เมื่อกลับมาจากร้านขนมปังเฉินหลาง เสิ่นเยี่ยนก็ไปยังค่ายทหารทันทีแต่สิ่งแรกที่กู้เจิงทำหลังกลับมาบ้านคือกลับมานับทรัพย์สินที่เสิ่นเยี่ยนมอบให้นางนางค่อยๆ ฝึกทำบัญชีไป เป็การฝึกฝีมือ
กู้เจิงมองเงินในกล่องอย่างหุบยิ้มไม่อยู่ ไม่ว่าสมัยไหนเงินก็เป็ของดี หากมีเครื่องคิดเลขด้วยก็คงยิ่งดี พูดถึงเครื่องคิดเลขกู้เจิงจึงนึกถึงลูกคิดขึ้นมาดูท่านางคงต้องหาเวลาไปขอคำชี้แนะจากท่านป้าใหญ่สักครั้ง
“คุณหนูเ้าคะ” ชุนหงถือกระดาษหลายแผ่นเดินเข้ามาวางลงบนโต๊ะ “วันนี้เหมือนท่านป้าเสิ่นจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเ้าค่ะ”
“ท่านแม่เป็อะไรหรือ?” กู้เจิงวางสมุดบัญชีลง
“ท่านป้ากลับมาก็ปลีกตัวเข้าห้องจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาเลยเ้าค่ะ ปกติจะต้องออกมาทำงานแล้วนะเ้าคะ”
กู้เจิงนึกถึงใบหน้าซีดขาวของแม่สามีตอนอยู่ในร้านขนมปัง ในใจอดไม่ได้ที่จะกังวลนางลุกขึ้นพลางเอ่ยว่า “เราไปหาท่านแม่กันเถอะ”
ทว่าเมื่อพวกนางออกมาจากห้อง นายหญิงเสิ่นก็ออกมาจากห้องของนางแล้วตอนนี้นางกำลังนั่งมองสามีผ่าฟืนอยู่ด้วยทีท่าเป็ปกติ
“ดูเหมือนบ่าวจะคิดมากไปเ้าค่ะ” ชุนหงยิ้มแห้ง
แต่ก่อนที่สองนายบ่าวกำลังจะพากันกลับเข้าห้องก็มีผู้เฒ่าเคราแพะถือร่มเดินเข้ามาในบ้าน ผู้าุโคนนี้คือหัวหน้าตระกูลเสิ่นนั่นเอง
“ท่านหัวหน้าตระกูลมาได้ยังไง?” สองสามีภรรยาเสิ่นรีบมาต้อนรับเชิญเขาเข้าไปดื่มชาในห้องครัว
ในเมื่อไม่เกี่ยวอะไรกับนางกู้เจิงจึงดึงชุนหงกลับเข้าห้องไปดูหนังสือต่อ ชุนหงนั้นเรียนรู้ได้ช้ากว่านางแต่นางก็ตั้งอกตั้งใจในการเรียนมาก แม้ตอนนี้นางจะยังอ่านสมุดบัญชีไม่ออกแต่อีกไม่นานก็น่าจะรู้ความ
ยามเที่ยง ในที่สุดฝนที่ตกมาตลอดเช้าก็หยุดลงแต่ท้องฟ้ายังมืดครึ้มและอากาศยังคงหนาวเย็นอยู่
นายท่านเสิ่นได้ออกไปบ้านลุงสามและบอกว่าจะอยู่กินอาหารที่บ้านของลุงสาม ส่วนเสิ่นเยี่ยนอยู่ในค่ายทหารที่บ้านจึงมีแต่ฮูหยินเสิ่น กู้เจิง และชุนหงสามคน
เนื่องจากทั้งสามคนไม่ได้หิวมากนัก ชุนหงจึงเสนอให้ทำเจียนปิ่ง[1] หัวไชเท้า นางบอกว่าไม่กี่วันก่อนเห็นเพื่อนบ้านทำเลยอยากทำบ้าง
“ข้าจะไปดึงหัวไชเท้าในสวนหลังบ้านหัวไชเท้าที่ฝังอยู่ในน้ำแข็งจะอร่อยเป็พิเศษ”นายหญิงเสิ่นพูดขึ้นก่อนเดินไปทางหลังบ้าน
