Chapter seven: Simon’s favorite dessert
กลิ่นหอมตลบอบอวลชวนให้ท้องร้องฟุ้งไปทั่วห้องครัวขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ ควินท์เรล สองเท้าเล็กก้าวเข้าประตูบานใหญ่ของห้องครัวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาเหยียบในห้องครัวก็เถอะแต่เพราะในตอนนี้มีคนครัวนับยี่สิบชีวิตที่กำลังทำงานกันอย่างแข็งขันอยู่ และตัวเขาเองก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรในที่ห้องนี้เลยด้วยซ้ำ
เกร็งจะแย่
เ้าของใบหน้าหวานค่อย ๆ ยื่นหน้าออกไปน้อย ๆ เพื่อสอดส่องดูลาดเลาภายในครัว ขณะนี้ทุกคนยังคงทำงานกันอย่างหนักเพื่อตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับมื้อเช้า ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องเพื่อหาผู้หญิงลักษณะตามคำบอกเล่าจากทายาทควินท์เรล
ผู้หญิงที่ทำสิ่งที่ไซม่อนชอบที่สุดได้
คุณป้าแมรี่
(สามวันที่แล้ว)
‘อาหารที่ชอบก็มีแค่ซุปซี่โครงน่ะเหรอ?’
‘ใช่’
‘ผลไม้ล่ะ?’
‘แอปเปิล’
‘แล้ว.. คุณควินท์เรลชอบทานขนมแบบไหนเหรอ?’
‘..’
‘คำถามสุดท้ายแล้วจริง ๆ.. ของวันนี้น่ะนะ’
‘เดี๋ยวคุณก็ถามไปเรื่อยนั่นแหละคุณมอร์แกน’
เสียงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายจากอัลฟ่าหนุ่มดังขึ้นหลังพูดจบประโยค ถึงแม้ว่าไซม่อนและแพทริเซียจะเริ่มพูดคุยกันเยอะขึ้นบ้างแล้วแต่การที่ไซม่อนโดนถามคำถามซ้ำ ๆ อย่างนี้จากอีกฝ่ายมันก็ทำให้เขาหงุดหงิดใจอยู่เหมือนกัน
‘ก็แค่ถามเอง’
‘แค่ที่ไหน’
‘เราถามคุณเยอะมากหรือไง?’
‘เยอะ’
หลังจากได้รับคำตอบพร้อมสายตารำคาญแบบนั้นมาก็ทำแพทริเซียชะงักไปชั่วครู่ ก่อนนักศึกษาคนเก่งของคณะศิลปะการแสดงจะรวบรวมสติกลับมาและทำหน้าหงอยลงได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
‘ก็ได้ครับ’ แพทริเซียตอบไปอย่างหงอย ๆ พร้อมกับแสร้งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือโดยไม่มองไซม่อนเลยสักนิด
ภายในห้องเรียนเงียบสงัดมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงพลิกหน้ากระดาษของคนทั้งคู่เท่านั้น อัลฟ่าหนุ่มที่ก้มอ่านหนังสือเป็ระยะเวลานานค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะชำเลืองโอเมก้าช่างจ้อที่ในตอนนี้เงียบไปสักระยะแล้ว
และเมื่อคนที่กำลังแกล้งตั้งใจอ่านหนังสืออยู่รู้ตัวว่ามีสายตาจดจ้องมา แพทริเซียก็ยิ่งแสร้งกระพริบตาช้า ๆ และเบะริมฝีปากสวยลงเล็กน้อยเพื่อเสริมความน่าสงสารเข้าไปมากเท่านั้น
‘คุณมอร์แกน’
เพียงแค่ครู่เดียวเสียงทุ้มจากอัลฟ่าที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ก็เอ่ยเรียกชื่อขึ้นมา หากแต่เ้าของชื่อไม่ได้สนใจเลยสักนิด แพทยังคงทำหูทวนลมราวกับน้อยใจอีกฝ่ายนักหนา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
‘..’
