ตกกลางดึก หลังดับตะเกียงนานมากแล้ว ทุกคนยุ่งอยู่กับงานหนึ่งวันเสียจนนอนหลับลึก เจินจูถือโอกาสเวลาว่างนี้เข้าไปในมิติช่องว่างหนึ่งรอบ
ข้าวโพดของมิติช่องว่างปลูกได้ถึงการเก็บเกี่ยวรอบที่สาม ด้านข้างบริเวณรอบๆ ปลูกหัวไชเท้าขาวอยู่ประปราย มองสภาพแล้วยัง้าเวลาอีกหลายวันจึงจะเติบโตเต็มที่
ต้นพุทราสี่ต้นที่อยู่ในทุ่งนามีการเติบโตดี กิ่งก้านและลำต้นใหญ่แข็งแรง ใบงดงามเขียวชอุ่ม
เจินจูรดน้ำพืชผลทั่วทั้งผืนที่นาให้ชุ่มด้วยความขยัน ปัจจุบันนี้นางนอนอยู่บนเตียงกับครอบครัว จะเข้าไปตามอำเภอใจเมื่อไรไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่เข้ามาจะรดน้ำเสียจนทั่วถึงทุกพื้นที่ เผื่อไม่ได้เข้ามาหลายวัน พืชผลจะได้ไม่แห้งตาย
แต่คิดแล้วสถานการณ์แห้งตายคงไม่มีทางเกิดขึ้น หากไม่สามารถรดน้ำทันเวลาได้ น่าจะกระทบต่อระยะเวลาการเติบโตของพืชผลเท่านั้น
“อึกๆ” ยุ่งกับหน้าที่รดน้ำเสร็จ เจินจูจึงดื่มฉลองให้ตนเอง ด้วยการกรอกน้ำแร่จิติญญาไปสองอึก น้ำแร่จิติญญาที่หวานอร่อยเย็นสดชื่นตรงเข้าสู่หัวใจกับปอด ผ่อนคลายสบายใจอย่างมาก
ภายในกระท่อมฟาง ประคำไม้จันทน์ที่กู้อู่ให้ยังนอนอยู่บนโต๊ะไม้อย่างเงียบสงบ เจินจูหยิบมาเล่นในมืออย่างพิถีพิถัน ประคำสีดำเม็ดเล็กๆ อิ่มเอิบด้วยพลัง ขนาดเท่ากัน แล้วเอามันมาสวมบนข้อมือ ข้อมือของเด็กสาววัยสิบปีเรียวเล็ก ประคำที่สวมใส่จึงค่อนข้างหลวม
หางคิ้วของเจินจูเลิกขึ้นเล็กน้อย แม้ประคำจะดีแต่เหมือนว่าไม่เหมาะกับนางนัก
เจินจูยักไหล่แล้วถอดประคำออก เก็บไว้ด้วยความระมัดระวัง
อืดอาดอยู่ในมิติช่องว่างอีกพักหนึ่ง นางจึงฟังเสียงการเคลื่อนไหวของด้านนอกอย่างเงียบๆ เมื่อไม่พบความผิดปกติจึงปรากฏกายกลับมาบนเตียง เลิกผ้าห่มลายดอกเล็กๆ ของนางขึ้นแล้วกลิ้งเข้าไป
วันที่สอง สีท้องฟ้ากลับมามีเมฆครึ้ม ชั้นเมฆบนท้องฟ้าหนาและหนัก อากาศอึมครึมและหนาวเย็น
เปิดประตูห้องออกมาััได้ถึงความเหน็บหนาวแน่นขนัดในอากาศ เจินจูอดเปล่งเสียงสูดลมหายใจไม่ได้ หมอกที่ปกคลุมหนาทึบล่องลอยผ่านไปมาอยู่ในอากาศ นางยืดเอวบิดี้เีด้วยความเบิกบานใจ
อาจเป็เพราะน้ำแร่จิติญญาช่วยเปลี่ยนแปลงร่างกายไม่ให้รู้สึกหนาวเกินไป เจินจูจึงไม่รู้สึกว่าหนาวมากนัก
นึกถึงเมื่อก่อนขึ้นมา อากาศเปียกชื้นมืดครึ้มและหนาวเย็นของทางใต้ ความหนาวเย็นเช่นนั้นทะลุเข้าไปถึงกระดูก หน้าหนาวทุกปีนับว่าต้องขดตัวจนเหมือนบ๊ะจ่าง มือเท้าเย็นดั่งน้ำแข็ง
ริมกำแพงนอกห้องครัว หลัวจิ่งกำลังค้ำไม้เท้าแปรงฟัน
นอกจากส่วนขาที่กระดูกหักยังไม่หายเป็ปกติของเขาแล้ว ส่วนอื่นล้วนดีหมด ดังนั้นในการดำเนินชีวิตไม่จำเป็ต้องมีคนดูแลเป็พิเศษ