กู้เจิงกับชุนหงเริ่มเตรียมแป้งและไข่จนกระทั่งผสมกันเป็ก้อนแป้งเรียบร้อยแล้ว นายหญิงเสิ่นก็ยังไม่กลับมา
กู้เจิงเดินออกมาตาม จึงเห็นแม่สามีกำลังล้างหัวไชเท้าอยู่ด้านนอกด้วยท่าทางเหม่อลอย
“ท่านแม่ ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ?” กู้เจิงรีบเดินเข้าไปหานายหญิงเสิ่นก่อนจะย่อตัวลงรับหัวไชเท้าในมือแม่สามีมาช่วยล้าง
นายหญิงเสิ่นพอถูกกู้เจิงทักก็ได้สติ นางตอบด้วยท่าทีลังเล “ไม่มีอะไรหรอก คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนใจลอยน่ะ เ้าหิวแล้วใช่ไหม เรารีบไปทำกันเถอะ”
หลังจากกลับเข้ามาในครัว นายหญิงเสิ่นก็หยิบเครื่องไสมาขูดหัวไชเท้าจากนั้นนำเกลือมาใส่เส้นหัวไชเท้าที่เตรียมไว้นางทำทุกขั้นตอนต่อเนื่องกันโดยไม่หยุดพัก
แต่กู้เจิงยังคงรู้สึกว่าแม่สามีมีเื่บางอย่างในใจเพียงแต่เห็นว่านางไม่อยากพูดจึงไม่ได้ซักถามต่อนางนึกถึงเื่ที่สองวันมานี้ตนเองตื่นสายก็รู้สึกผิดอยู่บ้างกู้เจิงจึงม้วนแขนเสื้อขึ้นพลางพูดอาสากับแม่สามี “ท่านแม่ หลังจากแต่งงานเข้าบ้านมา อาหารที่กินก็มักจะเป็ท่านแม่ทำเสมอต่อไปข้าจะเป็คนทำอาหารเองเ้าค่ะ ท่านแค่บอกว่าทำยังไงก็พอแล้ว”
ลูกสะใภ้กตัญญูเช่นนี้ ไหนเลยนายหญิงเสิ่นจะไม่เห็นด้วย “ได้ เ้าไปเอากุ้งแห้งที่ตากไว้มาก่อนแล้วค่อยนำมาผัดกับหัวไชเท้า”
“ท่านป้าเสิ่น ยังต้องเตรียมต้นหอมไว้ด้วยไหมเ้าคะ?” ชุนหงถาม
“โอ๊ย ดูความจำข้าสิ ข้าเก็บหัวหอมมาแล้วแต่ดันวางลืมไว้ที่ข้างบ่อน้ำน่ะ” นายหญิงเสิ่นนึกขึ้นได้นางรีบออกไปเอาต้นหอมมา
กู้เจิงรู้สึกว่าวันนี้แม่สามีมีบางอย่างผิดปกติไปจริงๆ แต่ไหนแต่ไรนางทำงานบ้านอย่างมีระเบียบขั้นตอนมาโดยตลอดไม่เคยเป็เช่นนี้มาก่อน
หลังจากผัดกุ้งแห้งกับหัวไชเท้าที่ขูดเป็เส้นแล้วก็ใส่น้ำมันงาลงไปหนึ่งช้อนนายหญิงเสิ่นใส่หัวหอมที่หั่นแล้วเพิ่มเข้าไป ชุนหงแบ่งแป้งออกเป็ก้อนๆแล้วทาน้ำมันลงบนมือ ก่อนจะหยิบแป้งมาห่อหัวไชเท้ากุ้งแห้งเป็ไส้ข้างในแล้วนำไปทอดในกระทะ
กู้เจิงแอบสังเกตแม่สามีไปด้วยขณะทำงานแม้ท่านแม่จะทำงานมือเป็ระวิงอยู่ตลอดเวลาแต่เห็นได้ชัดว่านางแอบคิดสิ่งใดอยู่ในใจไปด้วยกู้เจิงรู้สึกว่าควรเบี่ยงเบนความสนใจจากแม่สามี จึงถามขึ้นว่า “ท่านแม่ วันนี้ท่านหัวหน้าตระกูลมาที่บ้านเราทำไมหรือเ้าคะ?”
