นาเซียถูกบรรดาสาวใช้ของตระกูลแต่งตัวให้ราวเกือบสองชั่วโมง เธอไม่คิดว่างานเลี้ยงฉลองเฉลิมพระชนมรัชทายาทแคลบอร์นจะยาวนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนด้วยกัน นาเซียที่เพิ่งจะเกิดเื่เธอไม่อยากที่จะไปงาน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเห็นว่างานเต้นรำในราชวังจะน่าตื่นเต้นแค่ไหน แต่เธอเกรงว่าหากต้องสบตาเข้ากับมิกาเอล เธอจะทำสีหน้าอย่างไร หากตามเนื้อเื่เดิมคือนาเซียถูกเหล่าขุนนางไปพบในสภาพที่ไม่น่าดูกลางสวน จนเธออับอายไม่ยอมออกห้องก่อนจะใช้กรรไกรแท่งที่คอตัวเอง แต่ตอนนี้เธอที่ไม่เป็ไปตามเนื้อเื่เดิม นาเซียก็ไม่สามารถที่จะอ้างได้โดยเฉพาะเป็คำสั่งจากราชินีล้วนไม่อาจปฏิเสธได้
“งานเลี้ยงคืนนี้เป็ชุดราตรีจากร้านมิสเจนที่องค์ราชินีสั่งตัดไว้ให้คุณหนูค่ะ” เด็กสาวราวอายุสิบหกยกชุดราตรีสีครีมปักอัญมณีแพรวพราว มันคงจะดีถ้าชุดราตรีดูเรียบดังสีของชุด แต่ดีไซส์กลับไม่เป็อย่างที่คิด ชุดราตรีที่พองโตกับเกาะอกที่ดูแหวกลึกเป็พิเศษ ดูท่าเลดี้สมัยนี้ชื่นชอบการอวดโฉมหน้าอกอวบอิ่มของพวกเธอ ดีไซน์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เผยหน้าอกทั้งนั้น แต่ตอนนี้เธอจะเผยโชว์ได้อย่างไร ในเมื่อเนื้อตัวเธอมีแต่รอยจ้ำแดง แม้จะอยู่ในส่วนที่ไม่ชัดเจน แต่หากเป็ชุดที่แหวกลึกขนาดนี้ไม่มีทางที่เธอจะปกปิดมันได้ สาวใช้ได้แต่ยืนเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยใด ๆ ต่อให้เห็นรอยพวกนั้นปรากฏชัดเจนก็ตาม
“เช่นนั้นข้าจะนำชุดมาเปลี่ยนให้คุณหนูใหม่นะคะ” เด็กสาวคนเดิมเธอมีชื่อว่านีร่าเธอเกิด และเติบโตในตระกูลนี้เพราะแม่ของเธอเป็แม่บ้านประจำที่คฤหาสน์ตระกลูดาร์เรล ด้วยความเก่ง และฉลาดแก้ไขสถานการณ์ได้ดีทำให้นาเซียมักจะเรียกใช้เธอเป็สาวใช้ประจำตัว ชุดใหม่ถูกนำมาเปลี่ยนให้กับเธอ มันปิดสูงถึงลำคอ แต่ก็ไม่ได้ดูแน่นตาไปเสียหมด เพราะั้แ่่อกขึ้นไปเป็เพียงผ้าบาง ๆ ที่ออกแบบเฉพาะให้ยกสูงถึงลำคอ แต่เปิดโชว์เรียวแขนที่เรียวสวย ชุดสีเขียวเข้ากับสีแววตาของนาเซีย เธอมองตัวเองในกระจกอดรำพึงรำพันไม่ได้ว่านาเซียผู้นี้ดูสวยราวกับตุ๊กตา นาเซียอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นางเอกอย่างเซลีนแล้วนางจะสวยเพียงใด
ห้องโถงกลางของพระราชวัง เต็มไปด้วยเหล่าบุตรสาว และบุตรชายของขุนนางมากมายเกือบร้อยชีวิต นาเซียพยายามหลบเลี่ยงสายตาที่จะดูโดดเด่นเกินไป แต่ดูท่าจะทำไม่ได้ เพราะทันทีที่เธอก้าวเท้าเข้างานขุนนางผู้ทำหน้าที่ตรวจรายชื่อเข้างานก็ขานชื่อเธอดังเพื่อให้การต้อนรับ จากนั้นก็มีอัศวินคอยประคองให้เธอเดินเข้าไปในงาน นาเซียมองแท่นบัลลังก์ที่มีกษัตริย์แคลบอร์นประทับคู่องค์ราชินี ด้านข้างมีชายหนุ่มใบหน้าคล้ายคลึงกับมิกาเอล เธอเดาได้ทันทีว่าเขาคือลาฟาซ พระเอกของเื่ที่เธอพยายามจะหลีกเลี่ยงที่สุด นาเซียเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขาก่อนย่อตัวลงตามธรรมเนียม