“ยู่เซิง ตื่นเร็วจังเลย!” เจินจูยิ้มแล้วกล่าวทักทาย
หลัวจิ่งที่แปรงฟันอยู่ได้หยุดลงพักหนึ่ง ฝืน “อืม” หนึ่งเสียงนับว่าเป็การตอบกลับ หลังจากนั้นก็หันศีรษะไปอีกด้าน หยิบตลับไม้ไผ่ขึ้นมาและล้างปากด้วยความรวดเร็ว
“ยู่เซิง ในครัวมีน้ำร้อน เ้าอย่าใช้น้ำในโอ่งแปรงฟันเลย ระวังฟันจะเย็นจนแข็งเอาได้” เสียงของเจินจูดังสะท้อนออกมาจากในครัว
“…” การกระทำของหลัวจิ่งหยุดลงไปพักหนึ่งอีกครั้ง พ่นน้ำเย็นที่อยู่เต็มปากออกมา
“เ้าคงไม่ได้ใช้น้ำเย็นแปรงฟันจริงๆ หรอกกระมัง?” เจินจูยื่นศีรษะออกมา มองหลัวจิ่งที่แสดงสีหน้าท่าทางประหลาดแล้วอดหัวเราะไม่ได้
หลัวจิ่งผู้นี้ ลักษณะนิสัยคุณชายที่ข้าวมาอ้าปากเสื้อผ้ามาค่อยชูมือ [1] จริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะหากะละมังใส่น้ำร้อนเพื่อใช้แปรงฟันบ้วนปากให้ตัวเองไม่เป็ แล้วตักเอาน้ำในโอ่งที่เกือบจะรวมกันเป็น้ำแข็งขึ้นมาบ้วนปากโต้งๆ
“ฮ่าๆ” เจินจูชี้ไปที่เขาแล้วหัวเราะจนเซตุปัดตุเป๋
ใบหน้าหลัวจิ่งหยุดชะงัก ตกตะลึงและใจลอยอย่างไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดีเล็กน้อย
เจินจูเก็บอาการหัวเราะไว้ แล้วตักน้ำออกมาครึ่งกะละมังจากในหม้อ ยกเข้ามา ยิ้มอย่างอ่อนโยน “นี่ จำไว้เล่า ทุกเช้าในหม้อจะอุ่นน้ำร้อนไว้ เ้าล้างหน้าแปรงฟันก็ยกกะละมังมาตักเองได้ วันที่หนาวเช่นนี้ ใช้น้ำเย็นบ้วนปากไม่ได้ จะทำให้ฟันเย็นจนแย่ไปหมด”
“… ขอบคุณ” เริ่มตักน้ำอุ่นมาบ้วนปากอีกครั้ง น้ำร้อนกระจายความอบอุ่นที่แต่เดิมรู้สึกหนาวเย็นอยู่เต็มปาก สีหน้าที่แข็งทื่อของหลัวจิ่งในที่สุดจึงผ่อนคลายลง
“ต่อไปมีเื่อันใดที่ทำไม่ได้ เ้าก็ถามเยอะๆ หน่อย คนในบ้านงานมากมายหลายอย่างนัก จึงมีที่ประมาทละเลยไปบ้าง” เจินจูเตือนด้วยเจตนาดี การใช้ชีวิตเคยชินของผู้สูงศักดิ์ครอบครัวร่ำรวยเป็อย่างไรนางไม่รู้หรอก พวกนางเป็ครอบครัวเล็กๆ ที่ยากจน ไม่ได้พิถีพิถันมากเช่นนั้น
การใช้ชีวิต ใช้อย่างอิสระตามใจถึงจะดี
“ทราบแล้ว” หลัวจิ่งพยักหน้าตอบ
่เช้าตรู่ สกุลหูต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของแต่ละคน เอางานประจำในบ้านทำจนเสร็จสิ้น ตอนบ่ายยังต้องเอาเนื้อที่หมักไว้แล้วของเมื่อวานมากรอกใส่ไส้เล็กอีก สรุปแล้วยังคงเป็อีกหนึ่งวันที่ยุ่งอยู่กับงาน
หูฉางกุ้ยวิ่งไปหลังเขาเผาถ่านแต่เช้า ขณะนี้พื้นที่ในบ้านใช้ถ่านเยอะนัก ต้องตระเตรียมไว้บ้าง หากผ่านไปพักหนึ่งแล้วหิมะตกหนักปิดป่าเขาขึ้นมา อยากจะเผาก็เผาไม่ได้แล้ว
ส่วนผิงอันก็ทำความสะอาดกระท่อมกระต่าย ปัจจุบันนี้กระต่ายเล็กใหญ่มีไม่น้อย ทุกวันต้องทำความสะอาดมูลกระต่ายให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วกลิ่นในกระท่อมคงอบอวลจนกระต่ายอยู่กันไม่ได้
