เธอผู้นี้คือสาวชาวคอเคเชียนผิวขาวผู้มีผมสีน้ำตาลเกาลัด รูปร่างสูงโปร่ง และมีส่วนโค้งเว้าดูเย้ายวน
เธอแต่งแต้มดวงตาอายแชโดว์สีม่วงอ่อน ริมฝีปากกระจับสีแดงและดวงตาเกียจคร้านของเธอดูเย้ายวน เธอทาเล็บเป็สีดำเงาวาวแม้ว่าผิวของเธอจะไม่ได้ขาวมาก แต่ยังคงดูเป็ธรรมชาติภายใต้แสงสว่าง
เธอแต่งตัวสไตล์พังค์คิสแต่แตกต่างด้วยดอกกล้วยไม้สีม่วงเข้มที่ประดับบนผมของเธอซึ่งดูแพงเป็อย่างมาก
เมื่อมองภาพรวมแล้วมันไม่ใช่แค่การหยิบจับอะไรมาแต่งแบบครึ่งๆ กลางๆแต่เป็การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของตะวันออกและตะวันตก ที่ดูดุดันอย่าไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อคนหนึ่งมองอย่างใกล้ชิด พวกเขาสังเกตว่าเธอรวมเอาสไตล์ที่โดดเด่นแหวกแนวไม่ซ้ำแบบใคร เข้ากับความคลาสสิคได้อย่างลงตัว
เธอใช้ความเป็เอกลักษณ์ของสาวตะวันตกในการตีความเสน่ห์ของหญิงสาวประเทศจีนให้ดูน่าค้นหา
สำหรับหลี่มู่หัว อู๋เต๋า หรือแม้แต่โม่เชี่ยนนีคนสวยเองพวกเขาได้ประจักษ์ถึงความงดงามตรงหน้า โดยไร้ข้อกังขา
อย่างไรก็ตาม ที่น่าใที่สุดในกลุ่มพวกเขาคือหยางเฉิน
เป็เธอไปได้อย่างไร?
ริมฝีปากของหยางเฉินหยักยิ้มลึกซึ้งและซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อเขาดูขมขื่น แต่ยังคงมีความสุขและความสับสน
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้สังเกตเห็นหยางเฉินเรียบร้อยเธอเผยท่าทางใออกมาเป็ครั้งแรก แต่ทันทีหลังจากนั้นเธอสาดสายตาเ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่เขา
“ลุงสี่ เธอคือใครเหรอครับ?” ด้วยสถานะของเ้าบ้านหลี่มู่หัวเดินขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มของสุภาพบุรุษน่ารักและถามกับหลี่กวางซุ่น
เสียงของหลี่กวางซุ่นค่อนข้างคมชัดเขาไม่ได้มองมาที่หลานชายที่เป็ดั่งพนักงานดีเด่นของเขาด้วยความรักและกล่าวแนะนำอย่างภาคภูมิใจว่า
“คนผู้นี้เป็อาจารย์ของฉันตอนที่ยังเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ท่านเพิ่งมาถึงฮ่องกงวันนี้ฉันเชิญท่านมาดูผลวิจัยใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา และท่านก็ได้มอบคำแนะนำต่างๆ ให้อีกมากมาย”
หลี่กวางซุ่นดูอายุมากกว่า 40 ปี และสุภาพสตรีชาวตะวันตกข้างๆ มองดูแล้วเธอคงมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆนี่เป็เื่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้เผยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบ และพูดจาด้วยภาษาจีนแมนดารินอย่างคล่องแคล่ว
“สวัสดีทุกท่าน ดิฉันชื่อ เจน คริสติน่า อาเธอร์อลิซาเบธ เมาท์แบทเทน วินเซอร์ อเล็กซานเดอร์ ค่ะ นั้นเป็ชื่อเต็มของฉันแต่ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมันมากหรอกค่ะ เรียกฉันว่า เจน ก็พอ”
เจน?