ตามที่คาดไว้ เื่ของหัวหน้าตระกูลทำให้นายหญิงเสิ่นหันกลับมาสนใจนาง “เป็เื่ของเสี่ยวเหมาเอ๋อร์น่ะครั้งก่อนที่หิมะตกหนักจนบ้านของเสี่ยวเหมาเอ๋อร์เสียหายและพ่อแม่ของเขาหนีออกมาไม่ทัน ตอนนี้เขาจึงกลายเป็เด็กกำพร้าอาของเขาก็จะรับเขาไปดูแล แต่ครอบครัวพวกเขาก็ยากจนเหลือเกินไหนจะต้องเลี้ยงดูปู่ย่าที่เข่าไม่ดีแล้วยังจะต้องมาส่งเสียให้เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ได้เรียนหนังสืออีก ดังนั้นคนในตระกูลจึงปรึกษากันว่าจะให้เสี่ยวเหมาเอ๋อร์มาเป็บุตรชายบุญธรรมของลุงสามเ้าแทน”
“ที่ท่านหัวหน้าตระกูลมาในวันนี้เพราะอยากขอให้ท่านพ่อช่วยไปคุยกับลุงสามให้หรือเ้าคะ?"
นายหญิงเสิ่นพยักหน้า “ถ้าลุงสามเ้าอยากมีลูก คงรับเลี้ยงั้แ่ก่อนหน้านี้แล้วอีกทั้งป้าสามยังคิดว่าตัวเองสามารถมีลูกได้ ข้าจึงไม่คิดว่าพวกเขาจะเห็นด้วย”
คนโบราณให้ความสำคัญกับการมีทายาทสืบสกุลมากทว่าลุงสามกลับใส่ใจความคิดของภรรยามากกว่าสิ่งใดกู้เจิงคิดว่าบุรุษเช่นนี้หาได้ยากจริงๆ “ท่านลุงสามดีต่อท่านป้าสามจริงๆ เ้าค่ะ”
“ใช่แล้ว”
“ท่านพ่อก็ดูแลท่านแม่ดีเหมือนกันเ้าค่ะ” กู้เจิงหัวเราะคิกคัก
เมื่อพูดถึงสามีของตนเอง นายหญิงเสิ่นก็ยิ้มบางๆนางมองไปที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “อาเยี่ยนก็ย่อมดีต่อเ้าเช่นกัน”
กู้เจิงก็เห็นด้วยกับคำของแม่สามี การที่เสิ่นเยี่ยนเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้จะทำให้เขาเป็คนไม่ดีไปได้อย่างไรกัน?
นายท่านเสิ่นกลับมาบ้านใน่บ่ายคล้อยไปแล้ว เป็ดังที่นายหญิงเสิ่นคาดไว้ลุงสามไม่เห็นด้วยกับเื่รับเสี่ยวเหมาเอ๋อร์เป็บุตรบุญธรรม
ยามเย็นอากาศเริ่มหนาวขึ้น ชุนหงจึงนำเตาไฟเข้ามาจุดในห้อง
เมื่อเสิ่นเยี่ยนกลับมาถึงบ้านก็เห็นภรรยาสวมเสื้อคลุมตัวหนานั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอาจเป็เพราะลมที่ผ่านเข้ามาตอนเปิดประตู ทำให้นางจามออกมาเบาๆ เสิ่นเยี่ยนจึงรีบปิดประตูลง
“ท่านพี่ ทำไมวันนี้กลับมาช้าจังเ้าคะ” กู้เจิงกำลังจะก้าวลงจากเตียงเพื่อจะช่วยสามีถอดเสื้อแต่กลับถูกเขาห้ามไว้
“ข้าทำเอง” เสิ่นเยี่ยนถอดเสื้อนอกออกแล้วแขวนไว้บนราวก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าไปแวะจวนตวนอ๋องมาก่อนกลับ”
“ไปทำอะไรดึกดื่นเช่นนี้เ้าคะ?”
