สิบกว่าวันที่วนเวียนอยู่ในเกาะน้ำแข็งแห่งนี้ อันอิ่งที่ยังคงตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ไม่เจอ ในที่สุดก็เริ่มร้อนใจ
กลุ่มสิบสามคนยังคงรวมตัวกันตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์อยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดเท่าไหร่นัก
สัตว์วิเศษระดับหนึ่งที่อยู่ในเกาะน้ำแข็งแห่งนี้ ่เวลาที่ผ่านมาก็ถูกพวกเขาสังหารไปแล้วเกินครึ่ง หลายวันต่อมาจึงยากที่พวกเขาจะได้เจอกับสัตว์วิเศษระดับต่ำเ่าั้อีก
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อันอิ่งจึงตัดสินใจอย่างห้าวหาญ แยกกันออกไปตามหา
นาง พันเทาและเจิ้งรุ่ยต่างก็มาจากหอหลิงเป่า ในมือพวกเขามีแท่งสัญญาณที่สามารถส่งข้อความหากันได้
ในระยะสิบลี้ ขอแค่พวกเขาปล่อยสัญญาณออกมา คนอื่นก็จะมองเห็น
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่นาง พันเทาและเจิ้งรุ่ยปรึกษากันแล้วจึงตัดสินใจว่าจะเป็ผู้นำกลุ่มออกไปตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์แบบปูพรมภายในระยะสิบลี้
เจิ้งรุ่ยที่อ่อนแอมากที่สุดเป็ฝ่ายเลือกสมาชิกก่อนสี่คน ส่วนนางและพันเทาต่างก็พาคนสามคนออกไปแยกกันตามหา
เนี่ยเทียนและเจียงเหมียว รวมถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อกัวฉีอยู่กลุ่มเดียวกันกับพันเทา
ภายใต้การนำของพันเทา คนทั้งสองเลือกทิศทางหนึ่ง เดินทางแยกไปจากอันอิ่ง และเจิ้งรุ่ย
เหมือนกับทุกวัน เนี่ยเทียนที่พกเอาเนื้อสัตว์วิเศษปริมาณมากติดตามพวกพันเทาไปยังคงกินอย่างบ้าคลั่ง
พอถึงเวลาพักเมื่อใด เขาก็จะรีบใช้คาถาหลอมลมปราณมาขยายมหาสมุทริญญาให้กว้างใหญ่อย่างต่อเนื่อง
เวลาสิบกว่าวัน จากที่เขาอยู่ในขั้นหลอมลมปราณหกก็ะโพรวดไปยังหลอมลมปราณเจ็ด นี่ทำให้เขามีความสุขเป็อย่างมาก
ความห่างระหว่างขั้นเจ็ดและขั้นแปดจำเป็ต้องใช้มหาสมุทริญญาซึ่งเดิมทีขยายขนาดขึ้นมาแล้วหนึ่งเท่าเป็พื้นฐาน จากนั้นก็ให้มันเพิ่มพูนขึ้นไปอีกหนึ่งเท่า
คราวนี้เขาให้เวลาตัวเองสองเดือน เขาวางแผนไว้ว่าในสองเดือนนี้จะอาศัยเนื้อของสัตว์วิเศษเ่าั้เหยียบย่างเข้าไปยังขอบเขตของหลอมลมปราณขั้นแปด!