แพทยังคงเปิดหน้ากระดาษไปเรื่อย ๆ อย่างตั้งใจและไม่ได้สนใจเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายเลย ฝั่งไซม่อนที่นั่งจ้องคนทำหูทวนลมอยู่นั้นก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าแพทนั้นไม่ได้จะน้อยใจอะไรเขาหรอก โอเมก้าตัวเล็กนั้นอยากได้เพียงแค่คำตอบจากเขาเพื่อไปจดลงในสมุดโน้ตที่ไม่ยอมให้เขาอ่านสักทีนั่นแหละ
ใครจะมองไม่ออกกันล่ะ
‘แพทริเซีย มอร์แกน’ อัลฟ่าหนุ่มกดเสียงเรียกต่ำกดดันคนที่กำลังพลิกหน้ากระดาษอยู่จนต้องชะงักน้อย ๆ และเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาช้า ๆ
‘ครับ?’
‘เพิ่งได้ยิน?’
‘ครับ คุณควินท์เรลมีอะไร?’ แพทยังคงทำน้ำเสียงนิ่ง ๆ ตอบกลับไป เขายังไม่หลุดคาแรคเตอร์ที่สร้างมาไว้ั้แ่ก่อนหน้านี้ หากเขาจะเริ่มแสดง เขาก็ต้องแสดงั้แ่เริ่มจนจบให้ได้
สปิริตนักแสดงมันช่างแรงกล้าจริง ๆ แพทเอ๋ย
‘ทำไมถึงไม่ได้ยิน?’
‘ก็เราอ่านหนังสืออยู่ คุณควินท์เรลอ่านเสร็จแล้วเหรอ?’
‘ยัง’
‘แต่เราบอกให้อ่านหน้าประวัติพิธีการให้จบไงครับ’
‘ชูครีม’
‘ครับ?’
‘ชูครีมของป้าแมรี่’
ขนมที่ไซม่อนชอบสินะ
แล้วชูครีมของป้าแมรี่นี่จะไปหาได้จากที่ไหนกัน
ชีวิต 21 ปีในเอดมันตันของแพทนั้นไม่เคยคุ้นหูเลยด้วยซ้ำ
แต่ในเมื่อการแสดงยังไม่จบ แพทได้ยินคำตอบก็ทำเหมือนไม่ได้สนใจอะไรและพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็คำตอบไปเพียงแค่นั้นและนั่นก็ยิ่งทำให้คุณชายควินท์เรลยิ่งหงุดหงิดใจเข้าไปใหญ่
หากจะถามแล้วทำไมถึงไม่รับฟังคำตอบกัน
‘ชูครีมของป้าแมรี่’ เขาย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
‘ครับ เราทราบแล้ว’
‘แค่นั้น?’
‘ครับ แค่นี้’
คิ้วเข้มที่กำลังขมวดเข้าหากันทำโอเมก้าขี้แกล้งหุบยิ้มแทบไม่ทัน หากเขารู้ว่าการกระทำเหล่านี้จะทำให้คุณชายควินท์เรลที่ดูเ็ากับทุกอย่างหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้ แพทริเซียน่ะจะทำั้แ่วันแรกเลย ให้ตายเถอะ
‘ป้าแมรี่อยู่ในครัว’
‘..’
‘ทำขนมอร่อยที่สุดที่นี่’
‘..’
‘ป้าแมรี่ใจดี ใส่แว่น แล้วก็ใส่ผ้ากันเปื้อนสีแตกต่างจากคนอื่น’
‘..’
‘เจอได้ที่ครัวทุกวัน’
‘..’
อัลฟ่าว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงร้อนใจเพราะคนตรงหน้าทำเมินและหูทวนลมใส่คำตอบของเขาแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเป็คนขอให้เขาอธิบายทุกอย่างแท้ ๆ ไซม่อนเริ่มกอดอกและขมวดคิ้วจ้องอีกฝ่ายที่ยังคงจดอะไรขยุกขยิกอยู่อย่างนั้นแบบไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยสักครั้ง
หรือว่าเขาจะพูดจาไม่ดีอะไรออกไป?
