“ไร้สาระ!”
ตอนแรกบอกว่าจะแต่ง ทว่าตอนนี้บอกไม่แล้ว?
แม้แต่จะจัดงานสมรสวันไหน บ้านฝานก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว มารดาของฝานเจิ้นชวนยังคิดอยู่เลยว่าจะเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานมาที่บ้านในวันสองวันนี้ เพื่อพบปะกับบิดามารดาลูกสะใภ้คนใหม่ ตกลงว่าจะมอบสินสอดอย่างไร การสมรสในปัจจุบัน‘สี่ฟุ่มเฟือย [1]’ ที่้าคืออะไร น้าหลี่ซื้อให้ได้ทั้งหมด โทรทัศน์ในบ้านฝานเจิ้นชวนเป็รุ่นมีสี ตู้เย็นก็มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิทยุ แถมยังสามารถซื้อนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์หนึ่งเรือนให้เ้าสาวได้ด้วย
บิดามารดาหย่าร้าง ยัง้าเชิญบิดาบังเกิดเกล้ามาร่วมงานมงคลสมรสหรือไม่?
ส่วนแต่งงานแล้วจะรับมารดาม่ายของเซี่ยเสี่ยวหลานมาเหอตงเมื่อไร จำเป็ต้องพูดคุยกันสักหน่อยเหมือนกัน น้าหลี่ไม่้าให้มีใครวางท่าทีแม่ยายต่อหน้าฝานเจิ้นชวน ดังนั้นรอเซี่ยเสี่ยวหลานให้กำเนิดบุตรแล้วค่อยรับมารดาเธอมาอยู่ด้วยในภายหลัง ทุกรายละเอียด ทุกสิ่งทุกอย่าง น้าหลี่คิดไว้เรียบร้อยหมด กระทั่งในงานเลี้ยงจะรับประทานอาหารอะไรบ้าง เธอก็ได้จัดเตรียมอย่างเหมาะสมเรียบร้อยแล้ว
หลิวฟางกลับถ่อมาแจ้งว่าหลานสาวของเธอไม่อยากแต่งงานเอาป่านนี้ น้าหลี่ไม่มัวใส่ใจความสุขุมอะไรทั้งสิ้น
หลิวฟางรู้สึกผิดยิ่งนัก “ก็ก่อนหน้านี้เธอมีคนรักใช่ไหมล่ะคะ? พอคนเขาได้ยินว่าเสี่ยวหลานใกล้จะแต่งงาน เลยตามมาจากต่างถิ่น…”
น้าหลี่ลูบกำไลหยกบนข้อมือของเธอไปมา
“นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่หลานสาวของเธอจะผิดสัญญากะทันหันอยู่ดี ฉันขอให้พ่อครัวเตรียมรายการอาหารสำหรับงานเลี้ยงแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ ผู้หลักผู้ใหญ่ของเขตเหอตงล้วนรับรู้ว่าเจิ้นชวนจะแต่งงาน ลูกสะใภ้คนก่อนของฉันเสียไปหลายปี ดังนั้นถึงเวลาที่เจิ้นชวนควรควรแต่งงานใหม่ได้แล้ว... แต่เธอมาบอกว่าไม่แต่งงานเอาตอนนี้ เธอจะให้ตระกูลฝานไปหาศักดิ์ศรีนี้คืนจากที่ไหน?”
น้าหลี่รู้ว่าหลิวฟางเป็ผู้รับส่งสารอยู่ระหว่างกลางการแต่งงานครั้งนี้มาโดยตลอด ตอนนี้แม่ของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่บอกว่า้าพบครอบครัวฝ่ายชายรวมถึงว่าที่ลูกเขย มันต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แต่สำหรับกรณีเซี่ยเสี่ยวหลานจะยินยอมแต่งงานหรือเปล่านั้น อย่างไรเสียน้าหลี่ก็ใช้เธอมาเพื่อทำให้ฝานเจิ้นชวนยั้งใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับญาติห่างไกลร่วมแซ่ ความประสงค์ของเซี่ยเสี่ยวหลานเองไม่สำคัญนัก อีกทั้งหากแต่งงานกับฝานเจิ้นชวน ทั้งครอบครัวก็ได้ขึ้น์ไปด้วย ยังมีอะไรให้ไม่พอใจอีกหรือ?
