จ้าวอี้กำลังครุ่นคิด
เขาย้อนคิดถึงหลังได้รับภารกิจนี้มา และการกระทำทุกอย่างของเหล่าโจว
มันเป็เื่เร่งด่วนจริงๆ พูดได้เลยว่า เราเริ่มออกเดินทางทันทีเมื่อได้รับข่าว
เขาได้รับแค่เวลาออกเดินทางจากเหล่าโจว ซึ่งเหล่าโจวไม่น่าจะโกหกแน่ เพราะเขาต้องรับคำสั่งจากเบื้องบนที่เลือกเวลาออกเดินทางให้
หลังมาถึงบ้านตระกูลหลี่ที่ฮ่องกงก็มีคนมาคอยต้อนรับ จากนั้น จ้าวอี้ก็ได้พักผ่อนเล็กน้อยประมาณครึ่งชั่วโมง พอเสร็จพวกเขาก็ออกเดินทาง ในตอนนี้เองที่เหล่าโจวเปลี่ยนเป็ชุดนักพรตที่ดูทางการ สง่างามอย่างมาก ซึ่งมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
คนที่ออกเดินทางมีทั้งหมดสี่คน พ่อบ้านตระกูลหลี่และชายชุดคลุมยาวแปลกหน้าที่น่าจะเป็เพื่อนร่วมอาชีพของเหล่าโจว ซึ่งสามารถตัดสินได้จากคำพูด
หลังจากกำหนดสถานที่ได้แล้ว พวกเขาก็ถูกลอบยิงระหว่างทางลงเขา
การโจมตีนั้นแม่นยำ
นี่เป็การคาดการณ์ของจ้าวอี้
มือสังหารซุ่มโจมตีระหว่างทางที่พวกเขาต้องเดินลงเขา ถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมที่ฝึกฝนมานานในสนามรบ จ้าวอี้คิดว่าอาจเกิดการาเ็ล้มตายขึ้นมาก็ได้
ดูจากวิถีะุแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือเหล่าโจว
เหล่าโจวเคยผิดใจกับใครด้วยหรือ?
จ้าวอี้กลับไม่แน่ใจ
เขาคิดว่าถ้ามีเื่แบบนี้อยู่จริง เกรงว่าไม่น่าจะใช่คนจากแผ่นดินใหญ่ เพราะดูจากเวลาแล้ว คงไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเขาได้อย่างแม่นยำหรอก?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็ไปไม่ได้
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ามือสังหารต้องมาจากฮ่องกงเป็แน่ และแหล่งข้อมูลของเขามาจากบ้านตระกูลหลี่อย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่ ทำไมต้องลอบสังหารเหล่าโจวด้วย จ้าวอี้ไม่เข้าใจ
ความแค้นของเพื่อนร่วมอาชีพงั้นเหรอ?
จ้าวอี้คิดว่าไม่น่าเป็ไปได้ เพราะชายผู้ร่วมทางชุดคลุมยาวคนนี้ใอย่างเห็นได้ชัด หากเขาเคยผ่านประสบการณ์การลอบสังหารแบบนี้มาด้วยตนเอง ถ้าไม่มีประสบการณ์พิเศษ คนทั่วไปคงไม่อยากัักับประสบการณ์เช่นนี้แน่นอน
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
ระหว่างนั้นมีเ้าหน้าที่ตำรวจเอาอาหารเย็นมาให้
อาหารเย็นเรียบง่าย จ้าวอี้ไม่ได้กิน
เขาคิดว่าตนควรจะระวังตัวเอาไว้ให้มาก ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่ชัด ระวังไว้จึงจะมีชีวิตยืนยาว
“คุณจ้าว มีสายถึงคุณ”
โทรศัพท์ที่ถูกตำรวจเก็บไว้ชั่วคราว มีสายของเซี่ยตันโทรเข้ามา
“จ้าวอี้ นายฟังฉันนะ นายเป็ถูกปล่อยตัวแล้ว แต่นายต้องรับผิดชอบในการสืบสวนคดีนี้ และทำงานร่วมกับตำรวจฮ่องกง”
คำพูดของเซี่ยตันทำให้จ้าวอี้ขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้ไขคดีเก่งขนาดนั้นนะครับ ผมคิดว่ามีความเป็ไปได้สูงที่เหล่าโจวจะถูกใส่ร้าย...”
