Chapter twenty-one: Healer
และแพทก็ได้รู้ว่าการที่ร่างกายของเขาร้อน ๆ หนาว ๆ มาร่วมอาทิตย์นั้นมันไม่ใช่เพียงเพราะแค่อากาศที่แปรปรวนอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั่น แต่กลับเป็่เวลาที่แสนทรมานของโอเมก้าอย่างเขา นั่นก็คือ่เวลาที่ต้องเผชิญกับอาการฮีทนี่แหละ
อุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นนั้นทำโอเมก้าตัวเล็กนอนกระสับกระส่ายจนต้องหลับตาไว้แน่น ร่างกายชื้นเหงื่อเอาแต่ซุกอยู่ใต้ผ้านวมหนาอย่างทรมาน ตลอดทั้งคืนฟีโรโมนกลิ่นวานิลาเข้มข้นที่คละคลุ้งไปทั่วห้องกว้างทำแพทริเซียกัดริมฝีปากกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้อย่างสุดทน ช่องทางจากด้านหลังที่เฉอะแฉะยิ่งทำให้ไม่สบายตัวหนักยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าหากไม่ได้ยาระงับฮีทจากคุณหมอประจำบ้านควินท์เรล
ป่านนี้เขาเองก็คงหลับไม่ลงจนถึงเช้า
ความปวดเมื่อยเนื้อตัวพร้อมอุณหภูมิของร่างกายที่ยังร้อนผ่าวอยู่ ทำลำคอสวยแห้งผากไปหมด แม้แต่จะกลืนน้ำลายแพทริเซียก็ยังรู้สึกว่ามันช่างทำได้ยากเหลือเกิน พิษไข้ที่กำลังกัดกินหลังจากร่างกายได้รับยาระงับเข้าไปไม่เคยทำให้รู้สึกชินชากับมันได้สักครั้ง เปลือกตาสวยหนักอึ้งซะจนแพทเองก็ไม่อยากจะฝืนตัวเองให้ลืมตาตื่นสักนิด แต่เพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้หลับไปยาวนานร่วมสิบชั่วโมงนั้นทำเขาต้องฝืนลืมตาตื่นไว้ให้ได้
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องยังคงดังทำลายความเงียบในห้องกว้าง ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปหยิบผ้านวมหนาอีกชั้นขึ้นมาห่มคลุมร่างกายไว้หลบหนีลมเย็นที่พัดผ่านมาปะทะผิว หากตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านก็คงได้รับการดูแลจากคุณแม่ไม่ห่างอย่างแน่นอน ถึงแม้อยู่ที่คฤหาสน์ควินท์เรลเขาจะสามารถเรียกหาคุณหมอได้ตลอดก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ยังไม่เท่าการดูแลจากคุณแม่อยู่ดี เพราะ่ฮีทนั้นโอเมก้าอย่างเขาไม่ได้อ่อนแอแค่ร่างกายสักหน่อย แต่จิตใจที่มันอ่อนแอจนเขารู้สึกได้ก็ยิ่งประคับประคองได้ยากเหลือเกิน
ดวงตากลมปรือปรายตามองไปยังถาดอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะ ถ้วยอาหารที่ถูกปิดรักษาความอุ่นไว้อย่างดีคงจะเป็ฝีมือสาวใช้คนสนิทของเขาอย่างแน่นอน และไหนจะเม็ดยาที่ถูกจัดเตรียมไว้ในกล่องเล็ก ๆ นั่นอีก แค่ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจจัดเตรียมให้เขาแค่ไหน หลังจากที่ตารางสอนของเขากับไซม่อนนั้นถูกปรับให้มาเหลือเพียงแค่สัปดาห์ละครั้ง เพื่อนที่ทำให้เขาหายเหงาได้ดีที่สุดในวันที่ไม่มีสอนก็คงมีเพียงแค่เบลล์ และเบลล์ก็ยังเป็เพียงคนเดียวที่เขายอมเล่าเื่ราวต่าง ๆ ของตัวเองให้ฟังอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
