เ่ิูเงยหน้ารับตะวันรอน ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นมา
ตอนนี้เองที่หลิวจงหยวนจ้องเ่ิูด้วยทุกสมาธิที่มี ใบหน้าของเขาปรากฏแววฉงน คลื่นพลังเ่ิูยังไม่มีปรากฏการณ์พูนทวีขึ้นเลย ร่างกายไร้กลิ่นอายใดพิเศษ หลังแสงจันทราและความหนาวเหน็บเวียนเป็วังวนเข้าร่างไปแล้ว แต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง
หรือว่าเขาจะทายผิด?
เ่ิูมิได้เข้าถึงชะตาของหลักแห่งธรรมชาติที่ท่านหลิวเซียนภาพมีหรอกหรือ?
หลิวจงหยวนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เ่ิูค่อยๆ กางมือออกมา
หมอกสีขาวราวเปลวเพลิงเงินอ่อนโชติ่ ราวกับดวงิญญาที่อบอวลด้วยพลังิญญา เดือดพล่านอย่างค่อยเป็ค่อยไปบนฝ่ามือเขา
หลิวจงหยวนตาถลน
นั่นมัน...
ปราณธาตุน้ำแข็ง?
แม่ทัพกองโจรที่เห็นอะไรมากต่อมาก บัดนี้กลับอ้าปากค้างเบิกตากว้าง
ขณะเดียวกัน ไอเย็นกดดันจิตก็ตลบฟุ้งโดยมีกายเ่ิูเป็ศูนย์กลาง
กรอบแกรบ
เสียงเปราะดังไล่มา
เป็เช่นที่คิด หมอกสีขาวราวกับควันอัคคีบนฝ่ามือของเ่ิูแข็งตัวกลายเป็แท่งน้ำแข็งสีเงิน แวววาวโปร่งแสงราวกับรูปสลักน้ำแข็ง ขณะเดียวก็เหมือนเปลวเพลิงที่ถูกแช่แข็ง สะท้อนเป็แสงงดงามประหลาดยามตะวันสาดลงมา
เ่ิูก้มมองน้ำแข็งในมือ เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มบนใบหน้า
มันเคลื่อนไหวตามใจที่เขาปรารถนา น้ำแข็งกลุ่มนี้ละลายจากกัน สลายเป็ไอหมอกสีขาวอีกครั้ง มันเปลี่ยนสถานะครั้งแล้วครั้งเล่า ประเดี๋ยวก็เป็ของแข็ง ประเดี๋ยวก็เป็ไอหมอก แปรเปลี่ยนไปตามชอบใจ
ความหนาวเย็นถึงกระดูกอบอวลไปทั่วสารทิศ แต่เ่ิูเ้ากรรมกลับไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย รู้สึกถึงพลังปราณที่ไหลเวียนอย่างสะดวกหาใดเปรียบ ทั้งเนื้อตัวเกิดความรู้สึกสบายมากเช่นที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ปลุกิญญาสัมฤทธิ์ผล!
นอกเหนือจากความตื้นตันแล้ว เ่ิูยังงงงันอีกด้วย
เขาไม่นึกว่าการที่เขาลองอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพื่อจะให้ในร่างคุ้นชินกับความเย็น เพื่อปูทางสู่การปลุกิญญาตอนได้อาณาน้ำพุิญญายี่สิบตาในภายภาคหน้า แต่ใครเล่าจะรู้ว่ากลับทำให้เขาปลุกิญญาสำเร็จโดยบังเอิญเช่นนี้
โชคจะดีเกินไปแล้วกระมัง
ไม่ใช่ว่าอาณาน้ำพุิญญาไม่ถึงยี่สิบตาปลุกิญญาไม่ได้หรอกหรือ?
เ่ิูนึกไปถึงตัวเองตอนเมื่อคืน ก่อนหน้าจะเข้าสู่สมาธิ ร่างกายเข้าสู่สภาวะน่าพิศวงตอนที่มองท่านชายหลิววาดรูปตอนกลางวันอย่างไม่รู้ตน...หรือว่าที่เขาปลุกิญญาสำเร็จก่อนกำหนดจะเกี่ยวข้องกับสภาวะในตอนนั้น? เช่นนี้ก็กลายเป็ว่าท่านชายหลิวบังเอิญทำให้เขาทำสำเร็จอย่างนั้นหรือ?
ด้านหลัง
ความตะลึงของหลิวจงหยวนอยากจะแสดงสีหน้าหรือบรรยายเป็คำพูด
สิบสี่ปี!
น้ำพุิญญาขั้นสิบห้า!
อายุเท่านี้ อาณาที่ฝึกวิชาเท่านี้ กลับปลุกิญญาได้ง่ายดายขนาดนี้!