หลี่ซื่อนำผักกาดขาวออกมาหนึ่งหัวจากอุโมงค์ห้องใต้ดิน โจ๊กเนื้อที่เคี่ยวในตอนเช้าใส่ผักกาดขาวลงไปเล็กน้อยรสชาติจะดียิ่งขึ้น และควักผักดองเค็มหนึ่งกำออกมาจากโอ่งผักดอง หั่นเป็ชิ้นเล็กละเอียดแล้วผัดน้ำมันหมูนำมาทานกับโจ๊ก
“เจินจู” หลี่ซื่อใช้เสียงแหบเรียกะโเบาๆ
“อื้ม อยู่นี่เ้าค่ะ!” เสียงของเจินจูสะท้อนออกมาจากเล้าไก่ นางกำลังเก็บไข่ไก่อยู่
“ทานข้าวเช้าได้แล้ว เ้าเรียกทุกคนมาได้เลย เร็วหน่อย อีกเดี๋ยวจะเย็นเอา” แม้เสียงของหลี่ซื่อยังคงแหบอยู่บ้าง แต่ดีกว่าเมื่อก่อนนัก ตอนนี้ยิ่งพูดยิ่งลื่นไหลแล้ว
“ทราบแล้วเ้าค่ะ” เอาไข่ไก่ในมือวางลงในตะกร้าด้วยความระมัดระวัง ่นี้การเงินในบ้านค่อนข้างดีขึ้น ไม่ต้องรวมไข่ไก่ไปขายเอาเงินแล้ว หลี่ซื่อก็มักจะต้มอยู่บ่อยๆ เด็กทุกคนคนละหนึ่งฟองต้องเพิ่มการบำรุงร่างกายให้มากขึ้น
หูฉางกุ้ยยังอยู่บนเขาด้านหลัง หลี่ซื่อแบ่งอาหารเก็บไว้ให้เขาอย่างพอดี คนหนึ่งครอบครัวจึงเริ่มทานอาหารมื้อเช้ากัน
ขณะทานอาหารเช้า นอกประตูได้มีเสียงสอบถามของคนแปลกหน้าดังขึ้น “นี่เป็บ้านของหูฉางกุ้ยหรือไม่?”
ทุกคนที่ได้ยินเงยหน้ามองกันไปกันมาอย่างพร้อมเพรียง บ้านครอบครัวหูพักอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน น้อยนักที่จะมีคนแปลกหน้ามาเยี่ยม หากชาวไร่ชาวนาที่คุ้นเคยกันมีธุระจะะโชื่อของหูฉางกุ้ยโดยตรง คนที่ะโอยู่นอกประตูเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ชาวไร่ชาวนาที่คุ้นเคย
เจินจูเอาโจ๊กที่เหลืออยู่หนึ่งคำทานเข้าไปจนหมด แล้ววางถ้วยกับตะเกียบลง “ข้าไปดูเองเ้าค่ะ”
เดินออกมานอกบ้าน เห็นรถม้าสีน้ำตาลหนึ่งคันหยุดอยู่ที่นอกประตูลานบ้าน ชายสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างรถม้าทั้งกายสวมชุดจีนตัวยาวสีน้ำเงินแก่ พอเจินจูมองไปแล้วก็คุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนัก ไม่ใช่ว่าเป็ผู้ติดตามของกู้อู่ผู้นั้นหรอกหรือ
ประตูเกวียนบนรถม้าเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนที่ลงมากลับเป็เ้าของร้านหลิวผิงของฝูอันถัง
“มาได้เร็วกันจริงๆ” เจินจูกระซิบในใจ
“แม่นางหู นี่เป็บ้านเ้าจริงด้วย ช่างดีเยี่ยมนักที่หาบ้านเ้าจนเจอ” เฉินเผิงเฟยตื่นเต้นจนฉีกปากยิ้มออกมา
