บทที่ 183 ปราม?
ในจัตุรัสของศาลเ้า มวลอากาศเย็นยังคงหลงเหลืออยู่ ลมที่พัดโหมทำให้ผู้คนจำนวนมากหนาวสั่น
ทุกคนตกตะลึง ไม่เคยคิดว่าคุณชายชุยเสวี่ย เสวี่ยหานเฟยจะปลุกิญญายุทธ์ระดับแปดขึ้นมาได้จริงๆ ซึ่งห่างจากิญญายุทธ์ระดับสูงสุดเพียงขั้นเดียวเท่านั้น!
“ฮึ่ม! ถึงว่าเสวี่ยจิงหงเลยยอมให้ลูกชายออกมาทำตัวตามใจชอบแบบนี้ ที่แท้เป็เพราะหานเฟยมีิญญายุทธ์เช่นนี้” ดวงตาของฉู่เจิ้นหนานหรี่ลงอย่างครุ่นคิด
แม้ว่าจิ้งจอกเฒ่าจะรู้ว่าิญญายุทธ์ของเสวี่ยหานเฟยนั้นน่ากลัวมาก แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะอยู่ถึงขั้นนี้ ช่างน่าทึ่งมาก ทั้งยังแทบไม่เคยเห็นในรอบหลายร้อยปี
ว่ากันว่าในสมัยโบราณ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งิญญายุทธ์นี้ ด้วยความโกรธ เขาจึงทำให้ทั้งเมืองกลายเป็น้ำแข็ง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกแช่แข็งจนกลายเป็ประติมากรรมน้ำแข็ง สูญเสียพลังชีวิต นับเป็หายนะครั้งใหญ่
ผู้ที่สามารถปลุกิญญายุทธ์ระดับแปดได้ ย่อมมีอนาคตสดใส อัจฉริยะเช่นนี้ แม้แต่กองกำลังขนาดใหญ่ของราชวงศ์เซี่ยตะวันออกก็ยังปรารถนาจะ
“แม้ว่าซิวหลัวหน้าผีจะฝึกฝนวิชากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ มีระดับพลังยุทธ์ที่ดี หากเขาไม่ใช้ิญญายุทธ์ของตัวเอง เกรงว่าคงไม่สามารถต่อกรกับิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยหานเฟยได้”
“ในความคิดของข้า เ้าหนุ่มหน้ากากนั่นแพ้แน่แล้ว ิญญายุทธ์ระดับแปดนั้นทรงพลังเพียงใด? ในทางตอนเหนือเช่นบ้านเรายากจะได้เห็นนัก เขาไม่ยอมเปิดใช้พร์ิญญายุทธ์ของตัวเองสักที คงเพราะระดับิญญายุทธ์ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่อยากให้คนหัวเราะเยาะ”
หลายคนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทันที และเอาแต่ถอนหายใจ ไม่เชื่อว่าฉู่อวิ๋นจะสามารถรับมือพลังของิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ได้
ในความเป็จริง อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่เ้าสำนักที่มีอำนาจบางคนและกระทั่งผู้นำตระกูลที่นี่ ก็ยังไม่เคยเจอิญญายุทธ์ระดับแปดมาก่อน อย่างน้อยที่สุดก็เป็ิญญายุทธ์ระดับเจ็ด
“ซิวหลัวหน้าผี” บนเวทีมีิญญายุทธ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วยหรือ? นี่เป็ไปไม่ได้ ความเป็ไปได้ต่ำเกินไป
นอกจากนี้ ตระกูลหลิงยังเป็ตระกูลฝึกฝนิญญา ไม่ใช่ตระกูลฝึกฝนยุทธ์โบราณ ดังนั้นความเป็ไปได้ที่จะปลุกิญญายุทธ์ที่ทรงพลังจึงต่ำตามไปด้วย
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นยืนนิ่งอยู่กับที่ ขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าในร่างเขาจะมีพลังปราณไฟหยางไหลต้านทานพลังปราณน้ำแข็งที่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงร่องรอยของอันตราย ไม่กล้าประมาท
