“ขอบคุณพี่หวังที่เป็ห่วง” โจวซั่วดีใจจนออกนอกหน้า คุณชายชุดผ้าแพรผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาคือลูกชายเพียงคนเดียวของเศรษฐีหวัง หวังเหิงนั่นเอง ภายนอกหวังเหิงผู้นี้ดูสุภาพเรียบร้อย แต่ความจริงแล้ว เขาเป็ลูกคนรวยที่มิเอาการเอางาน ในจวนมีอนุและสาวใช้ข้างห้องเจ็ดถึงแปดคน
ั้แ่ที่เขาได้พบกับโจวซู่ซิน หัวใจของเขาก็มีนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เขาขอให้ท่านแม่ไปสู่ขอโจวซู่ซิน แต่ท่านแม่ของเขามิยินยอม นางดูถูกชาติกำเนิดของโจวซู่ซิน หากเขาแต่งโจวซู่ซินเข้ามาเป็เพียงอนุ ท่านแม่คงยอมช่วยเขาแล้ว แต่เขาดึงดันจะแต่งโจวซู่ซินเข้ามาเป็ภรรยาเอก ท่านแม่จึงมิเห็นด้วย
“โจวซู่ซินคารวะคุณชายหวังเ้าค่ะ” โจวซู่ซินทำความเคารพหวังเหิงอย่างสง่างาม หวังเหิงรีบเข้าไปประคองนาง
“น้องซู่ซิน ข้ากับพี่ชายของเ้าเป็สหายร่วมสำนักศึกษา เ้ามิต้องเกรงใจข้าหรอก”
หวังเหิงไปบ้านของโจวซู่ซินบ่อยๆ เพราะอยากเกี้ยวนาง
เมื่อก่อนที่เขาเกี้ยวโจวซู่ซิน นางมิเคยให้คำมั่นสัญญา และรับของขวัญใดๆ จากเขาเลย ของบางสิ่งยิ่งได้มายาก เขาก็ยิ่งอยากจะมัน นับประสาอะไรกับสาวงามอย่างโจวซู่ซิน
“คุณชายหวัง ท่านใจดีเกินไปแล้วเ้าค่ะ ซู่ซินเป็คนในครอบครัวของทาส จะคู่ควรเป็สหายของท่านหรือเ้าคะ” โจวซู่ซิน้าใช้กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับ[1] ใน่เวลานี้นางยิ่งต้องถือตัว ขอเพียงนางสามารถจับหวังเหิงได้อยู่หมัด นางถึงจะมีโอกาสได้เป็ภรรยาเอกของเขา
“ทาสมิทาสแล้วอย่างไร ผู้ที่ทำผิดมิใช่เ้า ถ้าให้ข้าพูด ทั้งหมดเป็ความผิดของท่านปู่ท่านย่าของเ้าที่ก่อไว้ มิควรให้เ้ามารับผิดชอบเช่นนี้” หวังเหิงมองโจวซู่ซินด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทุกหนที่เขามองโจวซู่ซิน เขาอยากเข้าไปอิงแอบชิดใกล้ โจวซู่ซินมิเหมือนสตรีในจวนพวกนั้น นางงดงามกว่าผู้ใด และที่สำคัญไปกว่านั้นคือจิตใจอันดีงามของนาง
ท่านพ่อท่านแม่มิรู้ว่าวันนี้เขามาหาโจวซู่ซิน มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะมิยอมปล่อยให้เขาออกมา เฮ้อ เขาขอเกี้ยวสาวงามให้ติดก่อน จากนั้นจะกลับบ้านไปหาทางให้ท่านพ่อกับท่านแม่ยินยอมให้เขาแต่งสาวงามเช่นโจวซู่ซินเข้าบ้าน
อย่างไรเสีย เขาก็จองโจวซู่ซินเอาไว้แล้ว
