จากนั้นไม่นานมีผู้หญิงอีกคนวิ่งไล่ตามมา ท่าทางดุดันเกรี้ยวกราด ปากพูดสบถไม่หยุด
ฮั่วเสี่ยวเหวินหัวเราะขมขื่น ที่แท้ก็มีคน ‘ไล่ฆ่า’ เด็กหญิงคนนั้นอยู่จริง
ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วอายุประมาณยี่สิบ ฮั่วเสี่ยวเหวินเดาสถานะของเธอไม่ออก หากบอกว่าเป็พี่สาวก็ไม่น่าด่าแรงขนาดนี้กระมัง
ผู้หญิงคนนี้จากไปได้ไม่นาน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็โผล่ออกจากไหนไม่รู้ ชะเง้อคอมองไปทั่วจนวางใจแล้วจึงเดินมาทางฮั่วเสี่ยวเหวิน
เธอพิจารณาฮั่วเสี่ยวเหวินด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะถามหน้าระรื่นว่า “น้องสาวตัวน้อย บ้านของเธออยู่ที่ไหน?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่เข้าใจ เมื่อหนึ่งวินาทีก่อน อีกฝ่ายยังหนีไม่คิดชีวิตอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาชวนเธอคุย ทั้งยังยิ้มแย้ม…
“บ้านฉันอยู่ทางโน้น” ฮั่วเสี่ยวเหวินอยากรีบไล่อีกฝ่ายไปให้ไวที่สุด
ทิศที่ฮั่วเสี่ยวเหวินชี้นิ้วไปมีเพียงถนนหนึ่งสาย มีบ้านเรือนให้เห็นไม่มากแต่รู้ว่าเป็ทางไปหมู่บ้านทุรกันดาร
เด็กหญิงคนนี้เข้ามาจับมือฮั่วเสี่ยวเหวิน สีหน้ายิ้มระรื่นเมื่อครู่หายไปจากใบหน้าและแทนที่ด้วยใบหน้าอมทุกข์ “น้องสาวตัวน้อยต้องช่วยพี่นะ ผู้หญิงคนเมื่อครู่เป็แม่เล้า จะขายพี่ให้ซ่องโสเภณี”
แม้เด็กหญิงคนนี้จะดูเ้าเล่ห์ แต่นึกถึงเื่ของโจวเหอแล้วรู้สึกว่ามีความเป็ไปได้เช่นกัน ผู้หญิงคนเมื่อครู่น่าจะเป็คนเฝ้าเธอ ดวงตาของคนเราโกหกกันยากที่สุด ตอนที่ฮั่วเสี่ยวเหวินมองอีกฝ่าย เด็กหญิงน้ำตาไหลออกมาแล้วราวกับกลั้นน้ำตามานาน
“ดูสิ นี่เป็รอยที่หล่อนตี” เด็กหญิงเปิดแขนขาวสะอาดให้ดู บนนั้นมีรอยช้ำม่วงจากการถูกเชือกฟาดอยู่จริง
“ก็ได้”
ฮั่วเสี่ยวเหวินตอบตกลง ไม่ใช่เพราะน้ำตาของเธอแต่เพราะรอยแส้สะดุดตาบนแขน ตัวเธอเองเคยผ่านความทุกข์ทรมานแบบนี้มาเช่นกัน เข้าใจดีว่าเป็อย่างไร
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกครั้งก็ยังได้ หากเธอยังมีครอบครัวและเป็ครอบครัวที่ดี เช่นนั้นคงตามหาเธอให้ทั่วแล้ว ถึงเวลาค่อยให้พ่อแม่ของเธอมารับตัวกลับไปก็ยังไม่สาย
เด็กหญิงชื่อเฉินอวี่โหรว เป็ความจริงที่เธอหนีออกมา ทว่าไม่ได้ถูกขายให้ซ่องโสเภณีแบบที่อ้างแต่หนีออกจากบ้านต่างหาก
นั่นเพราะเธอชอบใช้วิธีต่างๆ ยั่วโมโหผู้หญิงคนนั้น อีกฝ่ายไม่ใช่จะยั่วยุง่ายเช่นกัน อยู่ไปอยู่มาตัวเธอจึงถูกสั่งสอนมาไม่น้อย มิเช่นนั้นคงไม่มีร่องรอยาแเยอะขนาดนี้