น่ากลัวว่าลู่เฉาเกอเทพาโยวเยี่ยนตอนอายุเท่ากัน จะยังไม่อาจปลุกิญญาได้กระมัง?
หลิวจงหยวนนึกว่าชะตาแห่งธรรมชาติสายนั้นของท่านหลิวเซียนภาพ จะยกระดับและฝึกฝนจิตใจของเ่ิู ทำให้จิติญญาเขาเต็มตื้นไม่บกพร่อง มีประโยชน์ต่อการฝึกระยะยาวของเ่ิูมหาศาล แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าผลจะออกมาปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าที่เคยคาดคิดไว้มากโข ผู้แข็งแกร่งโด่งดังมากมายปลุกิญญาตอนได้น้ำพุิญญาตาที่ยี่สิบ โชคร้ายหน่อยก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีถึงจะปลุกิญญาเห็นผล ถึงจะก้าวข้ามธรณีประตูแห่งวรยุทธ์ไปได้ คนพวกนี้เมื่อเทียบกับเ่ิู คงต้องขายขี้หน้าตายไปทั้งเป็แล้วล่ะ
ตอนที่กำลังตกในภวังค์นั้นเอง เสียงแ่เบาดังแว่วมายามประตูเรือเหาะเปิดออก
ท่านชายหลิวผู้พักผ่อนมาหนึ่งราตรีเต็มจนฟื้นฟูทั้งแรงกายแรงใจ ก้าวออกมาจากภายใน
“อากาศดีจริงๆ นะ ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง วันนี้พวกเราไปทางเหนือต่อเป็อย่างไร?” ท่านชายหลิวทักทายเ่ิูและหลิวจงหยวนแล้วกลั้วหัวเราะ
หลิวจงหยวนยินคำแล้วก็ขมวดคิ้ว “ท่านชาย ขืนขึ้นเหนือไปอีกหน่อยจะเป็การบุกเดี่ยวเกินไป หากยืนยันจะเดินทางขึ้นเหนือของทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะนี้ไปอีก เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเข้าดินแดนของปีศาจของจริงแล้ว อันตรายยิ่งกว่า ท่านฐานันดรสูงส่ง หากเกิดอันตรายขึ้นมา...”
ท่านชายหลิวส่ายหน้าพลางว่า “ช่วยไม่ได้ เมื่อคืนนี้ข้าได้ข่าวจากกองทัพ ว่าแนวหน้าใกล้สำเร็จภารกิจแล้ว กองพลสู่ทักษิณกำลังอลหม่านอยู่แถบทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ ตอนนี้แหละเป็โอกาสที่จะโยนเบ็ดล่อปลา โอกาสมาถึงกะทันหันเช่นนี้ต้องห้ามพลาดเป้าเป็อันขาด เพื่ออาณาจักร พวกเราเสี่ยงอันตรายแล้วอย่างไร”
เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็มองหลิวจงหยวน และเลื่อนสายตาไปยังเ่ิู “ทั้งสองท่านคิดเช่นไร?”
“แนวหน้าใกล้จะได้เื่แล้วใช่ไหม? เมื่อท่านเอ่ยเช่นนี้ แสดงว่าเข้าแผนแล้วใช่ไหม?” หลิวจงหยวนถูกกระแทกใจอย่างรุนแรง เขาหันกลับไปมองเหล่าทหารเื้ั แล้วกัดฟันยามรับคำอย่างหนักแน่น “ตอนที่ตัวข้าออกมา ได้รับคำสั่งให้ทำตามที่ท่านผู้เป็หัวเรือใหญ่บอก ในเมื่อท่านชาย้าบุกเข้าไปต่อ เช่นนั้นตัวข้าและเหล่าทหารสัตย์สาบานว่าจะติดตามแม้ต้องตาย แม้กระดูกจะปี้ป่นทั้งตัวก็ต้องปกป้องท่านให้จงได้”
บัดนี้แม่ทัพผู้ผ่านมาร้อยศึก สำแดงจิตใจทระนงหาญกล้าแห่งคนของอาณาจักรออกมาให้เห็น
เ่ิูราวกับมองเห็นทหารรักษาป้อมที่หลับใหลใต้ผืนหิมะในภูร้อยพัง
ตำแหน่งไม่เหมือนกัน ฐานันดรแตกต่างนัก แต่กล้าหาญเหมือนกัน
นี่แหละคือทหารแห่งอาณาจักร
เ่ิูเืร้อนอยู่เต็มอก เหมือนมีอัคคีกำลังแผดเผายามพยักหน้าว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็เต็มใจเสี่ยงไปกับท่านชายหลิวและแม่ทัพหลิว”
ท่านชายหลิวหัวเราะร่า
หลิวจงหยวนมองเ่ิูแล้วพยักหน้าน้อยๆ
ตอนแรกเขาจะหาข้ออ้างให้เ่ิูกลับไปก่อน แต่เมื่อเห็นศักยภาพและพร์ของเ่ิูแล้ว เขาก็ล่วงรู้ว่า เ่ิูอาจสำคัญต่อด้านโยวเยี่ยนในอนาคต แต่ในเมื่อเ่ิูรับปากอย่างองอาจเช่นนี้ เขาเองก็จะไม่พูดอะไรอีกแล้ว
“หวังว่าคราวนี้จะไม่เจออันตรายอะไรนะ”
ไม่ว่าท่านชายหลิวหรือเ่ิู สำหรับหลิวจงหยวนแล้วคือบุคคลสำคัญยิ่งยวดทั้งสิ้น หากสูญเสียไปนั้นไม่ดีแน่
...