อย่างน้อยได้มีเพื่อนไว้คอยพูดคุยในตอนที่ไม่ได้คุยกับไซม่อนบ้างล่ะนะ
โดยปกติแล้ววันนี้ควรจะเป็วันที่เขาได้สอนไซม่อนแท้ ๆ แต่เพราะคำแนะนำจากคุณหมอประจำบ้านควินท์เรลที่แจ้งว่าเขาควรจะหยุดสอนไซม่อนเป็เวลาสองสัปดาห์นั่นแหละจึงทำให้เขาต้องมานอนเบื่ออยู่ในห้องแบบนี้ ถึงเขาจะพอรู้ตัวว่า่อาการฮีทของเขานั้นมักจะกินเวลานานและมันค่อนข้างอันตรายกับเพศรองอย่างเขาก็เถอะ แต่ตอนอยู่ที่บ้านเขาก็ไม่เคยต้องขังตัวเองไว้ในห้องทั้งวันทั้งคืนแบบนี้สักหน่อย
‘เพราะอัลฟ่าที่อยู่ในคฤหาสน์ค่อนข้างเยอะ มีทั้งที่คุณมอร์แกนรู้จักและไม่รู้จักเพราะฉะนั้นการอยู่ในคฤหาสน์ที่มีคนมากมายขนาดนี้มันไม่ปลอดภัยกับคุณมอร์แกนสักนิดเลยครับ เพราะฉะนั้นผมเลยอยากแนะนำให้คุณมอร์แกนอยู่แค่ในห้องเท่านั้น เดี๋ยวผมจะออกใบสั่งยาและแจ้งคุณเจมส์ให้เื่การหยุดของคุณมอร์แกนนะครับ’
และนั่นก็คือประโยคยาวเหยียดที่คุณหมอพยายามอธิบายให้เขาฟัง ถึงแม้เขาจะพยายามบอกตัวเองว่ายุคสมัยนี้ทุกเพศ ทุกวัย มันเท่าเทียมกันแค่ไหน แต่เขาก็หนีความจริงที่ว่าเขาเกิดมาเป็เพศรองในโลกอันแสนน่ากลัวนี้ไม่ได้
สุดท้ายการเป็เพศรองมันก็ลำบากไปซะทุกทาง
โดยเฉพาะเพศรองที่ไม่ได้อยู่ในที่ปลอดภัยอย่างเขา
ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่เขาแทบจะไม่ได้แตะเลยหลังจากเข้ามาทำงานในคฤหาสน์ควินท์เรล และมันก็ทำให้เขารู้ว่าการที่ได้ขาดโทรศัพท์มือถือไปมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับคนที่ไม่ชอบติดต่อโลกภายนอกอย่างเขาเลยสักนิด นิ้วเรียวเล็กเลื่อนแตะหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูก่อนจะปลดล็อกมันอย่างคุ้นเคย ข้อความที่เขาได้เห็นจากการแจ้งเตือนบนหน้าจอเด้งรัวมาทันทีหลังจากที่เขากดเข้าไปอ่านแชทของเพื่อนสนิทอย่างบลู ประโยคบอกคิดถึงและรูปมากมายที่เพื่อนถ่ายส่งมาให้ทำรอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าทันที แต่คนที่เหนื่อยล้าอย่างแพทก็ทำได้เพียงแค่ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแทนประโยคมากมายที่อยากจะตอบเพื่อนสนิทเท่านั้น แพทริเซียส่งข้อความสั้น ๆ ไปบอกคุณแม่ว่าเขากำลังอยู่ใน่ฮีทและได้ยาระงับแล้ว ไม่มีความจำเป็ต้องห่วงอะไร ทั้งที่อยากจะบอกคิดถึงท่านให้หายเหนื่อยใจแท้ ๆ แต่เขากลับกลัวว่าท่านจะเป็ห่วงมากกว่าเดิมจึงไม่ได้พิมพ์อะไรต่อไปอีก
“อยากกลับบ้านจัง..” เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาอย่างแหบแห้งก่อนจะคว่ำหน้าจอโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิม ดวงตากลมสวยเหม่อมองไปยังเพดานที่ถูกประดับด้วยโคมไฟระย้าที่เขาชอบมอง แต่ในตอนนี้น้ำตาสีใสกลับไหลลงอาบแก้มนิ่มจนเปียกชุ่ม แพทไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่กำลังผสมปนเปของเขาในตอนนี้คืออะไร แต่การที่อยู่ใน่ฮีทในวัยเจริญพันธุ์แบบนี้มันทรมานมากกว่าครั้งไหน ๆ เสียอีก