“ถวายพระพรแด่แสงอรุณแห่งแคลบอร์น ถวายพระพรองค์ราชินีผู้โอบล้อมแคล์บอร์น ถวายพระพรแด่อาทิตย์ดวงน้อยแห่งแคลบอร์นเพค่ะ” นาเซียยกยิ้มอย่างภูมิใจ เธอภูมิใจในตัวเองที่ได้ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเื่นี้มาหลายรอบเพราะเธอชอบในความเก่งของนางเอกและความรักของพระเอกนั่นเอง ทำให้เธอจดจำคำเหล่านี้ได้อย่างขึ้นใจ
“มานี่ซินาเซีย” เสียงเรียกจากองค์ราชินีพร้อมกางแขนออกราวรอโอบกอดเธออยู่ นาเซียก้าวเดินเข้าไปพร้อมโน้มตัวลงให้นางได้โอบกอดอย่างเต็มอิ่ม แม้นาเซียจะร้ายกาจแต่นางก็เอาอกเอาใจองค์ราชินีเป็อย่างมาก จนทำให้องค์ราชินีทั้งรักและเอ็นดูเธอ แต่ในความจริงแล้วนาเซียที่รู้ว่าองค์รัชทายาทนั้นเกรงใจองค์ราชินีเพียงใด นาเซียจึงใช้ความเกรงใจนั้นทำให้องค์ราชินีชื่นชอบเธอ
“ลาฟ เ้าพาน้องไปเต้นรำเสียหน่อยซิ เมื่อคืนเ้าก็มิได้พาน้องออกไปเต้นรำ จนนาเซียงอลหายไปเลย” องค์ราชินีที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ได้กล่าวตามที่ตนเห็นเท่านั้น หากแต่แววตาแสนเยือกเย็นที่กำลังจ้องมองมาทางเธอคงกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรต่อจากนั้นกันแน่ เพราะทันทีที่ องค์ราชินีเอ่ยลาฟาซก็รีบเดินตรงมาที่เธอ
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่” ลาฟาซเดินมาหยุดยืนตรงหน้านาเซียก่อนจะโค้งเชิญ นาเซีย เธอเพียงได้แต่ยืนมือออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นาเซียกลัวว่าเขาจะพาเธอไปให้กับทหารพวกนั้นอีกจึงเผลอกระตุกมือนั้นอย่างลืมตัว ลาฟาซกำมือเธอแน่นก่อนพาลงมายืนอยู่กลางโถงงานเลี้ยงก่อนที่เพลงจะบรรเลงขึ้น
“ดูท่าเ้าจะไม่เกรงกลัวต่อข้าเลยงั้นสินะนาเซีย” ลาฟาซพูดเสียงรอดไรฟัน เขาทั้งโกรธและเจ็บใจในตัวของนาเซียที่ทำเื่เช่นนั้น แต่เขาก็ยังคงนำพาเธอเต้นรำได้อย่างตรงจังหวะ
“หม่อมฉันรู้สำนึกดี เมื่อคืนเป็หม่อมฉันผิดเอง ขอเพียงพระองค์ให้อภัยต่อจากนี้หม่อมฉันจะไม่ขัดขวางความรักของพระองค์แล้วเพค่ะ” นาเซียพูดเสียงผ่านรอยยิ้มที่ยังคงฉีกยิ้มให้เขาอย่างไม่เต็มใจนัก เธอรู้สึกถึงแรงบีบที่ฝ่ามือของเขาราวกับว่ากระดูกมือกำลังจะแตก หากเทียบกับความร้ายกาจของนาเซียแล้วนั้น เขาก็คงเป็บุรุษที่ร้ายกาจไม่น้อยไปกว่านาเซียแน่ เพราะนอกจากฝ่ามือที่บีบแรงแล้ว เขายังรัดเอวเธอแน่นราว้าให้กระดูกเธอหัก นาเซียบิดใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้เป็ที่สังเกตจากองค์จักรพรรดิ และราชินี แต่ดูเหมือนฝ่ามือเธอจะไร้ความรู้สึกเพราะแรงบีบของเขา โชคดีที่บทเพลงบรรเลงจบเสียก่อนไม่งั้นมือเธอคงได้หักไปแล้วจริง ๆ นาเซียรีบใช้โอกาสนี้ถอยหนีเมื่อเห็นเซลีนยืนอยู่ใกล้ ๆ เธอคาดเดาได้ไม่ยากเพราะเส้นผมสีคาราเมลกับดวงตาสีฟ้าครามนั้นดูโดดเด่นกว่าใคร ๆ
“ทรงอย่างปล่อยให้เลดี้บอร์นเนอร์รอนานเลยเพค่ะ” นาเซียถอยหลังก่อนพูดบอกลาฟาซ เซลีนที่ยืนรวมอยู่กับกลุ่มบุตรสาวขุนนางกำลังมองมาทางเธอและเขา ลาฟาซจำต้องปล่อยนาเซียออกไป
