ใน่เวลานี้โทรศัพท์บ้านไม่ใช่ของราคาถูก มีเงื่อนไขจำกัด สองสามีภรรยาตระกูลซูจึงไม่ได้ติดตั้งโทรศัพท์บ้าน เบอร์ที่ทิ้งไว้ให้ซูอินเป็เบอร์ของที่บ้านคุณลุง
ตอนที่เธอโทรศัพท์ไป คุณป้าของเธอหลิวจินเซียงนั่งอยู่ในห้องพอดี เมื่อได้ยินชัดเจนว่าปลายสายคือใคร หลิวจินเซียงที่เหนื่อยจากการทำงานในทุ่งนามาทั้งวันจนปวดหลัง ก็รู้สึกว่าพลังฟื้นกลับมาทันที
หลิวจินเซียงรู้สึกดีกับหลานสาวคนนี้มาก
ครั้งก่อนที่เข้าเมืองไปเป็เพื่อนสองสามีภรรยาตระกูลซู ทุกคนในตระกูลหลิงรวมถึงเมิ่งเมิ่งที่เคยเป็หลานสาวของเธอ ทุกคนมองคนอื่นด้วยปลายจมูก ทำให้รู้สึกบางสิ่งโดยไม่ตั้งใจ ราวกับว่าคนในชนบทอย่างพวกเขาน่ารังเกียจ
เป็คนบ้านนอกแล้วจะทำไม พวกเราไปกินข้าวที่บ้านของคุณหรือ
หลิวจินเซียงโกรธมาก หากแสดงท่าทีออกไปพวกเขาจะเป็ฝ่ายไร้เหตุผล จึงทำได้เพียงอดกลั้น ใครจะไปรู้ว่าในเวลาต่อมาซูอินจะปฏิเสธการเลี้ยงดูจากตระกูลหลิง และยืนกรานที่จะกลับมาอยู่ในชนบท
ในเวลานั้นสีหน้าของคนในตระกูลหลิงต่างตกตะลึง ในตอนนี้เมื่อนึกถึงขึ้นมาหลิวจินเซียงก็รู้สึกมีความสุข
หลานสาวคนนี้เห็นแก่หน้าคนจากตระกูลซูจริงๆ
รวมไปถึงในตอนท้ายที่จะส่งพวกเขากลับ กิริยามารยาท คำพูดคำจาต่างๆ ของเธอทำให้หลิวจินเซียงรู้สึกสบายใจมาก
สองพี่น้องตระกูลซูมีอาชีพทำไร่ทำนา พวกเขามีบ้านอยู่ติดกัน หลิวจินเซียงเป็อีกคนหนึ่งที่เห็นหลิงเมิ่งมาั้แ่เด็กจนโต แต่การพบหน้ากันเพียงครั้งเดียวกลับทำให้ซูอินมีสถานะในใจเธอที่เหนือกว่าหลิงเมิ่งเสียอีก
และก่อนหน้านี้หลังจากการสอบขึ้นชั้นมัธยมปลาย เจี้ยนจวินและเถียนเฟินก็เดินทางเข้าเมืองเพื่อไปรับบุตรสาวกลับ
เมื่อเห็นว่าหลานสาวไม่ได้กลับมาด้วย เธอคิดว่าเกิดเื่ ยังไม่ทันจะได้ถาม เถียนเฟินก็เอาถุงหลายใบยัดใส่มือเธอ ในนั้นเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน เนื้อสัตว์ และผักมากมาย
จากนั้นเถียนเฟินอธิบายต่อว่า อินอินยังมีเื่ต้องจัดการที่โรงเรียน จึงยังกลับมาไม่ได้ ตอนกลางวันก็จะเลี้ยงอาหารพวกเขา จึงสั่งของกินมามากมาย และกำชับว่าให้พวกเขานำกลับมาให้ญาติทุกคนได้ลองรับประทาน
ถึงแม้จะเป็อาหารเหลือ แต่ถูกบรรจุมาโดยไม่เสียหาย อุ่นร้อนสักหน่อยก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั้งห้องครัว
