“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ข้าได้แยกครอบครัวแล้ว ย่อมสามารถรับท่านแม่มาอยู่ด้วยได้ อีกอย่างกุ้ยฮัวก็แยกจากท่านไม่ได้ ส่วนทางด้านพ่อแม่ข้า ข้าจะไปคุยเอง”
ขิง ยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด
หลิวเต้าเซียงไม่เคยคิดเื่นี้มาก่อน แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว
หลิวต้าฟู่กลับมาหลายเดือนแล้ว เขาก็เคยเห็นเฉินซื่อ เดาว่าเขาจะต้องพูดถึงเื่นี้กับหลิวฉีซื่ออย่างแน่นอน ส่วนหลิวฉีซื่อก็เป็พวกชอบสร้างปัญหา...
ท่านย่าหวงให้คําแนะนําแก่หลิวซานกุ้ย ขณะที่เขาเองก็ตอกย้ำความมั่นใจให้แก่เฉินซื่อ
เมื่อถึง่ค่ำ เนื่องจากหลิวฉีซื่อเรียกครอบครัวหลิวซานกุ้ยไป สองสามีภรรยาหลี่เจิ้งจึงไม่ได้อยู่ต่อนาน เมื่อทานอาหารเสร็จก็กล่าวลา
หลิวซานกุ้ยไม่วางใจจางกุ้ยฮัวที่ท้องใหญ่ เขาจึงให้นางอยู่เป็เพื่อนกับเฉินซื่อที่บ้าน ส่วนหลิวชุนเซียงยังเด็กเกินไป จึงไม่อาจพาไปด้วยได้
หลิวเต้าเซียงสงสัยว่า บิดาของตนคงกลัวว่าท่านย่าจะทำให้มารดาของนางใมากกว่า
ขณะนี้ท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว สองพี่น้องเดินตามหลิวซานกุ้ยที่ถือโคมไฟไปยังบ้านของหลิวฉีซื่อ
พวกเขาทั้งสามเดินอยู่บนถนนในหมู่บ้าน ไกลออกไปก็มองเห็นโคมไฟหน้าบ้านเก่า
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองอย่างเ้าเล่ห์ เกรงว่าหมาป่าชั่วร้ายจะยิ้มให้แกะ คิดไม่ซื่อแน่นอน!
“นี่ น้องสาม เ้ามาได้เสียที หลานสาวก็มาหรือ อากาศหนาวนัก รีบเข้ามานั่งก่อน” หลิวเหรินกุ้ยหิ้วโคมไฟเดินมาต้อนรับจากที่ไกลๆ
คําพูดของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่ ‘จริงใจ’
กระตือรือร้นมากเสียจนหลิวซานกุ้ยเกรงใจที่จะปฏิเสธ
“ข้าไม่ได้เห็นหลานสาวสองคนมาหลายเดือนแล้ว นี่ ตัวสูงขึ้นอีกแล้ว บ้านเ้านี่เลี้ยงดีจริงๆ ดูสิว่าหลานสาวสองคนดูสวยงดงามเชียว”
ใครก็ตามที่ชมเชยบุตรสาวของเขา หลิวซานกุ้ยไม่คิดจะปฏิเสธ
“เพราะแม่ของพวกนางยอมทุ่มเทใส่ใจเื่อาหาร จึงทำให้ลูกสาวดูดีขึ้นมาเล็กน้อย พี่รอง ไม่ใช่ว่าข้าคุยโวหรอกนะ ลูกสาวข้าคนโตก็นอบน้อม คนเล็กก็น่ารักน่าชัง ข้านั้นมีลูกสาวก็นับว่าพึงพอใจแล้ว” หลิวซานกุ้ยเอ่ย
หลิวเหรินกุ้ยกล่าวว่า “ที่ไหนกัน หากว่าน้องสะใภ้เพิ่มหลานชายให้เ้า ชีวิตของน้องสามจึงจะนับว่าสมบูรณ์ ข้าอิจฉาชีวิตที่ดีของน้องสามเหลือเกิน คลอดลูกสาวมาทีเดียวสามคน ไม่รู้ว่าต่อไปดอกไม้จะไปหล่นที่บ้านใด หลานสาวทุกคนต่างก็ว่าง่ายเป็เด็กดี เฮอะๆ ข้าว่าน้องสาม เ้าต้องฝึกปรือฝีมือการดื่มเหล้าแล้ว อย่าให้บรรดาลูกเขยมอมเหล้าเ้าได้เด็ดขาด”
หลิวซานกุ้ยสบตาเขาด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะรอให้ลูกเขยมาดวลเหล้ากับข้า ใครบอกว่าลูกสาวต้องเป็ตัวล้างผลาญอย่างเดียว?”