ช่างเป็ชื่อที่ฟังดูเรียบง่ายแต่เสนาะหูเหลือเกินแต่ชื่อเต็มของเธอนั้นยาวเป็อย่างมากแต่ก็มีบางสิ่งที่ทำให้เราไม่สามารถทำเป็ไม่สนใจได้
ชื่อของชาวตะวันตกทุกคนล้วนแล้วแต่มีความหมายแอบแฝงโดยเฉพาะชื่อที่มาจากสหราชอาณาจักร สถานที่ที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้าธรรมเนียมของชนชั้นสูงนั้นอนุญาตให้นามของพวกเขาเป็เสมือนมรดกล้ำค่าให้สืบทอดต่อกันมาเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็คำว่า อาเธอร์ อลิซเบธเมาท์แบทเทน หรือ อเล็กซานเดอร์ก็ล้วนเป็สัญลักษณ์ของอำนาจและเกียรติยศทั้งสิ้นซึ่งมีเพียงขุนนางเท่านั้นจึงสามารถใช้ได้
พูดได้ว่าคนทั่วไปส่วนใหญ่จะใช้ชื่อ เจน แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
คนที่นี่ไม่ใช่คนโง่ไร้การศึกษาเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าวพวกเขาก็สามารถเข้าใจที่มาของความลึกลับซับซ้อน ในตัวของเจนได้ในทันทีสิ่งนี้มากมายจนเธออาจจะมีชื่อเสียงสูงส่งแม้กระทั่งพวกเขาก็คาดไม่ถึง
“ผมรู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่งที่ได้ทำความรู้จักกับคุณคุณเจน” หลี่มู่หัวยื่นมือออกมาทักทายกับเจนและเผยรอยยิ้มที่สุภาพอ่อนโยนออกมา
เจนไม่ได้จับมือของเขาตอบ เธอยิ้มอย่างสุภาพและโค้งคำนับอย่างเ้าหญิงชั้นสูง
“คุณต้องเป็ซีอีโอของมู่หยุนคอร์ปอเรชั่นแน่ๆขอโทษด้วยนะคะคุณหลี่ การที่ฝ่ายชายเป็ผู้เริ่มต้นยื่นมือ เพื่อขอจับมือหญิงสาวก่อนนั้นเป็สิ่งที่ไม่สุภาพดังนั้นฉันจึงปฏิเสธ”
การปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาทำให้หลี่มู่หัวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่ไม่มีใครคิดขัดการแสดงออกของเจน ราวกับเป็สิ่งที่เจนควรกระทำ
หลี่กวางซุ่นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “มู่หัวห้ามเสียมารยาทต่ออาจารย์ของฉัน เร็วเข้า ฉันยังไม่ได้ทำการต้อนรับอาจารย์ของฉันเลย”
“โอ้ ครับ” หลี่มู่หัวรู้สึกแย่อยู่ลึกๆ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเขาสั่งให้ลูกน้องบางคนไปเตรียมการต้อนรับทันที
เจนถามขึ้นมาในฉับพลัน “หลี่น้อย การต้อนรับที่พูดไว้ หมายถึงอะไร”
หลี่น้อย?
ได้ยินสรรพนามที่ใช้เรียกหลี่กวางซุ่นแล้วทุกคนก็ถึงกับหัวขวับอย่างประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่าศาสตราจารย์หลี่ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปีนั้นถูกอาจารย์ชาวตะวันตกของเขาเรียกว่าหลี่น้อย
ใบหน้าของหลี่กวางซุ่นขึ้นสีเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรและตอบออกมาทันทีว่า
“อาจารย์ มันหมายถึงการต้อนรับแขกด้วยอาหารดีๆครับ”
“โอ้... การเลี้ยงต้อนรับ ฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่แล้วฮ่าๆๆๆ” เจนดูมีความสุขเป็อย่างมากเสียงหัวเราะของเธอสดใสเหมือนมาจากคนอายุ 18 ปี เธอมองไปที่หยางเฉินและคนอื่นๆ พร้อมถามว่า "คนเหล่านี้คือ..."
หลี่มู่หัวแนะนำตัวพวกเขาในทันที
“พวกเขาคือพันธมิตรในธุรกิจของผมครับผมพาพวกเขามาถึงที่นี่วันนี้เพื่อเยี่ยมชมความก้าวหน้าของสถานค้นคว้าวิจัยวัสดุใหม่ที่เป็มิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากนั้นพวกเราจะจัดการแก้ไขครั้งสุดท้ายในสัญญาที่ทำร่วมกัน ผมไม่คาดคิดว่าคุณเจนจะให้เกียรติแก่พวกเราในการอยู่ที่นี่ในฐานะอาจารย์ของลุงสี่ของผมคุณควรจะให้คำแนะนำแก่เราในบางจุดเกี่ยวกับงานด้านวิทยาศาสตร์เหล่านี้บ้างจริงมั้ยครับ?”
เจนหันไปมองหยางเฉิน เธอดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่า ทำไมชายคนนี้จึงกลายเป็สมาชิกฝ่ายตรวจสอบของบริษัท
หลี่กวางซุ่นเมื่อเห็นว่าเจนไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงคิดไปเองว่าอาจารย์ของเขาไม่เต็มใจดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า
“มู่หัวเอ็งพูดจาแบบนี้เพื่อขอคำแนะนำจากอาจารย์ได้อย่างไร? เอ็งรู้มั้ยว่าอาจารย์ของข้าเป็คนยังไงแม้แต่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอว์เรน เบอเคลีย์ ของอเมริกาห้องปฏิบัติการลิงคอล์นของ MI สมาคมฟรวนโฮเฟอร์ของเยอรมนีและสถาบันการศึกษาชั้นนำอื่นๆ ก็ขอคำแนะนำจากอาจารย์อย่างยากเย็นเอ็งคิดว่าการชี้แนะของอาจารย์สามารถมอบให้ใครก็ได้อย่างนั้นหรือ?"