ส่วนการตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ เขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก วันๆ เอาแต่มุ่งฝึกบำเพ็ญตบะ
“ผ่านมาวันครึ่งแล้ว พวกเราน่าจะห่างจากพวกอันอิ่งประมาณเจ็ดลี้แล้ว แม้แต่สัตว์วิเศษระดับต่ำพวกเราก็ยังไม่เจอแม้แต่ตัวเดียว”
พันเทาที่ค้นหาทุกซอกทุกมุมของเกาะน้ำแข็งเล็กเตี้ยอย่างละเอียดมาแล้วหนึ่งรอบ ในมือถือเครื่องที่ใช้จับเวลา สีหน้าดูห่อเหี่ยวยิ่งนัก
“พี่เทา บางทีทางฝั่งของพวกเราอาจจะไม่มีสัตว์วิเศษอยู่จริงๆ ก็ได้” กัวฉีกล่าว
“ไม่รู้ว่าทางฝั่งพี่อันอิ่งกับพี่เจิ้งจะเป็อย่างไรบ้าง” เจียงเหมียวเอ่ยเสียงเบา
บัดนี้คนทั้งสี่นั่งอยู่ด้านข้างเกาะน้ำแข็งที่เล็กเตี้ยนั้น พวกเขาที่ยังไม่ได้รับผลพวงใดๆ ต่างก็หมดกำลังใจไปเล็กน้อย
“น่าจะเป็เหมือนพวกเราที่ยังหาเ้างูเหลือมน้ำแข็งั์ที่หดหัวตัวนั้นไม่เจอ มิฉะนั้นพวกเขาก็คงปล่อยสัญญาณมานานแล้ว” พันเทาถอนหายใจ พร้อมส่ายหัว “พวกเราเสียเวลาอยู่กับเกาะน้ำแข็งนี่ไปมาก บางทีพวกสำนักหลิงอวิ๋น อารามเสวียนอู้ อาจจะกำจัดสัตว์วิเศษระดับสองอีกสองตัวที่เหลือไปแล้วก็ได้”
“พันเทา พวกหยวนเฟิงจากหุบเขาเทาเข้าไปยังจุดลึกของเกาะน้ำแข็งก่อนพวกเรา พวกเราเดินเตร่มาสิบกว่าวันแล้วก็ยังไม่เจอพวกเขา นี่มันออกจะแปลกไปหน่อยหรือไม่?” กัวฉีพูดขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจหรอก” พันเทาส่ายหัว “อันที่จริงแล้วเกาะน้ำแข็งแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก หากพวกหยวนเฟิงเป็เหมือนพวกเราก่อนหน้านี้ที่เอาแต่รวมตัวกันตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ ความเป็ไปได้ที่พวกเราจะเจอพวกเขาก็มีน้อยมาก นอกเสียจากว่า... พวกเขาเองก็แยกย้ายกันออกไปตามหาตามขอบเขตต่างๆ เหมือนกัน”
“มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น โอกาสที่ทุกคนจะได้เจอกันถึงจะเพิ่มมากขึ้น”
กัวฉีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ก็ถูกของเ้านะ”
“เนี่ยเทียน เ้ามีความคิดเห็นอะไรดีๆ หรือไม่?” อยู่ๆ พันเทาก็ถามขึ้น
เนี่ยเทียนที่เอาแต่นั่งกินเนื้อเงียบๆ อยู่ด้านข้างก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย มุมปากยังมีคราบมันเยิ้ม “ขนาดพวกเ้ายังหาไม่เจอ แล้วคนอย่างข้าหรือจะมีวิธีดีๆ?” เขาตอบอย่างเกียจคร้าน
พอเขารู้ว่าเนื้อสัตว์วิเศษสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกตบะ เขาก็หมดความสนใจในการตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์อีก
ท่าทีเกียจคร้านและไม่สนใจใยดีของเขาล้วนอยู่ในสายตาของพวกพันเทาสามคน
ในบรรดาสามคนนี้ เขาเคยช่วยเจียงเหมียวมาก่อน พันเทารู้ว่าเขาไม่ธรรมดาจึงไม่ได้พูดอะไรให้มากความ