เสียงท้องที่ร้องดังทักท้วงคนที่กำลังจะข่มตานอนอีกครั้งนั้นก็ยังไม่ได้ผล ในตอนนี้แพทริเซียรู้สึกเหนื่อยล้าซะจนไม่อยากจะขยับตัวไปไหนด้วยซ้ำ เปลือกตาคู่สวยถูกปิดลงด้วยความอิดโรย เรี่ยวแรงที่มีอันน้อยนิดของแพทริเซียถูกใช้ไปกับการดิ้นทรมานบนเตียงกว้างั้แ่เมื่อคืนแล้ว และในตอนนี้มันก็ทิ้งไว้เพียงแค่ความเมื่อยล้าและเหน็ดเหนื่อยแค่นั้น เสียงลมหายใจหนักถูกเปลี่ยนเป็เสียงที่กำลังพรูเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แล้วจู่ ๆ ความคิดฟุ้งซ่านก็ถูกแทนที่ด้วยความคิดถึงััจากใครบางคนที่เขาได้รับ
ดวงตาที่แสดงออกถึงความเป็ห่วงจากใจจริง
การบีบนวดทุกจังหวะที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ
‘ถ้าเกิดวันไหนคุณรู้สึกไม่ปลอดภัยก็บอกเราได้นะ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก’
เพียงแค่ได้นึกถึง จิตใจที่กำลังฟุ้งซ่านราวกับคนที่กำลังหลงทางก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที ถึงแม้มันจะเป็คำพูดเรียบง่ายที่อาจจะดูไม่มีอะไรสำหรับคนอื่นก็เถอะ แต่เพราะเป็ไซม่อนที่พูดกับคนที่อยู่ต่างที่อย่างเขา ความรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจก็มาโอบกอดหัวใจดวงน้อย ๆ ของเขาได้ซะจนน่าประหลาดใจ
อาจเพราะั้แ่เกิดมาเขาไม่เคยมีที่พึ่งทางใจนอกจากคนในครอบครัวเลย มีเพียงเขาที่คอยดูแลและเป็ที่พึ่งให้คนอื่นมาตลอดทั้งชีวิต แม้กระทั่งกับบลู เพื่อนสนิทของเขาที่คอยให้เขาปกป้องมาเสมอั้แ่เด็กจนโต ทั้งหมดนั้นเลยทำให้เขารู้สึกมาตลอดว่า เขาไม่ได้้าใครสักคนที่จะมาดูแลเขาเพราะเขาดูแลตัวเองและคนอื่นได้ดีมาตลอด แต่พอได้พบกับไซม่อนและความรู้สึกผูกพันธ์ที่มีขึ้นมากเรื่อย ๆ ก็ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป
การที่ถูกดูแลบ้างมันก็ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอสักหน่อย
ไซม่อนทำให้เขาเชื่ออย่างนั้น
กลิ่นไม้สนที่เป็ฟีโรโมนประจำตัวของไซม่อนลอยเข้ามาแตะจมูกทันทีที่เขานึกถึงอีกฝ่าย ถึงแพทพอจะรู้ว่าเขามีจินตนาการสูงก็เถอะ แต่การที่ได้กลิ่นของไซม่อนใกล้ขนาดนี้ก็ทำเขาเริ่มกลัวตัวเองแล้วเหมือนกัน และยิ่งกลิ่นไม้เข้มที่ชวนให้ใจหวิวทุกครั้งที่ได้ดมคลอเคลียอยู่กับปลายจมูกสวยก็ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยยิ่งปั่นป่วนเข้าไปใหญ่ ฝ่ามือเล็กเลื่อนลูบไปมาตามมือข้างที่ไซม่อนเคยจับ พอได้ห่างกันใน่เวลาแบบนี้ทำไมมันถึงทรมานเขาได้มากขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฟันซี่ขาวขบกัดบนริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังท่วมท้นอย่างห้ามไม่ได้