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ เซี่ยตันก็เอ่ยขัดจังหวะ “คนในแผนกของเราก็ไม่เชื่อว่าเหล่าโจวจะฆ่าคนเหมือนกัน แต่สถานการณ์ทางฮ่องกงมันพิเศษมาก พวกเราพยายามให้นายเข้าร่วมการสืบสวนด้วยได้ก็ถือว่าสุดความสามารถแล้ว”
“ผมคิดว่าให้คุณมาน่าจะดีกว่า”
จ้าวอี้ไม่ได้คิดจะหลีกเลี่ยง แต่ในด้านการไขคดีแล้ว เซี่ยตันเชี่ยวชาญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันไปไม่ได้เพราะเบื้องบนศึกษาข้อมูลของพวกเราอยู่ บอกว่าความสัมพันธ์ของเรากับเหล่าโจวใกล้ชิดกันเกินไป มีแค่นายที่เพิ่งเข้ามาที่แผนกนี่ก็เจอเื่นี้เลย นายเป็คนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว อีกทั้งถ้านายมีปัญหาอะไร พวกเราก็จะเป็กำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของนาย จ้าวอี้ ต้องหาฆาตกรตัวจริงให้ได้ สถานการณ์ของเหล่าโจวไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะตอนที่พวกนายอยู่บนเครื่องบิน มีการโอนเงินจำนวนมากเข้ามาในบัญชีของเขา สิ่งนี้หมายความว่าอะไร ฉันไม่พูดนายก็เข้าใจใช่ไหม?”
ข้อมูลนี้ทำให้ใจของจ้าวอี้กระตุกวูบในทันที ใครเป็คนโอนเงินมา? ทำไมถึงโอนมันมาให้เขา? เซี่ยตันใช้คำว่าเงินจำนวนมากมาอธิบายถึงมัน เห็นได้ชัดว่าเงินก้อนนี้ไม่น้อยเลย อีกทั้งยังเป็การโอนเงินล่วงหน้าตอนที่พวกเขาอยู่บนเครื่องบิน เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนไว้ก่อนแล้ว
ถ้าฆาตกรตัวจริงไม่ใช่เหล่าโจว สถานการณ์ปัจจุบันของเหล่าโจวก็แย่กว่าที่คิด
“คุณพอจะหาได้ไหมว่าใครเป็คนโอนเงินมา?”
“เกรงว่าจะเป็เื่ยาก แหล่งที่มาเป็บัญชีนิรนามจากสวิต พวกเราจะพยายามค้นหาอย่างสุดความสามารถ ส่วนเบาะแสอื่นๆ นายต้องพยายามเอาเอง”
เซี่ยตันพูดถึงตรงนี้ เธอก็วางสาย
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคุณจ้าว ผมคือหัวหน้าหน่วยตรวจการของฮ่องกงเขตใต้ ฉือผิงฮุย ข้อสงสัยของคุณถูกลบล้างแล้ว ตามคำขอของผบ. แผนกสืบสวนคดีพิเศษจะถูกจัดตั้งขึ้น พวกเราสองคนเป็ผู้ช่วย รับคำสั่งจากผบ.โดยตรง ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ”
หัวหน้าหน่วยตรวจการฉือผิงฮุยเอ่ยต้อนรับ จับมือจ้าวอี้แล้วเขย่าไม่หยุด แต่ใบหน้ากลับไม่มีรอยยิ้มอยู่เลย
“ผมพบเหล่าโจวได้ไหม? แล้วปืนของผมล่ะ”
จ้าวอี้รู้อยู่แก่ใจ คนตรงหน้าถูกเบื้องบนบังคับให้ร่วมงานกับเขา
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นอกจากนี้ แฟ้มคดีจัดการไปหมดเรียบร้อยแล้ว คดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันง่ายจะตาย เพียงแต่เพื่อนร่วมงานของคุณไม่เปิดเผยผู้ที่อยู่เื้ั ชวนให้คนปวดหัวจริงๆ คงต้องให้คุณช่วยจัดการแล้ว”
ฉือผิงฮุยยื่นปืนให้จ้าวอี้ รวมถึงแฟ้มคดีด้วย
จ้าวอี้ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของเขาในทันที เขารับปืนและแฟ้มคดีมา จากนั้นก็เดินไปทางห้องสอบปากคำพร้อมกับฉือผิงฮุย
สภาพของเหล่าโจวตอนนี้ค่อนข้างอ่อนล้า ไฟฉายแรงสูงที่สว่างอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกเวียนหัว
“โจวเหวินิ คุณจะบอกหรือไม่? ผู้ที่อยู่เื้ัคุณเป็ใครกันแน่? ทำไมเขาต้องถึงวางยาหลี่ตาเฮิงด้วย! บอกมา!”