“พี่หวัง เื่ที่ท่านปู่ท่านย่าของข้าทำผิด พวกเรามิเคยรู้มาก่อนเลย อยู่กับพวกเขามาหลายปี พวกเราถูกปิดหูปิดตามาตลอดเลยขอรับ” โจวซั่วพอใจในตัวหวังเหิงมาก
“พี่โจว เ้ามิต้องเก็บเื่นี้เอาไว้ในใจตลอดเวลาหรอก” หวังเหิงปลอบโจวซั่ว และถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
“พี่หวังเอ๋ย เื่นี้ต้องโทษภรรยาของซ่งจื่อเฉิน หากมิมีนาง บ้านของพวกเราคงมิต้องแตกแยกเช่นนี้”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าพูดจาเหลวไหล เื่นี้จะโทษพี่สะใภ้เล็กได้อย่างไรเ้าคะ” โจวซู่ซินตำหนิโจวซั่ว นางกลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาให้นางอีก
“ซู่ซินเอ๋ย เ้าใจดีเกินไปแล้ว สตรีร้ายกาจนางนั้นมิรู้ไปได้ยินว่าซ่งจื่อเฉินชอบเ้ามาจากที่ใด นางจึงตั้งใจแก้แค้นพวกเราเช่นนี้ไงเล่า” โจวซั่วกลับผิดเป็ถูก เพื่อหลอกใช้หวังเหิงให้ช่วยกำจัดซย่าจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉิน
โจวซู่ซินเข้าใจความคิดของโจวซั่ว โจวซู่ซินเกลียดจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินมากกว่าเขาเสียอีก เพียงแต่เวลานี้พวกนางกำลังตกระกำลำบาก นางจึงมิอยากสร้างปัญหาเพิ่มอีก
แม้ตระกูลหวังจะเป็ตระกูลใหญ่ในเมืองจินจู๋ แต่บ้านของพวกเขามิได้รับราชการ จึงหาเื่นายอำเภอสวี่มิได้ นางรู้ว่าในคืนนั้นนายอำเภอสวี่เกี่ยวดองเป็ญาติกับจิ่นเซวียนต่อหน้าทุกคน นี่เป็หนึ่งในเหตุผลที่นางยังมิกล้าแตะต้องจิ่นเซวียน
“ซย่าจิ่นเซวียนไร้ยางอายเกินไปแล้ว นางเพิ่งแต่งเข้าหมู่บ้านสกุลโจวได้มินาน ก็รังแกพวกเ้าแล้ว” หวังเหิงมิโง่ ผู้ใดถูกผู้ใดผิด เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่เขาจำเป็ต้องฝืนใจด่าจิ่นเซวียน เพื่อเอาชนะใจคนงาม
โจวซั่วเห็นหวังเหิงโกรธ เขาจึงบอกเื่ที่จิ่นเซวียนไล่เฉียวซื่อออกจากบ้านซ่งให้หวังเหิงฟัง
“คุณชายหวัง ซู่ซินยังมีเื่ที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะเ้าคะ” โจวซู่ซินคารวะหวังเหิงอย่างสง่างาม
“น้องซู่ซิน ข้าได้ยินว่าทรัพย์สินของพวกเ้าถูกยึดไป หากพวกเ้ามีปัญหาก็บอกข้ามาได้เลย” หวังเหิงอยากใช้เงินสร้างความประทับใจให้โจวซู่ซิน เขามิเชื่อว่าในโลกใบนี้มีสตรีที่มิรักมิชอบเงินอยู่
