ถึงแม้ิอวี่จะไม่สามารถตัดสินว่าพวกเขาสองคนนั้นมีพลังขีดจำกัดสูงสุดเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวจริงหรือไม่ แต่พลังจิตของเขาแข็งแกร่งมาก เวลาคาดเดาอะไรก็มักจะถูกต้อง!
ถึงแม้จะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าชายหญิงคู่นี้อยู่ในระดับใด แต่เขาก็มั่นใจว่าทั้งสองคนนี้จะต้องเป็คนมีเบื้องลึกเื้ัแน่ จะต้องมีกลุ่มอำนาจใหญ่หนุนหลังอยู่แน่นอน
ระหว่างที่ิอวี่กำลังคิดอยู่นั้น ทั้งสองคนก็เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลักษณะหน้าตาของพวกเขาก็ชัดมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มมีรูปร่างหน้าตาดี ท่าทางองอาจดูเป็วีรบุรุษ หญิงสาวดูบอบบาง ลมปราณที่แผ่ออกมาทำให้ชายกระโปรงพลิ้วไหวเล็กน้อย ราวกับเทพธิดาที่ลงมาจาก์ มันเป็ความงดงามที่ไม่อาจเอื้อม
แสดงให้เห็นเลยว่า ั้แ่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้กลายเป็จุดสนใจของทุกคนไปแล้ว
“พวกเ้าดูสิ ที่หน้าอกของพวกเขาสองคนมีสัญลักษณ์อยู่ด้วยนะ นั่นมัน ... ” คนที่สายตาเฉียบแหลมบางคนสังเกตเห็นว่าที่บริเวณหน้าอกของพวกเขาสองคนเหมือนจะมีสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง ก็เลยพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไม่ผิดแน่ เป็สัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน!” มีคนพูดขึ้นมาด้วยความใ
“ราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนหรือ?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าสมาชิกของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนจะมาที่นี่ด้วย!”
สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง สายตาที่มองไปยังชายหญิงคู่นี้ทั้งเต็มไปด้วยความชื่นชมและนับถือ
ราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน อยู่ห่างจากราชวงศ์อวินซีประมาณสามหมื่นลี้ ผู้กล้าทุกคนเชี่ยวชาญการใช้กระบี่ชั้นสูง กล่าวกันว่าในบรรดาราชวงศ์ทั้งหมดที่มี ราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนมียอดฝีมือสายกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ด้วย ด้านการใช้กระบี่ไม่มีใครสู้ได้เลย
กระบี่ถือเป็าาแห่งการทหาร ราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนนั้นก็เป็ผู้นำในการใช้กระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็หนึ่งในราชวงศ์ที่มีอำนาจมากที่สุด ใครที่ได้พบก็จะให้เกียรติและยำเกรงอย่างมาก
อีกอย่าง ชายหญิงคู่นี้ไม่ได้เป็แค่ผู้กล้าของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน แต่พวกเขายังเป็เชื้อพระวงศ์ที่เป็มือกระบี่ชั้นสูงด้วย!
และในความเป็จริงแล้ว ชายหญิงคู่นี้ก็เป็สมาชิกของเชื้อพระวงศ์จริง แล้วยังมีสายเืสูงสุดของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนอีกด้วย
ชายหนุ่มมีชื่อว่าจี้เฟิงอวิน เป็บุตรคนที่เจ็ดของอ๋องแห่งราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน ปีนี้อายุสิบแปด แต่มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับผนึกขั้วสูงสุดแล้ว และมีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัว ขีดจำกัดของพลังสูงสุดในตำนาน!
สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนคือทักษะกระบี่ที่มีชื่อว่า กระบี่เจ็ดมรณา กระบวนท่านี้เป็ทักษะการต่อสู้เสวียนระดับต้น เป็หนึ่งในวิชาที่แข็งแกร่งมาก!
เมื่อสามเดือนก่อนจี้เฟิงอวินได้ฝึกกระบี่เจ็ดมรณาไปถึงขั้นที่ห้าแล้ว สามารถปล่อยพลังอานุภาพของกระบี่เจ็ดมรณาในระดับหลิงขั้นสูงสุด ถือว่าโดดเด่นมากทีเดียว!