ผู้สอบปากคำอายุน้อยทุบโต๊ะอย่างแรง สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงรอยยิ้มขื่นของเหล่าโจวเท่านั้น
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ฉัน ฉันจะทำอย่างนั้นไปทำไม?”
“งั้นคุณจะอธิบายขวดยาเล็กๆ ที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางคุณยังไง?”
"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เคยเห็นของชิ้นนั้นมาก่อน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีของนั่นั้แ่เมื่อไร!"
“นั่นเป็สิ่งที่เพื่อนร่วมงานของคุณพกไว้หรือเปล่า? คุณเคยสังเกตเขาบ้างไหม?”
“อะแฮ่มๆ...”
ฉือผิงฮุยที่เดิมทีฟังกำลังการสอบปากคำโดยไม่พูดไม่จา หลังจากได้ยินเื่นี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอสองที
บทสนทนาเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ถามซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง ความตั้งใจแรกคือ้าผลักจ้าวอี้ให้จมไปในโคลน เหตุผลนั้นง่ายมาก พวกเขาเสียหน้าตอนที่อยู่บ้านตระกูลหลี่ จะทำอย่างไรเพื่อจะกู้หน้ากลับมาล่ะ แต่ตอนนี้เป็ที่แน่ชัดแล้วว่าใช้วิธีนี้ไม่ได้อีกต่อไป
ผู้บัญชาการอี้เกอสั่งการด้วยตนเองให้ตัดจ้าวอี้ออกจากการเป็ผู้ต้องสงสัย และให้เขาเข้าร่วมการสืบสวนคดีด้วย มองจากภายนอกเขาอยู่ระดับเดียวกับตน เป็ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสืบสวนคดีพิเศษ แต่เพราะข้อดีของการเป็คนในพื้นที่ เขาจึงสามารถกดหัวจ้าวอี้ไว้ได้
ความลับเช่นนี้ไม่เพียงพอที่จะเปิดเผยออกไป
ฉือผิงฮุยโบกมือให้ผู้สอบปากคำคนนี้ออกไป จากนั้นก็นั่งลงอย่างองอาจ จ้าวอี้นั่งลงข้างๆ เขาอย่างไม่เกรงใจ
“จ้าวอี้ ไม่ใช่ฉันนะ นายต้องเชื่อฉันนะ”
ตอนนี้เอง เหล่าโจวเพิ่งพบว่ามีการเปลี่ยนคน เมื่อเห็นว่าเป็จ้าวอี้ เขาจึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“นั่งลงซะ โจวเหวินิ! คุณก็เป็เพื่อนร่วมงานของเราเช่นกัน พวกเราควรให้ความสนใจกับหลักฐานเป็หลัก นโยบายของเราที่อยากบอกคุณก็คือ พวกเราไม่มีทางใส่ร้ายคุณแน่นอน” ฉือผิงฮุยตบโต๊ะ จ้าวอี้พยักหน้าให้เหล่าโจว
“เราพบขวดยาในกระเป๋าเดินทาง คุณไม่ได้รับสารภาพว่ามันเป็คุณใช่ไหม?”
จ้าวอี้ถาม
“ใช่แล้ว มันไม่ใช่ของฉันั้แ่แรก”
เหล่าโจวพูดอย่างแน่วแน่ เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมมากกว่าโต้วเอ๋อ1เสียอีก
“หัวหน้าหน่วยฉือ บนขวดยาที่พวกคุณพบมีรอยนิ้วมือเขาหรือเปล่าครับ?” จ้าวอี้หันหน้าไปถามฉือผิงฮุย
“นี่...”
