เมื่อเห็นเขา หลี่ชิงหลิงคิดว่าจะมาเพื่อซื้ออีกจึงหัวเราะ "ลุง วันนี้แป้งทอดไข่หมดแล้ว พรุ่งนี้กลับมาใหม่นะ!"
ชายคนนี้เป็ผู้ดูแลบ้านของสมาชิกระดับสูงของเมือง เขาไม่อ้อมค้อม และพูดตรงๆ "แม่หนู เ้านายของข้าชอบแป้งทอดไข่นี้มาก ข้าสงสัยว่าสูตรขายเท่าไร?” เขาลองเอาให้เ้านายกิน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเ้านายจะติดใจทันทีที่กิน กินติดกันสามชิ้นถึงจะหยุดได้
เมื่อรู้ว่าซื้อมาจากร้านเล็กๆ ข้างนอกก็ขอให้เขาซื้อสูตรไปให้แม่ครัวที่บ้านทำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลี่ชิงหลิงก็จมลง แต่สีหน้าของเด็กสาวไม่เปลี่ยนแปลง นางกล่าวอย่างขอโทษ "ท่านลุง ข้าขอโทษนะ แต่นี่เป็สูตรของตระกูล ขายไม่ได้หรอก" เมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายแย่ลง นางก็รีบพูด "แต่ข้าสามารถไปสอนได้" ซึ่งก็นับว่าไร้ทางเลือก นางกลัวว่าหากไม่ตกลง ชายคนนี้อาจไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ
นางและหลิวจือโม่เป็คนตัวเล็กตัวน้อย แข่งกับคนอื่นไม่ไหว ทำได้เพียงประนีประนอม
พ่อบ้านฟางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
หลี่ชิงหลิงยิ้ม สบตากับหลิวจือโม่ หันกลับมาและรีบเก็บข้าวของ สะพายบนหลังและเดินตามพ่อบ้านฟางไป
"ท่านลุงอยู่จวนไหนหรือเ้าคะ” หลี่ชิงหลิงมองพ่อบ้านฟางอย่างสงสัย เริ่มระแวดระวังขึ้นมาเล็กน้อย
พ่อบ้านฟางมองหลี่ชิงหลิงและรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง ดังนั้นเขาจึงบอกตรงๆ ว่าเป็ของครอบครัวของขุนนางฟาง
ขุนนางฟาง?
หลี่ชิงหลิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย นางได้รู้มาจากป้าจางว่าขุนนางฟางมีชื่อเสียงไม่เลว พวกเขาจะแจกโจ๊กและเสื้อผ้าให้กับคนจนทุกปี
หลังจากที่นางสอนคนทำอาหาร แล้วบอกว่าห้ามแพร่ต่อก็คงไม่เป็ไรใช่ไหมนะ?