“รายชื่อผลสอบออกมาแล้ว”
กู้เจิงอึ้งไป “เพิ่งจะผ่านมาสามวันเหตุใดผลสอบถึงออกมาเร็วขนาดนี้เ้าคะ?” กู้เจิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที นางรีบเดินเข้าไปหาเสิ่นเยี่ยนพร้อมกับเบิกตากว้างมองเขาอย่างรอคอย
เสิ่นเยี่ยนถอดเสื้อผ้าต่อโดยไม่พูดอะไร
“ท่านจะไม่พูดอะไรเลยหรือเ้าคะ” กู้เจิงถึงกับเซ็ง นางกำลังรอให้เขาบอกผลคะแนนของเขาอยู่นะ
“พูดอะไร?”
“ท่านตั้งใจแกล้งข้า” กู้เจิงหน้ามุ่ย “ท่านสอบได้ลำดับที่เท่าไหร่เ้าคะ? "
เสิ่นเยี่ยนแกล้งเดินไปรินน้ำชาให้ตัวเองอย่างเชื่องช้ากู้เจิงเดินตามเขาอย่างร้อนรน
“ที่หนึ่ง”
กู้เจิงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นางจับแขนเสิ่นเยี่ยนพลางอุทานออกมา “จ้วงหยวนหรือเ้าคะ?”
ใครบอกนางว่าลำดับที่หนึ่งคือจ้วงหยวน? สิบอันดับแรกเพียงแค่มีคุณสมบัติเข้าวังไปสอบเท่านั้นเมื่อถึงเวลานั้นฮ่องเต้จะทรงมาตรัสถามข้อปัญหาจากก้งเซิง[2] ด้วยพระองค์เอง จากนั้นจึงเลือกผู้ได้คะแนนสูงสุดสามอันดับแรก เสิ่นเยี่ยนมองมือภรรยาที่จับแขนของเขาไว้อย่างตื่นเต้นนิ้วมือเรียวยาวและขาวเนียน สายตาเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าสดใสท่ามกลางแสงเทียนของนาง “เ้าอยากให้ข้าได้เป็จ้วงหยวนมากหรือ?”
“แน่นอนสิเ้าคะสตรีทุกคนล้วนหวังให้สามีของตนสอบได้จ้วงหยวนทั้งนั้นแหละเ้าค่ะ”ต่อจากนี้ก็แค่พยายามอีกไม่กี่ปีแล้วก็จะได้อยู่ใต้คนเพียงผู้เดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นกู้เจิงพยายามจะไม่กระหยิ่มยิ้มย่องจนเกินไปแต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจจะกลั้นรอยยิ้มไว้ได้
เสิ่นเยี่ยนเหลือบมองใบหน้าภรรยาที่แอบซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มแก้เก้อ
“ท่านพี่” กู้เจิงพูดขึ้นขณะที่ดึงมือของเสิ่นเยี่ยนมากุมเอาไว้ “ข้าชอบท่านเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนใจนพ่นชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปออกมา
กู้เจิง “...”