“พ่ายแพ้ภายใต้พร์ิญญายุทธ์ของข้า ถือว่าเ้าแพ้ได้สมศักดิ์ศรีแล้ว” เสวี่ยหานเฟยยิ้มอย่างภูมิใจ เขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ศัตรูที่ได้เห็นิญญายุทธ์ของเขามีไม่มาก แต่ต่างก็หายไปจากโลกนี้แล้ว
ร่างยุทธ์ของบางคนถูกทำลาย บ้างโดนปราณเย็นทะลุเข้าจุดตันเถียน บ้างก็ถูกลดความสามารถจนกลายเป็คนปกติไปตลอดชีวิต ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
"ข้าไม่เข้าใจจริงๆ!" แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะระวังตัว แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้กลับพูดประชดต่อ “ทุกครั้งที่ข้าเห็นคนที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง ต่างก็จะพูดแบบนี้เสมอ ไม่ละอายใจเสียบ้างเลย”
“พร์ิญญายุทธ์ ประเสริฐนักหรือ? หากเ้าพึ่งพากำลังภายนอกมากเกินไป สุดท้ายเ้าก็จะกลายเป็ทาสของิญญายุทธ์ ข้าจะบอกเ้าให้นะ ข้าไม่ใช้พร์ิญญายุทธ์ ก็เอาชนะเ้าได้”
ทันทีที่คำพูดเหน็บแนมจบลง ฉู่อวิ๋นก็วางกระบี่ในแนวนอน พร้อมปล่อยขอบเขติญญาไปพร้อมๆ กัน ิญญายุทธ์ของเขาะเิออกมาในทันที จนผู้คนจำนวนมากใ
สีหน้าของเสวี่ยหานเฟยเปลี่ยนไป เขาเผยหน้าตาที่น่ากลัว ไม่มีใครกล้ายั่วยุเขาเช่นนี้มาก่อน นี่กำลังรนหาเื่ตายหรือ? เย่อหยิ่งเสียขนาดนั้น
“ในเมื่อเ้าอยากรีบคุกเข่ายอมรับผิดต่อหน้าข้า เช่นนั้นคุณชายเช่นข้าจะช่วยเอง!”
“ควับ!”
ทันใดนั้น เสวี่ยหานเฟยก็พุ่งไปหาฉู่อวิ๋น และโบกพัดขนัน้ำแข็งในมืออีกครั้ง
คราวนี้ ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น พลังก็มากขึ้น ขณะที่เคลื่อนไหว ิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ก็เรืองแสง บานสะพรั่งเป็เมฆมงคลสีฟ้าอ่อน รายล้อมอยู่รอบตัว
จากนั้น ก็มีไอความเย็นพัดมารวมตัวกันบนพัดขนนกัน้ำแข็ง ทำให้หนามน้ำแข็งแวววาว แลดูล้ำค่า แพรวพราวอย่างยิ่ง
“ปัง!”
เสวี่ยหานเฟยสะบัดพัดขนนกลงฟัน หนามน้ำแข็งพุ่งตรง ปล่อยคลื่นอากาศเย็นออกมา โดยมีเป้าหมายคือหัวใจของฉู่อวิ๋น
“วิ้ง!”
เกราะโปร่งแสงถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น โปร่งใส และงดงาม ฉู่อวิ๋นปล่อยขอบเขติญญาเข้าปะทะกับเสวี่ยหานเฟยในสภาวะรุ่งโรจน์ของเขาอย่างไม่กล้าประมาท
เขา้าทดสอบการรุกของคู่ต่อสู้ เพราะความเร็วของเสวี่ยหานเฟยนั้นเร็วเกินไป ถ้าเขาใช้กระบี่สกัดกั้น อาจพลาดท่าเข้าได้ ดังนั้น การใช้ขอบเขติญญาป้องกันตัวจึงเป็วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
แต่เมื่อน้ำแข็งวาบวับแทงไปที่ขอบเขติญญา ทันใดนั้นก็มีเหตุบางอย่างเกิดขึ้น!
มองเห็นเกราะแสงโปร่งใสค่อยๆ กลายเป็น้ำแข็ง ทำให้เกิดเสียง “แกร๊ก-แกร๊ก” ที่รุนแรงจนฉู่อวิ๋นตกตะลึง
“ขอบเขติญญาไม่ได้ผลหรือ?!” ฉู่อวิ๋นใจหายวาบ ร่างกายรู้สึกหนาวสั่น ััได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
เขาไม่กล้าประมาทอีก จากนั้นจึงส่งพลังปราณไฟหยางออกไป ยกกระบี่ขึ้นสกัดกั้นมันโดยไม่รู้ตัว
“ชิ้ง—!”