หนึ่งวันผ่านพ้นไป
เรือเหาะอักขระลอยลำเหนืออากาศของแดนปีศาจอย่างระแวดระวัง ดีที่ยังไม่เจออันตรายใดๆ
ท่านชายหลิววาดภาพอีกสี่ห้าม้วน บันทึกเอาทุกสภาพภูมิศาสตร์และภูมิประเทศของทุกที่ที่เรือเหาะอักขระแล่นผ่าน และยังจุดยุทธศาสตร์ของเผ่าปีศาจที่แอบซ่อนไว้ รวมทั้งจุดที่เผ่าปีศาจตั้งทัพอยู่ ได้ผลลัพธ์มหาศาล หากส่งม้วนกระดาษพวกนี้กลับไปด่านโยวเยี่ยน กองพลโยวเยี่ยนต้องเข้าใจเขตแดนของปีศาจเหนือและทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
คนบนเรือเหาะล้วนตื่นเต้นกันยกใหญ่
เมื่อภาระงานนี้เสร็จสิ้นเมื่อใด ต้องเป็ผลงานใหญ่อย่างไร้ข้อกังขา เมื่อกลับไปย่อมจะได้ปูนบำเหน็จอย่างงาม เลื่อนขั้นและอาจกลายเป็ส่วนหนึ่งในประวัติการณ์รุ่นหลัง
พริบตาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
เรือเหาะอักขระข้ามผ่านทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ เข้ามาจนถึงเขตสุดท้ายของทุ่งหิมะแล้ว
ท่านชายหลิวรอบคอบขึ้นมาก เพิ่มระดับการเหาะของเรือเหาะให้สูงขึ้น เมื่อมีอะไรมากระทบแม้เพียงเล็กน้อยก็จะแอบซ่อนเงียบเชียบทันที ไม่ใจกล้าโจ่งแจ้งอย่างแต่ก่อน บางครั้งประสบกับเผ่าปีศาจที่เหาะไปมาก็ยังดีที่รู้ก่อนจึงรีบหลบได้ทันการ ไม่เจอกับการปะทะอันไม่น่าอภิรมย์
เรือเหาะอักขระยามนี้กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
บุกเข้ามาลำเดียวโดดๆ หากโดนพบเข้ามีหวังถูกพวกเผ่าปีศาจรุมตะลุมบอน เป็ความบรรลัยของความบรรลัย
ยามรัตติกาล
“พรุ่งนี้เช้าเราก็กลับลำเถอะ” ท่านชายหลิวตัดสินใจในที่สุด
หลิวจงหยวนเหมือนยกูเาออกจากอก
ไม่บุกลึกเข้าไปอีกเท่ากับว่าไม่น่ามีปัญหาแล้ว
เรือเหาะอักขระความเร็วสูง หากบินเต็มอัตราไม่ล่าช้าเพื่อวาดภาพแล้วไซร้ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวันถึงจะหวนคืนเขตควบคุมของกองพลโยวเยี่ยน และปลอดภัย
คืนนั้นไม่มีใครเอ่ยอะไร
แล้วก็ไม่มีเหตุร้ายอันใดอุบัติขึ้น
วันที่สอง เรือเหาะอักขระเหาะกลับ
เรือเหาะพุ่งสู่เวหาหาว เพื่อหลบซ่อนจากการมองเห็นของพวกเผ่าปีศาจส่วนมากที่เหาะผ่าน ไม่ทำให้เผ่าปีศาจบนพื้นราบแตกตื่น สามารถเหาะด้วยความเร็วสูงได้เลย
ครึ่งวันผันผ่านไป
ทุกอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
ยามพระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะ เรือเหาะก็ผ่านทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะมาครึ่งทางแล้ว
บนแผงเกราะ เหล่าทหารผู้สีหน้าเคร่งขรึมหนักหน่วงค่อยๆ คลายเบาลงโข
หลิวจงหยวนเองก็ประดับยิ้มบนมบหน้า
เ่ิูใช้เวลาส่วนมากไปกับการยืนฝึกควบคุมพลังลึกลับแห่งน้ำแข็งหนาวบนหัวเรือ