เมื่อคืนก่อนกู้อู่ที่เกิดอาการเจ็บป่วยทรมานเสียจนหวิดจะเอาชีวิตไม่รอด ซดน้ำแกงหัวไชเท้าตุ๋นกระต่ายลงไปรวดเดียวสองถ้วย ทานเข้าไปอย่างราบรื่น ไม่ได้อาเจียนออกมา สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาหนึ่งกลุ่มมองแล้วดีใจกันยกใหญ่ ต้องรู้ว่าที่ผ่านมากู้อู่เจ็บป่วยอ่อนแอมานาน ภูมิต้านทานต่ำเป็อย่างยิ่ง การไอธรรมดาฝืนจนกลายเป็อาการไอเือย่างในปัจจุบันนี้ ทั้งหมดเนื่องมาจากเขาล้วนทานอาหารมากมายไม่ลง วัตถุดิบบำรุงกำลังที่โด่งดังและล้ำค่ามากแค่ไหน เขาเพียงอมไว้ในปากคำหนึ่งก็อาเจียนออกมาหมด ทานอาหารไม่ได้ ร่างกายเป็ธรรมดาที่จะยิ่งแย่ ในทุกวันทานเพียงโจ๊กข้าวที่เคี่ยวให้เละนิดหน่อย สุขภาพก็ยิ่งทุกข์ทรมานและแย่ลง
แต่หัวไชเท้าตุ๋นกระต่ายหนึ่งหม้อนั้น เมื่อวานกู้อู่ทานอยู่ทั้งวัน หัวไชเท้าที่มีเนื้อกระต่ายอยู่กลับไม่ได้รู้สึกอยากพ่นอาเจียนออกมา แล้วยังบรรเทาอาการไอเป็เืได้เล็กน้อย นี่เป็เื่ที่ทำให้พวกเขาตะลึงกันอย่างมาก
กู้จงชายชราผู้นั้นร้องไห้เสียจนน้ำมูกน้ำลายไหลออกมาอย่างดูไม่ได้ เฉินเผิงเฟยเองก็ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลหลายเม็ดในใจ
ไม่ใช่ว่าเป็เช่นนี้หรอกหรือ พอยามเช้าตรู่พวกเขาจึงไปตามหาที่อยู่จากความทรงจำของกู้อู่
เดิมทีกู้อู่อยากมาด้วยตนเอง แต่ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงและไม่เหมาะให้ขยับตัวทำได้เพียงให้เฉินเผิงเฟยกับหลิวผิงสองคนที่เคยเจอเจินจูไปตามหาแทน
สกุลหูของหมู่บ้านวั้งหลิน แม่นางน้อยนามว่าหูเจินจู บิดานามว่าหูฉางกุ้ย เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านก็สอบถามทันที พอรู้ว่าอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้านจึงนำรถม้ามุ่งตรงเข้ามา
“เอ๋ เป็พวกท่านนี่ มาหาข้ามีเื่อันใดหรือเ้าคะ?” เจินจูจ้องมองด้วยสองตากลมดิก หน้าตาเหมือนกับว่าไม่เข้าใจ
“แม่นางหู ในบ้านท่านยังมี…” เฉินเผิงเฟยก้าวใหญ่ๆ มาข้างหน้าอย่างเร่งด่วน กำลังจะออกเสียงถาม
หลิวผิงที่อยู่ด้านข้างดึงเขาไว้ทันที
“แค่ก” หลังจากที่หลิวผิงไออย่างไม่เป็ธรรมชาติหนึ่งเสียง จึงยิ้มขึ้น “แม่นางหู ยังจำข้าได้หรือไม่ เ้าของร้านหลิวผิงของฝูอันถัง บุ่มบ่ามมาเยี่ยม หวังว่าจะไม่รบกวนพวกเ้า”
“ทักทายเ้าของร้านหลิวเ้าค่ะ นี่เพิ่งเช้าตรู่ มีเื่อันใดหรือเ้าคะ?” เจินจูแกล้งสับสนต่อไป
“คืออย่างนี้ ก่อนหน้านี้แม่นางให้หัวไชเท้ากับกระต่ายแก่คุณชาย วันนี้คุณชายเลยให้พวกข้ามามอบของกำนัลโดยเฉพาะ” ขณะกล่าวก็หันหลังกลับไปแล้วเริ่มขนย้ายสิ่งของจากบนรถม้าลงมา
ผลไม้แห้งสี่สีที่มีฝีมือละเอียดงดงาม กล่องขนมไม้เคลือบสีแดง เกาเตี่ยนที่ขึ้นชื่อของสือหลี่เซียงกับผิงกั่ว [2] และส้มเต็มตะกร้า สุดท้ายผักสดใหม่หนึ่งตะกร้าสีเขียวมันขลับยิ่งสะดุดตากว่าอันไหนๆ
ในฤดูหนาวคนที่สามารถซื้อผักสดได้ ล้วนเป็ผู้สูงศักดิ์ครอบครัวร่ำรวยในเมือง
“ว้าว” เสียงร้องะโใดังขึ้นแถบหนึ่ง