ทันใดนั้น คมของพัดขนนกัน้ำแข็งก็ปะทะกับกระบี่หลี่หั่ว ก่อให้เกิดเสียงกระทบกันอย่างรุนแรง เสียงวิ้งๆ เสียดหูพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลาเดียวกัน ลมเย็นจัดก็ะเิไปทุกทิศทาง
“เป็อย่างไร?” พัดขนนกของเสวี่ยหานเฟยปิดกั้นกระบี่ของฉู่อวิ๋นเอาไว้ ดวงตาของเขาดูน่ากลัว เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “แม้แต่ขอบเขติญญาเ้าก็ใช้ไม่ได้แล้ว หากข้าใช้ลมหายใจน้ำแข็งผนึกปีศาจ เ้าจะรับมือข้าไหวหรือ?”
“ลมหายใจน้ำแข็งผนึกปีศาจ? ผนึกข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกัดฟันและพยายามออกแรงอย่างเต็มที่ เหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาจากหน้าผากของเขา แต่มันก็กลายเป็น้ำแข็งในทันที
ในขณะนี้ ฉู่อวิ๋นใช้เกราะโปร่งแสงป้องกันไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงใช้กระบี่ต้านทานพัดหนามน้ำแข็งของเสวี่ยหานเฟยไว้ชั่วคราวเท่านั้น
แต่ทั้งคู่ย่อมมีช่องว่างระหว่างระดับพลังยุทธ์ เสวี่ยหานเฟยเป็นักรบระดับเจ็ดของขั้นมหาสมุทร! เขาเหนือกว่าฉู่อวิ๋นในแง่ของความแข็งแกร่ง ความเร็ว และร่างยุทธ์
ดังนั้นตอนนี้ฉู่อวิ๋นจึงรู้สึกไม่ดีนัก รู้สึกเ็ปที่ปากจากการบังคับใช้พลังปราณเข้าต้านทาน ทว่าคู่ต่อสู้กลับรับมือได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าของอีกฝ่ายดูผ่อนคลาย
เสวี่ยหานเฟยหัวเราะเยาะเย้ย และแทนที่จะกลั่นแกล้งด้วยพลังบริสุทธิ์ที่มี เขากลับปล่อยพลังสีฟ้าอ่อนอัดเข้าไปในพัดขนนก และเริ่มแพร่กระจายไปหากระบี่หลี่หั่ว
“แกร๊ก กริ๊ก กริ๊ก --”
ฉู่อวิ๋นมองไปทันที พบว่ากระบี่หลี่หั่วของตนค่อยๆ กลายเป็กระบี่น้ำแข็ง!
ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ตัวกระบี่ถูกอากาศเยือกแข็งลอยมาปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งหนา
พลังปราณที่หนาวเหน็บค่อยๆ เคลื่อนไปตามกระบี่หลี่หั่วอย่างช้าๆ ก่อนจะเกาะกุมฝ่ามือของฉู่อวิ๋น ทำให้เขารู้สึกเ็ปถึงแก่นิญญา จากนั้นฝ่ามือทั้งสองก็ไร้ซึ่งความรู้สึก!
“นี่คืออะไร?!” ฉู่อวิ๋นใ เหมือนไม่ใช่มือของเขา มือทั้งสองข้างถูกแช่แข็ง บนิัปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนา
ในไม่ช้า พลังปราณน้ำแข็งก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของฉู่อวิ๋น ทำให้ร่างของเขาแข็งตัวอย่างช้าๆ เขาทำได้เพียงกัดฟันแน่น เรียกสติของตัวเอง
“ลมหายใจน้ำแข็งผนึกปีศาจของคุณชายเช่นข้าเป็อย่างไรเล่า สบายหรือไม่?” เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของเสวี่ยหานเฟยก็เปลี่ยนเป็สดใส เขายกยิ้มอย่างน่ากลัว
ทันใดนั้น เขาก็จ้องเขม็ง เปิดใช้งานพร์ิญญายุทธ์อย่างรวดเร็ว ลมเย็นๆ แผ่กระจายปกคลุมฉู่อวิ๋นทั้งทั้งตัว พลังปราณน้ำแข็งหนาแน่นและน่าสะพรึงกลัว ทำให้ผู้ชมทั้งหลายขนลุกชัน
นี่คือการทรมานอย่างไร้เสียง การสังหารอย่างเงียบงัน
เสวี่ยหานเฟย้าแช่แข็งฉู่อวิ๋นต่อหน้าทุกคน เปลี่ยนเขาให้กลายเป็ประติมากรรมน้ำแข็งรูปมนุษย์
ประติมากรรมน้ำแข็งที่สูญเสียลมหายใจแห่งชีวิต!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้แข็งแกร่งในแถวหน้าก็ขมวดคิ้ว เพราะต่างก็ััได้ถึงไอสังหารของเสวี่ยหานเฟยที่พลุ่งพล่าน พลังปราณน้ำแข็งนั้นน่ากลัวมากจนแม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเขายังรู้สึกหนาว
จากนี้ จะเห็นได้ว่าพร์ิญญายุทธ์ของิญญายุทธ์ระดับสูงนั้นน่าทึ่งและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“ขืนเป็เช่นนี้ต่อไป ซิวหลัวหน้าผีต้องแข็งตายแน่” มีคนส่ายหัว สงสัยว่าจะมีการหยุดการต่อสู้ไม่ให้ดำเนินต่อไปหรือไม่
“เมื่อนักรบสู้กัน เป็ตายล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว คนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปก้าวก่าย” คนอื่นๆ เตือน และปิดปากผู้ชมที่มีเจตนาดีทั้งหลาย
“ซิวหลัวหน้าผีไม่ได้ซ่อนพลังไว้หรือ? ทำไมเขาถึงยังถูกปรามได้เล่า?”