ระหว่างทางกลับหมู่บ้าน เฉินอวี่โหรวเผยนิสัยที่แท้จริงออกมา เธอคุยกับฮั่วเสี่ยวเหวินั้แ่เื่ดินฟ้าอากาศไปจนถึงชื่อพืชพันธุ์ต่างๆ ทั้งยังถามถึงสถานะครอบครัวของฮั่วเสี่ยวเหวินไม่หยุด
จู่ๆ ฮั่วเสี่ยวเหวินก็หยุดเดิน เฉินอวี่โหรวเกือบชนเข้ากับเธอแต่เบี่ยงตัวหลบทัน ฮั่วเสี่ยวเหวินทนไม่ไหวแล้ว “ก่อนอื่นเลย ฉันชื่อ ‘ฮั่วเสี่ยวเหวิน’ ไม่ใช่ ‘น้องสาวตัวน้อย’ ”
เฉินอวี่โหรววิ่งไปเด็ดหญ้ายาวหนึ่งต้นมาโบกในมือ “อืม ฉันรู้แล้ว น้อง…เสี่ยวเหวิน”
ฮั่วเสี่ยวเหวินจนปัญญา ช่างเถอะ อยากเื่อย่างไรก็เรียกไป “แล้วก็อย่าเอาแต่พูดเจี๊ยวจ๊าวข้างหูด้วย ฉันรู้สึกหัวโตหมดแล้ว” เด็กหญิงคนนี้เคยเจอความลำบากมาจริงหรือ? ฮั่วเสี่ยวเหวินสงสัยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายโดนตามใจจนเสียคน
เห็นฮั่วเสี่ยวเหวินทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจ เฉินอวี่โหรวยอมรับปากไปก่อน
“ก็ได้ พวกเราไปกันต่อเถอะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วเฉินอวี่โหรวกลับอยู่ไม่สุขขึ้นมาอีกรอบ หล่อนหยิบไม้มาฟาดใส่กิ่งก้านต้นไม้ที่ลู่ลงมา และกิ่งไม้ที่ถูกฟาดก็กระเด็นมาถูกฮั่วเสี่ยวเหวิน
ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่ทันระวัง แผ่นหลังถูกฟาดจนแสบ เฉินอวี่โหรวรีบวิ่งมาช่วยลูบหลัง ปากพูดซ้ำไปมาว่า “น้องเสี่ยวเหวิน ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
“เธอไม่ได้ตั้งใจ…”
เอาเถอะ เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นั่นแหละ ฮั่วเสี่ยวเหวินปวดหัว นี่เธอเผลอรับตัวปัญหาเช่นนี้กลับบ้านเพราะเมื่อครู่สมองเป็ตะคริวหรือไร?
ฮั่วเสี่ยวเหวินเห็นจางหวาเดินมาจากไกลๆ นึกถึงเื่เมื่อเช้าแล้วเธอเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองจะไปแจ้งความ
พอมาเจอเฉินอวี่โหรวก็ลืมเื่นี้ไปเสียสนิท แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วอย่างหนึ่ง ว่าเฉินอวี่โหรวเป็เด็กโชคร้าย
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ฮั่วเสี่ยวเหวินเพิ่งเห็นว่าดวงตาของจาวหวาบวมแดงเล็กน้อย…เธอร้องไห้มา
เธอเห็นจางหวาสะพายกระเป๋าไว้ด้านหลัง เส้นทางนี้ใช้มุ่งไปสถานีตำรวจ ต้องพกเหยื่อที่ล่าได้ไปด้วยหรือ?
ก็ไม่แน่ บางคนชอบทรัพย์ แต่บางคนก็ชอบกิน ทว่าเหตุใดดวงตาของเธอจึงบวมแดง?