เมื่อคืนเขาบรรลุอย่างน่าพิศวง ปลุกิญญาสำเร็จก่อนกำหนด พลังปราณแอบแฝงด้วยความหนาวเหน็บเยือกเย็นแห่งน้ำแข็งและลมหิมะ กระตุ้นกำลังภายในให้ออกจากกายเมื่อใดก็เข้าประชิดและแช่ศัตรูให้กลายเป็น้ำแข็ง แม้ว่าจะเป็เพียงน้ำแข็งธรรมดา ไม่อาจแช่แข็งผู้แข็งแกร่งขั้นสูงได้ แต่อานุภาพก็ไม่ธรรมดานัก
เ้าหมาหัวโตตื่นเต็มตาแล้ว
มันใช้เวลาส่วนมากยืนอยู่บนไหล่เ่ิู อาบแดดอย่างเกียจคร้าน
หลังผ่าน่ของการจำศีลแล้ว ในตัวของเ้าตะกละนี้เหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันไม่ละโมบกินอีกต่อไป แม้จะมีอาหารเลิศรสมาวางไว้ต่อหน้า เ้าเด็กนี่ก็ไม่ชายตาแล เ่ิูเดาเอาอย่างไม่ชอบใจนักว่า อาจเป็เพราะก่อนหน้านี้กินดุเดือดเกินไป ถึงได้ทำให้ระบบย่อยไม่สู้ดีจนกินได้ไม่มากแล้ว
“อีกครึ่งวันก็กลับถึงแล้ว”
เ่ิูโล่งใจขึ้นมาก
เขากำลังจะนั่งลงพักผ่อนสักหน่อย ทันใดนั้นเองที่ความเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝันก็อุบัติขึ้น
เ้าหัวโตที่นอนแผ่เกียจคร้านอยู่บนไหล่เ่ิูพลันหูตั้ง มันเงยหัวขึ้นมองไปข้างหน้า
“ทำไมเล่า?” เ่ิูเห็นอาการแปลกๆ ของมัน
กึก!
เ้าหมาหัวโตยืนขึ้นไม่มีปี่ขลุ่ย มันถลึงตามองด้านหน้าอย่างเอาเป็เอาตาย ขนลุกชันทั้งตัว
ภาพนี้ทำให้เ่ิูล่วงรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขามองไปตามที่เ้าหมามอง
แต่ทะเลเมฆขาวตรงหน้าไม่เห็นมีตัวประหลาดสักอย่าง
“แง่งๆ...แง่งๆ...” เ้าหัวโตคำรามต่ำในลำคอ ดวงตากลมโตเปี่ยมด้วยความระมัดระวังและเป็ศัตรู มันจ้องด้านหน้าไม่กะพริบ กล้ามเนื้อทั้งตัวแข็งกร้าวขึ้นมา
เ่ิูมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดีนักล่องลอยขึ้นมา
เ้าหัวโตไม่เคยเป็เช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนเจอัวานรั์จู่โจมในป้อมตอนนั้นก็ยังไม่เคยแสดงอาการแบบนี้ กระทั่งตอนที่าายาหงส์ฟ้าเิ่ิ๋ตามฆ่าก็ยังแสดงท่าทางขี้คร้านตลอดมา
เ่ิูผุดลุกขึ้นยืน แล้วมองตรงไปเบื้องหน้าเรือเหาะ
ทะเลเมฆกลิ้งกลอก คลื่นสะพัดราวกัับโกรธา
ใต้แสงตะวัน บนชั้นเมฆนั้นเงียบสงบ
แต่บรรยากาศแสนสงบนี้ ด้านหน้ากลับมีกลุ่มก้อนเมฆขาวตระหง่านขึ้นสูงลิบ ราวกับภูผาดันตัวขึ้นมาจากใต้บาดาล ขวางทางไปของเรือเหาะ ภูผาชั้นเมฆสูงใหญ่เพียงนี้เจอระหว่างทางมาก็เยอะ แต่ว่าเป็แค่หมอกหรือละอองเมฆเท่านั้น แล่นผ่านก็จบแล้ว ไม่มีผลกระทบอะไรต่อลำเรือ กระทั่งหลายครั้งที่ใช้เมฆพวกนี้พรางตัวจากการลาดตระเวนของพวกปีศาจ
เรือเหาะอักขระมุ่งตรงเข้าหาก้อนเมฆั์ด้วยความเร็วเป็ปกติ
เ่ิูใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง
เขาหน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบสั่ง “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้