“หรือว่า… เขาทำได้แค่เท่านี้? ดูท่าว่าพวกเราจะคิดมากไป”
“เมื่อิญญายุทธ์ระดับแปดถือกำเนิด เด็กหนุ่มคนนี้จะไปสู้กับเขาได้อย่างไร? ไม่มีโอกาสชนะด้วยซ้ำ ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ชัดเจนแล้วล่ะ”
บางคนที่มองฉู่อวิ๋นในแง่ดีเริ่มเปลี่ยนความคิดและถอนหายใจ
พวกเขาคิดว่านี่เป็การต่อสู้ที่น่าตื่นตาและหาผู้ชนะได้ยาก ไม่คิดเลยว่าทันทีที่ิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดเผย ผลลัพธ์ของการต่อสู้ก็ชัดเจน จน “ซิวหลัวหน้าผี” เองดูเหมือนจะถูกแช่แข็งไปแล้ว
สำหรับเสวี่ยหานเฟย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขามั่นใจในชัยชนะนี้เพียงใด เขาเป็หนึ่งในอัจฉริยะชั้นหนึ่งทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออกอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเถา ไปพาคุณหนูออกมา งานแต่งกำลังจะเริ่มแล้ว ฤกษ์ดีกำลังจะมาถึง” ฉู่เจิ้นหนานละความสนใจจากเวทีมาสั่งสาวใช้
จากสายตาของเขา เขาย่อมมองเห็นได้ว่าฉู่อวิ๋นจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ครั้งนี้หานเฟยสร้างบารมีต่อหน้าผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นนั้น สมแล้วที่มาจากตระกูลเสวี่ย ฮ่าๆ” เมื่อเห็นผู้าุโหลายคนตกตะลึง เสวี่ยจิงหงก็ยิ้มกว้างถึงหู ความภาคภูมิใจฉายชัดบนใบหน้า
สำหรับตระกูลเสวี่ยแล้ว ความสามารถในการเอาชนะสองอัจฉริยะในการประลองครั้งใหญ่นี้ของเสวี่ยหานเฟย ย่อมทำให้เขาโด่งดังเป็ที่รู้จักอย่างแน่นอน และตระกูลเสวี่ยก็จะได้รับประโยชน์มากมายจากสิ่งนี้เช่นกัน
“ท่านพ่อ เ้าหนุ่มหน้าผีคนนั้นจะตายแล้วหรือเ้าคะ?” มู่หรงซินถาม รู้สึกหนาวไปทั้งตัว มองเห็นร่างกายของฉู่อวิ๋นค่อยๆ แข็งตัว แลดูวิตกกังวลมาก รู้สึกไม่สบายใจผนวกกับความเศร้าที่ตีตื้นขึ้นมา
“ระดับพลังยุทธ์ของเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ดีเท่าเสวี่ยหานเฟย และเขาเองก็ไม่มีทางสู้กับพลังปราณน้ำแข็งนั้นได้ หากไม่มีใครหยุดการต่อสู้นี้…”
มู่หรงเจี๋ยอธิบาย แต่ไม่ได้พูดต่อจนจบ เขาขมวดคิ้ว รู้ว่านอกจากหลิงจื้อแห่งตระกูลหลิงแล้ว ไม่มีใครที่สามารถเข้ามายุ่งกับการประลองนี้ได้อีก
ทว่า เมื่อมู่หรงเจี๋ยมองหาหลิงจื้อผ่านฝูงชนจากระยะไกล ก็พบว่าแม้ว่าเขาจะดูวิตกกังวล แต่ก็ยังไม่คิดจะหยุดการต่อสู้
ชายชราดูกังวลมาก แต่จริงๆ แล้วเขากำลังจนรอวินาทีสุดท้าย เพราะเขารู้ว่าฉู่อวิ๋นและจะไม่ยอมง่ายๆ