เดิมพร์และความสามารถของจี้เฟิงอวินถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก อยู่ในราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนก็แทบไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว แต่กลับมีหญิงคนหนึ่งที่ถูกขนานนามว่าเทพธิดาแห่งกระบี่ เกิดมาในยุคเดียวกับเขา
หญิงคนนี้มีชื่อว่า ซ่งเหยา
ซ่งเหยา เป็คุณหนูตระกูลซ่งแห่งราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน ปีนี้อายุสิบเจ็ด นางเองก็มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวเช่นกัน
ซ่งเหยามีพร์ในการเรียนรู้ศาสตร์แห่งกระบี่สูงมาก นางอ่านตำราที่เกี่ยวกับวิชากระบี่เป็ล้านเล่มั้แ่เล็ก เรียนรู้กระบวนท่ากระบี่ทั้งหมดแล้ว ไม่มีกระบวนท่าเหนือกว่านี้อีก ทุกกระบี่ที่ปล่อยออกไปนั้นดูธรรมดา แต่พลิกแพลงไปมาจนจับทางไม่ได้
เมื่อมีัและเทพธิดาจุติลงมาบนโลกมนุษย์พร้อมกัน ทั้งสองจึงเหมือนมีแรงดึงดูดต่อกัน ในตอนที่นางอายุสิบหก จี้เฟิงอวินก็ได้ทำการหมั้นหมายกับซ่งเหยาและกลายเป็คู่รักกัน
ในงานหมั้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เจี้ยนอ๋องอารมณ์ดีมาก มอบเคล็ดวิชาเพลงกระบี่เวิ่นชิงที่ล้ำค่าที่สุดของราชวงศ์ให้กับซ่งเหยา
คิดอยากจะฝึกเพลงกระบี่นี้จนสำเร็จก็จะต้องมีจิตละเอียดอ่อน มีทั้งความอ่อนและแข็งในตัว มีความแม่นยำ ไร้กระบวนท่าที่ตายตัว จากอ่อนไปถึงแข็ง และซ่อนพลังสังหารเอาไว้!
ระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมา ซ่งเหยาฝึกเพลงกระบี่จนมีความก้าวหน้าอย่างมาก เพลงกระบี่เวิ่นชิงนั้นมีพลังจนเืแทบอาบ!
พูดได้เลยว่า ทั้งสองคนกลายเป็สายเืใหม่ของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน ราวกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่โดดเด่นยิ่งกว่าใคร
ิอวี่ยืนอยู่ที่เดิมแล้วมองจี้เฟิงอวินกับซ่งเหยาเดินเข้ามาทีละก้าว เมื่อได้ยินคนข้างตัวพูดคุยกันเขาก็พอจะรู้ว่าพวกเขาสองคนนั้นเป็ใคร
ในเวลานี้เอง จี้เฟิงอวินกับซ่งเหยาก็เดินมาถึงหน้าแท่นหินของวิหคัน้อย จี้เฟิงอวินไม่ได้ชายตามองิอวี่เลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่วิหคปีกมืดแล้วสำรวจมันอย่างละเอียด จากนั้นก็พูดว่า “เ้าอสูรสัตว์ปีกตัวนี้ไม่เลวเลย สี่สิบห้าล้านเหรียญหยกดำ ข้าซื้อ”
จี้เฟิงอวินกับซ่งเหยาต้องออกเดินทางไกลอีกที ไม่แน่ว่าในอนาคตอีกหลายปีพวกเขาอาจจะต้องใช้อสูรสัตว์ปีกบินตลอด ดังนั้น พวกเขาสองคนถึงได้เดินทางมาจากแดนไกลและเลือกซื้อสัตว์ปีกที่ดีที่สุด
วิหคปีกมืด ก็คืออสูรสัตว์ปีกที่จี้เฟิงอวินกับซ่งอวินเลือก และก็ถือเป็ของขวัญที่จี้เฟิงอวินมอบให้ซ่งเหยาในฐานะคนรักคนหนึ่ง
“เอ่อ ... คุณชายท่านนี้ วิหคปีกมืดไม่เลวจริงๆ แต่ว่านายท่านท่านนี้ได้ซื้อไปแล้ว ทางเรายังมีอสูรสัตว์ปีกระดับเก้าอีกจำนวนมากที่ยอดเยี่ยม และท่านสามารถเลือกซื้อได้ ซึ่งแน่นอนว่า หากท่าน้าวิหคปีกมืดตัวนี้ ท่านสามารถเจรจากับนายท่านท่านนี้เป็การส่วนตัว หากเขายินยอมยกเลิกการซื้อขาย ท่านก็สามารถซื้อเ้าวิหคปีกมืดตัวนี้ไปได้เ้าค่ะ”
ครูฝึกหญิงมองออกว่าจี้เฟิงอวินนั้นไม่ธรรมดา ไม่ต้องคิดก็มองออกว่า จี้เฟิงอวินนั้นมีฐานะสูงส่งกว่าิอวี่ไม่รู้กี่เท่า
