เฮ่อเหวินฮ่องเต้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง นี่สินะที่โบราณได้กล่าวเอาไว้ว่า มีบิดาเป็พยัคฆ์มีหรือที่บุตรจะออกมาเป็สุนัข เ้าเด็กนี่ทันเขาไปเสียทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าเขามีเหตุผลที่เรียกเขาเข้าพบในวันนี้
“เ้าไม่คิดบ้างหรือว่าเราที่เป็บิดาของเ้า จะ้าพูดคุยกับบุตรชายที่หายตัวไปหลายปีเช่นเ้า”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนส่ายหน้า ก่อนยกยิ้มด้วยท่าทางเ้าเล่ห์
“พระองค์เป็บิดา แต่มิใช่ในเวลาทรงงาน หากพระองค์้าทำหน้าที่ของตนเหตุใดต้องมาคุยในที่ลับเช่นนี้ด้วย บอกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ ว่าฝ่าา้าสิ่งใดจากกระหม่อม”
เฮ่อเหวินฮ่องเต้ส่งเสียงหัวเราหึ!หึ! อย่างพอใจ เ้าลูกพยัคฆ์นี่น่าสนใจเสียจริง
“ได้ เช่นนั้นเราก็จะพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เฮ่อเหวินจิ่งเหยียน เรา้าให้เ้าเป็ผู้ที่คอยผลักดันและอยู่เื้ัของพี่ชายของเ้า ได้หรือไม่ เราได้รับรายงานมาแล้วว่าครั้งที่เ้าอยู่ที่แคว้นจ้าว ที่นั่นเ้าทำได้ดีเพียงใด วันงานเปิดตัวเราได้ประจักษ์ถึงความเฉลียวฉลาดและสุขุมเยือกเย็นของเ้าแล้ว หากไม่ต้องประสบกับเื่เลวร้ายไปเสียก่อน เ้าคงจะขึ้นสู่ที่สูงด้วยความสามารถของตนเองได้ไม่ยากเย็น เราอยากจะขอให้เ้าใช้ความสามารถนั้นเพื่อแคว้นจิ้นได้ไหม เ้าลูกชาย ในอนาคตหากพ่อของเ้าจากไป พ่อจะได้วางใจว่ายังมีเ้าคอยช่วยเหลือเขาอยู่”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนพอจะคาดเดาเอาไว้อย่างคร่าวๆ ในใจ เกี่ยวกับสิ่งที่ฮ่องเต้้าจะพูดกับตน แต่ไม่คิดว่าพระองค์จะคาดหวังในตัวเขามากมายเพียงนี้ ชายหนุ่มวางจอกชาลงแ่เบาก่อนที่จะจ้องตากับบิดาผู้ให้กำเนิด “กระหม่อมคิดว่าพระองค์จะมาขอร้องให้ขึ้นนั่งบัลลังก์เสียอีก น่าเสียดายจริงๆ”
หลังจากเอ่ยหยั่งเชิงออกไป เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนก็ลอบสังเกตท่าทีของผู้เป็บิดา แต่ก็ไม่สามารถจับอาการผิดปกติใดๆ ได้จากพระองค์ ดูท่าทางฝีมือของเขาจะตกลงไปไม่น้อย
“เ้า้าบัลลังก์นี้อย่างนั้นหรือ นั่นก็มิใช่ว่าจะเป็ไปมิได้ แต่เ้าต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่างเพื่ออำนาจ เ้าพร้อมที่จะสละมันได้หรือไม่” ทันทีที่บิดาผู้ให้กำเนิดเอ่ยจบ ภาพรอยยิ้มของสตรีนางหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนรู้ได้ทันทีว่าบิดาตนกำลังหมายถึงสิ่งใด แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมเสียนางไปเป็แน่
“เฮ่อ!! คุยกับท่านไม่สนุกเลยสักนิด ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับปากว่าจะคอยช่วยองค์รัชทายาทอย่างสุดความสามารถ แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นได้พระองค์จะต้องทรงทำให้ความปรารถนาของกระหม่อมให้เป็ความจริงเสียก่อน”
แล้วสองพ่อลูกที่ทันกันก็ตกลงกันอย่างลับๆ โดยที่เื่ทั้งหมดนี้ต้องถูกเก็บเป็ความลับ เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนยังได้รับตราสำหรับสั่งการองครักษ์ลับมาอีกสองร้อยนายเพื่อเอาไว้ใช้งาน หลังจากวันนั้นคนทั้งสองเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็แสดงละครว่าเป็พ่อลูกผูกพัน แต่เมื่ออยู่ตามลำพังพวกเขาเป็ดั่งคู่หูและเพื่อนร่วมงาน
“ข้ามีเื่บางอย่างให้เ้าไปตามสืบ”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีภาพของชายหนุ่มที่อายุราวสามสิบกว่าปีให้เขา เป็คนที่เขาเห็นในงานเลี้ยงวันเปิดตัว แม้ตัวเขาที่ดูเหมือนจะสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ประสาทััของเขามันบอกว่ามีคนสองคนกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยเจตนาที่ไม่ดีอยู่