รถม้าลักษณะสูงใหญ่ก่อให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นของชาวไร่ชาวนาหนึ่งกลุ่ม คนมากมายเริ่มรวมตัวกันบริเวณหน้าบ้านของครอบครัวหูขึ้นเรื่อยๆ มองคนที่มาบนรถม้าไกลๆ ยกตะกร้าผักผลไม้เขียวสดใหม่ลงมาสองตะกร้า เสียงประหลาดใจและอิจฉาริษยาต่างก็ทยอยดังขึ้น
หลี่ซื่อกับผิงอันกำลังยืนสังเกตอยู่หน้าประตู เดิมทีหลัวจิ่งเองก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู ตามสถานการณ์ที่ชาวไร่ชาวนามุงล้อมมากยิ่งขึ้น หลัวจิ่งจึงเอาเงาร่างซ่อนอยู่หลังประตู เจินจูเคยบอกเขาแล้วว่า เพื่อที่จะไม่ให้ดึงดูดความยุ่งยากอันไม่จำเป็ขึ้น เมื่อบริเวณบ้านนางมีคนมากก็ให้เขาหลบสักหน่อย
“นี่บ้านหูฉางกุ้ยคบหากับบุคคลใหญ่โตอันใดหรือ? ไม่คิดเลยว่าจะมอบสิ่งของให้มากมายเช่นนี้?” ชาวไร่ชาวนาระงับความแปลกใจไว้ไม่อยู่
“คนผู้นั้นข้ารู้จัก เป็เ้าของร้านหลิวของร้านสมุนไพรฝูอันถังที่ใหญ่ที่สุดในเมือง” มีคนรู้จักหลิวผิง
“โอ๊ะ เช่นนั้นก็เยี่ยมมากเลย หูฉางกุ้ยหัวอ่อนผู้นั้นเกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไร?” ชาวไร่ชาวนาต่างพากันอิจฉาริษยาไม่หยุด
“บ้านเขาไม่ได้ตกอับเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ่ก่อนหน้านี้สองพี่น้องสกุลหูก็ร่วมกันซื้อลูกวัวแข็งแรงบึกบึนหนึ่งตัว แค่ไม้กระดานเกวียนก็เป็เงินเจ็ดแปดเหลียง มิใช่ว่าสกุลหูร่ำรวยขึ้นแล้วหรือ!”
คาดคะเนและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
“…”
เจินจูกวาดสายตามองชาวไร่ชาวนาหนึ่งทีด้วยความเ็า ดันประตูลานบ้านเปิดออก แสดงเจตนาให้สองคนเอารถม้าเข้ามาพักจอดให้เรียบร้อย
ทันทีหลังจากนั้นก็เชิญพวกเขาเข้ามานั่งพูดคุยในบ้าน
ประตูลานปิดลง ตัดขาดจากกลุ่มคนที่ดูความรื่นเริง
“น้ำเ้าค่ะ คนชนบทเช่นพวกเราไม่มีชาดีๆ ต้อนรับ ดื่มน้ำร้อนแก้กระหายกันนะเ้าคะ” ยังดีที่เจินจูได้มีการคาดคะเนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้จึงได้ซื้อจอกชาเครื่องเคลือบสีขาวมาไว้ต้อนรับแขกโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้น เวลาเช่นนี้คงทำได้เพียงใช้ถ้วยเครื่องปั้นดินเผาใส่น้ำแล้ว
“แม่นางหู ขอบคุณ ไม่รบกวนเ้า พวกข้าไม่กระหาย” หลิวผิงสามารถเป็เ้าของร้านฝูอันถังได้ สายตาย่อมต้องไม่แย่ ตอนเขายังไม่เข้ามาในบ้าน สายตากวาดผ่านลานเล็กของบ้านครอบครัวหูแล้ว ครอบครัวหูสภาพเป็เช่นไรเขาก็รู้ทันทีว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร
เชิงอรรถ
[1] ข้าวมาอ้าปากเสื้อผ้ามาค่อยชูมือ หมายความว่า ทำอะไรเองไม่เป็ มีคนทำให้หมด
[2] ผิงกั่ว คือ แอปเปิล