“พี่หวังช่างมีคุณธรรมยิ่งนัก เวลานี้พวกเราลำบากกันมากจริงๆ ขอรับ ครอบครัวของพวกเราเหลือเพียงนาดอนสองหมู่ มิมีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย เฮ้อ ลำบากน้องสาวของข้าเสียจริง นางงดงามเช่นนี้ กลับต้องมาทุกข์ยากกับพี่ชายที่มิเอาไหนเช่นข้า” โจวซั่วทอดถอนใจเศร้าสร้อย เขาหวังว่าหวังเหิงจะช่วยเขาได้
“เช่นนั้นเวลานี้พวกเ้าพักอาศัยอยู่ที่ใดกัน?” หวังเหิงมองโจวซู่ซินอย่างปวดใจ
โจวซู่ซินบอกว่าพวกนางเช่ากระท่อมมุงหลังคาสองหลังของบ้านโจวจื้อเฉิงอยู่
“พี่โจว นี่คือเงินห้าสิบตำลึง เ้ารับไปเถิด เก็บเอาไว้เผื่อมีเื่ฉุกเฉิน เดี๋ยวข้าจะไปหาคนสร้างเรือนใหญ่ให้พวกเ้าภายหลัง” หวังเหิงรู้ว่าโจวซู่ซินมิ้าเงินของเขา เขาจึงส่งตั๋วเงินให้กับโจวซั่วแทน เงินห้าสิบตำลึงสำหรับเขานับว่ามิมากเท่าใดนัก เพียงแค่เขา้าใช้เงิน ก็สามารถไปเอาจากร้านของตระกูลหวังได้
“พี่ใหญ่ ท่านนำเงินคืนคุณชายหวังเร็วเข้า” โจวซู่ซินแสร้งดุโจวซั่ว โจวซั่วตอบกลับอย่างมิเห็นด้วย “เงินนี้ถือว่าพวกเราขอยืมคุณชายหวังมาก่อน ข้ารู้ว่าเ้าทะนงตนเพียงใด แต่เ้าจะปล่อยให้ท่านแม่มาทนทุกข์กับพวกเรามิได้!”
“น้องซู่ซิน ข้ากับพี่ใหญ่ของเ้าเป็สหายกัน เวลานี้พวกเ้ามีปัญหา ข้าก็ควรช่วยเหลือ เ้าอย่าได้เกรงใจเลย เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าพาเ้าไปเดินเล่น ซื้อของใช้กลับบ้านดีกว่า” หวังเหิงล้างผลาญเงินของครอบครัว เพื่อเอาใจสาวงาม
“ซู่ซินขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณชายหวังเ้าค่ะ เงินนี้ถือว่าพวกเราขอยืมท่านมาก่อนนะเ้าคะ” โจวซู่ซินตัดสินใจจะใช้เงินนี้อย่างดี อย่างแรกนางต้องซื้อที่นาหลายหมู่ก่อน ต่อให้ใช้เพาะปลูกเองมิได้ ก็จ้างให้ผู้อื่นทำแทนได้
นางเชื่อว่าหวังเหิงจะสร้างเรือนหลังใหญ่ให้ด้วยความลุ่มหลงที่เขามีต่อนาง ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ของเขาจะมิให้นางแต่งกับเขา ก็มิเป็ไร ขอเพียงมีเงิน นางจะกลัวสิ่งใดเล่า
เมื่อนางมีเงินแล้ว นางจะกลับไปตัดสินกับซย่าจิ่นเซวียนอีกหน
“คุณชายหวัง สุขภาพท่านแม่ของข้ามิค่อยดีนัก ข้าอยากไปสั่งยาที่โรงหมอ หากท่านมีธุระก็ไปทำก่อนเถิดเ้าค่ะ” โจวซู่ซิน้าใช้หวังเหิงหยุดข่าวลือของนาง คนในหมู่บ้านต่างก็คิดว่านางโกหก หากพวกเขาเห็นว่านางเดินคู่ไปกับหวังเหิงเช่นนี้ จะเรียกได้ว่าเขามาหานางเองถึงที่
นางจะพาหวังเหิงไปให้ซ่งจื่อเฉินเห็นว่าเมื่อนางแยกจากเขาแล้วก็มีผู้อื่นเข้าหานางอยู่ดี
โรงหมอคังไท่!
จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินทำให้ท่านหมอหลี่ใยิ่งนัก คราแรกท่านหมอหลี่ยังมิเชื่อคำพูดของเพื่อนบ้าน เขาเคยตรวจให้ซ่งจื่อเฉินอยู่หลายหน เขาจึงรู้เกี่ยวกับอาการาเ็ของซ่งจื่อเฉินดี เวลานั้นผลตรวจของเขากับหมอที่มีชื่อเสียงท่านอื่นตรงกัน ซ่งจื่อเฉินถูกส้อมพรวนดินในหลุมทำให้เนื้อเยื่อที่ขาทั้งสองข้างฉีกขาด อีกทั้งกระดูกก็หัก ต่อให้มีหมอฝีมือดีเพียงใดก็มิสามารถรักษาเขาได้
“ท่านหมอหลี่ พวกเรามาที่นี่ หลักๆ ก็เพื่อให้ท่านดูของดีอย่างหนึ่งขอรับ” ซ่งจื่อเฉินหยิบโสมคนออกมาวางบนโต๊ะรับลูกค้า มือที่ลูบเคราอยู่ของท่านหมอหลี่รีบหยิบโสมคนมาตรวจดูทันที โสมคนนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าโสมพันปีที่เขาเคยซื้อมาเสียอีก
“คุณชายซ่ง ท่านขุดโสมคนนี้มาจากที่ใดหรือ มิว่าจะคุณภาพหรือราก มีมูลค่าสูงมากขอรับ!” ท่านหมอหลี่สงสัยในตัวของซ่งจื่อเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มในตำนานผู้นี้ร่างกายฟื้นฟูแล้วเช่นนี้ คุณหนูตระกูลร่ำรวยคงเคลื่อนไหวกันอีกหนแน่
เมื่อเขามองภรรยาของซ่งจื่อเฉินอีกหน นางมีรูปโฉมที่งดงามเสียจริง เมื่อพวกเขายืนข้างกัน ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
“พวกเราพบโสมคนนี้บนูเาชางเยี่ยน ตอนขึ้นเขาไปเสี่ยงภัยขอรับ” ซ่งจื่อเฉินปั้นเื่โกหก อย่างไรเสียูเาชางเยี่ยนก็เป็สถานที่ลึกลับ ขนาดผู้ที่รู้วรยุทธ์ยังมิกล้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าเลย
“ขุดเจอทีู่เาชางเยี่ยนหรือ ท่านหมายความว่าพวกท่านขึ้นไปบนูเาชางเยี่ยนกันมาแล้วหรือ?” ท่านหมอหลี่ใยิ่งนัก ูเาชางเยี่ยนคือูเาแปลกและอันตรายของเมืองจินจู๋ ที่นั่นอันตรายติดอันดับต้นๆ ในแผ่นดินผิงชวน ผู้คนมากมายไปแสวงโชคบนูเาชางเยี่ยน แต่มีเพียงมิกี่คนที่รอดกลับมา
“ภรรยาของข้าสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับูเาชางเยี่ยนยิ่งนัก นางจึงขอร้องให้ข้าพาไป พวกเราจึงขึ้นไปบนูเากันขอรับ” ซ่งจื่อเฉินตอบอย่างใจเย็น อย่างไรเสียูเาชางเยี่ยนก็เป็สถานที่แห่งความตายสำหรับทุกคน มีผู้คนมากมายกล้าไปแสวงโชคที่นี่ คงมิมีผู้ใดห้ามพวกเขาหรอก
“ท่านหมอหลี่ โสมคนของข้ามีแหล่งที่มาชัดเจน ท่านลองเรียกราคามาว่าราคาเท่าใดจึงจะเหมาะสมเ้าคะ?” จิ่นเซวียนให้ท่านหมอหลี่เรียกราคาเอง หากเขามิเอา ย่อมมีผู้อื่นเอาอยู่ดี