หลิวจือโม่ยื่นมือออกและบีบมือของหลี่ชิงหลิงเบาๆ บอกเด็กสาวว่าไม่ต้องกลัว เพราะเขาอยู่ตรงนี้
หลี่ชิงหลิงหันไปมอง ขยิบตาให้และหัวเราะ เป็การบอกว่าตนไม่กลัว
เมื่อเห็นนางผ่อนคลายจริงๆ เขาจึงไม่กังวลมากนัก
ทั้งสองเดินตามพ่อบ้านฟางไปจนถึงจวนอย่างเงียบๆ พวกเขามองตรงไปข้างหน้าโดยตลอด ไม่มีล่อกแล่กแลซ้ายมองขวา
พ่อบ้านฟางพยักหน้าในใจ พฤติกรรมของเด็กสองคนนี้ไม่เหมือนเด็กบ้านนอกเลย สุขุมจริงๆ
แค่ส่วนนี้ก็ทำให้พ่อบ้านฟางมีความประทับใจที่ดีต่อพวกเขาแล้ว
เมื่อพวกเขาไปถึงห้องครัว พ่อบ้านฟางก็สั่งคนทำขนมให้มาเรียนรู้วิธีทำแป้งทอดไข่จากหลี่ชิงหลิง
แม่ครัวพยักหน้า นางไม่ได้ดูถูกหลี่ชิงหลิง แต่ถามหลี่ชิงหลิงอย่างสุภาพว่าต้องทำอย่างไร
่นี้เ้านายไม่อยากอาหารนัก ห้องครัวทำอาหารรสเลิศออกมามากมาย แต่ก็ยังกินไม่ลง ทุกคนเป็กังวลมาก
หลี่ชิงหลิงยิ้มให้กับแม่ครัว หยิบแม่พิมพ์ออกมา พลางทำพลางอธิบาย
แป้งทอดไข่ทำไม่ยาก แม่ครัวดู ทำตามหนึ่งรอบก็เป็แล้ว
เมื่อเอาไปให้เ้านายกิน เ้านายก็พอใจมาก
หลังจากได้ยิน หลี่ชิงหลิงก็รู้สึกโล่งใจ นางปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก กำลังจะเก็บข้าวของและจากไป
แต่พ่อบ้านมาอีกครั้ง เขาขอให้หลี่ชิงหลิงทิ้งแม่พิมพ์ไว้ ให้นางไปทำอันใหม่
หลี่ชิงหลิงจะพูดอะไรได้? ก็ได้แต่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
พ่อบ้านฟางยิ้ม และส่งถุงเงินให้หลี่ชิงหลิง
"ไม่... ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ท่านลุง” หลี่ชิงหลิงโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่พ่อบ้านฟางจะได้พูดอะไรก็รีบพูดต่อว่า "ท่านลุง ข้ายัง้าหาเงินกับแป้งทอดไข่นี้ ดังนั้น… "
พ่อบ้านฟางเป็คนมีไหวพริบ แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าหลี่ชิงหลิงหมายถึงอะไร เขาพยักหน้าและสัญญากับนางว่าสูตรนี้จะไม่ถูกส่งต่อไปยังโลกภายนอก
หลังจากพูดจบ เขาก็ยัดถุงเงินให้หลี่ชิงหลิงอีกครั้ง "รางวัลจากนายท่าน รับไว้เถอะ!"
ครั้งนี้หลี่ชิงหลิงไม่ปฏิเสธอีก นางหัวเราะและรับไว้ “ขอบคุณมากเ้าค่ะ” แม่พิมพ์นางก็ต้องใช้เงิน หากไม่รับอีกคงโง่มาก
พ่อบ้านฟางส่งทั้งสองคนออกจากจวน เมื่อประตูหลังปิดสนิท หลี่ชิงหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางตบหน้าอก พูดกับหลิวจือโม่ด้วยรอยยิ้ม "ข้าไม่อยากมาที่นี่อีกแล้ว" ถ้านางเผลอทำให้คนในบ้านหลังนี้ขุ่นเคือง นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลิวจือโม่จับมือเด็กสาว รู้สึกว่ามือของนางเย็นจนเป็น้ำแข็ง เขาใช้มือนวดเบาๆ จนกลับมาดีขึ้นแล้วจึงปล่อย
เขาเองก็รู้สึกไม่ดีนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาเองก็คนธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถช่วยอะไรนางได้เลย
หลังจากครั้งนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่กว่าเดิมว่าจะต้องประสบความสำเร็จ ไม่ปล่อยให้นางต้องเจอเื่แบบนี้อีกเป็ครั้งที่สอง
"เป็อะไรไป?" เมื่อเห็นว่าเขาเงียบ หลี่ชิงหลิงก็ขมวดคิ้วและถามเขาอย่างเป็ห่วง "พี่ก็ใเหมือนกันหรือ"
เ้าเด็กโง่...