ครูฝึกหญิงคนนี้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงทำได้แค่พูดตามมารยาทที่ควรจะเป็ออกไปเพื่อให้ตัวรอด ไม่ว่าเขากับิอวี่จะมีปัญหากันอย่างไรก็จะไม่เกี่ยวข้องกับทางสวนสัตว์ปีกอีกเลย
จี้เฟิงอวินได้ยินดังนั้นก็หันไปมองิอวี่แล้วสะบัดข้อมือ แล้วโยนถุงเก็บของสีแดงไปที่ปลายเท้าของิอวี่
“เอาเงินสามล้านเหรียญหยกดำนี่ แล้วไสหัวไป”
จี้เฟิงี้เีพูดมากกับิอวี่ หลังจากไล่ิอวี่แล้วเขาก็เดินตรงไปหาวิหคปีกมืด แล้วเริ่มพูดคุยกับครูฝึกหญิง
“ข้ายอมให้เ้าซื้อมันแล้วหรือ”
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงที่ดูโมโหเล็กน้อยดังขึ้นมาด้านหลังของจี้เฟิงอวิน
“หือ?” จี้เฟิงอวินหันหลังกลับมาก็มองเห็นว่าิอวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้แตะต้องอะไรกับเงินสามล้านเหรียญหยกดำเลย
ดวงตาของิอวี่ดุดันมาก เขาจ้องไปทางจี้เฟิงอวินแล้วพูดว่า “ข้าพูดว่าข้ายอมให้เ้าเอาอสูรสัตว์ปีกของข้าไปแล้วหรือ?”
จี้เฟิงอวินเห็นท่าทางดุดันของิอวี่ก็ขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็าไปว่า “เป็คน อย่าได้คืบจะเอาศอก ให้เงินเ้าสามล้านเหรียญไปแล้วยังอยากจะได้มากขึ้นอีก ถ้าเป็แบบนั้นเ้าจะไม่ได้ไปเลยแม้แต่แดงเดียว”
พูดจบ จี้เฟิงอวินก็กางมือออกแล้วดูดเอาถุงเก็บของสีแดงกลับมา
เดิมเขายังใจกว้างอยู่จึงไม่ได้ใช้กำลัง การให้เงินสามล้านเหรียญกับิอวี่ถือว่าเขายอมให้มากแล้ว แต่ิอวี่กลับยังไม่ยอมอีก ยังคิดอยากจะใช้ช่องทางนี้หาเงินเพิ่มขึ้น ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่ไว้หน้าิอวี่แล้วเหมือนกัน
“เหอะๆ คนของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนใช่ไหม”
ิอวี่ชี้ไปที่จี้เฟิงอวิน “พูดแบบนี้ดีกว่า ต่อให้วันนี้เ้าเอาเงินให้ข้าหนึ่งพันล้านเหรียญหยกดำ เ้าก็ไม่มีทางเอาอสูรสัตว์ปีกของข้าไปได้”
อะไรนะ?
จี้เฟิงอวินขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองฟังผิด ไม่เคยมีใครพูดจาโอหังแบบนี้ต่อหน้าเขามาก่อนเลย
ิอวี่กำลังล้ำเส้นของเขาแล้ว
“ข้าจะบอกเ้าอีกครั้ง อย่าไว้หน้าแล้วไม่เอา” ระหว่างที่พูด ลมปราณที่น่ากลัวบนตัวของเขาก็แผ่ออกมา ทั้งหมดมันพุ่งไปที่ตัวของิอวี่
“อสูรสัตว์ปีกนี่ข้าซื้อมันมาแล้ว ทำไม คิดอยากจะบีบบังคับเอามันไปต่อหน้าทุกคนแบบนี้น่ะหรือ ที่แท้คนของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยนก็มีนิสัยแบบนี้นี่เอง”
น้ำเสียงิอวี่เ็าอย่างมาก ลมปราณในร่างกายก็เริ่มพลุ่งพล่านเช่นกัน วิหคัน้อยตัวนี้เขาเห็นก่อนถึงได้ซื้อ จี้เฟิงอวินมีสิทธิอะไรมาแย่งของเขาไป หากจี้เฟิงอวินยืนยันจะใช้กำลังบีบบังคับแบบนี้ ิอวี่ก็ไม่ปล่อยให้ศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำเหมือนกัน!
สรุปแล้วก็คือ ิอวี่ไม่ได้กลัวอะไรจี้เฟิงอวินเลย
หลังจากได้ยินคำพูดของิอวี่แล้ว สีหน้าท่าทางของทุกคนก็เหมือนเริ่มจะสนุก สิ่งที่ิอวี่พูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะมันก็เป็ไปตามกฎใครมาก่อนได้ก่อน แต่ว่า ต่อให้ิอวี่จะพูดเื่จริงมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจี้เฟิงอวินคือบุคคลชั้นสูงของราชวงศ์เวิ่นเจี้ยน หากเขาจะใช้กำลังบีบบังคับ แล้วิอวี่จะไปทำอะไรได้?