บุตรสาวของเขาเป็เสี่ยวเหมียนอ๋าวที่น่าทะนุถนอม แล้วยังเป็มือฉมังในการหาเงิน เื่นี้ทำให้เขามีความสุข แต่เขาไม่มีทางยอมบอกกับผู้ใด!
“ซุนซื่อ รีบเอาชาร้อนมาสามถ้วย” หลิวเหรินกุ้ยชูโคมไฟนำทางอยู่ด้านหน้า พอเขาพูดออกมา หลิวเต้าเซียงก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเดินมาถึงหน้าประตูบ้านหลิวแล้ว
เงาร่างของหลิวซุนซื่อสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง
หลิวเหรินกุ้ยจงใจยกโคมไฟกระดาษขึ้นสูงแล้วยิ้ม “หลานสาวทั้งสอง ท่านย่าเ้าให้คนมาซ่อมประตูบ้านใหม่ ดูดีกว่าแต่ก่อนไม่น้อยใช่หรือไม่?”
ห่วงประตูสิงโต บานไม้สีดำสนิท เข้าคู่กับกำแพงสีขาวหิมะ ใกล้กันกับกำแพงก็คือถนนหมู่บ้าน อีกฟากของถนนหมู่บ้านปลูกต้นฉุยหลิว ข้างๆ ต้นฉุยหลิวก็คือคูน้ำเล็กๆ สำหรับชาวบ้านไว้ใช้รดน้ำที่นา
เมื่อหลิวเหรินกุ้ยก้าวขึ้นบันไดและเข้าประตูไป เบื้องหน้าก็เป็กำแพงสีขาวอยู่หนึ่งแผ่น กำแพงแผ่นนี้คืออิ๋งปี้ [1] เห็นทีคงเพราะหลิวฉีซื่อมีเงินไม่พอ จึงนำเพียงกระถางบอนไซวางไว้ตรงนั้น
จากที่ฟังหลิวเหรินกุ้ยแนะนำ นี่คือกระถางต้นซีฝูไห่ถัง [2] ได้ยินว่าพอฮูหยินใหญ่จวนตระกูลหวงรู้ว่านางจะสร้างบ้านจึงให้เป็รางวัล
หลิวเต้าเซียงได้ยินก็เบะปาก แม้ว่าหลิวฉีซื่อจะถูกปลดปล่อยจากสถานะ แต่ในสายตาของฮูหยินใหญ่หวง เกรงว่านางคงเป็เพียงบ่าวรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น
มิฉะนั้นเหตุใดจึงต้องใช้คําว่า ‘รางวัล’
พอผ่านประตูด้านข้างเข้าไปในลานหน้าบ้าน ด้านประตูทิศตะวันตกก็มีประตูข้างอีก หากข้ามไปก็จะเป็เต้าจั่ว [3] ทิศใต้
“พวกเ้าคงไม่เคยเห็นบ้านเอ้อร์จิ้นย่วนสินะ นั่นไง เห็นหรือไม่ ประตูด้านข้างเชื่อมไปก็คือห้องหลังทิศใต้ ไว้ใช้รับแขก มาเร็ว ตามข้ามา”
หลิวเหรินกุ้ยนําพวกเขาทั้งสามไปที่ประตูแกะสลักลวดลายดอกไม้ ชี้ไปที่ประตูบานนั้นแล้วเอ่ย “นี่คือฉุยฮัวเหมิน [4] บ้านเราสร้างเป็เอ้อร์จิ้นย่วน จึงวางฉุนฮัวเหมินไว้ตรงนี้ เข้าไปอีกก็จะเป็ตัวเรือนด้านใน”
หลิวชิวเซียงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา บ้านนี้ดูแล้วยังดีไม่ได้ครึ่งหนึ่งของบ้านที่อยู่ในชื่อน้องรองด้วยซ้ำ
นี่มันประตูฉุยฮัวเหมินอีท่าไหนกัน กระทั่งเสาที่แกะสลักดอกไม้ก็ไม่มี นางจำได้ว่า ้าฉุยฮัวเหมินต้องมีการลงลวดลาย ้ามีภาพวาดดอกบัว สองฝั่งด้านข้างมีเสาไม้ที่แกะสลักดอกไม้ไว้ไม่น้อย