หลิวจือโม่ยื่นมือไปลูบหัวหลี่ชิงหลิง ส่ายหัวเบาๆ สบตานางและพูดอย่างจริงจัง "ต้นฤดูใบไม้ผลิ ส่งชิงเฟิงกับจือเยี่ยนไปสถานศึกษากัน!" เด็กสองคนนี้มีความสามารถ จะรอช้าไม่ได้อีก
เมื่อประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง คนอื่นจะไม่กล้ากลั่นแกล้งครอบครัวของพวกเขาตามอำเภอใจอีก
เขาเคร่งเครียดมาก...
หลี่ชิงหลิงเลิกคิ้วขึ้นและมองเขาอย่างจริงจัง หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น
"พี่อยากไปไหม" จากรายได้ปัจจุบันสามารถส่งไปเรียนได้สามคน อย่างมากนางก็แค่ลำบากอีกหน่อย
สิ้นเสียง หลิวจือโม่ก็ส่ายหัว "ไม่ ให้เ้าตัวน้อยทั้งสองไป!" นางตั้งแผงลอยด้วยตัวเองคงเป็เื่ลำบาก เขาต้องช่วย จะปล่อยให้นางแบกรับภาระครอบครัวเพียงลำพังไม่ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าการส่งเสียจะเป็เื่ยาก แม้ในใจจะอยากไปก็ไม่สามารถพยักหน้าได้
หลี่ชิงหลิงเม้มริมฝีปาก นางรู้ว่าเขาอยากไป แต่ไม่้าเพิ่มภาระให้กับครอบครัว ดังนั้นจึงได้แต่แข็งใจบอกปัด
เด็กสาวจับมือเขาด้วยความลำบากใจและสัญญา "ข้าจะให้พี่ได้เรียนต่อ" เขาฉลาดและมีความรู้มาก ไม่เรียนต่อน่าเสียดายแย่
รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นมุมปาก แค่คำพูดนี้เขาก็พอใจแล้ว
“เ้ามีอะไรอยากได้ไหม?” นางอยากให้เขาไปโรงเรียน เขาเองก็อยากให้นางมีความสุข
หลี่ชิงหลิงเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ความปรารถนาของข้างั้นหรือ ก็คงจะเป็ตั้งใจทำงานหาเงิน เลี้ยงเด็กๆ ในครอบครัว ดูพวกเขาแต่งงานและมีลูก"
เขาขมวดคิ้ว สีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย “ข้ากำลังพูดถึงความปรารถนาของเ้า” แทนที่จะนึกถึงคนในครอบครัวตลอดเวลา คิดเพื่อตัวเองบ้างได้ไหม?
นางมองเขาด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ "นี่คือความปรารถนาของข้า!" ความปรารถนาของนางคือสิ่งนี้ ไม่มีอะไรอื่น
หลิวจือโม่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และเคาะหน้าผากนาง "หลังพวกเขาแต่งงานมีลูกแล้ว เ้าอยากมีชีวิตแบบไหน" บางครั้งนางก็ฉลาดเป็กรด แต่บางครั้งก็ออกจะทึ่มเสียอย่างนั้น
หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือไปลูบหน้าผาก เงยหน้าขึ้นถลึงตา ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงก็ตอบว่า "เป็เ้าของที่ดิน ว่างๆ ก็ไปเที่ยวูเาและแม่น้ำ ข้าว่าใช้ชีวิตแบบนี้เหมือนได้เป็เทพเ้า" นางไม่มีความทะเยอทะยานสูงเหมือนเด็กสาวที่ทะลุมิติคนอื่น แค่อยากจะกินอิ่มนอนหลับ ปลอดภัยในทุกๆ วัน
หลิวจือโม่พยักหน้า เขาจำคำพูดนี้ไว้ในใจ ไม่ว่าในอนาคตจะต้องเดินไกลแค่ไหน เขาก็จะทำให้ความปรารถนาของนางเป็จริง
หลี่ชิงหลิงแอบถอนหายใจเงียบๆ สงสัยว่าจะมีชีวิตแบบนั้นในชีวิตนี้ได้หรือไม่?
