บทที่ 7 หนทางสร้างรายได้
สุดท้าย จางฝูเซิง ก็กลับบ้าน
เหตุผลแรกคือเขาหาหอพักตัวเองไม่เจอ และเหตุผลที่สองคือ เขา้าทดลองว่า เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน ขั้น สำเร็จขั้นสูง มีพลังวิเศษอย่างไร
“หนึ่งร้อยสามสิบสองหยวน ให้แค่หนึ่งร้อยสามสิบก็พอ”
เขาจ่ายค่ารถ และเดินกลับไปยัง เขตที่เจ็ด ซึ่งถือเป็ย่าน ‘หรูหรา’ แล้วกลับไปที่ห้อง 306
“เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน”
จางฝูเซิง ลองค้นหาเคล็ดวิชาเพ่งจิตนี้บนอินเทอร์เน็ต แต่ข้อมูลที่พบนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่มาจากอดีตนักเรียนของ สำนักยุทธ์หงจี้
ตามข้อมูลออนไลน์ เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน เป็เคล็ดวิชาเฉพาะของ เ้าสำนักเฒ่าหง จัดอยู่ในประเภท ระดับสูง แต่ฝึกฝนได้ยาก และเนื่องจากต้อง เพ่งจิต เห็นตนเองเป็ โครงกระดูก มันจึงง่ายต่อการ วิปลาส
“เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน”
จางฝูเซิง ครุ่นคิด ในชาติที่แล้วของเขาก็มี เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน ในศาสนาพุทธ และเป็หนึ่งใน ปัญญาญาณ ห้าประการของพุทธศาสนา แต่โลกนี้ไม่มีการมีอยู่ของศาสนาพุทธ
อย่างน้อยตลอดสิบแปดปีที่เกิดมา เขาก็ไม่พบร่องรอยของศาสนาพุทธ
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จางฝูเซิง จึงหันไปค้นหาระดับทั้งห้าของเคล็ดวิชาเพ่งจิต แต่ข้อมูลก็ยังคงน้อยมาก—เขาคาดว่า นักยุทธ์ น่าจะมีเครือข่ายเฉพาะของตนเอง ข้อมูลมากมายถูกแบ่งแยกออกจากคนทั่วไป
มิฉะนั้น สิ่งที่ หนิวต้าลี่ สามารถพูดได้ต่อหน้านักเรียนนับสิบคน จะไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร?
“ถ้าจำไม่ผิด อาจารย์เฉิน ที่สอนเคล็ดวิชาเพ่งจิตสมัย ม.5 เคยบอกไว้ว่า ทันทีที่เคล็ดวิชาเพ่งจิต สำเร็จขั้นสูง นั่นคือก้าวเข้าสู่ระดับ [ฉันระลึกถึงอะไร สิ่งนั้นจักเป็จริง] มันจะมี พลังวิเศษ ที่ไม่ธรรมดา”
“พลังวิเศษ ชนิดนี้ เป็สิ่งที่ นักยุทธ์ ระดับ สิบสองบ่มเพาะ หลายคนต่างใฝ่ฝันแต่ยากจะเอื้อมถึง... เคล็ดวิชาเพ่งจิตใช้ ปัญญาญาณ มากเกินไป”
จางฝูเซิง ไตร่ตรอง หากไม่มี ภาพวาดกระดูกขาวโพลน ที่ศักดิ์สิทธิ์ และการ จมดิ่งในขุมนรก ห้าสิบปีที่ผ่านมาคงพอเพียงแค่ให้เขาฝึก เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน จนถึงขั้น สำเร็จขั้นต้น เท่านั้น
จะให้ สำเร็จขั้นสูง อย่างนั้นหรือ?
อาจจะต้องใช้เวลาถึงร้อยปี!
ยิ่งเป็เช่นนี้ เขาก็ยิ่งอิจฉา พร์ ของ เฉินน่วนอวี้ มากเท่านั้น—ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยอย่างเป็ทางการ ก็ สำเร็จขั้นสูง ทั้งเคล็ดวิชาเพ่งจิตและวิชาการหายใจ!