“นี่คือเรือนด้านใน ฝั่งทิศตะวันออกเรียกว่าตงเซียงฝาง (ห้องปีกตะวันออก) เรียกเหมือนกับบ้านเก่าเรา แต่ตงเซียงฝางตรงนี้มีสองข้าง เยื้องไปด้านหลังอีกหน่อยมีห้องสองฝั่งเรียกว่าเอ่อร์ฝาง นี่ไว้สำหรับบ่าวรับใช้ ตอนนี้ตงเซียงฝางข้าพักอาศัยอยู่ ส่วนซีเซียงฝาง (ห้องปีกตะวันตก) ก็จะสร้างแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่า ตอนนี้เพียงแค่สร้างห้องไว้ ห้องเอ่อร์ฝางด้านข้างกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ถึงอย่างไรน้องสี่ก็ยังไม่ได้กลับมาเร็วๆ นี้ จึงขอให้เสร็จก่อนปีใหม่เป็พอ”
ส่วนเรือนหลักที่หันหน้าไปด้านทิศเหนือและตำแหน่งสูงสุด ไม่ต้องให้หลิวเหรินกุ้ยบอกก็รู้ว่าเป็ที่พักอาศัยของหลิวต้าฟู่กับหลิวฉีซื่อ
“น้องสาม อย่าโทษที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้มีห้องให้พวกเ้า เราแยกบ้านกันแล้ว บ้านเ้าก็อยู่ใกล้ ด้วยเหตุนี้ ท่านแม่จึงทำห้องไว้ให้เพียงพวกข้าสามพี่น้อง พี่ใหญ่กับข้าอยู่ข้างนอกเป็แรมปี เมื่อกลับมาก็ต้องพักที่นี่ ส่วนน้องสี่ยังไม่ได้แต่งงาน ถึงแม้แต่งงาน ท่านแม่ก็ไม่วางใจ ย่อมต้องดูแลอยู่ใกล้ชิด ดังนั้นเ้าอย่าเอาเก็บไปคิดให้ไม่สบายใจ”
คําพูดของหลิวเหรินกุ้ยฟังดูสมเหตุสมผลมาก แต่หากวิเคราะห์ให้ละเอียดหาได้เป็เช่นนั้นไม่
หลิวซานกุ้ยสำรวจมองเอ้อร์จิ้นย่วนหลังนี้แล้วพึมพำในใจ ตัวบ้านแคบไปหน่อย ตอนนี้บ้านเขาพอมีทรัพย์สิน เขาจึงไม่คิดจะสร้างบ้านตอนนี้ ประเด็นหลักเพราะว่าสะดุดตาผู้คนเกินไป อีกอย่างหนึ่งก็คือไม่อยากเห็นหลิวฉีซื่อมาอาละวาดทุกวัน
แต่เื่ของการสร้างบ้านใหม่ เขาก็นึกถึงเป็อันดับแรกๆ หลังจากที่เห็นบ้านเอ้อร์จิ้นย่วนของหลิวฉีซื่อแล้ว มีเพียงคำเดียวที่แล่นในสมองคือ เล็ก!
ในใจของหลิวซานกุ้ย เขาต้องสร้างบ้านที่มีความกว้างขวางรอบทิศ บุตรสาวแบ่งเรือนกันไปคนละหลัง แล้วทำสวนหย่อมดอกไม้ขนาดใหญ่ จากนั้นซื้อบ่าวรับใช้ทั้งแก่และเด็ก นั่นจึงจะเป็ครอบครัวที่เพียบพร้อมโดยสมบูรณ์
หลิวเต้าเซียงแอบมองพ่อแสนดีของตนแล้วคาดเดาว่าเขากำลังคิดเหม่อลอยอะไรอยู่
เมื่อเห็นหลิวเหรินกุ้ยเรียกซ้ำๆ แต่เขาก็ไม่ได้ยิน หลิวเต้าเซียงจึงเอื้อมมือไปกระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆ
“หืม พี่รอง มีอะไรหรือ?”
“เ้าคงตกตะลึงสินะ ครั้งแรกที่ข้าเห็น ก็ตกตะลึงเช่นกัน ท่านแม่ลงเงินมากมายในครั้งนี้ ไปเถิด ท่านแม่ยังรออยู่ด้านใน!”