‘คุณมอร์แกน’
และยังไม่ทันที่อัลฟ่าหนุ่มอย่างไซม่อนจะลุกขึ้นไปถามอีกฝ่ายใกล้ ๆ เลยด้วยซ้ำ ใบหน้าหวานซ่อนความร้ายกาจของคุณครูตัวป่วนก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส ซึ่งมันต่างจากสีหน้าท่าทางที่อีกฝ่ายทำก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
เขาถูกหลอก?
‘ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ถึงเวลาเลิกเรียนพอดี ยังไงวันนี้ก็หมดเวลาเรียนแล้ว ถ้าหากคุณควินท์เรลยังอ่านบทพิธีการไม่จบก็รบกวนกลับไปอ่านและมาตอบคำถามเราในคลาสหน้าด้วยนะครับ’
เสียงพูดเจื้อยแจ้วลอยเข้ามาในหูอัลฟ่าตัวโตที่กำลังนั่งนิ่งตัวแข็งเพราะการแสดงอันแเีของอีกฝ่ายที่ตบตาเขาจนมองอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แขนเรียวกวาดรวบของบนโต๊ะทั้งหมดมาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะฉีกยิ้มหวานยียวนมาให้เขาอีกครั้งและออกจากห้องเรียนทั้งที่ยังทิ้งให้เขานั่งงุนงงกับสถานการณ์ก่อนหน้าอยู่ตรงนั้น
.
“คุณมอร์แกน คุณมอร์แกนคะ” เสียงเรียกจากสาวใช้คนนึงดังมาจากทางด้านหลังของแพทริเซียพร้อมแรงสะกิดเบา ๆ อย่างสุภาพ และเมื่อเขาหันหลังไปก็ได้พบกับสาวใช้หน้าตาเป็มิตรที่ส่งยิ้มมาให้ก่อนถอยหลังก้าวให้ห่างจากเขาเล็กน้อย
“ครับ?”
“หนูรบกวนไหมคะ?”
“ไม่ ๆ ไม่เลยครับ”
อัลฟ่าตัวเล็กโบกมือปฏิเสธเป็พัลวันจนคนตรงหน้าต้องยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“คือผมยืนเกะกะไปไหมครับ?” แพทถามขึ้น
“เปล่าค่ะ หนูเห็นว่าคุณมอร์แกนมายืนอยู่ตรงนี้นานพอสมควรเลยคิดว่าคุณมอร์แกนกำลังอยากได้ความช่วยเหลืออะไรอยู่หรือเปล่าคะ?”
“แหะ ๆ นิดหน่อยครับ” แพทก้มหัวให้เล็กน้อยด้วยความเกรงใจก่อนจะส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ สายตาของเขายังคงมองไปรอบ ๆ ครัวเพื่อสอดส่องหาผู้หญิงที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีแตกต่างจากคนอื่น แต่พอได้มองดี ๆ แล้วผ้ากันเปื้อนของทุกคนก็เป็สีขาวแบบเดียวกันทั้งหมด
คนไหนล่ะเนี่ย?
“ถ้าคุณมอร์แกนมีอะไรให้หนูรับใช้ก็สามารถบอกได้เลยนะคะ”
“อ่า ไม่เชิงรับใช้ครับ คือผมแค่ตามหาคน ๆ นึง”
“ใครคะ? อาหารมื้อไหนไม่ถูกใจคุณมอร์แกนหรือเปล่าคะ หรือมีอะไรตรงไหนที่ไม่พอใจสามารถบอกหนูได้เลยนะคะ หนูจะได้จดให้เชฟเลยค่ะ” สาวใช้กุลีกุจอล้วงสมุดเล่มเล็กในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนออกมาพร้อมดินสอ หล่อนเปิดหาหน้ากระดาษที่ว่างและเงยหน้ามาเตรียมฟังคำตอบจากแพทริเซียอย่างตั้งใจ
ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองยังไม่ได้ตอบอะไรด้วยซ้ำไป
“ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นเลย ทุกอย่างดีหมดเลยครับ อาหารถูกปากทุกมื้อและผมชอบมาก ๆ เลย”
“ถ้าเป็อย่างนั้น คุณมอร์แกน้าอะไรเพิ่มเติมเหรอคะ?”