ส่วนทางสำนักกังเหริน ชุยเฟิงกำลังยิ้มมุมปาก เดิมเขาอยากจะเล่นงานิอวี่ทีหลัง แต่ตอนนี้ดูไปแล้วเขาแทบไม่ต้องลงมือเองแล้ว เพราะจี้เฟิงอวินจะเป็คนสั่งสอนเขาเอง!
ทุกคนไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย พวกเขาหวังว่าจี้เฟิงอวินกับิอวี่จะต่อสู้กัน จะได้มุงดูกันอย่างสนุกสนาน
“ข้าว่า เ้ามันรนหาที่ตาย”
เป็ไปอย่างที่ทุกคนคิด สีหน้าท่าทางของจี้เฟิงอวินนิ่งลง เขาปล่อยลมปราณกระบี่พุ่งเข้าใส่ิอวี่แทบจะในพริบตาเดียว ิอวี่ก็ััได้ว่าลมปราณกระบี่นั้นกำลังพุ่งมาและแทรกซึมเข้าสู่ตัวเขา!
แต่ว่าิอวี่นั้นมีร่างแห่งหยินหยาง ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งมาก แล้วยังมีพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัว หากเผชิญหน้ากันขึ้นมาจริงๆ ิอวี่ก็ยังต้องกลัวอยู่บ้าง แต่แค่ลมปราณกระบี่มันไม่มีทางทำอะไรเขาได้
เห็นิอวี่ยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับพร้อมกับสีหน้านิ่งเรียบ จี้เฟิงอวินก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ย เขารู้ว่าเมื่อครู่ิอวี่ได้ััลมปราณกระบี่ที่น่ากลัวของเขาไปแล้ว น่าจะเข้าใจคำว่ารู้จักถอยจริงๆ สักที
คนที่เคยอวดดีต่อหน้าเขา ไม่ว่าจะโอหังแค่ไหนก็ตาม แต่หลังจากได้ััลมปราณของเขาแล้ว ทั้งหมดก็ไม่ต่างจากสุนัข ไม่พูดไม่จา แล้วก็เลือกที่จะยอมแต่โดยดี
“เฟิงอวิน ช่างเถอะ”
ในเวลานี้เอง ซ่งเหยาก็เดินมาข้างกายของจี้เฟิงอวินแล้วพูดกับเขาว่า “ข้าไม่ชอบเ้าวิหคปีกมืดสักหน่อย ข้าไม่ชอบสีดำ”
หลังจากปล่อยพลังออกไปข่มิอวี่แล้ว จี้เฟิงอวินก็หายโกรธไปไม่น้อย ในเวลานี้พอได้ยินซ่งเหยาพูดแบบนี้เขาก็อธิบายไปว่า “เหยาเอ๋อร์ ถึงแม้มันจะเป็สีที่เ้าไม่ชอบ แต่วิหคปีกมืดมันมีความเร็วสูงมากเลยนะ ข้าก็แค่อยากจะซื้ออสูรสัตว์ปีกที่ดีหน่อยให้เ้าเท่านั้นเอง”
ซ่งเหยาส่ายหัวแล้วก็พูดแบบอ้อนๆ ว่า “แต่ว่าข้าไม่ชอบสีดำนี่นา เขาก็แค่ซื้อของที่ข้าไม่เอาเท่านั้น ต่อไประดับที่เราได้ััก็ไม่ใช่ระดับบนโลกนี้แล้ว เ้าอย่าไปเสียอารมณ์กับพวกกบในกะลาเลย มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด”
“อย่างนั้นเ้าอยากได้ตัวไหนล่ะ?” จี้เฟิงอวินยิ้มแล้วก็พูดกับซ่งเหยาอย่างอ่อนโยน
“อือ ... ตอนนี้ยังไม่เจอที่ข้าถูกใจเลย เ้าซื้อของเ้าก็พอแล้วล่ะ ข้านั่งตัวเดียวกับเ้าก็ได้ พอไปถึงที่นั่นแล้วก็น่าจะมีสัตว์ปีกอีกมากมายให้ข้าได้เลือก ถึงเวลานั้นเ้าค่อยซื้อให้ข้าก็แล้วกัน”
จี้เฟิงอวินคิด ก่อนจะใช้มือลูบไปที่หัวของซ่งเหยาแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ได้ ถึงเวลานั้นเ้าอยากจะได้อะไร ข้าจะซื้อให้เ้าหมดเลย”
