็แปลว่าเย่จื่อเฉินมีวิธีรักษา
เป็เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม หวงอี้เจ็บจนเหงื่อชื้นเต็มตัว ราวกับคนที่เพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ
เย่จื่อเฉินก็ไม่ได้สบายตัวนัก เสื้อผ้าชื้นเหงื่อจนเห็นผิวกายข้างใน
“จื่อเฉิน น้องชายฉัน…” หวงเซิงเหม่ยมองหวงอี้ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเป็ห่วง เย่จื่อเฉินนั่งหอบหายใจเฮือกใหญ่กับพื้น ก่อนแสยะยิ้มพูด “อาการดีขึ้นแล้ว”
“แล้วเขาลุกขึ้นยืนได้ไหม?”
นี่เป็คำถามที่หวงเซิงเหม่ยเป็กังวลมาโดยตลอด
“ได้”
เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้ม แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ติ๊ง!
ระดับความรู้สึกดีของคุณกับหวงเซิงเหม่ยเพิ่มขึ้น 10 ระดับความรู้สึกดีปัจจุบันอยู่ที่ 500
ระดับความรู้สึกของคุณกับหวงเซิงเหม่ยก้าวหน้า
ยืนยันความสัมพันธ์คนรัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้