“อยากเจอจัง” เสียงหวานเอ่ยเป็ครั้งสุดท้ายก่อนจะซุกจมูกลงกับผ้านวมหนาหวังจะหนีกลิ่นไม้สนที่คุ้นเคยให้ได้ และความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาตลอดทั้งคืนก็ทำให้คนตัวเล็กใต้ผ้านวมสีขาวผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัวจนได้
ไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลับไปเมื่อไหร่
และไม่รู้ด้วยว่าเ้าของกลิ่นที่พยายามหนี
ยืนรออยู่หน้าห้องด้วยจิตใจว้าวุ่นมาตั้งนานแล้ว
- Simon’s theory -
ถ้าหากถามว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของไซม่อน ควินท์เรลกำลังอยู่ไม่เป็สุข ตอนนี้เขาก็คงตอบได้ทันทีว่าเป็โอเมก้าตัวขาวที่อยู่ในห้องนอนนั่นแหละ ในตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแจ้งหยุดสอนไปดื้อ ๆ แบบนั้น แต่พอได้ยินเื่ราวจากเลขาของคุณย่าก็ทำเอาใจเขากระตุกไปครู่นึงเหมือนกัน
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็โอเมก้าแต่วิชาเพศศึกษาที่ได้เรียนมาก็ทำให้เขาพอจะเข้าใจอาการเบื้องต้นของโอเมก้าเวลาเข้า่ฮีท และมันก็ดูจะทรมานซะเหลือเกิน ขนาดตัวเขายังรู้สึกแย่เพียงแค่คิดว่าต้องเกิดอาการเ่าั้กับตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ แล้วโอเมก้าที่ต้องเจออาการและความรู้สึกเ่าั้บ่อย ๆ คงจะแย่มากเป็แน่
โดยเฉพาะโอเมก้าที่ยังไม่ได้จับคู่
หากถามว่าในตอนนี้ไซม่อนกังวลใจเื่แพทริเซียแค่ไหน มันก็คงไม่มีอะไรมากเกินไปกว่าการที่เขานั่งค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการฮีทของโอเมก้าจนดึกดื่น ค้นหาสูตรอาหารที่จะช่วยบรรเทาพิษไข้และความปวดเมื่อยของร่างกายที่น่าจะเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย และสิ่งที่ไซม่อนคิดว่าเขาไม่เคยคิดจะทำแต่ในตอนนี้เขาก็กำลังทำมันอยู่ก็คือการที่เดินวนเวียนอยู่หน้าห้องนอนของแพทริเซียโดยที่ไม่ได้เคาะประตูสักนิด
ไซม่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ที่ความรู้สึกของเขามันตีกันไปหมดเป็เพราะอะไรกันแน่ เขาทั้งอยากจะเจออีกฝ่าย ทั้งอยากให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากเข้าไปดูให้แน่ใจอยู่ดีว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคนในห้อง สุดท้ายสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ก็มีเพียงแค่เดินวนอยู่แบบนี้เท่านั้น สุนัขขนปุยตัวโตก้มลงดมฟุดฟิดตามพื้นก่อนจะนั่งลงที่หน้าประตูบานใหญ่ ดูท่าทางแล้วคงจะไม่ใช่เขาคนเดียวแล้วละที่คิดถึงแพทริเซียเพราะแซมมี่เองก็คงคิดถึงเหมือนกัน
เขาทรุดตัวลงนั่งพิงกับกำแพงหน้าห้องของแพทอย่างเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเ้าแซมมี่ต้องยกเท้าปุยแตะลงที่ขาเ้านายของมันราวกับกำลังจะปลอบใจกัน แซมมี่คงจะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้จริง ๆ นั่นแหละ เพราะแซมมี่เองก็มักจะคุ้นชินกับการเจอแพทริเซียในทุกวันจันทร์แต่พอไม่ได้เจอกันก็ทำให้เ้าสุนัขหน้ายิ้มดูหงอยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ในตอนนี้เขาก็คงไม่ต่างจากแซมมี่หรอก