ฉือผิงฮุยชะงัก จากนั้นจึงคิด “ไม่มี นอกขวดสะอาดมาก ไม่มีร่องรอยอะไรอยู่เลย...”
สิ่งแรกที่ต้องทำหลังได้ขวดยามาคือนำไปตรวจสอบเป็ธรรมดา ผลการตรวจสอบออกมาแล้ว มันตรงกับยาที่ใช้ฆ่าหลี่ต้าเฮิง แต่บนขวดไม่มีรอยนิ้วมือของเหล่าโจวอยู่เลย
“ถ้าไม่มีรอยนิ้วมือ แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าเป็เหล่าโจว?”
จ้าวอี้ถามกลับ เหล่าโจวพยักหน้าซ้ำๆ “ใช่ๆ ฉันไม่เคยแตะขวดยานั่นมาก่อนเลยนะ จะเป็ของของฉันไปได้ยังไง?”
"คุณเป็เพื่อนกัน เพราะงั้นจึงให้ความสนใจเื่รอยนิ้วมือ ตามหลักแล้ว ถ้าไม่มีรอยนิ้วมือ นั่นก็แปลว่าคุณระวังตัวอย่างมาก"
ฉือผิงฮุยอธิบายอย่างไม่เกรงใจว่าเขาได้พิจารณาปัญหานี้มาแล้ว สมมุติว่าถ้าเขาจะก่อคดีขึ้นมาล่ะก็ เขาจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้แน่นอน
“ใช่แล้ว ไม่แปลกใจเท่าไรที่คนที่มีสามัญสำนึกจะนำเื่นี้มาพิจารณาในตอนนี้ แต่ผมคิดว่าถ้าฆาตกรเป็เขาจริงๆ งั้นพวกคุณพบถุงมือหรือบางอย่างที่คล้ายกันซึ่งสามารถลบรอยนิ้วมือเจอหรือยังล่ะ?”
จ้าวอี้มั่นใจอย่างมาก เขาคิดถึงปัญหานี้
“ไม่ใช่ว่าเขากำจัดถุงมือหรือของบางอย่างไปแล้วหรอกหรือ?” ฉือผิงฮุยคิดและเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
“บ้านตระกูลหลี่มีคนอยู่ตั้งเยอะ ตอนที่ผมกับเขาแยกกันก็เป็แค่เวลาสั้นๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง ผมคิดว่าเหล่าโจวน่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วยตลอด ใน่นี้มีตอนที่คุณอยู่คนเดียวไหมครับ?”
จ้าวอี้จำได้ว่ามีคนงานในบ้านตระกูลหลี่จำนวนมาก ตอนที่พวกเขามาถึง มีคนที่ได้รับคำสั่งตามมาด้วย มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเวลาปลีกตัวออกมา
เหล่าโจวครุ่นคิดอย่างละเอียด “มีนะ หลังพบหลี่ต้าเฮิง ฉันก็ไปห้องน้ำรอบหนึ่ง...”
เขายังพูดไม่จบ ฉือผิงฮุยก็หัวเราะลั่น “แล้วคุณจะอธิบายเื่นี้ยังไง? กำจัดหลักฐานไปแล้วล่ะสิ?”
เขารู้อยู่แก่ใจว่าเื่แบบนี้ไม่อาจรอการสืบสวนได้ ถึงแม้จะปิดบังแต่มันก็ไร้ความหมาย และยิ่งมั่นใจในการคาดการณ์ของตนมากขึ้นไปอีก
"ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนที่ผมพบหลี่ต้าเฮิงก็มีหลานของเขาอยู่ด้วยตลอด ผมจะลงมือขณะที่อยู่ในสายตาของเขาได้ยังไง?" เหล่าโจวร้อนรน ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่ฉือผิงฮุย เขาคิดว่าตนกับคนตรงหน้าไม่มีความแค้นเคืองอะไรกันมาก่อน ทำไมเขาถึงไม่ปล่อยตนไปสักที?