นาเซียพ่นลมถอนหายใจออกทันทีที่ปลีกตัวออกมาตรงระเบียงด้านข้างได้ เธอนึกโกรธนักเขียนนะว่าทำไมต้องเขียนให้พระเอกคลั่งรักเพียงนางเอกผู้เดียว จนไม่เหลือมารยาทต่อนางร้ายอย่างเธอเลย แต่จะโทษเพียงนักเขียนก็ไม่ได้ เพราะนักอ่านอย่างเธอก็ชื่นชอบไอ้อาการคลั่งรักของตัวเอกเช่นกัน ยังไม่ทันพอได้หายใจหายคอ มิกาเอลก็เดินมาที่ระเบียงพร้อมแก้วไวน์ในมือ
“ดูท่าจะมีความสุขไม่น้อย” มิกาเอลแกล้งแซวเมื่อเห็นว่าเธอได้เต้นรำกับชายที่เธอคาดหวังจะเขา แต่นาเซียกลับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ท่านดยุกมีเื่ใดคะ หรือ้าให้ข้าช่วยสิ่งใดท่านกัน” นาเซียเปิดประเด็นขึ้นเมื่อเห็นแววตาเขาจับจ้องมองไปยังเซลีนที่กำลังเต้นรำกับลาฟาซ
“เลดี้ยินดีที่จะเต้นรำกับข้าหรือไม่” มิกาเอลโค้งตัวพร้อมยกมือรอ นาเซียรอบมองไปกลางฟลอร์เต้นรำ ดนตรีบรรเลงรอบนี้เป็ดนตรีค่อนข้างสนุกสนาน เธอคาดเดาไม่ยากว่ามิกาเอลคงใช้เธอเป็เพียงตุ๊กตาเต้นรำที่จะสลับสับเปลี่ยนคู่เต้นกลางฟลอร์เมื่อหยุดกลางบทเพลง แม้เธอจะขยาดกับแรงบีบที่มือเมื่อครู่แต่เธอก็ได้เอ่ยสัญญากับเขาแล้วว่าจะช่วยเหลือเขา นาเซียค่อย ๆ วางมือลงที่ฝ่ามือกว้างของเขา
แม้นาเซียจะดูสูงราวเกือบร้อยเจ็ดสิบเห็นจะได้ แต่ดยุกบริกาเอลก็ดูสูงใหญ่ไม่น้อย เมื่อคืนเธอเร่งรีบเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่ทันสังเกตว่ารูปร่างของเขาสูงใหญ่เพียงใด นาเซียถูกพามากลางฟลอร์เต้นรำอีกครั้งก่อนถูกเขารวบโอบที่เอวพลันทำให้เธออดคิดถึงเื่ที่เธอกับเขาทำไว้ไม่ได้จนแก้มแดงขึ้นทันที แม้เธอจะไม่ค่อยได้สติเพราะฤทธิ์ของยาแต่ใช่ว่าเธอจะจดจำไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็เหมือนเธอหรือไม่ แต่ตอนนี้หัวใจเธอกำลังเต้นแรงเมื่อคิดถึงภาพนั้น บทเพลงหยุดลงก่อนที่มิกาเอลจะหมุนตัวเธอไปสลับกับเซลีน นาเซียอยากจะถอนหายใจแรง ๆ ใส่หน้าลาฟาซสักครั้งแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ เธอทำใจไว้แล้วว่าตัวเอกผู้นี้คงจะไม่คิดทะนุทะนอมเธอเหมือนเซลีนแน่ นาเซียถูกเขาเหวี่ยงไปมาราวมากกว่าการเต้นรำ เธอรู้สึกถึงแรงผลัก และแรงกระชากอย่างไม่พอใจจากลาฟาซ แต่เธอก็ยังคงอดทนขอเพียงแค่จบบทเพลงเธอก็จะรีบออกจากงานเลี้ยงนี้ทันที
แคว่ก!! เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคู่เต้นรำต่างหยุดมอง นาเซียรู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่ปะทะแผ่นหลังได้ทันที ดูเหมือนตะขอด้านหลังที่เกี่ยวไว้จะหลุดออก แล้วเธอจะทำยังไงดีในเมื่อเธอไม่ได้สวมครอสเซ็ตที่สาวใช้เอามาให้เพราะมันอึดอัดเกินไปเธอจึงปฏิเสธที่จะสวมมัน อีกทั้งหากเปิดออกเช่นนี้แล้ว รอยแดงที่มิกาเอลทำไว้ก็คงปิดไม่มิด
“ดูนั่น” เสียงบุตรสาวขุนนางหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเธอมองเห็นรอยจ้ำแดงที่แผ่นหลังนาเซีย