“โสมคนนี้อายุมิถึงหนึ่งพันปี ปกติข้าซื้อมาในราคามิเท่าใดนัก พวกท่านเป็คนคุ้นเคย ข้าให้พวกท่านสามพันตำลึง” ท่านหมอหลี่กดราคาต่ำที่สุด จิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินมิใช่คนโง่ แม้โสมคนของพวกเขาจะมีอายุมิถึงหนึ่งพันปี แต่มูลค่าของมันสูงกว่าโสมคนในโลกภายนอกยิ่งนัก
“ดูท่าท่านหมอหลี่จะมิบริสุทธิ์ใจต่อกัน สามี พวกเราไปที่โรงหมออี้คังกันเถิด”
“เอาอย่างที่เ้าว่า อย่างไรพวกเราก็ต้องปรุงยาให้ท่านทวดน้อยของเ้า พวกเราไปที่โรงหมออี้คังก็แล้วกัน” ซ่งจื่อเฉินเองก็รู้ว่าท่านหมอหลี่หน้าเืเกินไป สามพันตำลึงหรือ ราคาต่ำยิ่งนัก อย่างน้อยๆ เขาต้องรับซื้อในราคาหกพันถึงเจ็ดพันตำลึง
“ท่านอาห้า......” ซ่งหยวนหยวนที่อยู่ด้านข้างอยากพูดว่าสามพันตำลึงก็พอแล้ว แต่ท่านแม่ของนางฉลาด รีบหยิกเตือนนางมิให้พูดจาซี้ซั้ว
“เอาเช่นนี้ ข้าเพิ่มให้ห้าร้อยตำลึง” ท่านหมอหลี่เพิ่มราคาขึ้นมาห้าร้อยตำลึง เมื่อเขาเห็นว่าซ่งจื่อเฉินยื่นมือไปเก็บโสม
ซ่งจื่อเฉินมิอยากพูดจาไร้สาระกับหมอหลี่ต่อ เขาจึงบอกไปตามตรงว่า “ข้าขอเป็เลขมงคล หกพันแปดร้อยตำลึง หากท่านตกลง พวกเราก็ตกลงซื้อขายกัน มือหนึ่งจ่ายเงิน มือหนึ่งส่งของ หากซื้อขายกันมิสำเร็จ มิตรภาพของพวกเราก็ยังคงอยู่ขอรับ”
เ้าหนุ่มนี่หลอกยากนัก โสมคนนี้มูลค่าสูงกว่าโสมพันปีธรรมดา หากเขาซื้อมาในราคาหกพันแปดร้อยตำลึง เขาจะเสนอขายต่อได้มากกว่าเดิมสามถึงสี่พันตำลึง
“สามี พวกเราไปดูที่อื่นดีกว่า โรงหมอในอำเภอเมืองมีอีกหลายแห่ง พวกเราไปกันเถิด” เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามยังลังเล จิ่นเซวียนจึงเร่งให้ซ่งจื่อเฉินไปที่โรงหมออื่น
“พวกเ้าอย่าเพิ่งไป พวกเราเป็คนคุ้นเคยกัน ขายให้ข้าเถิด” ท่านหมอหลี่มิได้เป็เพียงหมอ เขายังเป็นักธุรกิจด้วย เขารู้ว่าโสมคนนี้มีมูลค่ามากเพียงใด
หากพวกจิ่นเซวียนไปที่โรงหมออี้คังจริง โสมคนนี้ก็มิใช่ของเขาแล้ว
สหายของเขาไหว้วานให้เขาซื้อโสมคนอยู่พอดี เช่นนี้ก็เรียกได้ว่าซ่งจื่อเฉินกับภรรยามาได้จังหวะพอดีถูกหรือไม่?
“ท่านทั้งสองรอสักครู่ ข้าจะรีบขึ้นไปหยิบตั๋วเงินมาให้พวกท่าน”
ท่านหมอหลี่พูด แล้วเดินหายวับไปจากชั้นหนึ่ง
รออยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินลงมาพร้อมส่งตั๋วเงินลงบนมือของซ่งจื่อเฉิน เมื่อซ่งจื่อเฉินตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เขาจึงยื่นให้กับจิ่นเซวียน “ภรรยา ตั๋วเงินนี้ให้เ้าเก็บ”
“สามี ท่านเป็คนดูแลครอบครัว ท่านเก็บไว้เถิด” เมื่ออยู่ข้างนอกจิ่นเซวียนต้องไว้หน้าซ่งจื่อเฉิน
อย่างไรก็เป็เงินของพวกเขาสามีภรรยา ผู้ใดเก็บย่อมมิต่างกัน
อีกอย่างหนึ่งคือนางยังมีเงินติดตัวอยู่อีกหนึ่งหมื่นกว่าตำลึง!