แค่คิดว่าจะไม่ได้เจออีกสองสัปดาห์ก็รู้สึกใจหวิวแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนเหมือนกัน
“เฮ้อ ทำไงดีแซมมี่” ฝ่ามือหนาเอื้อมมือไปลูบหัวสุนัขตัวโปรดของตัวเองอย่างเบามือ แซมมี่ที่ถูกลูบหัวในแบบที่ชอบก็รีบถูไถหัวออดอ้อนเ้านายของตัวเองอย่างคุ้นชิน อัลฟ่าหนุ่มถอดถอนหายใจอย่างเป็กังวลเมื่อคิดไม่ตกเกี่ยวกับเื่ของแพทริเซียสักที
ถ้าหากเขาเคาะประตูเข้าไปเพื่อจะถามอาการตอนนี้มันคงไม่ใช่เื่ดีแน่ เพราะจากที่อ่านข้อมูลเกี่ยวกับอาการของโอเมก้ามาทั้งคืน หากฤทธิ์ยาระงับของแพทริเซียหมดลง มันคงไม่ดีทั้งกับเขาและอีกฝ่ายเป็แน่ ถึงแม้เขาจะรู้วิธีการป้องกันตัวจากสัญชาตญาณธรรมชาติของเขาก็เถอะ แต่หากเกิดเื่ที่มันเกินการควบคุมขึ้นมา เขาเองก็คงจะรู้สึกผิดกับแพทริเซียไปอีกนานแน่ ๆ
แม้แต่เื่ธรรมชาติอย่างนั้นเขาก็คงไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นได้
เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะไปเอาเปรียบคนอื่นแบบนั้นสักหน่อย
เขานั่งอยู่ตรงนั้นร่วมชั่วโมงโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนและไม่แม้แต่จะเคาะประตูห้องนอนของแพทริเซีย สิ่งเดียวที่เขาทำตอนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มีเพียงการที่หวังให้ไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องขอความช่วยเหลือเหมือนในตอนที่โอเมก้าตัวขาวกำลังจมอยู่กับฝันร้ายแบบนั้น เขาหวังเพียงแค่ขอให้อีกฝ่ายได้หลับพักผ่อนและลุกขึ้นมาทานอาหารที่เขาตื่นแต่เช้าเพื่อลงไปยื่นเมนูอาหารให้กับแม่ครัวเองกับมือ
ใช่ เมนูอาหารทั้งสองสัปดาห์
สองสัปดาห์ที่แพทริเซียต้องอยู่ในห้องนั้นนั่นแหละ
ไซม่อนไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ที่เขากำลังทำอยู่นั้นมันช่วยแพทริเซียได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเขาเองก็ไม่เคยได้อยู่ใกล้ชิดโอเมก้าวัยเดียวกันมาก่อน ถ้าให้พูดจริง ๆ แพทริเซียก็เป็โอเมก้าคนแรกนั่นแหละที่เขายอมพูดคุยด้วย และอีกฝ่ายยังเป็เพื่อนอีกคนที่เขายอมเปิดใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนเลยสักนิด ก็อย่างที่เคยได้ยินสาวใช้พูดกันว่าถ้าหากไม่เขาก็เจซที่เป็โอเมก้า ป่านนี้ควินท์เรลก็คงได้จัดงานแต่งก่อนแล้วละมั้ง เพราะนอกจากเจซก็ไม่เคยมีใครที่ทำได้อย่างแพทริเซียเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมตัวเองถึงกระวนกระวายเื่อีกฝ่ายมากมายขนาดนี้
และการที่ทำให้แพทริเซียได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่และได้ทานอาหารที่ชอบ ขนมและผลไม้ที่อยากทาน เท่านั้นก็คงเป็สิ่งที่เขาทำให้อีกฝ่ายได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
ขนม?