“คือ.. คุณป้าแมรี่อยู่ไหมครับ?” แพทขยับไปกระซิบใกล้ ๆ เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองมาตามหาใคร ถ้าเกิดต้องบอกเหตุผลไปว่าจะมาขอสูตรขนมมัดใจนักเรียนหน้านิ่งนั่นละก็ ใคร ๆ คงคิดว่าเขาชอบไซม่อนแหง่ ๆ
“อะไรนะคะ?”
“คุณป้าแมรี่น่ะครับ”
“คุณป้าแมรี่?!” สาวใช้เบิกตากว้างอุทานดังพร้อมยกมือปิดปากทันที ท่าทางเ่าั้ยิ่งทำให้แพทประหม่าและใเข้าไปใหญ่ สาวใช้คนนั้นชะงักอยู่ครู่นึงก่อนจะจับข้อมือแพทและกึ่งลากกึ่งจูงเขาไปในสวนหลังครัวทั้ง ๆ ที่เขาไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
เขาและสาวใช้คนนั้นเดินมาหยุดที่ม้านั่งตัวยาวในสวนหย่อมขนาดเล็ก ใบหน้าของสาวใช้ยังคงเคร่งเครียดและแพทริเซียก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่าเพราะอะไรทำไมถึงต้องใและทำหน้าเครียดขนาดนั้น
หรือป้าแมรี่จะดุ?
“คุณมอร์แกนคะ” สาวใช้เรียกด้วยเสียงสั่นเครือ
“ครับ.. คือผมถามอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“หนูขอถามอะไรหน่อยนะคะ”
“ครับ” แพทพยักหน้าพร้อมตอบกลับไป
“คุณมอร์แกนเคยเจอคุณป้าแมรี่เหรอคะ?”
แย่ละแพท
แพทเลื่อนมือเกาที่กางเกงตัวเองเล็กน้อยอย่างกังวลใจ ถ้าตอบไปว่ายังไม่เคยเจอ คำถามมากมายจะต้องตามมาแน่ ๆ อย่างเช่น รู้มาจากใคร? ทำไมถึงรู้จัก? ทำไมถึงอยากเจอ? แล้วทำไมถึงอยากรู้สูตรจนต้องมาหาถึงห้องครัว และสุดท้ายมันอาจจะไปกันใหญ่ก็ได้
เลือกตอบ ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน
“อ่า ครับ”
“จ.. จริงเหรอคะ?”
“ครับ.. คือมีอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ? ผมเริ่มกังวลใจแล้วนะ” เสียงหวานตอบแ่ลงเพราะสีหน้าของคนที่นั่งข้าง ๆ เริ่มถอดสีและตัวเขาก็เริ่มมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ขึ้นมา
“เจอที่ไหนเหรอคะ?”
แย่ละ
ที่ไหนดีล่ะเนี่ย
แต่ไซม่อนบอกเจอที่ครัว งั้นก็คงต้องที่ครัวแล้วละ
“เจอที่ครัวนี่แหละครับ เมื่อคื-”
“เมื่อคืนเหรอคะ?!”
“ค..ครับ” เสียงของสาวใช้ที่ถามขัดขึ้นมาทำเขาชะงักและตอบกลับไปด้วยเสียงสั่น ๆ เ้าหล่อนขยับถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นทาบอกตัวเองเพื่อตั้งสติ แพทริเซียเม้มปากแน่นอย่างประหม่า หากเขาบอกความจริงไปตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้วจริง ๆ เพราะอีกฝ่ายดูจะใซะจนเขาเริ่มกลัวตามไปด้วยแล้วจริง ๆ
“คุณมอร์แกนคะ”
“ครับ?”
“ตอนคุณมอร์แกนเข้าคฤหาสน์มา มีคนบอกให้คุณมอร์แกนไปเคารพมุมทางเข้าของคฤหาสน์บ้างแล้วหรือยังคะ?”
“ยังไม่มีนะครับ..”
“ไม่ได้นะคะคุณมอร์แกน”
“เดี๋ยวนะครับ คือผมงงไปหมดแล้ว เคารพมุมทางเข้ากับเื่ของคุณป้าแมรี่มันเกี่ยวอะไรกันเหรอครับ?”
“คุณมอร์แกนฟังดี ๆ นะคะ”
สาวใช้เอื้อมมือมาแตะข้อมืออย่างแ่เบาก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้แพทแทบจะลมจับลงไปตรงนั้น
“คุณป้าแมรี่ท่านเสียไปหลายปีแล้วค่ะ”
“ฮะ..”
“ค่ะ หนูเลยอยากให้คุณมอร์แกนไปเคารพท่านก่อนเพราะั้แ่ท่านเสียไปก็ยังไม่มีใครเคยเห็นท่านเลยนะคะ มีคุณมอร์แกนคนแรกเลยค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ..”
“ใช่ค่ะ ถ้าคุณมอร์แกนพอมีเวลาว่างก็บอกหนูได้เลยนะคะ หนูน่ะอยู่ในครัวตลอดเลย เดี๋ยวหนูอาสาพาคุณมอร์แกนไปเคารพตรงนั้นเองนะคะ”
“อ่า ครับ”
“ยังไงคุณมอร์แกนเรียกหนูได้ตลอดเลยนะคะ หนูชื่อเบลล์ ตอนนี้หนูขอตัวไปเตรียมอาหารเช้าต่อก่อนนะคะ”
“ครับ”
สาวใช้ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะวิ่งกลับเข้าครัวไปโดยปล่อยให้แพทนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะสิ่งที่คาดหวังไว้ทุกอย่างไม่ได้เป็แบบที่เจอ แพทจึงทำได้เพียงนั่งทบทวนคำพูดของไซม่อนอยู่เงียบ ๆ และอาการสมองขาวโพลนแบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเขาเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าคนอย่างไซม่อนจะหลอกเขาได้สำเร็จ
และเมื่อแพทตั้งสติได้แล้ว
เขาจึงรู้ว่าทุกอย่างนั้นเป็แผนการเอาคืนของไซม่อนแน่นอน
“ไอ้บ้าไซม่อน”
แพทก้มหยิบก้อนหินก้อนเล็กปาใส่น้ำพุตรงหน้าอย่างหงุดหงิดก่อนเขาจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับไซม่อนที่ยืนมองหน้าเขาอยู่ระเบียงชั้นสองด้วยใบหน้าเรียบเฉย โอเมก้าตัวเล็กทำได้แค่กัดฟันกรอดและมองตอบกลับไปอย่างเคือง ๆ แต่คนที่โดนมองด้วยสายตาคาดโทษกลับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
เมื่อได้เห็นปฏิริยาตอบกลับมาอย่างนั้นจากอีกฝ่ายก็ทำแพทยิ่งหงุดหงิด คนตัวเล็กลุกขึ้นเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากสวนหย่อมอย่างหงุดหงิดใจ เขานึกในใจเพียงแค่จะเอาคืนอัลฟ่าตัวโตนั่นให้ได้เท่านั้น ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเรียกเขาว่าแพทริเซียอีกเลย
- Simon’s theory -
สองขาเรียวก้าวลากเท้าเดินช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อน โถงทางเดินขนาดกว้างบนชั้นสองของคฤหาสน์ควินท์เรลนั้นมักจะเงียบสงบและไร้ผู้คนตลอดเวลาเพราะเขาเองก็เพิ่งได้รู้มาจากสาวใช้อีกหนึ่งคนว่านอกจากเขาที่พักอยู่ในห้องนอนฝั่งปีกขวา ก็มีแค่ไซม่อนที่อยู่ฝั่งปีกซ้ายในชั้นเดียวกัน และนั่นก็คงเป็เหตุผลว่าทำไมเขามักจะพบกับไซม่อนและเ้าแซมมี่อยู่บ่อย ๆ ในชั้นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะเดินข้ามไปฝั่งปีกซ้ายของคฤหาสน์เลยสักครั้ง ถึงแม้จะอยากรู้และสอดส่องตามประสาคนขี้สงสัยมากแค่ไหนก็ตาม
แค่เจอไซม่อนตรงบันไดส่วนกลางก็น่าเซ็งมากแค่ไหนแล้ว