“เซวียนเซวียนเอ๋ย จื่อเฉินให้เ้าเก็บเงิน เหตุใดเ้ามิเก็บเอาไว้เล่า ซื่อบื้อยิ่งนัก” หลังเดินออกมาจากโรงหมอคังไท่แล้ว ซย่าตงชิงก็เอ่ยดุซย่าจิ่นเซวียนด้วยความหวังดี หากสามีให้นางเก็บเงิน นางคงมีความสุขยิ่งนัก
“พี่ตงชิง เขาคือสามีของข้า ข้าต้องไว้หน้าเขา มิเช่นนั้นทุกคนคงคิดว่าเขากลัวภรรยา” จิ่นเซวียนเข้าใจที่ซย่าตงชิงจะบอก มิว่ายุคใดสมัยใด สตรีต่างก็ชอบเก็บเงินของสามีหลังแต่งงานกันทั้งนั้น
โดยส่วนตัวนางคิดว่าหากใจผู้ชายเปลี่ยนไปจริงๆ เก็บเงินเขาไปก็ไร้ความหมาย มิสู้ให้อิสระกันเสียดีกว่า
“พี่สะใภ้เล็ก!” ขณะที่พวกจิ่นเซวียนกำลังจะขึ้นรถม้า โจวซู่ซินเดินเข้ามาเรียกนางอย่างสนิทสนม จิ่นเซวียนหันไปมองก็เห็นเพียงคุณชายในชุดผ้าแพรยืนอยู่ข้างกายของโจวซู่ซิน คุณชายในชุดผ้าแพรบุคลิกสง่างาม ดูมีความรู้ แต่น่าเสียดายที่เขามิอาจซ่อนความเหลาะแหละเอาไว้ได้
สาวน้อยในอาภรณ์สีชมพูนางนี้คือสตรีร้ายกาจจากปากพี่โจวหรือ?หน้าตางดงามเกินไปแล้ว แม้กระทั่งคุณหนูในเมืองหลวงพวกนั้นยังงดงามได้มิเท่านางเลย!
ผิวขาวนุ่มละมุนเรียบเนียน นางมิได้แต่งหน้ายังงดงามถึงเพียงนี้ หากนางแต่งหน้าแต่งตัว จะมิงามยิ่งกว่านี้หรือ
“ภรรยา คุณชายข้างกายโจวซู่ซินคือคุณชายหวัง ข้าเคยเป็สหายร่วมชั้นเรียนของเขา”
หวังเหิงรู้สึกถึงรังสีเย็นะเืลอยมาทางเขา เขาจึงชำเลืองตาไปมองโดยมิรู้ตัว เขามองบุรุษข้างกายของจิ่นเซวียนด้วยความใ บุรุษผู้นั้นมิใช่สหายร่วมชั้นเรียนของเขาหรือ?
บุรุษผู้นี้มิได้ไปเรียนที่สำนักศึกษาั้แ่เจ็ดปีก่อน ได้ยินมาว่าเขากลายเป็คนพิการ อาจจะต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต
แล้วนี่มันเกิดสิ่งใดขึ้น!
“จื่อเฉิน เ้าลุกขึ้นได้แล้วหรือ?”