เสิ่นเยี่ยนรู้มาตลอดว่าภรรยาเป็คนซื่อตรงแต่ไม่คิดว่าจะตรงถึงเพียงนี้เขารับผ้าเช็ดหน้าที่ภรรยายื่นให้มาเช็ดคราบน้ำที่มุมปากก่อนพูดเสียงเรียบว่า “ข้าหลอกเ้าเล่น อันดับหนึ่งจะสอบกันได้ง่ายๆ ขนาดนี้ได้ยังไง”
รอยยิ้มบนใบหน้ากู้เจิงแข็งค้างเดิมทีนางคิดจะเล่าเื่ท่าทีผิดปกติของท่านแม่ให้เขาฟังแต่ตอนนี้นางโกรธจนไม่อยากพูดกับเขาแล้ว
สองวันต่อมา เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่สามีกู้เจิงจะทำสีหน้าดังปกติทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเยี่ยนก็จะทำหน้าเหม็นเบื่อทันทีแค่นึกถึงตอนที่เ้าหมอนี่เอาอันดับการสอบมาหลอกนางเล่นนางก็โมโหฮึดฮัดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จนเมื่อวันประกาศผลสอบจริงๆ มาถึงจิตใจของนางกลับตึงเครียดไม่หยุด
‘สิบปีแห่งความลำเค็ญไร้คนถาม เลื่องลือในคราเดียวใต้หล้ารู้’[3] ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนจะเป็หนึ่งในคนใต้หล้าที่ว่านี้ไหมนะ
วันที่ประกาศผลสอบในที่สุดท้องฟ้าก็เปิดกว้างแจ่มใสหลังจากฝนตกติดต่อกันมาหลายวันทุกคนต่างบอกว่าเพราะ์เป็ใจให้ผู้เข้าสอบเหล่านี้เป็พิเศษ
ครอบครัวของเสิ่นเยี่ยนพากันนั่งรถม้าไปที่หน้าสนามสอบเพื่อไปดูประกาศคะแนนของผลสอบกู้เจิงสังเกตว่ามีแค่นางกับชุนหงที่ดูตื่นเต้น ส่วนคนอื่นๆนั้นกลับดูนิ่งเฉยกันมาก
เป็เพราะไม่คาดหวังหรือเพราะมั่นใจกันนะ กู้เจิงหวังว่าจะเป็อย่างหลัง
มีผู้คนมากมายมาออกันอยู่หน้าประตูสนามสอบเมื่อเทียบกับวันที่สอบแล้วยังมีคนเยอะกว่ามาก รถม้าของตระกูลเสิ่นต้องจอดอยู่ไกลจากประตูสนามสอบอยู่มาก
“คุณหนู บ่าวตัวเล็ก จะแทรกไปอยู่ข้างหน้าเพื่อดูผลสอบให้เองเ้าค่ะ” ชุนหงกล่าวจบก็รีบมุดตัวแทรกผู้คนไปยังหน้าสนามสอบหลายวันมานี้ชุนหงตั้งใจเรียนหนังสือเป็อย่างดี ชื่อของทุกคนในตระกูลเสิ่นนางล้วนอ่านออกและเขียนได้หมด
“คนแน่นขนาดนี้ เ้าก็ต้องระวังตัวด้วยล่ะ” กู้เจิงรีบะโเตือนชุนหงระหว่างที่นางแทรกตัวมุดผู้คนเข้าไป
-----------------------------------------------
[1] เจียนปิ่ง เป็อาหารชนิดหนึ่ง โดยการนำแผ่นแป้งกลมๆ ไปทอดในกระทะซึ่งสามารถใส่เครื่องได้ตามใจ คล้ายกับพิซซ่า
[2] ก้งเซิง เป็ชื่อเรียกผู้สอบรับเข้าราชการผ่านในระดับที่สาม ซึ่งจะมีสิทธิ์เข้าสอบระดับสูงสุดในพระราชวังหากสอบผ่านจะได้เลื่อนขั้นเป็จิ้นซื่อและผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดสามอันดับแรกจะได้ตำแหน่งจ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวา ตามลำดับ
[3] สิบปีแห่งความลำเค็ญไร้คนถาม เลื่องลือในคราเดียวใต้หล้ารู้ หมายถึง ขยันบากบั่นลำบากมานาน แต่ไม่มีใครรู้ พอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมากลับเป็ที่รู้จักไปทั่วในชั่วข้ามคืน