ควรทราบว่า ตามที่ อาจารย์เฉิน กล่าว จำนวนผู้ที่ฝึกเคล็ดวิชาเพ่งจิตจน สำเร็จขั้นสูง นั้น น้อยกว่า จำนวน นักยุทธ์ ชั้นนำระดับ สิบสองบ่มเพาะ เสียอีก!
ถ้าเช่นนั้น... เฉินน่วนอวี้ ฝึกเคล็ดวิชาเพ่งจิตจน สำเร็จขั้นสูง จริง ๆ หรือ?
จางฝูเซิง เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที ความแตกต่างระหว่างคนกับคน มันจะมากมายขนาดนี้เชียวหรือ?
“ถ้าอย่างนั้น พลังวิเศษ ของ เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน คืออะไรกัน?”
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนั่งเล่น จ้องมองตัวเองในกระจก ความคิดก็เคลื่อนไหว เพ่งจิต เห็นตนเองค่อย ๆ เน่าเปื่อยและผุพังจนเป็ กระดูกขาวโพลน
ความคิดสามารถััได้ถึง ปัจจัยลึกลับ ที่หนาแน่นรอบตัว ซึ่งดูเหมือนจะเคลื่อนไหวตามใจเขา แต่ก็ไม่มีพลังวิเศษอื่นใด
ถ้าจะต้องพูดถึงก็คือ อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง และร่างกายดูเหมือนจะมี ‘ความเงียบสงบ’ หรือ ‘ความแห้งเหี่ยว’ เพิ่มเข้ามา
“ไปต่อ!”
ครั้งนี้ จางฝูเซิง เพ่งจิต เห็นตัวเองที่กลายเป็ กระดูกขาวโพลน เริ่มงอก เนื้อหนัง และ ิั ขึ้นมาใหม่ อัตราการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สลัว ๆ แล้วเขาก็สามารถได้ยินเสียงเืที่ไหลเวียนในเส้นเื
ปัจจัยลึกลับ ที่มองไม่เห็นรอบตัว ก็ชัดเจนขึ้นในความรู้สึก
นี่คือระดับ สำเร็จขั้นต้น ของเคล็ดวิชาเพ่งจิต หรือระดับ [สภาวะภายใน]
“สุดท้ายก็คือ สำเร็จขั้นสูง... ฉันระลึกถึงอะไร สิ่งนั้นจักเป็จริง!”
เขา เพ่งจิต ถึงตัวตนของตนเองอีกครั้ง เห็นกระดูกงอกเนื้อหนังแล้ว เปล่งแสง จ้องมองตัวเองในกระจก—ใต้ิัของเขา มีแสงเรืองรอง อยู่จริง ๆ!
จางฝูเซิง คงสภาพ ‘กระดูกเปล่งแสง’ ไว้ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เซลฟี่
เปิดอัลบั้มภาพ ตัวเขาในภาพถ่ายกำลัง เปล่งแสงเรืองรอง แสงนั้นส่องออกมาจากใต้ิั ลาง ๆ แล้วก็สามารถวาดโครงร่างของ กระดูกสองร้อยหกชิ้น ได้—นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา!
กระดูกของเขาเปล่งแสงจริง ๆ!
แล้วมันมีประโยชน์อะไร?
“ฉันระลึกถึงอะไร สิ่งนั้นจักเป็จริง... ฉันเพ่งจิตเห็นกระดูกเปล่งแสง แล้วกระดูกก็เปล่งแสงจริง ๆ นี่มันเรียกว่าอะไร? จิติญญาส่งผลกระทบต่อความเป็จริง อย่างนั้นหรือ?”
“แล้วระดับ สมบูรณ์ ที่เป็ ‘ผู้อื่นเพ่งจิตถึงฉัน ฉันจักเป็จริง’ ล่ะ มันเป็อาณาจักรแบบไหน?”