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณภรรยาของข้า หากมิมีนาง ข้าคงต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต” ซ่งจื่อเฉินมิชอบสายตากะลิ้มกะเหลี่ยของหวังเหิง จิ่นเซวียนคือภรรยาของเขา ผู้ใดก็อย่าได้คิดที่จะมายุ่มย่ามกับนาง
“น้องสะใภ้น่าทึ่งยิ่งนัก นางรักษาขาของเ้าได้”
คุณชายหวังทอดถอนใจ ซ่งจื่อเฉินได้แต่งงานกับสาวงามเช่นนี้ เขาเสียเปรียบซ่งจื่อเฉินแล้วจริงๆ
“พี่หวัง ยินดีกับท่านด้วย ข้าได้ยินว่างานมงคลของท่านกับซู่ซินใกล้เข้ามาแล้ว” ซ่งจื่อเฉินลากหัวข้อไปทางโจวซู่ซิน หวังเหิงจึงละสายตาเ้าชู้ไปจากจิ่นเซวียน
โจวซู่ซินเห็นว่าหวังเหิงประเมินจิ่นเซวียนไว้สูงมาก นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่พาเขามาพบกับจิ่นเซวียน
ความจริงแล้วหวังเหิงยังชอบโจวซู่ซินอยู่ เขาเพียงแค่รู้สึกชื่นชมจิ่นเซวียนเท่านั้น
“น้องซู่ซินยังมิได้ตกลงปลงใจกับข้าเลย” หวังเหิงมองโจวซู่ซินด้วยความเอ็นดู นางหน้าแดงระเรื่อ
“คุณชายหวัง ฐานะซู่ซินต้อยต่ำ มิคู่ควรกับท่านเ้าค่ะ”
“น้องซู่ซินมิต้องน้อยเนื้อต่ำใจหรอก แม้เ้าจะเป็หลานสาวของทาสต้องโทษ แต่เ้าก็ยังเป็อนุได้” จิ่นเซวียนรังเกียจโจวซู่ซินจริงๆ ทั้งที่นางอยากหลอกใช้หวังเหิง แต่ยังกล้าใช้กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับอีก
“ซย่าจิ่นเซวียน เ้าหมายความว่าอย่างไร เ้าจะบอกว่าน้องสาวของข้าเป็ได้เพียงอนุเท่านั้นหรือ?” โจวซั่วตะคอกจิ่นเซวียน
สายตาของซ่งจื่อเฉินปรายตาดุดันราวกับมีดใส่โจวซั่ว “โจวซั่ว ภรรยาของข้า เ้าตะคอกได้ด้วยหรือ?”
“จื่อเฉิน พี่โจว ทุกท่านก็เป็สหายกัน อย่าเพิ่งโมโหเลย” หวังเหิงมิอยากให้เกิดการขัดแย้งกัน เขาจึงเกลี้ยกล่อมให้โจวซั่วหยุดพูด
ความจริงแล้วคำพูดของจิ่นเซวียนตรงใจเขา ต่อให้โจวซู่ซินจะมิใช่ทายาทของทาสต้องโทษ ท่านพ่อท่านแม่ของเขาก็มิยอมให้เขาแต่งโจวซู่ซินเป็ภรรยาเอก เวลานี้แต่งนางเข้าไปเป็อนุยังยากเลย
“ซย่าจิ่นเซวียน เ้าต้องขอโทษน้องสาวของข้า” เสียงของโจวซั่วดังขึ้นฉับพลัน
จิ่นเซวียนหัวเราะเหยียดหยาม “โจวซั่ว ข้าเพียงพูดความจริง หรือท่านมิใช่หลานชายของทาสต้องโทษเล่า?น้องซู่ซินมีพี่ใหญ่เช่นท่าน นางช่างน่าสงสารยิ่งนัก ท่านอายุยี่สิบปีแล้ว วันๆ คิดแต่จะพึ่งพาผู้อื่น พวกท่านสนใจเพียงแค่เงินของคุณชายหวังมิใช่หรือ?”
“พี่สะใภ้เล็ก ข้ารู้ว่าท่านหวังดีกับข้า แต่ขอร้องท่านอย่าพูดอีกเลยเ้าค่ะ” เดิมทีโจวซู่ซินอยากยืมมือหวังเหิงกำจัดจิ่นเซวียน แต่สถานการณ์กลับอยู่เหนือการควบคุมของนาง
พี่ใหญ่ของนางช่างโง่งมยิ่งนัก ซย่าจิ่นเซวียนเป็ผู้ใด เขาจะต่อกรกับนางได้หรือ?
เชิงอรรถ
[1] กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับ หมายถึง เพื่อที่จะควบคุมหรือครอบงำจิตใจของใครบางคนให้อยู่ในอำนาจอย่างเด็ดขาด จึงแสร้งว่าปล่อยไปก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้