“นาเซียนี่เ้า” ลาฟาซเอ่ยอย่างสงสัย ยังไม่ทันที่เธอจะตอบมิกาเอลก็พลาดเสื้อคลุมสีดำของเขามาที่เธอก่อนจะอุ้มตัวเธอเดินออกจากงานไป นาเซียอายแทบอยากจะหายตัวเสียให้ได้ในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าเอิร์ลคาร์เรลจะมีสีหน้าอย่างไรตอนที่เห็นชุดของบุตรสาวตนเผยออกกลางงาน แต่นั้นไม่สำคัญที่รอยแดงบนแผ่นหลังถูกคนมองเห็น ดยุกบริกาเอลอุ้มเธอออกมาจากงานก็ตรงมายังปราสาทชั่วคราวของเขา
“นี่เ้าสวมชุดอะไรกัน อยากประกาศให้ทั่วจักรวรรดิได้รู้กันหรือยังไง” เขาตวาดเธอทันทีที่โยนเธอลงไปที่โซฟาห้องรับรอง นาเซียยกตัวลุกทันทีก่อนจะเชิดหน้าตอบ
“แล้วใครใช้ให้ท่านทำรอยพวกนี้ไว้มากมายกัน อีกอย่างข้าไม่ได้ขอให้ท่านดยุกช่วยพาข้าออกมาเสียเมื่อไหร่กัน” นาเซียตอบอย่างโมโห เขาโยนตัวเธอราวกับว่าเธอเป็เพียงสิ่งของ เธอรู้ว่าที่เขาช่วยเหลือพาเธอออกมานั้นก็เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกมองไปด้วย แต่ในเมื่อเธอยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเขาออกมา ทำไมเขาจะต้องร้อนตัวได้ขนาดนี้ นาเซียโยนเสื้อคลุมนั้นคืนไปที่เขา แล้วหันหลังออกมา โดยไม่สนใจท่าทีโมโหโกรธของเขา มิกาเอลเร่งฝีเท้าเดินตามก่อนจะคว้าตัวเธออุ้มไว้อีกครั้ง
“เ้าจะกลับไปทั้งแบบนี้นะหรือ” เขาตวาดใส่เธอ
“ก็ข้ามีชุดนี้เพียงชุดเดียว จะให้ข้าถอดชุดทิ้งหรือยังไงกัน” นาเซียเถียงทั้งยังดิ้นให้เขาปล่อยเธอลง
“สวมเสื้อคลุมนี้ไว้ซะ แล้วข้าจะไปเจรจากับเอิร์ลดาร์เรลเอง” เขาเอ่ยปรามเธอด้วยเสียงดุ
“หยุดเลย ข้าไม่ได้ขอร้องให้ท่านต้องมารับผิดชอบเื่ที่เกิดขึ้น เพราะแผนของข้าผิดพลาดเอง ท่านดยุกโปรดวางใจได้บิดาข้ารักข้ามากเื่แค่นี้ข้าอธิบายได้” นาเซียยกมือผลักตัวเขาไว้ เพราะท่าทางเขากำลังจะพุ่งตรงออกไปที่บิดาของนาเซีย เธอไม่ยากให้เื่ที่เกิดต้องวุ่นวาย เพียงแค่นี้เธอก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ไหนจะต้องมานั่งคิดหาวิธีกลับไปยังโลกเดิมของเธออีก ขืนเอาตัวเองมาผูกติดกับตัวละครหลัก เกรงว่าเธอจะไม่ได้กลับไปยังโลกเดิมง่าย ๆ เพราะตามเนื้อหาหลักนาเซียควรจะเก็บตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ของเธอ
“เ้าเป็เลดี้แบบไหนกันถึงไม่ถือสาเื่เช่นนี้ ถึงอย่างไรตอนนี้เ้าก็ไม่สามารถที่จะอภิเษกกับองค์รัชทายาทได้ เช่นนั้นแล้วเ้าก็มาเป็คนของข้ามิดีกว่าหรือ” แววตาแสนเ็าจับจ้องมองพร้อมน้ำเสียงราวกับดูถูก นาเซียยกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยตอบ
“เื่เพียงเท่านี้ข้าไม่ถือสา ส่วนการอภิเษกได้หรือไม่นั้นข้าก็ไม่ใส่ใจว่าจะได้หรือไม่ เพราะข้าตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่เพียงตระกูลดาร์เรลเท่านั้น ...ลอร์ดเฮนรี่คะ ข้าขอรถม้ากลับคฤหาสน์ข้าด้วย” นาเซียกระแทกน้ำเสียงตอบพร้อมหันไปบอกลอร์ดเฮนรี่ที่กำลังเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง มิกาเอล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้