รอยยิ้มกว้างของอัลฟ่าตายิ้มปรากฏขึ้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมก้มลงไปมองเ้าแซมมี่ที่กำลังกระดิกพวงหางรอคำสั่งอย่างใจจดใจจ่ออย่างน่าเอ็นดู เขาพยักหน้าน้อย ๆ เป็สัญญาณให้สุนัขตัวโตเดินตามมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตัวเอง
ครั้งนี้คงต้องหวังพึ่งนายอีกครั้งแล้วละเจซ
- Simon’s theory -
ไม่รู้ว่าเป็เวลานานเท่าไหร่ที่แพทริเซียจมอยู่ในห้วงนิทรา แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลืมตาขึ้นมาพบว่าพระอาทิตย์ได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์สีนวล เหงื่อที่เคยชื้นตามกรอบหน้าสวยกลับแห้งเหือดไปแล้ว ผ้านวมผืนหนาที่ทับอยู่บนร่างเล็กถูกดันออกไปด้วยฝ่ามือของคนที่กำลังไร้เรี่ยวแรง มือเล็กเลื่อนสะเปะสะปะควานหาโคมไฟหัวเตียงอย่างยากลำบาก และทันทีที่ไฟหัวเตียงถูกเปิดให้สว่างขึ้น แพทริเซียก็หยีตาเข้าหากันหนีความจ้าของแสงทันที ตาคู่สวยถูกกะพริบถี่เพื่อปรับการมองเห็นอยู่พักใหญ่ก่อนเขาจะตัดสินใจก้าวลงจากเตียงหลังจากที่นอนอยู่บนนั้นเกินสิบชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ
ความปวดเมื่อยแล่นเข้ามาทำร้ายกายเล็กทันทีที่สองเท้าเปลือยเหยียบลงกับพื้นเย็นเฉียบ โอเมก้าตัวขาวยื่นมือที่กำลังสั่นไปหยิบผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมไว้กับตัวเพื่อกันความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แพทริเซียไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงทนอยู่ในห้องที่เย็นจัดขนาดนี้ได้ อาจจะเป็เพราะอุณหภูมิร่างกายที่สูงจัดหรืออากาศของฤดูร้อนที่ยังคงแผ่ไอความร้อนเข้ามาในห้องนอนจนทนแทบไม่ไหว คนตัวเล็กเอื้อมมือไปหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศก่อนจะปรับให้มันลงมาเป็อุณหภูมิปกติซะก่อนที่เขาจะแข็งตายอยู่ในห้องนอน
เสียงท้องที่ร้องเป็รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันทำให้แพทรับรู้ได้ถึงสาเหตุของร่างกายที่กำลังจะหมดแรงเข้าไปทุกที ก็ั้แ่เมื่อวานตอนเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเขาสักนิด มีเพียงแค่โจ๊กที่เขาได้ทานไปเพียงแค่สองสามคำก่อนคุณหมอจะให้ยาเพียงเท่านั้น ดวงตากลมปรายไปมองถาดอาหารที่ดูเหมือนจะถูกเปลี่ยนเป็อีกถาดไปแล้ว
แพทริเซียเอื้อมมือไปแตะที่ชามกระเบื้องสีสวยอย่างเบามือและพบว่ามันยังคงร้อนอยู่ สาวใช้คงเอามาวางให้เมื่อไม่นานมานี้แน่ ๆ จานเล็กที่วางข้างกันยังมีผลไม้ที่ถูกจัดวางอย่างตั้งใจอีกด้วย กลิ่นหอมของชาคาโมมายล์ลอยมาแตะจมูกจนแพทรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ อย่างน้อยน้อยในวันที่รู้สึกแย่ที่สุดก็ยังมีอาหารเหล่านี้คอยเยียวยาละนะ
“ข้าแต่พระเ้า โปรดประทานพรแก่ข้าพเ้าทั้งหลายและแก่อาหารที่จะรับประทานนี้ เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตรับใช้พระองค์และเพื่อนมนุษย์ เอเมน..”