มีเพียงกัวฉีที่แสดงความไม่พอใจออกมาหลายครั้ง ขอร้องให้พันเทาช่วยจัดการเนี่ยเทียน อย่าให้เขาเอ้อระเหยลอยชาย วันๆ เอาแต่กินอย่างเดียวเท่านั้น
คำขอร้องของเขา พันเทาแค่ยิ้มรับ ทว่าไม่ได้สนใจจะทำตาม
“พวกเ้าสองคนไปทางโน้น ข้ามีเื่จะคุยกับเนี่ยเทียนเป็การส่วนตัวสักหน่อย” พันเทาชี้ออกไปยังทิศทางหนึ่ง
ดวงตาของกัวฉีเปล่งประกาย เข้าใจไปว่าพันเทาคิดจะอบรมสั่งสอนเนี่ยเทียนเป็การส่วนตัว เขาจึงหัวเราะหึๆ ดึงตัวเจียงเหมียวออกไปทันที
หลังจากที่พวกเขาเดินจากไปไกล พันเทาก็มาหยุดอยู่ข้างกายเนี่ยเทียน หัวเราะเจื่อนๆ หนึ่งครั้งถึงได้พูดว่า “เนี่ยเทียน เ้าก็ช่วยกันหน่อยสิ”
เนี่ยเทียนเงียบงัน
“เ้าอย่าเห็นว่าข้ามาจากหอหลิงเป่าแล้วจะต้องเก่งกาจสิ ชีวิตของข้าในหอหลิงเป่าไม่ได้สุขสบายอย่างที่เ้าคิดหรอกนะ” พันเทาพูดอย่างหน้าม่อย
“เมื่ออยู่ในหอ อันที่จริงแล้วข้ากับเจิ้งรุ่ยต่างก็ไม่ได้รับความสำคัญ ไม่ว่าพวกเราจะพยายามมากเพียงใด ทุกคนก็มักจะพูดว่าพวกเราอาศัยการปกป้องจากผู้าุโถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้”
“พวกคนในหอหลิงเป่าล้วนชื่นชมคนอย่างอันอิ่งที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาทีละก้าวจากในตระกูลผู้สังกัด แล้วสุดท้ายก็ถูกพาตัวเข้ามา”
“แต่ข้า แท้จริงแล้วกลับไม่ได้รับความสำคัญ ถูกพวกเขาดูิ่มาโดยตลอด”
เนี่ยเทียนอึ้งงันไปครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า “ต่างคนต่างก็มีความลำบากใจ เ้าคิดมากที่ถูกผู้คนว่าร้าย แต่พวกเราหากคิดจะเข้าไปอยู่ในสถานที่แบบสำนักหลิงอวิ๋นและหอหลิงเป่าของพวกเ้า เ้ารู้หรือไม่ว่ามันยากมากเพียงใด?”
“แน่นอนว่าข้าต้องรู้” พันเทาพยักหน้ากล่าวอีกว่า “แต่ความพยายามของพวกเ้า สุดท้ายก็ล้วนได้รับการยอมรับ คนอื่นให้ความสำคัญ ส่วนข้า ต่อให้พยายามอีกมากแค่ไหนก็ล้วนถูกมองว่ามีผู้าุโคอยช่วยเหลือ ไม่คิดว่าข้าทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง”
“การประลองในโลกมายามรกตสำคัญกับข้ามาก ข้าต้องสร้างผลงานให้ได้ ให้พวกเขาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อข้าเสียใหม่!”
ใบหน้าเนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความจนใจ “ว่ามาสิ เ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร?”
พันเทามีสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกล่าวว่า “เ้าสามารถตามหากิ้งก่าดินที่อยู่ลึกใต้ดินได้ ถ้าเช่นนั้นเ้าก็น่าจะใช้วิธีการเดียวกันตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ได้!”
“ในความคิดของข้า งูเหลือมน้ำแข็งั์และกิ้งก่าดินนั้นเหมือนกัน น่าจะซุกซ่อนอยู่ในมุมลับที่พวกเรามองไม่เห็น”
“อาศัยดวงตา ข้าไม่คิดว่าพวกเราสามารถหามันเจอ ข้าหวังว่าเ้าจะใช้วิธีการที่ใช้ตามหากิ้งก่าดินมาค้นหางูเหลือมน้ำแข็งั์ตัวนั้น”