หลิวเหรินกุ้ยกวักมือเรียกทั้งสามคนให้ตามเขาไปที่เรือนหลัก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องสามมาแล้ว”
จากนั้นก็ได้ยินเขาเอ่ยว่า “ซุนซื่อ น้ำชาเสร็จหรือยัง? เหตุใดจึงไม่เอามาอีก”
“จะดื่มอะไรนักหนา ข้าไม่ได้ไปฉี่ จะเร็วปานนั้นได้อย่างไร” หลิวซุนซื่อด่าทอจากห้องเอ่อร์ฝาง
หลิวเหรินกุ้ยขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ขณะนั้นชุ่ยหลิวก็เปิดม่านออกมาพอดี
“นายท่านรองอย่าได้โกรธไป ฮูหยินรองคงไม่ค่อยถนัด จึงต้มน้ำไม่ได้เสียที ตอนนี้กำลังพาเด็กรับใช้ไปช่วยต้ม!” นางเกลี้ยกล่อมหลิวเหรินกุ้ยแล้วรีบขาน “นายท่านสามกับคุณหนูทั้งสอง ฮูหยินใหญ่กับนายท่านใหญ่เชิญไปด้านในเ้าค่ะ”
เสียงอ่อนหวานละมุนลอยเข้าหูของหลิวเหรินกุ้ย พร้อมกับสะกิดหัวใจเขา
เมื่อไม่มีการเปรียบเทียบ ก็ไม่รู้ว่าดีเพียงใด
ความหยาบคายของหลิวซุนซื่อเมื่อเปรียบเทียบกับความอ่อนโยนของชุ่ยหลิวแล้ว สูงต่ำชัดเจน!
ทว่าไม่กี่เดือนที่ไม่เจอกัน คำสรรพนามของชุ่ยหลิวก็เปลี่ยนไป
การไหลไปตามน้ำเป็ความสามารถแต่กำเนิดของนาง
“ชุ่ยหลิว มาถึงกันแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยังไม่เข้ามาอีก? เ้าทำอะไรอยู่ ซื้อเ้ามาไม่ใช่เพื่อเป็คุณหนูนะ” หลิวฉีซื่อพูดด้วยน้ำเสียงขับขานเป็จังหวะจะโคน ฟังดูแล้วมีความเข้มงวดเล็กน้อย
นี่เป็การเปล่งความน่าเกรงขามใส่ครอบครัวของหลิวซานกุ้ย!
“เข้าไปกันเถิด!” หลิวซานกุ้ยถอนหายใจเงียบๆ
เขาอาจรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อได้พบกับมารดาผู้นี้!
ทั้งห้าคนเดินเข้าไปในประตูห้องโถง โดยเดินอ้อมฉากกั้นลมที่ปักลวดลายหงส์สวยงามประณีต หลิวชิวเซียงชื่นชอบงานปัก พลันเหลือบมองหลายรอบ
หลิวฉีซื่อนั่งอยู่บนที่นั่งด้านขวาของห้องโถงและพูดว่า “เด็กน้อยไม่รู้เื่ อย่าได้แตะต้องของไปเรื่อย งานปักนี้เป็ของชั้นดีจากซูโจว ห้ามมาแตะต้อง ขืนทำฉากกั้นลมนี้เสีย ข้าจะมีหน้าไปพบเจอฮูหยินใหญ่หวงได้อย่างไร?”
หลิวฉีซื่อเรียกนายหญิงใหญ่ตระกูลหวงว่าฮูหยินใหญ่หวง เพราะอยากบอกให้ทุกคนทราบว่านางกับฮูหยินใหญ่หวงนั้นมีสัมพันธ์แน่นแฟ้น
หลิวฉีซื่อเป็สาวรับใช้ที่แต่งเข้าบ้านพร้อมกับฮูหยินใหญ่หวง มีเพียงนางเท่านั้นที่มีสิทธิเช่นนี้
“คำนับท่านแม่!” หลิวซานกุ้ยพาบุตรสาวสองคนมาคำนับตามพิธีรีตอง
หลิวฉีซื่อชอบวางมาดแบบนี้อยู่แล้ว เขาจึงขี้คร้านจะเอ่ยอะไร และไม่อยากให้นางไปเอาความกับบุตรสาวของเขา จึงทำตามที่นาง้า
หลิวฉีซื่อพอใจกับท่าทีของหลิวซานกุ้ยยิ่งนัก จึงเอ่ย “ซานกุ้ย ข้าว่าเ้าน่ะ เลี้ยงดูลูกสาวสองคนเป็แบบไหนกัน ช่างเป็พวกที่อยากได้อยากมีเหลือเกิน”
หลิวเต้าเซียงฟังแล้วถ่มน้ำลายใส่ในใจ ก็แค่ฉากกั้นลมปักซูซิ่วไม่ใช่หรือ พี่สาวนางชอบงานเย็บปักจึงมองเยอะหน่อย ถึงกับต้องหาว่าไม่รู้เื่ อยากได้อยากมีเลยหรือ?