หลังจากค้นคว้าอยู่ครึ่งวันก็ยังไม่เข้าใจว่า กระดูกเปล่งแสง มีประโยชน์อะไร จางฝูเซิง จึงรีบล้างหน้าแล้วเข้านอน
เขากำลังคิดว่า ‘พร์’ นั้นจำเป็ต้องแสดงออกมา แต่จะแสดงออกได้ถึงระดับใด?
เคล็ดวิชาเพ่งจิต จากที่ไม่มีพื้นฐาน กลายเป็ สำเร็จขั้นสูง ในคืนเดียว... มันจะมากเกินไปหรือไม่?
จางฝูเซิง ไม่เข้าใจว่าความก้าวหน้านี้หมายถึงอะไร
“ฉันไม่จำเป็ต้องรีบเลย ค่อย ๆ เป็ค่อย ๆ ไปก็พอดี... ชั้นเรียนเพ่งจิต มีทุกสามวัน สามวันต่อจากนี้ค่อยแสดง เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน ขั้น สำเร็จขั้นสูง ออกมา เ้าสำนักหง น่าจะยอมรับได้ง่ายขึ้นใช่ไหม?”
“พันธสัญญา ยังต้องใช้เวลาอีกประมาณยี่สิบวันในการ ชาร์จพลัง เป้าหมายในการแลกเปลี่ยน ครั้งต่อไปควรเลือกใครดี?”
จางฝูเซิง คิดไปพลาง เพ่งจิต เห็นตนเอง ผุพังเป็กระดูก กระดูกงอกเนื้อหนังและเปล่งแสง แล้วก็ ผุพังเป็กระดูก อีกครั้งไปพลาง
ด้วยวงจรนี้ พลังปราณ รอบตัวเขาก็หมุนเวียนอยู่ระหว่าง แห้งเหี่ยว และ รุ่งเรือง สลับกันไป อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงแล้วเร็วขึ้น เร็วขึ้นแล้วช้าลง เส้นผมขาวแล้วดำ ดำแล้วขาว
ราวกับได้ผ่าน ความเป็ความตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
...
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เวลาตีห้า จางฝูเซิง ตื่นแต่เช้า และรีบเดินทางไปยัง เขตที่สาม พร้อมสัมภาระ
อย่างแรกคือเพื่อ ประหยัดค่าใช้จ่าย โดยการนั่งรถไฟใต้ดิน—แม้ว่าจะใช้เวลานาน และอย่างที่สองคือตั้งใจจะไปถาม พนักงานหญิงที่เคาน์เตอร์ ให้ชัดเจนว่าหอพักอยู่ที่ไหนก่อนที่ชั้นเรียนจะเริ่ม
กว่าจะถึงประตู สำนักยุทธ์หงจี้ ก็เกือบแปดโมงแล้ว ข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์มือถือของเขา
จูเสี่ยวิ อาจาง งานเลี้ยง มหาวิทยาลัยเจียงโจว กำหนดวันแล้วนะ จะจัดในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า วันที่ 14 กรกฎาคม สถานที่น่าจะเป็ภัตตาคารอาอี๋ ข้างมหาวิทยาลัยเจียงโจว เดี๋ยวฉันไปรับนายได้ไหม?
จางฝูเซิง ตอบกลับว่าตกลง แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งข้อความเสียงไป
“มีใครบ้าง?”