“หลี่น้อย เธอพูดมากเกินไปแล้ว” เจนส่งสายตาไปที่หลี่กวางซุ่นอย่างรวดเร็ว
หลี่กวางซุ่นหุบปากลงทันที และส่งยิ้มประจบประแจงให้กับเจน
ถึงแม้สถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งที่หลี่กวางซุ่นกล่าวว่าจะไม่ค่อยเป็ที่รู้จักอย่างกว้างขวางแต่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ต่างทราบดีว่าเจนเป็ถึงผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนดุลอำนาจในโลกวิทยาศาสตร์ได้เลยทีเดียวเป็เื่ยากที่จะเชื่อว่าหญิงสาวอายุน้อยคนนี้จะมีความสามารถสุดหยั่งถึง
อู๋เต๋าช็อกไปเหมือนกัน เขาถามออกไปด้วยความลังเลว่า “คุณเจน เป็ไปได้หรือไม่ ที่คุณเคยเป็ผู้ได้รับรางวัลโนเบล?”
เจนยิ้มและส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยรับรางวัลใดๆ”
“อาจารย์ของผมเป็ผู้ตัดสินรอบสุดท้ายของรางวัลโนเบลตลอดเวลา 3 ปีติดต่อกัน การเป็หนึ่งในผู้ชนะมันไม่...” หลี่กวางซุ่นบ่นพึมพำออกมาเหมือนสิ่งนั้นเป็ชื่อเสียงของเขา
ข้อมูลนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลซึ่งเป็รางวัลอันทรงเกียรติที่สุดของโลก พวกเขาทุกคนล้วนได้รับการแต่งตั้งจากผู้หญิงคนนี้
แม้แต่ซีอีโอที่เงียบขรึมของบริษัทใหญ่อย่างหลี่มู่หัวก็รู้สึกถึงความน่ายำเกรงของหญิงสาวชาวตะวันตกผู้งดงามและอ่อนเยาว์อย่างน่าเหลือเชื่อคนนี้เขารู้สึกอับอายต่อความสนิทสนมซึ่งเขาพยายามจะหยิบยื่นให้หญิงสาวก่อนหน้านี้สถานะเล็กๆ ของเขาไร้ซึ่งความหมายกระทั่งไปยืนต่อหน้าเธอ
“คุณเจน ถ้าวันนี้คุณทำทุกอย่างสำเร็จตามแผนพวกเราจะไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารที่เราจองไว้ไม่ค่อยมีคนมาที่ฮ่องกงและเป็แขกของเราดังนั้นโปรดให้เกียรติพวกเราเถอะ” หลี่มู่หัวหลั่งเหงื่อเย็นเล็กน้อยขณะพูด
“ขอบคุณค่ะประธานหลี่ แต่ก่อนอื่นฉันขอพบเพื่อนเก่าของฉันก่อนได้มั้ยคะ” สายตาของเจนมองไปที่ใบหน้าของหยางเฉินในขณะที่เธอกล่าวออกไป
ในฐานะที่เป็ผู้หญิงคนหนึ่ง โม่เชี่ยนนีที่ยืนอยู่ข้างหยางเฉินในเวลานี้รู้สึกหวั่นไหวเป็อย่างมากนับั้แ่ที่เจนปรากฏตัว เธอรู้สึกว่าเจนคุ้นเคยกับหยางเฉินนอกจากนี้เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดา
เธอไม่เข้าใจว่า หยางเฉินไปสนิทชิดเชื้อกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านความงามและสติปัญญาคนนี้ได้อย่างไรโม่เชี่ยนนีแอบรู้สึกเ็ปเล็กๆ ภายในใจ แม้ว่าเธอจะมีความงามที่โดดเด่นเป็เอกลักษณ์อยู่แล้ว ซึ่งก็มากกว่าเสน่ห์ที่เป็แบบคลาสสิกของเจนแต่บรรยากาศที่บริสุทธิ์เป็ธรรมชาติ ที่เป็กลิ่นอายรอบๆ ตัวเธอที่คนธรรมดาสามัญอย่างโม่เชี่ยนนีไม่สามารถเทียบชั้นได้
หยางเฉินที่รักษาความสงบนิ่งมาตลอด สุดท้ายก็ได้รับความสนใจจากทุกคน
นอกจากหลี่มู่หัวและโม่เชี่ยนนีแล้ว คนอื่นๆในห้องปฏิบัติการต่างไม่อยากเชื่อสายตาว่า ชายหนุ่มธรรมดาๆ เช่นเขาจะเป็คนคุ้นเคยของสาวงามที่โดดเด่นคนนี้