“ไปสืบมาว่าเขาเป็ใคร สืบให้ลึกลงไปถึงชีวิตในวัยเด็กได้ยิ่งดี อีกคนคือคนผู้นี้”
ภาพนางกำนัลเฒ่าที่อยู่ข้างกายของเซี่ยฮองเฮา ความจริงนางก็ดูเหมือนมามารับใช้ทั่วไป แต่ดวงตาของนางที่จ้องมายังเขานั้นมันให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด เพราะนางอยู่ข้างกายของเสด็จแม่เขาถึงได้รู้สึกไม่วางใจ
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ลับในชุดสีดำปกปิดใบหน้าที่ปรากฏกายต่อหน้าเขาราวกับภูตผี รับกระดาษสองแผ่นไปจากนั้นจึงทะยานหายไปราวกับมิเคยออกมายืนต่อหน้าเขาเลย เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีเพียงความมืดมิด ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ วันต่อมารายงานสามแผ่นถูกวางเอาไว้ในห้องหนังสือของเขา หลังจากที่เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนอ่านจบเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
มู่จื้อหยวนบุตรชายบุญธรรมตระกูลมู่เขาถูกรับเลี้ยงในตอนอายุแปดขวบจากตระกูลบัณฑิตธรรมดา แต่เื่ที่น่าสนใจคือมู่จื้อหยวนคือเฮ่อเหวินชิง บุตรชายบุญธรรมขององค์ชายใหญ่ผู้ที่เคยทำการก่อฏเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เพราะเหตุการณ์นั้นทำให้เขาและครอบครัวต้องพลัดพรากจากกันเป็เวลานานหลายปี คนผู้นี้น่าสงสัยเกินไป แม้จะถูกส่งออกไปอยู่ในที่ห่างไกลจากเมืองหลวงแต่กลับลำบากดั้นด้นเพื่อให้ได้กลับมา
ก่อนสอบขุนนางจะต้องมีการสอบซักประวัติย้อนกลับไปถึงบรรพบุรุษสามรุ่น แล้วทำไมเขาถึงได้สอบผ่านจนได้เป็ขุนนาง หรือมีใครอยู่เื้ัเพื่อคอยช่วยเหลือเขาอยู่ ดูท่าทางคงจะต้องสืบให้ลงลึกลงไปมากกว่านี้ ต่อให้เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่กันเอาไว้ก่อนดีกว่า
“จับตาดูมู่จื้อหยวนเอาไว้ ให้คนสืบหาครอบครัวเดิมของเขาก่อนที่จะถูกองค์ชายใหญ่รับเลี้ยง”
ความกังวลของเฮ่อเหวินจิ่งเหยียนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้อ่านรายงานเกี่ยวกับนางกำนัลข้างกายเซี่ยฮองเฮา ทั้งที่นางรู้อยู่แล้วว่ามู่จื้อหยวนเคยเป็บุตรบุญธรรมขององค์ชายใหญ่ แล้วเหตุใดถึงได้เข้าไปพัวพันติดต่อกับเด็กคนนั้นถึงยี่สิบปี นางมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำเช่นนั้น แล้วเื่นี้เสด็จแม่รู้หรือไม่ เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนได้นำเื่นี้ไปหารือกับเฮ่อเหวินฮ่องเต้ผู้เป็บิดา หลังจากที่ได้อ่านรายงานของเขาเฮ่อเหวินฮ่องเต้ก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน นางกำนัลผู้นี้อยู่ข้างกายภรรยาตนั้แ่ยังมิได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ ความจริงแล้วที่มาที่ไปของนางนั้นยังเป็ปริศนา แต่เห็นว่านางอยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปีั้แ่ที่องค์รัชทายาทยังไม่เกิด จึงไม่เคยคิดสงสัยในตัวนางเลยสักครั้ง
“ฝ่าา มิใช่ว่าก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทเดินทางไปยังแคว้นจ้าวอย่างลับๆ มิใช่หรือ เหตุใดตลอดทางถึงได้มีมือสังหารโผล่ออกมาไม่หยุด เื่นี้มันไม่ดูน่าสงสัยไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ บางทีคงมีหนอนที่คอยแฝงตัวอยู่จึงทำให้รู้ความเคลื่อนไหวภายในได้เป็อย่างดี”
เฮ่อเหวินฮ่องเต้ลูบเคราที่ถูกตกแต่งอย่างประณีต แสดงท่าทางครุ่นคิด
“อืม!! เราจะคิดดูเกี่ยวกับเื่ก็แล้วกัน เ้ากลับไปก่อนเถิด อย่าพึ่งพูดเื่นี้กับเสด็จแม่ของเ้าก่อนที่จะมีหลักฐานมายืนยัน ระวังตัวด้วย ในเมื่อมือมืดที่อยู่เื้ัยังมิได้แสดงตนออกมา เ้าเองก็คงจะกลายเป็หนึ่งในเป้าหมายอย่างแน่นอน”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับ
“กระหม่อมจะระวังพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา”