แน่นอนว่าปู่หลินไม่พอใจ เงินรายปีแค่หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงเงินจะไปทำอะไรได้? แต่จะให้ออกปากต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านหรือ?
ปู่หลินทำได้เพียงก้มหน้าอย่างไร้ซึ่งวาจาใดเท่านั้น
หลี่เจิ้งหันไปเห็นท่าทีของปู่หลิน แม้ใบหน้าเรียบเฉยทว่าภายในใจแสยะยิ้ม ละโมบไม่รู้จักพอ หลานสาวยอมมอบเงินรายปีเป็จำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงเงินให้ยังไม่พอใจอีกหรือ?
“ฟู่อินก็เป็คนในหมู่บ้านหูลู่เช่นกัน พี่หลิน เรามาคุยกันให้รู้เื่เถอะ มิฉะนั้นเมื่อนางได้ออกเรือน ท่านยังคิดว่านางจะยังมอบเงินให้ท่านไหวอยู่อีกหรือ?” ชายชราหนึ่งในผู้าุโกล่าว ขณะแตะที่แขนของปู่หลินเสียงอ่อน
ปู่หลินยังคงนิ่ง
หลี่เจิ้งมองหน้าหลินต้าหลาง เขาหัวเราะและกล่าวว่า “ต้าหลาง เ้าคือบัณฑิต เ้ารู้อยู่แก่ใจว่าควรเกลี้ยกล่อมท่านผู้าุโ ยัยหนูก็เพิ่งอายุสิบสามหนาว ต้องมอบเงินหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงเงินแก่ผู้เฒ่าทุกปีเป็ค่าเลี้ยงดู ข้าว่าเยอะมากทีเดียว!”
หลินต้าหลางคิ้วขมวดยามได้ยินที่หลี่เจิ้งกล่าว แม้จะเป็ความจริง แต่เขาก็ขุ่นเคืองยิ่ง หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงเงินต่อปีหรือ? ให้ขอทานเสียเลยเป็อย่างไร?
เขาไม่สนใจการโน้มน้าวของหลี่เจิ้ง มองหลินฟู่อินด้วยริมฝีปากสั่นเครือ “ฟู่อิน เ้าเคยบอกว่าคุณชายใหญ่หลิวหาเงินได้วันหนึ่งหลายพันตำลึง ในเมื่อเ้าค้าขายกับเขา แม้จะไม่เก่งกาจเท่าคุณชายใหญ่หลิว แต่หากำไรได้ก็คงได้เงินไม่น้อย ให้เงินท่านปู่ปีหนึ่งเพียงร้อยยี่สิบตำลึงเงินกับค่าเลี้ยงดูเล็กน้อยเช่นนี้เกรงว่าจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก”
หลินฟู่อินยิ้มอย่าสงบ และกล่าว “พี่ต้าหลาง ข้าเป็เพียงเด็กสาวแรกรุ่นไร้เงินทองและผู้อุปการะ มีเพียงสมองไว้ทำมาหากินอย่างหนักเพื่อปากท้อง ดูท่านกล่าวราวกับข้ามีฝีมือมากมายเช่นนี้ก็ออกจะน่าอายอยู่บ้าง”
ความนัยคือ นางไม่มีเงิน
หลินต้าหลางหาได้เชื่อไม่
ปู่หลินยิ่งไม่มีวันเชื่อแน่นอน
“เพิ่มเงินอีกสักหน่อยเถอะฟู่อิน” จ้าวซื่อที่ท้องโตเอนร่างเข้ามาเอ่ยด้วยท่าทีเขินอาย
หลินฟู่อินหัวเราะน้อยๆ มองจ้าวซื่อแล้วกล่าว “เื่นั้นทำได้ยากจริงๆ เ้าค่ะ เงินที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้กับเงินที่ข้าหาได้ในภายหลัง ข้านำไปซื้อบ้านในเมือง พร้อมทั้งร้านรวงไว้สองที่เ้าค่ะ ที่เหลือต้องเก็บเอาไว้เป็เงินทุน อีกทั้งข้ายังอยากซื้อที่ดินอีก ท่านป้าอาจเห็นว่าข้าใช้เงินเช่นนี้ไม่เหมาะสม แต่ท่านต้องทราบว่าข้ายังมีน้องสาวน้องชายที่ต้องคอยดูแล ท่านแม่ของข้าจากโลกนี้ไปแล้ว และท่านพ่อก็ไม่ได้อยู่ด้วย แล้วจะเลี้ยงดูพวกเขาให้เติบใหญ่ได้อย่างไรกัน พี่สาวประหนึ่งมารดา ข้าย่อมต้องวางแผนในอนาคตเพื่อพวกเขาไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินหลินฟู่อินยอมรับว่านางซื้อทั้งบ้านและร้านในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ ชาวบ้านหูลู่ก็ร้องอุทานแล้วจึงก้มหน้าคุยกัน
ปู่หลินก็เบิกตากว้างมองหลินฟู่อิน
"อะไรนะ เ้าใช้เงินไปกับการซื้อร้านค้าและบ้านในเมืองจริงๆ หรือ?" จ้าวซื่อแทบจะะโตัวลอย หลินฟู่อินเป็ห่วงเด็กในท้องขึ้นมาจริงๆ มีมารดาเช่นนี้นี่…
"งั้นเ้าก็ซื้อบ้านและร้านค้าในเมือง?" ั์ตาของหลินต้าหลางวูบไหวด้วยแผนการและกลับมาสงบนิ่งในพริบตา
"ซื้อแล้วเ้าค่ะ" หลินฟู่อินพยักหน้าและกล่าวเสริม "ใช้เงินที่ท่านแม่เหลือเอาไว้ให้"
หลังได้ยินคำพูดของหลินฟู่อินที่กล่าวถึงเงินที่ได้รับจากฉู่ซื่อว่านำไปซื้อบ้านกับร้านค้า พวกผู้เฒ่าก็ผงกหัวตอบรับ
ผู้าุโมองหลินต้าหลาง "อันที่จริงแล้วที่ฟู่อินทำนั้นก็ถูกต้อง ถูกต้องที่สุด! น้องชายและน้องสาวของนางยังเด็กนัก หากอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่อาจหาเงินได้ การซื้อบ้านในเมืองและร้านค้าเช่นนี้ดีกว่า ร้านยังเก็บค่าเช่าได้ ถือเป็การคิดเผื่อน้องชายและน้องสาวด้วย”
พวกชาวบ้านผงกหัวตอบรับเมื่อได้ฟังถ้อยคำเ่าั้จากผู้าุโ พวกเขาริษยาหลินฟู่อินที่ซื้อบ้านและร้านรวงในเมืองได้รวดเร็วเพียงนี้
อย่ามองว่านางเพียงมีเงินเอาไว้ซื้อ อันที่จริงสำหรับนางก็ถือว่าลำบากเช่นกัน เด็กวัยเท่านี้ ที่บ้านยังต้องดูแลน้องๆ ที่อายุไม่กี่เดือน
ดังที่หลินฟู่อินพูด พี่สาวคนโตประหนึ่งมารดา นางต้องคิดเผื่อเด็กๆ ทั้งสองอย่างรอบคอบ เหล่าชาวบ้านหูลู่เป็คนเรียบง่ายยิ่งนัก ย่อมรู้สึกว่าสิ่งที่หลินฟู่อินกระทำอยู่เป็เื่ถูกต้อง คิดว่านางเป็พี่สาวที่แสนดี
ขณะเดียวกัน สายตาที่มองหลินต้าหลางกลับทำให้เ้าตัวรู้สึกอึดอัดแน่นอกขึ้นมา
ดูเขาวางท่าสูงส่งตำหนิหลินฟู่อินว่าให้เงินปู่ย่าน้อย แล้วตัวเขาเล่า? เขาเคยมอบเงินออกไปบ้างหรือไม่?
มิใช่ว่าเขาคือหลานชายคนโตของปู่หลินหรอกหรือ?
"เอาละ เงินของฟู่อิน นางจะใช้เท่าไรก็แล้วแต่นาง ไม่มีเหตุอันใดให้บ้านใหญ่สกุลหลินของพวกเ้าเข้ามาแทรกแซง ก็มิใช่แยกบ้านกันไปแล้วหรืออย่างไร" ผู้เฒ่าใจร้อนคนหนึ่งลุกขึ้นพูด
จากนั้นเขาก็มองหลินต้าหลาง "ต้าหลาง มิใช่ตาเฒ่าหลินพูดหรือว่าเ้าทำความดีเพื่อท่านย่า แต่ดูตัวเ้าเถอะ เคยให้เงินย่าเ้าเยอะๆ บ้างหรือไม่?"
ชาวหมู่บ้านต่างหัวเราะขำกันออกมา
ใบหน้าของหลินต้าหลางแดงก่ำจนถึงโคนหูทันที
หลินฟู่อินหัวเราะในใจ แท้จริงนั้นผลออกมาตามที่นางคาดไว้ นั่นคือเปิดเผยเื่บ้านกับหน้าร้านในเมืองให้ชาวบ้านหูลู่ได้ทราบ
เดิมทีนาง้าจะพูดคุยเื่นี้ั้แ่ตอนจัดหลิวสุ่ยสีแล้ว แต่เพราะอู๋ซื่อกับหยวนซื่อทะเลาะกัน และนางมีธุระมากมายรัดตัวจึงหาโอกาสดีๆ ไม่ได้เสียที
ที่ไม่คาดคิดคือ ปู่หลินและหลินต้าหลางจะเป็ผู้ทำให้นางได้รับโอกาสในวันนี้ด้วยตัวเอง
และด้วยความช่วยเหลือจากบรรดาผู้าุโและหลี่เจิ้ง ตาเฒ่าหลินกับคนบ้านใหญ่จึงไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่น้อย
หลินฟู่อินรู้สึกพอใจยิ่งนัก
หลินต้าหลางลดสายตาลง ใจเต้นแรง ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าและชี้หลินฟู่อิน "ได้ ในเมื่อเหล่าผู้าุโว่าเช่นนั้น เ้าจะซื้อบ้านซื้อร้านก็เื่ของเ้า พวกเราไม่สน ทว่าที่เ้าใจดำบังคับอาสองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานแต่งของหลินเฟินและหลินฟางนั่นเล่าคืออะไร?"
เห็นหลินต้าหลางจะยกเื่นี้มาโจมตีหลินฟู่อิน ความไม่สบายใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาปู่หลิน
เขาหวาดกลัวว่าหลินฟู่อินจะโมโหแล้วเปิดเผยเื่ที่หลินต้าหลางขอให้หลินเฟินไปเป็อนุภรรยาของเศรษฐีเจิ้งผู้นั้น
ดังนั้นเขาจึงขยิบตาให้หลินต้าหลาง และผงกหัวเล็กน้อย
ทว่าหลินต้าหลางกลับมีเพียงความบ้าคลั่งบนใบหน้า เขาคิดว่าหลินฟู่อินดีต่อบ้านสองยิ่งนัก ย่อมไม่มีวันกล้าพูดแน่ว่าเขาจะขายหลินเฟินไปเป็อนุภรรยาให้เศรษฐีเจิ้ง
ต่อให้พูดออกไปจริงๆ ชาวบ้านก็จะตำหนิว่าหลินต้าเหอบิดาของสองคนนั้นสติเลอะเลือน ใครจะสนใจหลินต้าหลางกัน?
หลินต้าหลางยังเชื่อว่าถึงหลินฟู่อินจะบังคับเขา เขาก็จะยังหาทางเอาตัวรอดได้อยู่ดี…
แต่ทันทีที่สิ้นคำ หลี่เจิ้งกับบรรดาผู้าุโทั้งหลายก็มีทีท่าอยากเลี่ยงไม่เอ่ยเหตุการณ์ดังกล่าวชัดเจน
หลี่เจิ้งก่นด่าว่าหลินต้าหลางคือปีศาจร้าย ไม่ใจกว้างอย่างบัณฑิตสักนิด ยังจะลากผู้อื่นไปหาเื่หลินฟู่อิน เขา้าทำไปเพื่อสิ่งใดกันแน่?
อยากได้เงินของผู้อื่น? ยังจะเสแสร้งไปเพื่ออะไร?
แต่ในเมื่อหลินต้าหลางพูดถึงเื่นี้อีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถทำเป็หูหนวกตาบอดได้อีก ดังนั้นเขาจึงยิ้มและถามหลินฟู่อิน “ฟู่อิน เกิดเื่อะไรขึ้น?”
เขาหยุดและกล่าวเสริมว่า “เื่ยื่นมือไปแทรกแซงเื่งานแต่งของบุตรสาวผู้อื่นนี่อย่างไรก็ยอมรับไม่ได้”
“ไม่ นางก็แค่พวกละโมบ ไม่ได้สนหรอกว่าพี่ๆ น้องๆ นางจะได้แต่งงานหรือไม่” จ้าวซื่อได้โอกาสในการขัดขวางและหาทางบีบหลินฟู่อินทันที
หลินฟู่อินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ไม่หยิ่งผยอง ไม่เย้ยหยัน สายตานิ่งสงบตวัดมองปู่หลินแล้วถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านปู่ เื่นี้ท่านเข้าใจดีที่สุด อยากให้ข้าพูดออกไปจริงๆ หรือ?”
ปู่หลินกำหมัดแน่น มองหน้าหลินฟู่อิน แต่ไม่เอ่ยสิ่งใด
"หากอยากพูดก็พูดสิ เ้าจะพูดไร้สาระอะไรออกมาล่ะ" หลินต้าหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก
หลินฟู่อินหัวเราะหยัน หลินต้าหลางผู้นี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เป็ตัวตั้งตัวตีในการขายหลินเฟินแต่ยังไม่สำนึก ตอนนี้คงอยากตายเต็มแก่แล้วกระมัง?
แม้ว่าใบหน้าหลินฟู่อินจะประดับด้วยรอยยิ้ม ั์ตาแสนเ็ากลับปรากฏ
"ไม่ลองถามพี่หลินเฟินให้อธิบายแก่พี่ต้าหลางฟังเสียหน่อยเล่า เหตุใดข้าจึงยับยั้งไม่ให้นางแต่งงานต่อหน้าพี่ต้าหลาง พวกท่านตกลงหรือไม่?" ทันใดนั้นหลินฟู่อินก็หมุนกายกลับไปแล้วเปล่งเสียงะโถามผู้คนดังลั่น
เสียงชาวบ้านในหมู่บ้านหูลู่ร้องเอะอะเห็นด้วยจนดังจอแจ
่นี้ชาวบ้านไม่ค่อยมีเื่ให้นินทากันมากนัก สุดท้ายก็มีแต่บ้านเดิมสกุลหลินที่นำเสนอเื่ขบขันออกมาอยู่เรื่อย ไม่ว่าใครก็ชอบฟังเื่ซุบซิบจากบ้านหลังนี้กันทั้งนั้น
ขณะเดียวกันหลินเฟินก็เดินตรงมาหาหลินฟู่อินอย่างรวดเร็วพร้อมกับหลินฟาง
นางอยากเปิดเผยถึงความชั่วร้ายของหลินต้าหลางออกไปมากกว่าหลินฟู่อินเสียอีก เป็การแก้แค้นที่นางเกือบถูกขายออกไปเป็อนุภรรยาเศรษฐี!
เมื่อหลินฟู่อินใช้วิธีการนี้ ปู่หลินก็อึ้งไป สีหน้าซีดขาวขึ้นมาฉับพลัน
ชายชรามองหลินเฟินด้วยความกังวล ในดวงตาหลานสาวเต็มไปด้วยความชิงชัง ในใจก็ทราบว่าเื่นี้ต้องย่ำแย่แน่แล้ว
เขารีบคว้าตัวหลินต้าหลางและกระซิบ "ต้าหลางอย่าก่อปัญหา ปล่อยเื่นี้ผ่านไปเสีย ดูสีหน้าอาเฟินเถอะ นางคิดจะทำลายเ้าให้ได้เป็แน่!”
หลินต้าหลางเองก็ใหวาดหวั่น เขามองไปยังหลินเฟินด้วยความเงียบงันก็ได้พบว่าหลินเฟินก็มองเขาด้วยความเกลียดชัง เขาใกลัวเสียจนต้องก้มหน้าไม่กล้าสบตาหลินเฟิน
หลินเฟินยิ้มดูถูก และสบถด่า “ไอ้สารเลว!”
“เหตุใดเ้าไม่พูดล่ะ เ้าพูดเื่ทั้งหมดสิ…” ความอยากรู้ของหลี่เจิ้งถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว เขามองทางนู้นทีทางนี้ที
ปู่หลินมองไปที่หลินฟู่อินด้วยสายตาดุดัน พยายามประคองรอยยิ้มที่น่าเกลียดเสียยิ่งกว่าการร้องไห้ จับมือหลี่เจิ้งเอาไว้ “หลี่เจิ้ง อย่าไปถือสาเื่ตลกของเด็กเลย อย่าคิดเป็จริงเป็จังไป”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งหัวเราะ “แต่ดูไปแล้วต้าหลางก็ไม่ได้มีท่าทีล้อเล่น ส่วนตัวข้าก็ไม่คิดว่าฟู่อินจะทำเื่ตลกให้พวกเราขบขันเล่นแน่นอน”
ใบหน้าของปู่หลินแข็งกระด้าง ก่อนจะกลายเป็พยายามเชื้อเชิญให้ทุกคนมาดื่มสุราชิมอาหารแทน “เชิญ เชิญ เชิญ ทุกท่านมาดื่มด่ำและสังสรรค์กัน อาหารเริ่มเย็นหมดแล้ว”
หลินเฟินมองไปที่ปู่หลินที่จนป่านนี้ก็ยังพยายามปกป้องหลินต้าหลาง ความโกรธในใจนางยิ่งเดือดพล่านขึ้นไปอีก นางเลิกคิ้วถามปู่หลินด้วยน้ำเสียงเ็า “ท่านปู่ ข้าเกือบจะโดนพี่ต้าหลางเอาตัวไปขายแล้ว จะให้ข้าไปเป็อนุภรรยาของเศรษฐีเจิ้งที่ทุบตีผู้อื่นจนตายผู้นั้น ท่านยังบอกว่าเป็เื่ตลกอย่าคิดมากอีกหรือ? ท่านเป็ปู่ของข้าหรือไม่? ข้ายังเป็หลานสาวของท่านอยู่หรือไม่?”
พวกหลี่เจิ้งถูกปู่หลินขัดมาโดยตลอดจนคิดว่าเื่คงจบแล้ว ทำเอาบรรดาชาวบ้านหูลู่ผิดหวังไปตามๆ กันที่หลี่เจิ้งไม่ยอมสืบความมากกว่านี้ แต่สุดท้ายก็หัวเราะปัดเื่ทิ้งไปจากใจ คิดว่าเป็แค่การทะเลาะกันของเด็กๆ
ใครจะรู้เล่าว่าบุตรคนโตของบ้านสองสกุลหลินอยู่ๆ จะโพล่งข่าวใหญ่ออกมาเช่นนี้
ชั่วขณะหนึ่งผ่านไป ถ้วยตะเกียบร่วงตุบ ผู้คนพากันเงียบกริบกระทั่งเสียงนกร้องยังไม่มี
เหล่าผู้าุโต่างรู้ว่าเศรษฐีเจิ้งทุบตีผู้อื่นจนตาย ส่วนคนหนุ่มสาวต่างก็รู้กันว่าหากถูกขายไปเป็อนุของคนผู้นั้น ชีวิตจะจบลงอย่างไร
ฝูงชนมองไปหลินต้าหลางด้วยสายตาแปลกประหลาดและดูิ่เหยียดหยาม
นั่นเป็สิ่งที่คนรู้หนังสือควรทำหรือ?
แม้พวกเขาจะเป็เพียงชาวบ้านยากจน ขอเพียงทางบ้านไม่อดอยากจนแทบตาย ก็ไม่มีใครยอมส่งบุตรสาวไปออกเรือนให้กับเศรษฐีเจิ้งแน่ๆ!
อีกอย่าง ขอเพียงบุตรสาวบ้านใดที่หน้าตาพอใช้ได้อยู่บ้าง ย่อมไม่มีวันส่งไปเป็สาวใช้บ้านเศรษฐีนั่น!
“เื่จริงหรือ” ผู้าุโของตระกูลหนึ่งเกริ่นขึ้น และเขาก็มองปู่หลินด้วยสีหน้าไม่น่ามอง “พี่หลิน เ้าต้าหลางคิดเยี่ยงนั้นจริงหรือ? มิใช่ท่านอยากมีชื่อเสียงหรอกหรือ?”
ปู่หลินตอนนี้ทั้งโกรธทั้งเสียหน้า ชั่วขณะรู้สึกอยากเตะหลินฟู่อินและหลินเฟินเสียให้ตายใจแทบขาด
ผู้คนในหมู่บ้านหูลู่เห็นปู่หลินเป็เช่นนี้ ใครบ้างจะไม่รู้อยู่แก่ใจ?
ในใจเต็มไปด้วยความรังเกียจเสียจนไม่รู้สึกถึงรสชาติอาหารกันเลยทีเดียว
จ้าวซื่อกลอกตาไปมา ตบต้นขาตัวเองดังฉาด “ให้ตายสิ ทุกคนเป็อะไรกันไปหมดแล้ว? จะควรจะดื่มกินสิถึงถูก เื่หลินเฟินนั้นที่จริงก็เป็เื่ดียิ่งนัก พ่อของนางเป็คนรับปากจะส่งลูกสาวไปบ้านคนรวยเพื่อให้นางได้สุขสบาย ใครจะรู้ว่านางเด็กหลินฟู่อินกลับมาทำลายเื่ดีๆ เสียได้!”
หลังจากได้ยินคำพูดของนาง บรรดาสตรีที่มีบุตรสาวต่างก็มองนางด้วยสายตาย่ำแย่ คนที่ใจกล้าสักหน่อยก็พูดดูถูก “นี่จ้าวซื่อ เ้าก็คลอดลูกสาวออกมาสองคน เหตุใดไม่ให้พวกนางแต่งไปบ้านเศรษฐีนั่นเพื่อเสพสุขเสียเล่า? มิใช่เ้าเพียงอยากเอาเปรียบลูกสาวของผู้อื่นหรืออย่างไร? บ้านเ้ามันบัดซบโดยแท้!”
“ใช่ แล้วยังมีหน้ามาโทษฟู่อินอยู่อีก โชคดีแค่ไหนแล้วที่มีฟู่อิน! หาไม่หลินเฟินคงถูกโยนเข้ากองเพลิงไปจริงๆ แล้ว เกรงว่าแม้แต่หลินฟางที่อยู่เื้ัก็คงไม่พ้นไปด้วย ใครใช้ให้มีครอบครัวเช่นนี้กันเล่า”
“ไม่จริงน่า! บ้านสองสกุลหลินเองก็เลอะเลือนไปด้วยหรอกหรือ ถึงว่าหลินฟู่อินจึงบังคับให้ทุกคนรับปากจะไม่ยุ่งเกี่ยวเื่งานแต่งของหลินเฟินกับหลินฟาง ข้าคิดว่าทำได้ดีมาก คราวนี้ข้าอยู่ข้างหลินฟู่อิน”
บรรดาสตรีทั้งหลายต่างก็กระตือรือร้น ทั้งยังตำหนิคนบ้านใหญ่สกุลหลิน
แล้วทุกคนก็เข้าร่วมด้วย
“พี่หลิน บ้านใหญ่ของพวกท่านทำเื่ไม่เหมาะสมจริงๆ นี่…” ใบหน้าของหลี่เจิ้งแดงก่ำด้วยความโมโห เื่ที่เศรษฐีเจิ้งทำร้ายเด็กสาวน่าสงสารในหมู่บ้านหูลู่ยังติดอยู่ในใจ หลี่เจิ้งคนก่อนเองก็รู้สึกผิดกับเหตุการณ์นั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว…
และก็เป็เพราะเหตุการณ์นั้น ชื่อเสียงของหมู่บ้านหูลู่จึงตกต่ำลงไปมาก ผ่านมาหลายปีก็ยังเป็ที่สนทนาและด่าทอจากหมู่บ้านโดยรอบ สุดท้ายหลี่เจิ้งชราคนก่อนก็จากไปด้วยอาการโศกเศร้า
มนุษย์้าหน้า ต้นไม้้าเปลือก การกระทำไร้ยางอายเช่นนี้มิใช่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์อีกหรือ?
“ผู้เฒ่าหลินกับภรรยาเลอะเลือนเสียแล้ว! พี่หลิน ท่านกับภรรยายิ่งอยู่มานานกลับยิ่งเลอะเลือนขึ้นทุกที!” ผู้าุโสูงสุดตบโต๊ะและชี้ไปทางปู่หลินอย่างเกรี้ยวกราดและถาม “ลืมไปแล้วหรือว่าปีนั้นเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นเป็อย่างไร พวกเราหมู่บ้านหูลู่โดนคนอื่นจากหมู่บ้านรอบๆ ตำหนิดูถูกอยู่เป็ปี ่หลังมานี้เพิ่งจะดีขึ้นท่านก็อยากให้ชาวบ้านของหมู่บ้านเราโดนด่าต่อไปอีกหลายปีเสียแล้ว?”
ผู้าุโตระกูลอื่นต่างทยอยลุกขึ้นทีละคนและมองไปยังปู่หลินด้วยสีหน้าย่ำแย่
“ข้าไม่อยากกินอาหารมื้อนี้แล้ว ข้ากินไม่ลง!” ผู้าุโสูงสุดท่านหนึ่งได้สะบัดแขนเสื้อและก้าวเท้าจากไป
ผู้คนที่เหลือจึงพากันตามไป
ใบหน้าของปู่หลินเริ่มม่วงคล้ำด้วยความโกรธและอับอาย
จากนี้ไปเกรงว่าชาวบ้านในหมู่บ้านหูลู่คงจะดูถูกเขาแล้ว เขาแข็งแกร่งมาทั้งชีวิต เ้าเล่ห์มาทั้งชีวิต หลักแหลมมาทั้งชีวิต กลับกลายเป็ต้องเสียหน้าเอาตอนแก่เสียได้!
“พี่หลิน ข้าจะบอกให้ เื่งานแต่งของลูกสาวบ้านสองทั้งสองคนนี้ไม่ให้ใครเข้าไปแทรกแซงก็ถูกต้องแล้ว! ข้าเห็นว่าการแต่งงานของเด็กสองคนนี้ให้ข้ากับผู้าุโจับตาดู และปล่อยให้หลินฟู่อินได้ช่วยเหลือด้วยเถอะ พวกท่านอย่ายุ่งเลย… ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน ยังมีงานที่ต้องสะสางที่บ้าน!” หลี่เจิ้งพูดจบก็ก้าวเท้าออกไปทันที
ทว่าเสียงของเขากลับดังลั่นให้ผู้อื่นได้ฟังไปทั่วทิศ
หลินฟู่อินรู้สึกโล่งอก ก่อนหน้านี้ยังแอบกังวลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางไม่ต้องกังวลเื่คำพูดของหลินต้าหลางแล้ว
หลินเฟินและหลินฟางก็ปลอดภัยอย่างแท้จริง
ปู่หลินมองแผ่นหลังของหลี่เจิ้งที่จากไป เปิดปากอยากกล่าวอะไรทว่ากลับพูดออกมาไม่ได้
ดวงตาพร่ามัวอยู่พักหนึ่ง ร่างกายอ่อนยวบลงไปนั่งหน้าโต๊ะงานเลี้ยง
หลินฟู่อินรีบเข้าไปพยุงเขาขึ้น แต่หลินต้าหลางกลับผลักนางออกอย่างแรงด้วยดวงตาแดงก่ำแล้วตะคอก “อย่ามาแตะต้องท่านปู่! ล้วนเป็เพราะเ้าทำให้ท่านปู่โมโห…”
“โอ๊ยๆ หลินต้าหลางซิ่วไฉ เ้ายังเป็ซิ่วไฉอยู่ ไม่มีเหตุผลบ้างเลยหรือไร? หลินฟู่อินหวังดีคิดช่วยปู่ของเ้า แล้วดูเ้าพูดเข้า” สตรีวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเหลืออด
“ใช่ แล้วเ้ายังจะกล่าวหาหลินฟู่อินต่อหน้าผู้อื่นอีก? หลินเฟินจะถูกขายไปก็เพราะเ้าไม่ใช่หรืออย่างไร?”