“ท่านแม่ ลูกๆ นั้นรู้เื่นี้ ชิวเซียงชื่นชอบงานเย็บปัก วันนี้เห็นฉากกั้นลมงานปักชั้นดีของท่านแม่ จึงเกิดความดีใจก็เท่านั้น เหตุใดจึงต้องบอกว่าอยากได้อยากมี”
บุตรสาวคนโตก็เพียงแค่ดีใจเพราะได้เห็นฝีมือการปักที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ไม่ได้้าฉากกั้นลมงานปักของนางสักหน่อย
ดวงตาคู่สวยของหลิวเต้าเซียงเปล่งประกาย ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ มุมปากจึงยกยิ้ม
เนื่องจากนางยังเด็ก ผู้ใหญ่จึงไม่ได้สังเกตนาง ย่อมพลาดฉากนี้ไป แต่หลิวจูเอ๋อร์นั้นถูกหลิวเต้าเซียงหักหน้ามาหลายหน จึงเกลียงชังเข้าไส้มานาน ได้รีบเอ่ยถามทันที “หลิวเต้าเซียง เ้ายิ้มอะไรกัน เ้าคงไม่ได้คิดจะขโมยของของท่านย่าหรอกนะ!”
“ฮึ นางตัวดี มีตาเหมือนปลาตาย ไม่รู้จักชั่วดี จูเอ๋อร์คนดี อย่าโกรธไป” หลิวฉีซื่อมีไฟชั่วร้ายปะทุในใจ
หลิวเหรินกุ้ยขมวดคิ้ว ถลึงตาใส่หลิวจูเอ๋อร์แล้วตวาด “จูเอ๋อร์ ไปดูสิแม่เ้าต้มน้ำชาเสร็จหรือยัง?”
หลิวจูเอ๋อร์เหลือบมองหลิวเต้าเซียงอย่างไม่พอใจ แล้วจึงจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“พี่สามอย่าถือสาจูเอ๋อร์เลย นางยังเด็กไม่รู้เื่” หลิวเสี่ยวหลันเอ่ย
“จะเด็กอย่างไร ข้ากับท่านพี่ก็ต้องเรียกนางว่าท่านพี่!” หลิวเต้าเซียงฝีปากคมคายแต่ไหนแต่ไร คิดว่านางไม่รู้หรือว่าเหตุใดหลิวเหรินกุ้ยถึงต้องห้ามหลิวจูเอ๋อร์
ก็เพียงแค่เห็นว่าครอบครัวของนางกำลังไปได้ดี แล้วก็มีน้าชายที่มีเงินมากมายเป็ที่พึ่ง หลิวเหรินกุ้ยอยากทำการค้าขาย จึงจำต้องไว้หน้าจางอวี้เต๋อ น้าชายของหลิวเต้าเซียงให้มาก
หลิวเต้าเซียงเกลียดทั้งครอบครัวของหลิวเหรินกุ้ย
“ฮึ จูเอ๋อร์พูดผิดตรงไหน? พี่สาม หลานสาวสองคนจะมีสายตาแหลมคมเช่นนี้ได้อย่างไร? ถึงขั้นดูออกว่าเป็การปักซูซิ่วชั้นสูง?” ไม่รู้ว่าหลิวเสี่ยวหลันหลังจากที่กลับมาจากจวนตระกูลหวง ได้คืนดีกับหลิวจูเอ๋อร์ั้แ่เมื่อไร
-----
เชิงอรรถ
[1] อิ๋งปี้ (影壁) ซึ่งมีความหมายว่า ภาพกำแพง หรือ เงากำแพง ซึ่งตำแหน่งตรงกับประตู มีวัตถุประสงค์เพื่อบดบังความวุ่นวายภายในตัวบ้าน และเพื่อความสวยงามแลดูกว้างขวาง หรือทางด้านความเชื่อ ก็เชื่อว่าการวางอิ๋งปี้ไว้ด้านนอกนอกหรือด้านในรั้วบ้าน เป็การป้องกันสิ่งชั่วร้าย
[2] ซีฝูไห่ถัง 西府海棠 เป็ต้นไม้ตระกูลเดียวกับต้นแอปเปิล เป็พืชพันธุ์ชนิดพิเศษของจีน ่ที่ดอกผลิบานจะเป็เดือน 4-5 ดอกไม้มีชมพูระเรื่อ ดังรูปประกอบ

[3] เต้าจั้ว 倒座 Back room เป็เรือนที่ไว้ใช้รับแขกซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับประตูชั้นนอก ซึ่งยังไม่ได้อยู่ในส่วนของเรือนใน
[4] ฉุยฮัวเหมิน 垂花门 Screen gate คือกำแพงที่กั้นระหว่างทางเข้าตัวเรือนด้านในกับประตู
รูปภาพประกอบ 3-4