แต่คนที่ไม่เคยคิดจะข้ามไปอีกฝั่งก็ต้องชะงักในวันนี้ แพทที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนชั้นล่างเหมือนปกติในทุกวันหยุดฝีเท้าลงที่พื้นที่กว้างของบันไดส่วนกลางเมื่อมองไปที่ฝั่งปีกซ้ายแล้วพบกับรูปวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังสุดทางเดิน ถึงแม้เขาจะมองไม่ค่อยชัดนักแต่เขาก็มั่นใจว่ารูปที่เขาเห็นเป็รูปของผู้หญิงที่เขาคุ้นเคยและมั่นใจว่าเคยพบผู้หญิงลักษณะเดียวในรูปวาดอย่างแน่นอน รูปภาพขนาดสูงใหญ่ถูกคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเผยให้เห็นเพียงแค่ชายกระโปรงสีขาวและสีผมดำขลับของผู้หญิงในรูปวาดเท่านั้น
ผ้านั้นปิดคลุมในส่วนของใบหน้า
และทำให้เขายิ่งอยากเดินเข้าไปปลดผ้านั้นออกเพื่อคลายความสงสัย
ช้ากว่าความคิด สองเท้าของแพทก้าวล้ำไปยังฝั่งปีกซ้ายของคฤหาสน์ช้า ๆ ไฟอัตโนมัติที่ถูกติดตั้งบนผนังทั้งสองข้างของโถงทางเดินค่อย ๆ ติดทีละจุด ดวงตากลมยังคงจดจ้องอยู่ที่ภาพวาดราวกับมีแรงดึงดูดให้เขาได้ก้าวไปหา หูทั้งสองข้างของแพทอื้อและกลิ่นของดอกไม้ที่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนสักแห่งก็ลอยมาแตะที่จมูก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศลอยมากระทบที่ผิวชวนให้ขนลุกเข้าไปใหญ่ และในตอนนี้เขาก็เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว
อีกนิดเดียว
“คุณมอร์แกน”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกขึ้นมาจากทางด้านหลังทำเอาแพทริเซียสะดุ้งเฮือก ในตอนนี้โอเมก้าตัวเล็กรู้สึกเหมือนิญญากำลังจะหลุดจากร่างยังไงอย่างนั้น และเมื่อหันหลังไปก็ได้พบกับอัลฟ่าตัวโตอย่างไซม่อน อีกฝ่ายจ้องเขาพร้อมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ครับ” เสียงหวานตอบรับเบา ๆ พร้อมเงยหน้าขึ้นไปสบตาช้า ๆ
“มาทำอะไรตรงนี้?”
“คือ..”
“ห้องของคุณอยู่อีกฝั่ง”
“คือผม”
“ว่าไง?”
แล้วจะเค้นกันขนาดนี้ทำไมเล่าไอ้บ้า
ทำอย่างกับเขาเป็นักโทษใต้อำนาจตัวเองเฉยเลย
อีกฝ่ายยังคงใช้สายตานิ่งเรียบมองเขามาอย่างเ็า คนตัวเล็กเลื่อนกุมทั้งสองมือเข้าหากันอย่างประหม่า เพราะในครั้งนี้ เขาเองก็รู้ตัวว่าเขาเป็ฝ่ายผิดที่ก้าวล้ำพื้นที่เข้ามาอย่างไม่ได้ขออนุญาต แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองเดินตามภาพนั้นมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเขาแทบไม่กล้าก้าวเท้าไปในส่วนไหน ๆ ของคฤหาสน์หลังนี้ด้วยซ้ำ
ไซม่อนก้มมองโอเมก้าตัวเล็กที่ก้มหน้าลงพร้อมกุมมือตัวเองเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา หากจะไม่ให้คาดคั้นคำถามจากแพทริเซียก็คงไม่ได้เพราะฝั่งปีกซ้ายของคฤหาสน์นั้นเป็ของเขาและไม่เคยมีใครนอกจากคนในครอบครัวที่ก้าวล้ำเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตก่อนเลยด้วยซ้ำ
“สรุปว่ามาทำไม?” เขากดเสียงต่ำ
“เราขอโทษนะคุณควินท์เรล”
“ขอเหตุผล”
“เราแค่เห็นรูปตรงนั้นสวยแล้วเราก็เดินตามมา แค่นั้น”
“..”