“เกาะน้ำแข็งใหญ่ขนาดนี้ ไม่สามารถเจาะจงตำแหน่งแน่นอนของมันได้ การค้นหาของข้าก็ยากลำบากมาก” เนี่ยเทียนยิ้มเจื่อน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า “ช่างเถอะ ถือว่าให้เกียรติเ้า ข้าจะลองดูแล้วกัน หากไม่ได้จริงๆ เ้าอย่ามาโทษข้านะ”
“แน่นอน แน่นอน!” พันเทารีบพูด
จากนั้นเนี่ยเทียนก็ทำจิตใจให้สงบ ปรับความถี่ในการหายใจ พยายามแผ่กระแสจิตออกไป
กระแสจิตแต่ละเส้นของเขาแผ่ขยายออกไปรอบด้านโดยมีเขาเป็จุดศูนย์กลาง
กระแสจิตเป็กลุ่มก้อนราวกับงวงััของสัตว์น้ำที่มองไม่เห็นซึ่งยิ่งเคลื่อนที่ก็ยิ่งขยายไปไกล ปกคลุมไปทั่วภายในรัศมีสิบเมตร
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า ส่ายหัวให้กับพันเทา แล้วกล่าวว่า “ข้ารู้แค่ว่ามันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงนี้ก็แล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เปลี่ยนที่!” พันเทาะโพูดเสียงดัง
“ให้ข้า... พักสักครู่” เนี่ยเทียนยิ้มเจื่อน
“ได้! ข้าจะรอเ้า!” พันเทาตามใจเขาอย่างเต็มที่
หลังจากนั้น เนี่ยเทียนที่ติดตามพวกพันเทาสามคนก็ออกแรงอย่างแท้จริง ใช้กระแสจิตัักับอาณาบริเวณโดยรอบ
ทุกครั้งที่เผาผลาญกระแสจิตไป เขาจะต้องเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด แต่หลังจากได้หลับสนิท เขาก็จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานเขาก็ค้นพบว่าหลังจากที่ดึงกระแสจิตออกไปใช้ การฟื้นตัวครั้งต่อไป พลังจิตของเขาจะเพิ่มพูนมากขึ้น
แรกเริ่มที่เขารับัักับรอบด้านจะจำกัดอยู่แค่ภายในบริเวณสี่สิบลี้เท่านั้น
ภายหลัง เมื่อพลังจิตค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นทีละนิด ขอบเขตที่เขารับััได้ก็ขยายออกไปถึงห้าสิบกว่าลี้
การค้นพบนี้ทำให้อารมณ์ที่เดิมทีไม่เต็มใจช่วยพันเทาตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ของเขา ก็เริ่มถูกคลายปมออก
เขามองการตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ซึ่งเป็งานยากลำบากที่พันเทามอบให้เป็การฝึกฝนตัวเองอย่างหนึ่ง มันคือการฝึกฝนที่เกี่ยวกับพลังจิต
กัวฉีและเจียงเหมียวไม่รู้ว่าพันเทาและเขามีข้อตกลงร่วมกัน ทุกครั้งที่ไปถึงสถานที่ใหม่ เมื่อพันเทามองเห็นเนี่ยเทียนหลับตา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงลืมตาขึ้นมาส่ายหัวให้เขา พันเทาก็จะละทิ้งพื้นที่นั้นทันที แล้วไปตามหาจากพื้นที่อื่นต่อไป
กัวฉีและเจียงเหมียวรู้สึกงุนงงอย่างถึงที่สุด ไม่รู้ว่าคนทั้งสองแอบทำอะไรกันอยู่ พอถามพันเทา พันเทาก็ปริปากแม้แต่คำเดียว อีกทั้งยังไม่ให้พวกเขาสงสัยอะไรเรื่อยเปื่อยอีก
สุดท้ายพวกเขาก็ยอมแพ้เช่นกัน ส่วนเื่การตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ก็ยิ่งหมดความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ เนี่ยเทียนเริ่มใช้กระแสจิตรับััอีกครั้ง...