คนตัวเล็กหลับตาลงเอ่ยอธิษฐานพร้อมกับกุมมือเข้าหากันไว้ ทันทีที่เอ่ยคำอธิษฐานจบ ฝาที่ปิดถ้วยตรงหน้าไว้ก็ถูกเปิดออกและแพทริเซียก็พบว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมเพื่อเขาอย่างใส่ใจจนเขาเองก็ใเหมือนกัน ทั้งโจ๊กเห็ดหอมใส่กุ้ง องุ่นเขียวไม่มีเมล็ด แอปเปิ้ลเขียว และชาคาโมมายล์นั้นเป็ของโปรดของเขาทั้งหมด
และปกติแล้วก็จะมีแค่คุณแม่เท่านั้นที่ทำให้ทาน
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ถูกใส่ลงไปในประวัติส่วนตัวตอนที่ยื่นงานเหมือนกัน
แพทริเซียไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองสักนิดว่าใครกันที่เป็คนใส่ใจประวัติของเขานักหนา แต่ถ้าหากเป็คุณเจมส์มันก็คงจะแปลกน่าดู เพราะเขาก็ดูมีงานล้นมือตลอดเวลาขนาดนั้น จะให้มาสนใจลูกจ้างสัญญาชั่วคราวอย่างเขามันก็ดูเกินไปหน่อย
แล้วใครกันล่ะที่เขากำลังหวังอยู่?
ใบหน้าหวานสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารโปรดอย่างตั้งใจ รสชาติที่ไม่ได้คุ้นเคยแต่ในตอนนี้กลับอร่อยจนกลัวว่าถ้าหากวางช้อนไปแล้วจะพลาดรสชาติดี ๆ แบบนี้อีก และสุดท้ายคนที่หิวโหยก็ใช้เวลาเพียงไม่นานกับโจ๊กถ้วยใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่แพทริเซียกำลังจะลงมือทานผลไม้นั้น จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หากเป็ก่อนหน้านี้เขาคงไม่กังวลอะไรกับการเปิดประตูนักหรอกแต่ในตอนนี้นี่สิ สองขาเรียวก้าวไปที่หน้าประตูก่อนจะเอ่ยตอบคนที่อยู่หลังประตูแทนการเปิดมันออกมา
“ใครครับ?”
“..”
“ตอนนี้ผมยังเปิดไม่ได้ มันไม่ค่อยปล-”
“เราเองคุณแพท”
เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นทันที แพทริเซียกัดริมฝีปากกลั้นยิ้มไว้ทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีทางได้เห็นใบหน้าเขาตอนนี้เลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมพิงไหล่ไปที่ประตูบานใหญ่เล็กน้อย อย่างน้อยแค่ได้ยินเสียงไซม่อนเขาก็เหงาน้อยลงเยอะแล้วละ
“คุณเป็ยังไงบ้าง?”
“เราไหว”
“อาการมัน.. แย่ไหม?”
“ก็แย่ แต่ดีที่คุณหมอให้ยามา”
“แล้วกินอาหารได้บ้างหรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“ทานได้ เราทานโจ๊กจนหมดเลย”
“อื้ม ดีแล้ว”
เพียงแค่คำถามไม่กี่ประโยคจากอัลฟ่าหลังประตู แต่แพทริเซียกลับรู้สึกเหมือนหัวใจดวงน้อยที่เหี่ยวเฉาอยู่ทั้งวันถูกรดน้ำให้สดชื่นขึ้นมายังไงอย่างนั้น บทสนทนาของเราทั้งคู่หยุดลงแค่นั้นโดยที่ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ที่เดิม เสียงหายใจถี่ของแซมมี่ที่ดังขึ้นพร้อมจมูกที่คอยฟุดฟิดอยู่ตามร่องว่างของประตูก็ทำให้รอยยิ้มของแพทเผยกว้างขึ้น
“แซมมี่ก็มาเยี่ยมเราด้วยเหรอ?”