คิดเกี่ยวกับอนาคตก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้ชีวิตให้ดีในปัจจุบัน
"ไปกันเถอะ ทำแม่พิมพ์ก่อน ถ้าไม่มีแม่พิมพ์ พรุ่งนี้เราเปิดร้านไม่ได้" หลี่ชิงหลิงส่ายหัว และยิ้มในแง่ดี
"ข้ากะน้ำหนักถุงเงินที่พ่อบ้านฟางให้เมื่อกี้ หนักใช้ได้เลย น่าจะมีเงินไม่น้อย” นางอยากจะหยิบมันออกมาดูจริงๆ แต่ก็ทนไหว จะอวดเงินไปทั่วไม่ได้ ควรกลับไปดูที่บ้าน!
เมื่อมองดูใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กสาว หลิวจือโม่ก็ผ่อนคลายเช่นกัน เขาชอบนิสัยแบบนี้ของนาง ไม่ย่อท้อ เหมือนกับไม่ว่าจะเจอเื่ใหญ่แค่ไหนก็จะสามารถยืนหยัดผ่านมันไปได้
“หืม? คิดว่ามีเท่าไร” เขาพูดพร้อมหัวเราะ
หลี่ชิงหลิงยื่นมือแล้วงอสองนิ้วกลับมา "ประมาณนี้..." นางประเมินว่ามีสามสิบตำลึง แค่สอนก็ได้มาเท่านี้ นางรู้สึกว่าได้กำไร
หลิวจือโม่แกล้งเดาไม่ถูก พูดว่าสามตำลึง ซึ่งทำให้นางกลอกตา
"สามตำลึงหรือ พูดมาได้นะ" หลี่ชิงหลิงเข้าใกล้แล้วกระซิบ "ข้าคิดว่าสามสิบตำลึง" ยิ่งนึกถึงนางก็ยิ่งอดใจดูไม่ไหวแล้ว
เขายื่นมือออกไปบีบแก้มของเด็กสาว "เ้าเด็กหน้าเงิน" แต่เขาก็ชอบ "กลับบ้านค่อยดูกัน ข้ารู้ว่าอยากดูแล้ว แต่รีบไปทำแม่พิมพ์ก่อน!"
หลี่ชิงหลิงเม้มริมปากไม่พูดอะไร แต่เดินเร็วขึ้น
ทั้งสองไปที่ร้านช่างตีเหล็กและขอให้นายช่างทำแม่พิมพ์อีก เขาตบหน้าอก บอกว่าจะทำให้อย่างดี มารับในวันพรุ่งนี้ได้เลย
หลี่ชิงหลิงตอบรับ จ่ายค่าแม่พิมพ์ ทั้งสองออกจากร้านมาแล้วตรงไปซื้อของใช้ประจำวัน ก่อนจะสะพายตะกร้ากลับบ้าน
ทันทีที่กลับถึงบ้าน ยังไม่ทันนั่ง ป้าหวงก็มาหา
"เสี่ยวหลิง กลับมาแล้วหรือ ธุรกิจเป็ยังไงบ้าง" ทันทีที่ป้าหวงเข้ามาก็ถามหลี่ชิงหลิงด้วยรอยยิ้ม นางได้เงินจากการเก็บไข่ ทำให้นางรู้สึกขอบคุณหลี่ชิงหลิงมาก
หลี่ชิงหลิงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทักทายป้าหวง ไม่ตอบคำถามของนาง แต่ถามว่าได้ไข่มาบ้างไหม?
นางรู้ว่าป้าหวงมาที่นี่เพื่อเื่นี้
ป้าหวงโดนหลี่ชิงหลิงถามแล้วลืมคำถามของตน นางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "ได้แล้ว เ้าจะไปเอาตอนไหนล่ะ?"