หลี่กวางซุ่นสั่งการสมองตนเองให้เชื่อว่าหยางเฉินเป็ผู้เชี่ยวชาญในสายงานนี้และเขาแค่จำชายคนนี้ไม่ได้
เหงื่อเย็นบนร่างกายของหลี่มู่หัวไม่สามารถหยุดได้รอยยิ้มของเขาขมขื่นมากขึ้นกว่าเดิม เขาคิดว่าการที่หยางเฉินจะคุ้นเคยกับผู้หญิงระดับนี้แสดงว่าตัวตนของหยางเฉินเองก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน
หยางเฉินมองไปที่ตาสีฟ้าไพลินที่งดงามของเจนด้วยความคาดหวัง พร้อมถอนหายใจออกมาเขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”
หลังจากพูดจบ หยางเฉินถอดเสื้อกาวน์ออก แล้วก้าวเดินออกไป
เจนไม่ได้สวมเสื้อกาวน์ั้แ่ทีแรก ดังนั้นเธอจึงเดินตามหยางเฉินได้ทันที
สิ่งที่เห็นทำให้หลายคนมีความคิดบางอย่างที่คล้ายกัน ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขาคือทั้งสองคนดูเหมือนจะเป็คนที่มาจากโลกที่แตกต่างจากคนปกติ
หลี่มู่หัวและคนอื่นๆ ทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่โม่เชี่ยนนีดูหดหู่เล็กน้อยการปรากฏตัวของกะทันหันของเจน ทำให้เธอรู้สึกหมดเรี่ยวแรงเป็ครั้งแรกในชีวิตของเธอราวกับว่า… นอกจากเพื่อนรักของเธอ หลินรั่วซีแล้วยังมีอุปสรรคอื่นๆ อีกที่เธอต้องเอาชนะให้ได้
ด้านหลังสถาบันวิจัยเป็ป่าทึบภายในป่ามีศาลาขนาดเล็กที่มีใบไม้หล่นกระจัดกระจายอยู่ทั่วสถานที่แห่งนี้มักถูกปล่อยทิ้งไว้เสมอและตอนนี้มันก็เป็สถานที่อย่างดีสำหรับหยางเฉินและเจนที่จะพูดคุยกัน
มุมหนึ่งของศาลา หยางเฉินยืนพิงเสาและค่อยๆ ก้มหน้า จุดบุหรี่สูบเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา
เจนเองก็ยืนเงียบๆ ห่างจากหยางเฉินประมาณ 2 เมตร ดวงตาสุกใสของเธอมองตรงมาที่เขาใบหน้าเธอประดับด้วยรอยยิ้มตื่นเต้นยินดีเหมือนกับไม่ว่าเธอจะจ้องมองเขานานแค่ไหน มันก็ไม่เพียงพอ
หลังจากนั้นไม่นาน หยางเฉินถามด้วยเสียงทุ้มว่า
“ทุกคนสบายดีไหม?”
“เหมือนเดิม ทุกคนมีชีวิตอยู่แค่หายไปจากชีวิตคุณแค่นั้น” เจนตอบ
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว…” หยางเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เจนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเธอจะถาม
“เฮดีส คุณไม่ได้วางแผนกลับไปจริงๆ ใช่หรือเปล่า?”
หยางเฉินเงยหน้าขึ้นและพูด “อย่าเรียกผมว่าเฮดีสเลย ตอนนี้ผมใช้ชื่อจริงเรียกผมว่าหยางเฉินก็พอ ผมกำลังทำงานในบริษัทอวี้เหล่ย แผนกประชาสัมพันธ์ตอนนี้ผมเป็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”
การแสดงออกของเจนนั้น ดูเหมือนใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแต่เธอบังคับข่มมันไว้ได้ ก่อนจะปรบมือพร้อมพูดว่า
“ยินดีด้วยหยางเฉิน ในที่สุดคุณก็ทำมันจนได้”
หยางเฉินเพียงยิ้มและพูดว่า “ใช่ ผมกลับไปที่จีนได้ครึ่งปีไม่เพียงแต่มีเพื่อนใหม่ แต่ผมก็ยังแต่งงานแล้วอีกด้วย ตอนนี้ผมมีครอบครัว และในที่สุดก็มีชีวิตแบบคนธรรมดา”
“คุณ... แต่งงานแล้ว” ใบหน้าสวยของเจนซีดลงทันที