หงิง
เสียงของสุนัขตัวโตครางตอบรับทันทีที่แพทริเซียเอ่ยชื่อของมัน นิ้วเล็กค่อย ๆ สอดออกไปตามร่องประตูและความเปียกชื้นจากลิ้นของเ้าแซมมี่ก็ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาทันที
“ได้แตะกันแล้วนะแซมมี่”
หงิง หงิง
“เดี๋ยวออกไปแล้วเราจะพาไปเดินเล่นนะ”
โฮ่ง!
หากเป็เมื่อก่อนเขาคงตลกกับการที่ตัวเองเหมือนจะสื่อสารกับสุนัขได้ แต่ในตอนนี้เพียงแค่ได้คุยกับไซม่อนและแซมมี่ ต่อให้ต้องพูดภาษาอะไรหรือต้องเห่าเหมือนกับเ้าขนปุยตัวโตนั่นแพทก็ยอมแล้วละ เพราะหัวใจของเขามันกระชุ่มกระชวยเหลือเกินที่ได้สื่อสารกัน
แล้วจู่ ๆ โอเมก้าตัวขาวก็ต้องชะงักเมื่อััเปียกชื้นนั้นหายไปเพราะผ้านิ่มที่กำลังเช็ดอยู่ที่ปลายนิ้ว และสุดท้ายัันั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความอุ่นร้อนจากอวัยวะเดียวกันที่ถูกแตะค้างไว้อย่างแ่เบา แพทริเซียไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่มันก่อตัวขึ้นในใจเขาคืออะไร แต่ขอบตาที่กำลังร้อนผ่าวและน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้นั้นมันทำให้แพทริเซียรู้สึกอ่อนแอลงไปอีก
ััอุ่นนั้นแตะค้างอยู่เพียงแค่ครู่เดียวก่อนที่คนหลังประตูจะค่อย ๆ ดันนิ้วของเขาให้กลับเข้ามา เสียงตะกุกตะกักจากบานประตูใหญ่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังลุกขึ้นแล้วและแขวนอะไรบางอย่างที่ลูกบิดประตู
“เราแขวนไว้นี่นะคุณแพท”
“มันคืออะไรเหรอ?”
“รอให้เราเดินออกจากตรงนี้ก่อนค่อยเปิดประตูรู้ไหม?”
“..”
“ราตรีสวัสดิ์นะคุณแพท”
“ราตรีสวัสดิ์คุณไซม่อน”
เสียงฝีเท้าของเขาห่างออกไปทุกทีและแพทริเซียก็กำลังใช้ความอดทนอย่างหนักที่จะไม่เปิดประตูเพื่อเรียกรั้งอีกฝ่ายไว้อย่างที่ใจตัวเอง้า ฝ่ามือเล็กจับกลอนประตูไว้แน่นและรอให้เวลาผ่านไปสักพักก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออก
ถุงกระดาษสีขาวที่คุ้นเคยก็มาพร้อมกลิ่นที่เป็เอกลักษณ์ กลิ่นของขนมโปรดจากร้านที่เขาพยายามนักหนาเพื่อจะไปซื้อมันมาให้อีกฝ่ายในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ในตอนนี้เขากลับได้คืนมาแล้วพร้อมกระดาษข้อความใบเล็กที่ถูกแนบไว้
‘ของฝากให้คนป่วยหายไวไว from Simon’
แพทไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในวันเดียวเขาจะได้รับของโปรดมากมายขนาดนี้ อาหารโปรด ผลไม้โปรด ขนมและชาที่เขาโปรดปรานนัก,
และสุดท้ายก็คงเป็ของโปรดที่เขาอยากเจอนักหนานี่แหละ
ในที่สุดก็ได้ทำให้เข้าใจความหมายของคำนี้สักที
ความหมายของคำว่าคนโปรดน่ะ
- Simon’s theory