หลิวฟางเคยเกริ่นครั้งหนึ่งแล้ว ทว่าตอนนี้ถึงกับถ่อมาแจ้งเธอต่อหน้า คงไม่ใช่เื่ง่ายดายแค่คนรักก่อนหน้านี้มาหา
หลิวฟางต้านทานเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอจะอาศัยบ้านฝานเพื่อสำแดงเดช
น้าหลี่เข้าใจ และเธอไม่คิดว่ามันเป็เื่ใหญ่โตอะไร แต่ควรตักเตือนหลิวฟางสักหน่อย เธอไม่เสียดายน้ำลายที่จะตักเตือนหรอก
หลิวฟางแสดงความนอบน้อม เธอรู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก
“ท่าทีของอีกฝ่ายแข็งกร้าวมาก ฉันกับเหล่าเหลียงไม่ถือว่าเป็ญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพในสายตาของพวกเขาเลย พวกเราพูดอะไรไปก็ไม่นำพาสักนิด”
น้าหลี่มองเธอด้วยความสงสัย “อวดดีขนาดนี้เชียว?”
ัต่างถิ่นมาถึงเขตเหอตงยังต้องหดกายอย่างซื่อตรง ัต่างถิ่นมิใช่คนธรรมดาสามัญด้วยซ้ำ แต่ชายต่างถิ่นคนนั้นไม่ใช่ักลับคิดข่มงูเ้าถิ่น สมองคงผิดปกติ หาเื่ไม่สงบสุขให้ตนเองเสียจริงๆ
น้าหลี่ไม่สบอารมณ์ กิริยาของเธอจึงออกรำคาญ
“ได้ ฉันจะบอกฝานเจิ้นชวน ให้เขาจัดการเสีย จัดงานแต่งงานดั่งเดิม พรุ่งนี้ฉันอยากพบเสี่ยวหลานหน่อย เธอเรียกพี่สาวเธอมาพร้อมกันเสีย อีกหน่อยต้องเกี่ยวดองกันแล้ว จะซื้อของอะไรให้เสี่ยวหลานบ้าง ก็หารือกันด้วยเลย ฉันปฏิบัติอย่างเป็ธรรมต่อเด็กนั่นแน่ ตราบใดที่บ้านฝานมีคุณสมบัติพอจะทำได้ ฉันจะจัดการให้เธอทั้งหมด ทำให้เธอได้แต่งงานกับเจิ้นชวนอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน!”