“หนาวหรือไม่? สั่นหรือเปล่า? สบายดีหรือ?” ยามนี้ สายตาของเสวี่ยหานเฟยดูน่ากลัว และเขายังคงพูดประชดประชัน การได้เห็นฉู่อวิ๋นค่อยๆ กลายเป็น้ำแข็งเช่นนี้ เขามีความสุขเหลือเกิน
แต่ในขณะที่ทุกคนผิดหวัง ดูถูก และชะล่าใจ
ในขณะที่เสวี่ยหานเฟยคิดว่าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ในขณะ “ซิวหลัวหน้าผี” กำลังจะกลายเป็ประติมากรรมน้ำแข็ง
ฉู่อวิ๋นสงบจิตใจให้นิ่งและใช้จิตสำนึกสุดท้ายของเขาสื่อสารกับิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในวงแหวนห้าิญญาในจุดตันเถียนของเขา
“เสี่ยวหั่ว[1] เ้า...เ้านายของเ้ากำลังจะแข็งตายแล้วนะ... ในฐานะที่เ้าเป็วัตถุิญญาศักดิสิทธ์ เ้าเต็มใจถูกน้ำแข็งเน่าๆ นี่กดขี่หรือ?”
“ออกพลังมามากกว่านี้หน่อยสิ...”
ทันทีที่เขาพูดจบ ไฟหยางในวงแหวนิญญาดูเหมือนจะััได้ถึงบางอย่าง มันะโขึ้นมาทันที กลายเป็แรงใจให้ต่อสู้ มีเสียงลมเย็นๆ แ่เบาพัดผ่าน จากนั้นก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง!
“ตูม ตูม ตูม——”
ทันใดนั้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เบิกกว้าง ลึกเข้าไปในรูม่านตาปรากฏก้อนเพลิงขึ้นพร้อมกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น
ก่อนที่ดวงตาจะลุกเป็ไฟ!
“ย๊า--!!!”
ฉู่อวิ๋นคำรามเสียงดัง ร่างกายของเขาะเิแรงกดดันอันมหาศาลออกมา! ร่างยุทธ์ลุกเป็ไฟราวกับก้อนเปลวเพลิงที่มีรูปทรงเหมือนมนุษย์ ความสุกใสส่องสว่าง ควันไฟลอยสูงสู่ท้องนภา จนผู้ชมทั้งหมดต่างตกตะลึง
ทันใดนั้น น้ำแข็งทั่วร่างกายของเขาก็ละลายและระเหยไปจนหมด แม้แต่กระบี่หลี่หั่วก็ตื่นขึ้น เปลวไฟลุกโหมราวกับสัตว์เพลิงดุร้ายที่พยายามจะแหกกรง!
“ทำไมถึงเป็แบบนี้?!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสวี่ยหานเฟยก็ใ เขาไม่เคยคิดเลยว่าฉู่อวิ๋นจะตอบโต้กลับ สามารถเผาลมหายใจน้ำแข็งผนึกปีศาจของเขาได้!
คุณชายชุยเสวี่ยที่ทนคลื่นความร้อนไม่ไหว เตะพื้นอย่างแรงเสียงดัง “ปัง” แล้วถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ั์ตาของเขาสั่นไหว รู้สึกงงและใมาก
ยามนี้ ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ต่างก็อ้าปากค้าง เมื่อเห็นร่างของฉู่อวิ๋นที่เปล่งประกายด้วยเปลวไฟ ราวกับว่ารายล้อมไปด้วยก้อนเพลิง
“นี่คือ... นี่คือรณทระนง[2]!” ทันใดนั้น ท่ามกลางผู้คน ผู้าุโหลายคนอุทานพร้อมกันพลางสั่นไปทั้งตัว
----------
[1] ไฟน้อย
[2] อ่านว่า ระ-นะ-ทอ-ระ-นง แปลว่า ความเย่อหยิ่งในการต่อสู้