จูเสี่ยวิ ของ สาขาวิถีแห่งยุทธ์ ก็มีฉันกับ ลู่เหยา จากห้องเรา แล้วก็ เฉินน่วนอวี้ จางโป๋ หวังเฉิง จากห้องหัวกะทิ นอกจากนี้ยังมีนักเรียนที่ไม่ใช่สาขาวิถีแห่งยุทธ์อีกสองสามคน ดูเหมือนจะมีคนจาก สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ของนายด้วย
จางฝูเซิง อืม ฉันจะไป
เหลือบมองกลุ่มแชตของชั้นเรียน ก็ยังคึกคักั้แ่เช้าตรู่ พวกเขากำลังคุยกันเื่ไปเที่ยวที่ไหน หรือที่ไหนกำลังรับ ลูกจ้าง่ปิดเทอม
แม้ว่า โรงเรียนมัธยมหลินซู่ จะถือเป็โรงเรียนที่ดีในเมืองเจียงโจว แต่ก็มีนักเรียนที่ฐานะทางบ้านแย่กว่า จางฝูเซิง ไม่น้อย
เช่นเดียวกัน
คนที่ฝึก วิชาการหายใจ และ เคล็ดวิชาเพ่งจิต มาสามปีแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าเลย ก็มีไม่น้อยเช่นกัน
อันที่จริง นี่ไม่สามารถเรียกว่าเป็คนโง่เขลาได้ แต่ควรเรียกว่าเป็ คนธรรมดา ในความหมายหนึ่ง จางฝูเซิง เองก็ถือว่าเป็คนที่มี พร์ปานกลางถึงสูง
“สามปี... การซื้อ ระยะเวลาฝึกฝนเคล็ดวิชาเพ่งจิต และ วิชาการหายใจ ของพวกเขา คงจะ ขาดทุน เกินไปหน่อย...”
จางฝูเซิง เข้าใจดีว่ายิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งไม่ยอมแพ้ ส่วนใหญ่ยังมีความมุ่งมั่นอยู่ในใจ
คุณตาหวัง ต่างหากที่เป็ ‘เป้าหมายในการแลกเปลี่ยน’ คุณภาพสูง
“บางทีฉันอาจจะต้องไป เขตที่แปด หรือ เขตที่เก้า โดยเฉพาะโรงพยาบาลและคลินิกที่นั่น... แต่ฉันต้องกลายเป็ นักยุทธ์ และมี ความสามารถในการป้องกันตัวเอง ก่อน”
หลังจากถาม พนักงานหญิงที่เคาน์เตอร์ ได้ หมายเลขห้องพัก แล้ว
จางฝูเซิง ก็เดินเข้าไปในหอพักหมายเลข 204 ชั้นสองของสำนักยุทธ์อย่างเงียบ ๆ
ห้องนี้เป็ห้องพักสามคน มีเตียงสามเตียงวางอยู่คนละทิศทาง เตียงอยู่บน โต๊ะอยู่ล่าง โดยรวมมีขนาดประมาณสามสิบกว่าตารางเมตร ตกแต่งได้อย่างสะอาดสะอ้าน บรรยากาศดี
เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนตื่นนอนแล้ว คนหนึ่งกำลังล้างหน้า อีกคนกำลังฝึกฝน
“นักเรียนใหม่?”
ชายหนุ่มที่กำลังล้างหน้าเช็ดน้ำบนใบหน้าออก หันมา สำรวจ จางฝูเซิง ั้แ่หัวจรดเท้า
“นายคือคนที่นั่งแถวหน้าสุดเมื่อวานใช่ไหม... ฉันชื่อ โจวเฉวียน คนที่กำลัง เพ่งจิต อยู่นั่นชื่อ หวังเซี่ยงหนาน”
“จางฝูเซิง”
จางฝูเซิง พยักหน้าอย่างสุภาพ จัดเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
‘เอี๊ยด...’
พร้อมด้วยเสียงเสียดสีที่บาดหู โจวเฉวียน ที่ล้างหน้าเสร็จแล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม จางฝูเซิง ด้วยท่าทางที่สนใจ
“ถ้าจำไม่ผิด น้องฝูเซิง เพิ่งจะเริ่มฝึกเคล็ดวิชาเพ่งจิตเมื่อวานนี้ใช่ไหม? ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้?”
จางฝูเซิง ตอบ
“เคล็ดวิชาเพ่งจิตที่สอนในโรงเรียนนั้น ระดับต่ำเกินไป ผมได้ยินมาว่าการเปลี่ยนเคล็ดวิชาเพ่งจิตนั้นยุ่งยากมาก ผมจึงรอให้ทางบ้านเก็บค่าเล่าเรียนได้ครบ แล้วจึงมาเรียนที่ สำนักยุทธ์ โดยตรงเลย”
ดวงตาของ โจวเฉวียน เป็ประกายเล็กน้อย และกล่าวอย่างครุ่นคิด
“บ้าน น้องฝูเซิง ค่อนข้างลำบากเหรอ?”