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานเต็มใจแต่งงานกับฝานเจิ้นชวน นั่นคงดีมากเข้าไปใหญ่ ด้วยท่าทีเช่นนี้ของตระกูลฝาน ยังกลัวว่าเหล่าเหลียงของเธอจะไม่ได้รับผลประโยชน์อีกหรือ? น่าเสียดายที่เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนโง่เง่า ไม่รับความหวังดี ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนใจแต่งงานกับฝานเจิ้นชวนในตอนนี้ หลิวฟางก็ยังคงรู้สึกกลัวว่าหลานสาวเนรคุณจะเล่นงานบ้านเหลียงลับหลังอยู่ดี! จะปล่อยให้แต่งงานไม่ได้ ถึงกระนั้นต้องไม่โยงมาเกี่ยวข้องกับบ้านเหลียง
หลิวฟางจากไป น้าหลี่บอกเล่าเื่ราวแก่ฝานเจิ้นชวนให้ทราบทันที
ฝานเจิ้นชวนไม่ใช่แค่ไม่โกรธ อีกทั้งเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น
ผู้หญิงที่แย่งชิงมาจากมือของคนอื่น เขายิ่งรู้สึกโปรดปราน พอเผชิญหน้ากับเล่ห์เหลี่ยมของเขา ได้เห็นฝ่ายชายหมดสิ้นกำลัง ได้มองสภาพอันไร้ประโยชน์ของพวกเขา ฝานเจิ้นชวนเกิดความตื่นเต้นอันแสนพิเศษบางอย่าง ของที่ผู้คนแย่งชิงถึงจะเป็ของดี สิ่งที่ชิงมาได้ช่างหอมหวนเมื่อยามลิ้มลอง ฝานเจิ้นชวน้าเจอคนรักเก่าของเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นเดียวกัน
ให้อีกฝ่ายมองเขาที่กำลังโอบกอดเซี่ยเสี่ยวหลานไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าเต็มไปด้วยความอดสูและความโกรธเคือง ทว่าไม่มีปัญญาต้านทาน คงน่าสนุกมากทีเดียว
น้าหลี่้าพบว่าที่ลูกสะใภ้สักหน่อย หลิวฟางไม่มีเจตนาดีอยู่แล้ว รอโจวเฉิงไปหาฝานเจิ้นชวนด้วยตนเองนั้นน่าเบื่อออกจะตายไป
เธอแค่ทำหน้าที่เป็ผู้ส่งสาร ต่อสายไปซางตูด้วยอาการยั่วยุโดยเฉพาะ ตอนนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งกลับบ้าน พอได้รับโทรศัพท์ก็รู้สึกว่าช่างน่าตลกขบขัน
“น้า ฉันว่าน้ายังลิ้มรสบทเรียนในวันนั้นไม่พอนะ น้ายังอยากเล่นตุกติกอยู่ตรงกลางสินะ ถ้าอยากพบก็ย่อมได้ ให้คนบ้านฝานมาที่ซางตู!”
เซี่ยเสี่ยวหลานต้องโง่เขลามากถึงจะไปเหอตงด้วยตนเอง ที่นั่นเป็ฐานบัญชาการใหญ่ของฝานเจิ้นชวน จริงอยู่ที่หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนรับมือคนจำนวนมากได้ แต่การไปเยือนอาณาเขตของตระกูลฝานนั้นโง่งมเกินไป เธอกลัวว่าหลิวฟางจะปั่นหัวทั้งสองฝั่ง ดังนั้นจึงลั่นออกไปอย่างชัดเจน “ถ้าน้าไม่ส่งสาร ฉันจะโทรศัพท์หาฝานเจิ้นชวนเอง น้ารู้ดีว่าปากฉันนี่อะไรก็กล้าพูด ถึงเวลา... ”
หลิวฟางอยากฉีกเซี่ยเสี่ยวหลานออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มแก่ นี่คือหลานสาวเธอรึ? นี่มันผีดื้อด้านชัดๆ!
ตั้งใจเป็แม่สื่อด้วยความหวังดี กลับทำเอาตอนนี้อยู่ในสภาวะลำบาก
เหลียงปิ่งอันได้ยินก็หัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ส่งต่อสารไปให้กับบ้านฝานตามต้นฉบับ พบกันที่เมืองซางตู มีคนออกรับแทนเธอแล้วสินะ?”