“ไม่ได้ตั้งใจจะรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของคุณจริง ๆ”
เสียงถอนหายใจยาว ๆ ของอัลฟ่าตรงหน้าดังขึ้นหลังเขาบอกทุกอย่างไปตามความจริง อีกฝ่ายยังคงมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยถึงั์ตานั้นจะฉายความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดก็เถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าไซม่อนค่อนข้างควบคุมอารมณ์เก่งพอสมควร
หมายถึงในสถานการณ์อย่างนี้น่ะนะ
“ไม่เป็ไร แต่เชิญออกไปได้แล้ว”
เ็าชะมัด
“คุณควินท์เรล”
“..”
“รับคำขอโทษจากเราก่อนสิ เราขอโทษ”
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่เป็ไร”
“แต่คุณทำเหมือนโกรธเราอยู่นี่”
“ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ”
“..”
“อย่าไปยุ่งกับรูปนั้น ออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว”
เขาพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ จนแพทริเซียทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงก้มหัวให้น้อย ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น โอเมก้าตัวเล็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของเขาและไซม่อนมันเริ่มดีขึ้นแล้วแท้ ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำท่าทีเมินเฉยใส่ได้ขนาดนั้น
และยิ่งอีกฝ่ายย้ำห้ามเื่รูปนั้นอีกก็ทำให้ความขี้สงสัยในตัวแพททำงานหนักขึ้นมา แพทกำลังครุ่นคิดว่าที่อีกฝ่ายดูอารมณ์เสียขนาดนั้นเป็เพราะเื่ที่เขาก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายหรือเพราะเื่รูปวาดนั้นด้วย
แล้วรูปวาดนั้นมีความสำคัญอะไรถึงทำให้ทายาทควินท์เรลหงุดหงิดได้ถึงขนาดนั้น
แต่ถึงยังไงเขาค่อยมาหาความจริงในวันที่โอกาสเหมาะกว่านี้ดีกว่า
เพราะถ้าหากเจอแบบวันนี้อีกหัวใจเขาอาจจะวายได้จริง ๆ
ที่นี่หมาดุเป็บ้าเลย
- Simon’s theory -
เพราะเสียเวลายืนคุยกับไซม่อนอยู่นานสองนาน แพทริเซียจึงเตรียมตัวสอนล่าช้าไปกว่าเวลาที่กำหนดไว้ และเมื่อมาถึงห้องเรียนก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจจนอยากจะะโด่าอีกฝ่ายดัง ๆ ให้ลั่นทั่วห้อง
ไร้ซึ่งวี่แววอัลฟ่าหน้าหมาคนนั้นอีกแล้ว
หากไม่ติดว่าเขากลัวคนในคฤหาสน์ได้ยินละก็ เสียงที่ก้องกังวานในห้องนี้คงไม่ใช่เพลงคลาสสิกที่มักจะเปิดคลอ ๆ ตอนเรียนแน่
แพทวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะก่อนจะค่อย ๆ จัดการทีละอย่างช้า ๆ เพื่อฆ่าเวลา ถึงก่อนหน้านี้ไซม่อนจะไม่ได้มาช้าเท่าวันแรก ๆ ที่ได้เรียนด้วยกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมาสายบ้างให้เขาได้ติเตือนในทุกครั้ง จากที่ไม่คิดว่าจะสอนเื่การมาตรงเวลาอย่างจริงจังให้กับอีกฝ่ายแต่ในตอนนี้แพทก็เห็นท่าทีแล้วว่าเขาคงต้องสอนอีกฝ่ายอย่างเข้มงวดแล้วจริง ๆ