“อาศัยอยู่ใน เขตที่เจ็ด” จางฝูเซิง ตอบสั้น ๆ เขารู้สึกงงเล็กน้อยว่าชายหนุ่มคนนี้ดู เป็กันเอง มากเกินไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของ โจวเฉวียน ยิ่งดูอบอุ่นเป็มิตร
“เขตที่เจ็ด งั้นเหรอ เรียนวรรณกรรมจนยากจน ฝึกยุทธ์จนร่ำรวย ค่าใช้จ่ายในการฝึกยุทธ์นั้นไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็ค่าจ้าง ศิษย์พี่ ที่ เข้าถึง แล้วในสำนักยุทธ์ให้แนะนำ เคล็ดวิชาเพ่งจิต และ วิชาการหายใจ หรือ ยาอาบน้ำ และ การบำรุงด้วยอาหาร หลังจากการ ขัดเกลาร่างกาย ทั้งหมดนี้เป็จำนวนเงินที่สูงมาก”
สีหน้าของ จางฝูเซิง ไม่เปลี่ยน ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ความหมายของ พี่โจว คืออะไรครับ?”
โจวเฉวียน ชี้ไปที่ หวังเซี่ยงหนาน ที่กำลังฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ตอนแรกฐานะทางบ้านของ เซี่ยงหนาน ก็ไม่ดี อาศัยอยู่ใน เขตที่แปด แต่หลังจากที่เขามา ทำงานกับฉัน ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่ เขตที่ห้า ซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง ชำระค่าเล่าเรียนไปสามงวดรวด และแม้แต่ อาหารบำรุง ที่เขากินล่าสุดก็มื้อละหกถึงเจ็ดร้อย... กำลังจะกลายเป็ นักยุทธ์ระดับหนึ่งบ่มเพาะ แล้ว”
“น้องฝูเซิง สนใจที่จะหาเงินใช้บ้างไหม?”
จางฝูเซิง เลิกคิ้วเล็กน้อย ชำเลืองมอง หวังเซี่ยงหนาน ที่กำลังตั้งใจฝึกฝน เขาสามารถััได้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝึก [เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน] น่าจะเพิ่ง เข้าถึง และอยู่ในระดับ ‘รูปภายนอก’
หลังจาก เคล็ดวิชาเพ่งจิตกระดูกขาวโพลน สำเร็จขั้นสูง เขาสามารถัั สถานะทางจิติญญา ของผู้อื่นได้อย่างชัดเจน
ไม่สิ ไม่ใช่แค่การัั
ดูเหมือนว่า... เขาสามารถ ส่งผลกระทบ ต่ออีกฝ่ายได้ด้วย?
“ค่าเล่าเรียนสามงวดก็สามแสนแล้ว บ้านหลังหนึ่งใน เขตที่ห้า ก็ไม่ต่ำกว่า หนึ่งล้านหยวน หนทางสร้างรายได้ของ พี่โจว คงจะ ยิ่งใหญ่ มากเลยนะครับ”
จางฝูเซิง ยิ้มและกล่าว
“แต่ผมยังอยากตั้งใจฝึกยุทธ์อยู่ครับ ยังไม่มีเวลาสนใจเื่อื่น”
รอยยิ้มของ โจวเฉวียน ไม่ลดลง ไม่ได้โกรธเพราะถูกปฏิเสธ แต่กลับเดินเข้ามาตบไหล่ จางฝูเซิง อย่างสนิทสนม
“ไม่เป็ไร วันไหนขาดเงินก็มาหาฉันได้เลย”
เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือราคาแพง
“เก้าโมงมีสองคาบเรียนติดต่อกัน เป็ วิชาการหายใจ กับ ฝึกท่าหลัก ไปด้วยกันไหม?”
“ดีเลยครับ” จางฝูเซิง พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ตอนนี้เขาก็ขาดแค่ วิชาการหายใจ แล้ว