เหลียงปิ่งอันไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเอาความมั่นใจมาจากไหน
ซางตูเป็เมืองหลักประจำมณฑล มีบุคคลสำคัญจำนวนมาก แต่เกี่ยวอะไรกับหญิงสาวชนบทอย่างเธอกัน? ใช้ความงามขอร้องให้พวกบุคคลใหญ่โตเป็ผู้สนับสนุนก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมอยู่ดี เหลียงปิ่งอันกำลังรอชมความตื่นเต้น เขาเสี้ยมสอนหลิวฟางสองสามประโยค หลิวฟางส่งสารต่อไป และน้าหลี่โมโหมากอย่างที่คาดการณ์ไว้
ความชื่นชอบบางส่วนที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานในตอนแรกสลายหายไปจนสิ้น ถ้ามิใช่เพราะฝานเจิ้นชวนไม่อยากปล่อยให้หลุดมือ น้าหลี่จะเปลี่ยนลูกสะใภ้อย่างแน่นอน
ดังที่เซียวเสี่ยวหลานกล่าวไว้ ต่อให้ไม่มีโจวเฉิง แถมฝานเจิ้นชวนไม่เลวร้ายขนาดนั้น เธอก็ไม่มีทางเห็นชอบกับการแต่งงานครั้งนี้ ในเมื่อเหลียงปิ่งอันหรือหลิวฟาง หรือใครก็ตามจากตระกูลฝาน ต่างไม่ได้เคารพเซี่ยเสี่ยวหลานเลยแม้แต่นิดเดียว กระทั่งเป็การคลุมถุงชนในยุคศักดินา ก็ไม่มีหลักการที่ฝ่ายชายไม่ปรากฏตัว แต่กลับขอให้ฝ่ายหญิงไปพบหน้าด้วยตัวเองหรอก
แม้น้าหลี่บอกว่าเธอชอบเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าความชอบของเธอนั้น ‘ปลอม’ เธอเพียงคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวย สามารถทำให้ฝานเจิ้นชวนระงับกามตัณหาได้
พอฝ่าฝืนความตั้งใจของเธอ เธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว ความชื่นชอบที่พูดถึงย่อมมลายสลายไปจนสิ้น
เซี่ยเสี่ยวหลานให้พวกเขาไปพบที่ซางตู โดยจองบ้านพักรับรองประจำเมืองเอาไว้ สิ่งนี้ไม่ได้พึ่งพาเส้นสายของโจวเฉิง เธอแค่ขอให้หูหย่งไฉช่วยก็พอ อย่างไรเสียหูหย่งไฉนั้นเป็ถึงคนจัดซื้อของบ้านพัก การช่วยหาห้องรับรองส่วนตัวไม่ได้ยากเย็นนัก
ฝานเจิ้นชวนรู้สึกสนใจทันทีที่ได้ยิน แค่นัดพบหน้าที่บ้านพักรับรองประจำเมือง เขาจะไม่กล้าไปเชียวหรือ?
"เช่นนั้นก็ตกลงแล้วนะ"
เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจนัดพบโดยไม่ทันปรึกษากับโจวเฉิงก่อน เธอเจอโจวเฉิงแค่ตอนเที่ยงเท่านั้น เวลาห้าทุ่มกว่า ขณะที่เธอยังคงทบทวนบทเรียนอยู่ โจวเฉิงก็ได้เดินทางมาที่บ้านอวี๋
“ธุระเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เธอรอฟังข่าวดีเถอะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นว่าริมฝีปากของเขาแห้งผากจนลอก รีบเทน้ำดอกเบญจมาศเก๋ากี้ที่เธอชงเองให้เขาหนึ่งแก้ว
โจวเฉิงดื่มอึกอักจนหมดเกลี้ยง รู้สึกผ่อนคลายสบายไปทั้งตัว
“คืนนี้พวกหลี่ต้งเหลียงเขาพักที่ไหนกัน?”
เชิงอรรถ
[1]四大件 สี่ฟุ่มเฟือย คือ สิ่งของที่ค่อนข้างทันสมัยซึ่งฝ่ายเ้าสาวจะขอให้ฝ่ายเ้าบ่าวเตรียมให้เป็ของขวัญสมรส เพื่อแสดงความมั่งคั่ง โดยสี่ฟุ่มเฟือยนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละยุค สำหรับยุค 80 คือ โทรทัศน์ขาวดำ ตู้เย็นไฟฟ้า วิทยุ และนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ (นาฬิกาข้อมือแบบใช้ถ่าน)