เป็ผู้นำจะมาสายได้ยังไง
เวลาผ่านไปนานร่วมชั่วโมงก็ยิ่งทำให้โอเมก้าตัวเล็กขุ่นเคืองในใจเข้าไปใหญ่ หากอีกฝ่ายจะเข้ามาบอกว่าติดธุระอะไรก็คงฟังไม่ขึ้นอีกต่อไปแล้ว เพราะในตอนนี้แพทริเซียกำลังอารมณ์ไม่ดีถึงขั้นสุด ทั้งเื่ที่โดนอีกฝ่ายหลอกเื่คุณป้าแมรี่ ไหนจะเื่ที่โดนดุบนชั้นสองนั่นอีก ยังไงวันนี้แพทริเซียจะต้องสั่งสอนไอ้อัลฟ่าหน้าหมานี่สักที
แพทใช้เวลาร่วมยี่สิบนาทีกับการหานักเรียนของตัวเองในคฤหาสน์หลังโตที่ไม่ว่าจะเดินยังไงก็ไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ทั้งในห้องรับรอง ห้องครัว ห้องอาหาร หรือแม้แต่ห้องสมุดที่ไซม่อนมักจะไปอยู่ในนั้นเป็ประจำก็ไม่พบเลยสักที่
คนตัวเล็กเดินลากเท้าตัวเองอย่างเหน็ดเหนื่อยหลังต้องสอดส่องทั่วทุกที่และเดินวนกลับไปมาที่ห้องเรียนอยู่อย่างนั้น เขาเดินมาหยุดที่สวนขนาดใหญ่หน้าคฤหาสน์และเห็นอยู่ไกล ๆ ว่าเ้าแซมมี่ สุนัขของไซม่อนนั้นวิ่งอยู่ในสวน และถ้าหากแซมมี่อยู่ที่ไหน ไซม่อนก็ต้องอยู่ที่นั่นอยู่แล้วเพราะแซมมี่น่ะไม่เคยห่างจากเ้าของมันเลย
โดนแน่ ไซม่อน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาแพทก็ได้เจอกับคนที่เขาตามหาให้วุ่นอยู่คนเดียวเกือบชั่วโมง เพราะความหงุดหงิดและเหน็ดเหนื่อยในการตามหาจึงทำให้แพทเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายทั้ง ๆ ที่ไซม่อนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ตรงนี้
“คุณควินท์เรล!”
แพทขึ้นเสียงจนอัลฟ่าตัวโตที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ใต้โต๊ะเหล็กดัดกลางสวนต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความใ ชั่วครู่เดียวเท่านั้นที่อีกฝ่ายยอมมองกันก่อนที่เขาจะก้มลงไปหาต่อโดยที่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าแพทกำลังชักสีหน้าและขึ้นเสียงใส่เขาอยู่
“คุณควินท์เรล เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“..”
“รู้ตัวไหมว่าเรียนสายกี่ครั้งแล้ว คุณย่าของคุณไม่ได้จ้างเราให้มานั่งทนคุณเมินหรือเ็าใส่เราแบบนี้นะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
ราวกับสิ่งที่แพทพูดทุกอย่างเป็เพียงอากาศที่พัดผ่านไปเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจอะไรอะไรที่แพทพูดเลยสักนิด
เขาหมดความอดทนแล้วจริง ๆ
“หยุดทำตัวเป็เด็กมีปัญหาได้แล้วคุณควินท์เรล”
“..”
“ถ้าเป็แบบนี้ใครจะทนคุณไหว หรือต้องรอให้คนในบ้านมาสอน?”
แพทพูดเน้นย้ำครั้งสุดท้ายอย่างหมดความอดทน ทายาทควินท์เรลหยุดชะงักพร้อมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแพทเข้าอย่างจัง
และนั่นก็เป็ครั้งแรกที่แพทได้เห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาคมของอีกฝ่าย
- Simon’s theory -