คลื่นชีวิตแ่บางอย่างถึงที่สุดระลอกหนึ่งสะท้อนเข้ามาในใจ เขาพลันลืมตาขึ้น
พันเทาที่เริ่มสูญเสียความมั่นใจ เดิมทีหมดความคิดเพ้อฝันไปนานแล้ว ทว่าพอหันไปมองเนี่ยเทียนคราวนี้ กลับพบว่าเนี่ยเทียนไม่ได้ส่ายหน้าให้เขาอย่างที่แล้วๆ มา
“ทำไม? เจออะไรอย่างนั้นหรือ?!” เขาถามเสียงสั่น
“ไม่ใช่งูเหลือมน้ำแข็งั์ เป็อย่างอื่น” พอลุกขึ้นยืน เนี่ยเทียนก็ชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง “น่าจะเป็... คน”
พันเทาผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเขายังคงพาคนทั้งสามเร่งรุดเดินทางไปยังตำแหน่งที่เนี่ยเทียนชี้บอก
กลิ่นคาวเืเข้มข้นแผ่กระจายออกมาจากด้านหลังต้นไม้น้ำแข็ง พวกเขาเดินผ่านต้นไม้น้ำแข็งไป มองปราดเดียวก็เห็นเด็กหนุ่มสองคนของหุบเขาเทานอนเืท่วมตัวอยู่บนพื้นน้ำแข็ง
หนึ่งในนั้นบนลำคอมีกระบี่เล่มสั้นปักคาอยู่ เห็นได้ชัดว่าตายไปนานแล้ว
ส่วนอีกคนหนึ่ง บนอาภรณ์เต็มไปด้วยรอยเืตัดสลับเลอะเืสดไหลทะลักออกมาจากรอยเืพวกนั้นอย่างหยุดไม่อยู่
ตรงปากของเขาก็มีฟองเืฟูมออกมา เห็นได้ชัดว่าเสียเืมากเกินไป กำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า
ตอนที่พวกพันเทามาถึง สายตาแข็งทื่อไร้ชีวิตชีวาของเขาคล้ายจะเปล่งประกายเล็กน้อย ทว่าหลังจากนั้นแสงทั้งหมดก็ดับลงไปอย่างรวดเร็ว
“เขาก็ตายแล้ว” พันเทาใบหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด
เดินขึ้นไปข้างหน้า เขาก้มหน้าลง มองปราดเดียวก็เห็นว่านิ้วหัวแม่มือข้างขวาของคนทั้งสองล้วนถูกมีดคมกริบเฉือนเอาไป
พันเทาหวาดผวาหน้าถอดสี ราวกับได้เผชิญกับสิ่งะเืขวัญอย่างรุนแรง แม้แต่น้ำเสียงก็ยังแปลกแปร่ง “สำนักภูตผี! นี่คือฝีมือของสำนักภูตผี! บัดซบจริงๆ คนของสำนักภูตผีเข้ามาในโลกมายามรกตได้อย่างไร?”
ใบหน้าเนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความงงงัน “มีเื่อะไรหรือ?”
พันเทาไม่ได้ตอบ แต่หันไปมองรอบด้านด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็รีบกดเสียงต่ำว่า “รีบกลับไปที่ทางเดิมเดี๋ยวนี้!”
“อ้อ” เนี่ยเทียนก็เริ่มตื่นเต้นตามเขาไปด้วย เดินย่องตามเขากลับไปยังทางที่เพิ่งเดินมา
ตลอดทางพันเทามีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่เร่งเดินทางอย่างเดียว
เดินมานาน หลังจากเขาคิดว่าปลอดภัยแล้วถึงได้จุดแท่งสัญญาณ
สัญญาณพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า กลายร่างเป็หมอกควันสีดำสนิทเส้นหนึ่ง ยังคงปรากฏอยู่อย่างนั้นเป็เวลาเนิ่นนานไม่สลายหายไป
ครึ่งวันต่อมา อันอิ่งและเจิ้งรุ่ยต่างพุ่งมาถึงด้วยความตื่นเต้น
“พันเทา! พวกเ้าหางูเหลือมน้ำแข็งั์เจอแล้วรึ?” อันอิ่งที่ใบหน้ายิ้มพรายไปด้วยความดีใจะโเสียงดังมาแต่ไกล
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาใกล้พันเทาก็ส่ายหัว สีหน้าเขียวคล้ำ “ไม่ได้เจองูเหลือมน้ำแข็งั์ แต่พวกเราเจอร่องรอยของสำนักภูตผี!”
“เป็ไปไม่ได้! นี่ไม่มีทางเป็ไปได้แน่นอน!” เจิ้งรุ่ยร้องเสียงแหลม
อันอิ่งหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง “พันเทา! เ้ากำลังข้าล้อเล่นอยู่ใช่หรือไม่? ที่นี่คือโลกมายามรกต โลกซึ่งเป็พื้นที่ลับของหอหลิงเป่าของพวกเราเท่านั้น! อีกอย่างพวกเราก็กำลังประลองกันอยู่ด้วย คนของสำนักภูตผีจะเข้ามาได้อย่างไร?”
“ข้าไม่ได้พูดเล่น!” พันเทาตวาด
เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ บนใบหน้าของอันอิ่งและเจิ้งรุ่ยจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนหวาดกลัว
------