"พวกเรายังต้องตรวจสอบจุดนี้ ดังนั้น คุณจะอธิบายเื่ที่มีใครบางคนโอนเงินจำนวนมากเข้าบัญชีของคุณขณะที่คุณอยู่บนเครื่องบินยังไงล่ะ? ในความคิดของผม ต้องเป็คุณกับใครอีกคนที่ลอบสังหารหลี่ต้าเฮิงจนตายแน่ๆ ส่วนเงินก้อนนี้เป็ค่ามัดจำ! ส่วนการลอบสังหารคุณที่สุสานน่ะ มันก็แค่คู่หูของคุณคิดจะกำจัดคุณยังไงล่ะ! ผมแนะนำให้คุณยอมเป็พยานเสียตอนนี้ และชี้ตัวผู้ที่อยู่เื้ัคุณดีกว่า เป็ทางออกเดียวของคุณแล้ว!"
ฉือผิงฮุยพูดจบในลมหายใจเดียว เขาจ้องไปที่โจวเหวินิอย่างไม่อ่อนข้อ
"ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็โอนเงินให้ฉัน?"
ใบหน้าเหล่าโจวเต็มไปด้วยความอับจนหนทาง มองอย่างไรคดีนี้ก็เหมือนว่าเขาเป็คนทำ
"สอบสวนเท่านี้ก่อนเถอะ พวกเราออกไปปรึกษากันเื่คดีสักหน่อยไหม?" จ้าวอี้รู้สึกได้ว่า หากสอบปากคำต่อไปก็คงไม่มีความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติม
ฉือผิงฮุยไม่มีทางเลือก ทั้งสองคนกลับมาถึงสำนักงาน
"หัวหน้าหน่วยฉือ มีความเป็ไปได้ที่จะจับมือสังหารที่โจมตีพวกเราไหม?" จ้าวอี้ตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางการไขคดี ในใจของเขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับเหล่าโจวไม่ค่อยมากนัก
"เกรงว่าจะยาก เบาะแสของสไนเปอร์ไรเฟิล SVD มีไม่มาก ทำได้เพียงไปหาจากตลาดมืด มันต้องใช้เวลาเพราะปืนชนิดนี้ไม่ใช่ของหายาก จากร่องรอยการหลบหนีของมือสังหาร ผมคิดว่ามันน่าจะใช้มอเตอร์ไซค์ ระบุรุ่นที่เฉพาะเจาะจงไม่ได้ คิดว่ายังต้องใช้เวลาในการสืบอีกสักพัก ผมหวังว่ามันจะไม่นาน มาลองดูดีกว่าว่ามีกล้องวงจรปิดแถวนั้นจับภาพของเขาได้บ้างไหม...ตอนนี้ยังมีเบาะแสที่เป็ประโยชน์ไม่มากนัก"
ฉือผิงฮุยแบ่งปันข้อมูลกับจ้าวอี้
"ใครเป็คนพบศพหลี่ต้าเฮิงเป็คนแรกเหรอครับ?"
จ้าวอี้นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าในคดีแรกที่เขาปิดไป ฆาตกรคือหรงลี่ ซึ่งเป็ผู้พบศพพอดี เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
"เป็หลานชายและลูกสาวของเขาที่มาพบพร้อมกัน ถ้าคุณคิดว่าเป็พวกเขา นั่นไม่มีทางเป็ไปได้! ตามที่คนใช้ของบ้านตระกูลหลี่บอก พวกเขาสองคนเพิ่งเข้าไปก็พบว่าหลี่ต้าเฮิงเสียชีวิตแล้ว พวกเขาไม่มีเวลาก่อคดีได้หรอก"
ปฏิกิริยาตอบสนองของฉือผิงฮุยฉับไว เขาเข้าใจความหมายของจ้าวอี้ทันที
"ดังนั้นผมถึงมั่นใจว่าอาจเป็เพื่อนร่วมงานของคุณ เพราะก่อนหน้านั้นไม่มีใครเข้าไปเลย แถมหน้าประตูห้องผู้ป่วยของหลี่ต้าเฮิงก็มีบอดี้การ์ดคุ้มกันอยู่ตลอด"
นี่จึงเป็เหตุผลหลักที่ทำให้ฉือผิงเฮิงเชื่อว่าเป็เหล่าโจว!
-----------------------------
1 ตัวละครในบทละครจีนเื่หนึ่งที่ถูกใส่ร้ายจนถึงแก่ความตาย