หลินต้าหลางโซเซประคองปู่หลินตรงไปยังทางออก
หลินฟู่อินได้ยินปู่หลินพึมพำกับตัวเองว่า มันจบแล้วๆ หน้าตาที่รักษามาหลายสิบปีจบสิ้นแล้ว… ครั้งแล้วครั้งเล่า
คนที่ยังเหลือนั่งกินเลี้ยงอยู่ นอกจากพวกนักเลงไม่กี่คนกับเด็กๆ แล้ว ที่เหลือต่างก็ทยอยจากไปทีละคนสองคน
หลินฟู่อินหันมองหลินเฟินและหลินฟางที่ยืนอยู่ข้างหลังนางแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ปัญหาคลี่คลายได้สำเร็จด้วยดี เพราะหลินต้าหลางฆ่าตัวตายโดยแท้ ก็สมควรแล้ว!
“เช่นนี้ก็ดีแล้ว เท่านี้พวกท่านก็ไม่ต้องโดนบีบให้แต่งงานอีก” หลินฟู่อินยิ้มและมองไปที่หลินเฟิน
หลินเฟินและหลินฟางยังกังวล หลินเฟินกระซิบ “แต่ว่าหลี่เจิ้งและพวกผู้าุโจับตาดูอยู่ไม่ใช่หรือ?”
หลินฟู่อินยิ้มส่ายหัว “ไม่ต้องกังวลกับพวกเขาหรอก ล้วนแต่้าหน้าตากันทั้งนั้น อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป แต่พวกพี่จะหาพี่เขยมาให้ข้ามั่วๆ ไม่ได้นะ ต้องมาให้ข้าดูก่อนว่าจะไม่มีปัญหา!”
ประโยคสุดท้ายของหลินฟู่อินนั้นไม่ได้ล้อเล่น เห็นสีหน้านางจริงจังมาก หลินฟางและหลินเฟินหัวเราะร่า จากนั้นจึงผงกหัวตาม “ถ้าเ้าไม่ตกลงพวกเราก็ไม่แต่ง…”
หลินฟู่อินพยักหน้าพอใจ
เมื่อตัดสินใจให้สองพี่น้องเฟินฟางพักพิงใต้ปีกของนาง นางย่อมต้องเป็ห่วงไปจนถึงเื่อนาคตของทั้งคู่
“พวกเราช่วยกันเก็บถ้วยชามตะเกียบไปล้างกันเถอะ จะได้รีบกลับเข้าเมือง อยู่ที่นี่ก็อารมณ์ไม่ดีเปล่าๆ” หลินฟู่อินปรายตามอง แค่บางโต๊ะที่ยังมีคนกินข้าวกันอยู่ บางโต๊ะไม่มีคนเหลือเลย จึงบอกสองพี่น้องเฟินฟาง
ทั้งคู่เป็คนขยันอดทน ต่างก็พยักหน้ารับทันที
แม้ว่าจากเหตุการณ์นี้จะทำให้แตกขาดกับบ้านเดิม แต่สิ่งที่ควรทำก็ยังต้องทำ เพื่อป้องกันไม่ให้จ้าวซื่ออู๋ซื่อเอาไปพูดอะไรข้างนอกได้
หลังจากหลินฟู่อินและสองพี่น้องนำถ้วยชามทั้งหลายไปไว้ที่ครัว เฟิงซื่อก็ดวงตาแดงก่ำเข้าครัวตามไป นางดึงหลินเฟินมาข้างกาย น้ำตารินไหล
หลินเฟินนิ่วหน้าและดึงแขนออกจากมือของเฟิงซื่อ
"อาเฟิน เ้าโกรธแม่หรือ?" เฟิงซื่อคว้าทั้งสองมือของหลินเฟินด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง มองตาบุตรสาวถามเสียงสะอื้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้