ฮั่วเสี่ยวเหวินเอ่ยถาม “คุณน้าจาง เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
จางหวาส่ายหน้า สายตาที่มองฮั่วเสี่ยวเหวินเปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจ “เสี่ยวเหวิน วันนี้ขอบคุณเธอมากนะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินตอบว่าไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ฉันแค่ทนเห็นคนประเภทนั้นไม่ได้
เฉินอวี่โหรวกะพริบตามองจางหวากับฮั่วเสี่ยวเหวินสลับกัน เห็นสองคนนี้ไม่คุยอะไรกันอีกก็เริ่มชวนคุย “คุณน้าสวยมากเลย ดวงตาปลายงอน ริมฝีปากแดงฉาน…”
ชมจบแล้วมองกระเป๋าบนหลังของจางหวา ถามว่าในนั้นมีอะไร ขอดูได้หรือไม่?
จางหวาจับตัวเฉินอวี่โหรวไว้ เฉินอวี่โหรวดิ้นอยู่พักหนึ่งแต่เปล่าประโยชน์ จางหวาไม่คิดจะปล่อยมือ
เฉินอวี่โหรวรีบขอความเมตตา พูดประจบจางหวายกใหญ่ บอกว่าไม่กล้าอีกแล้ว จางหวาจึงยอมปล่อยเธอ
รอจนเฉินอวี่โหรวอยู่นิ่ง ฮั่วเสี่ยวเหวินจึงถามคำถามที่อยากถามมานานแล้ว
“คุณน้าจาง เหตุใดคุณน้ากับจางอิ่นปิน…”
เื่บางเื่ก็พูดยาก แต่พูดออกมาขนาดนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าใจความหมาย
จางหวานึกไม่ถึงว่าเธอจะถามเื่นี้ ขณะที่กำลังลังเลเฉินอวี่โหรวกลับเอ่ยแทรกขึ้นว่า “คุณน้ากับจางปินอะไรนั่นมีอะไรกันหรือ?”
จากนั้นก็เริ่มวิ่งไล่ตามจางหวา จางหวายอมแล้ว “ฉันยอมพูดแล้วๆ เธอยืนนิ่งๆ ห้ามขยับ”
อย่างไรก็จะไปจากที่นี่แล้ว พูดเื่นี้ไปก็ไม่เป็อะไร เพียงแต่มันพูดออกมายากเล็กน้อย
“วันนี้เธอก็เห็นแล้ว เ้าคนแซ่จางนั่นเอาเื่นั้นมาข่มขู่น้า ความจริงก่อนที่เขามา จางอิ่นปินเคยพูดเื่นี้เช่นกัน…น้าไม่มีทางเลือก”
“อ้อ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” ฮั่วเสี่ยวเหวินนึกว่าจางหวาไปมีความสัมพันธ์กับจางอิ่นปินอีกคนเพราะเป็ผู้หญิงหลายใจเสียอีก
แต่ว่า จางอิ่นปินรู้เื่ของจางหวาตอนอยู่อำเภอฉวีได้อย่างไร? ทั้งที่เขาไม่เคยเข้าไปในตัวอำเภอด้วยซ้ำ
จางหวาตอบข้อสงสัยของเธอ “เขาต้องไม่รู้อยู่แล้ว แต่จางอิ่นเซิงผู้เป็น้องชายของเขารู้”
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน มีเด็กชายท่าทางเหมือนนักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามายังบ่อนไพ่นกกระจอกของสามีเธอ พวกเขาไม่ได้มาเพื่อเล่นไพ่นกกระจอก แต่เข้ามาแล้วควักธนบัตรจำนวนห้าสิบหยวนออกมา ไม่รู้เช่นกันว่าไปเอาเงินขนาดนี้มาจากไหนและในนักเรียนกลุ่มนี้มีจางอิ่นเซิงอยู่ด้วย
จางอิ่นปินยกเื่นี้มาพูดในวันที่มาหาเธอ ตอนนั้นจางหวายังไม่ได้เจอจางต้ากั๋ว เธอต้องปิดปากจางอิ่นปินด้วยร่างกายของตัวเอง
มีครั้งที่หนึ่งก็ย่อมมีครั้งที่สอง จางอิ่นปินที่ได้ลิ้มลองแล้วมาดักรอหน้าบ้านเธอแทบทุกวัน เธอหลบได้ก็หลบ
กระทั่งต่อมาเธอได้พบกับจางต้ากั๋ว เธอวางแผนให้จางต้ากั๋วสั่งสอนจางอิ่นปินไปหนึ่งรอบ จางอิ่นปินจึงไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายอยู่นาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้