หลิวจินเซียงเป็คนที่โตมากับการกินข้าวหม้อใหญ่ร่วมกัน[1] เธอจึงไม่รู้สึก “รังเกียจ” เลย ได้กินของอร่อยๆ ก็ทำให้เธอพอใจมาก
เจอกันแค่หนึ่งครั้ง แต่หลานสาวก็นึกถึงเธอ สั่งอาหารมาให้โดยเฉพาะ ทำให้ความประทับใจของหลิวจินเซียงที่มีต่อซูอินเพิ่มมากขึ้น
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เมื่อดึงสติกลับมาก็ได้ยินเสียงหวานๆ ของซูอินดังเข้ามาในหู
“เธอจะกลับมาวันมะรืนหรือ”
แม้มีโทรศัพท์กั้น แต่ซูอินที่อยู่ในห้องพักของโรงแรมก็รู้ได้ถึงความดีใจของอีกฝ่าย
เมื่อได้รับความรู้สึกเช่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก “ใช่ค่ะ หนังสือเรียน โต๊ะเรียนเป็สิ่งที่จ่ายเงินซื้อเอง หลังจากเรียนจบจะต้องนำไปด้วย หนูมีของค่อนข้างเยอะ วันมะรืนรบกวนให้พวกคุณมารับหนูหน่อยนะคะ”
ของเ่าั้ล้วนแต่ใช้เงินตระกูลหลิง ในตอนแรกซูอินคิดว่าจะส่งคืน แต่ตอนนี้ฉีกหน้ากันขนาดนั้นแล้ว เธอไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเองกลับไปที่คฤหาสน์อีก
เมื่อชาติก่อนเธอเป็แม่บ้านให้ตระกูลหลิงตั้งหลายปี เงินเดือนสักหยวนก็ไม่ได้ แค่หนังสือเก่าๆ โต๊ะเรียนเก่าๆ ไม่ทำให้ซูอินรู้สึกละอายใจ
“รบกวนอะไรกัน ไม่รบกวนเลย เป็ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจ เอาละ เดี๋ยวฉันจะบอกพ่อแม่ของเธอให้นะ”
วางโทรศัพท์แล้วหลิวจินเซียงรีบใส่รองเท้า วิ่งไปลานบ้าน ก่อนจะะโข้ามกำแพง “เถียนเฟิน ลูกของเธอจะกลับมาแล้ว”
เมิ่งเถียนเฟินกำลังนั่งซักผ้าอยู่ข้างท่อประปาในลานบ้าน ม้านั่งด้านข้างมีเด็กผู้ชายตัวผอมนั่งอยู่ หน้าตาละม้ายคล้ายซูอินมาก โดยเฉพาะ่ดวงตาที่เหมือนกันเป็พิเศษ ในมือของเด็กชายถือของเล่นกบไขลาน นั่งเล่นเงียบๆ อยู่คนเดียว
มือของเมิ่งเถียนเฟินจับเสื้อผ้าถูไปมาบนไม้กระดานซักผ้าอย่างเหม่อลอย
ไม่รู้ว่าตอนนี้อินอินเป็อย่างไรบ้าง
ถึงแม้เด็กคนนั้นจะเป็คนคล่องแคล่วว่องไวและหัวดี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเป็เด็กอายุแค่สิบกว่าปี ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกคนเดียว ไม่รู้ว่าได้กินข้าวตรงเวลาหรือไม่ โดนใครรังแกหรือเปล่า
และถึงแม้ก่อนแยกกันเธอได้ให้เงินไว้ และรู้ว่าชีวิตของซูอินไม่มีปัญหา แต่เมิ่งเถียนเฟินก็อดเป็ห่วงไม่ได้
่กลางวันงานในไร่นาดึงความสนใจของเธอ แต่ถึงตอนเย็นที่ไม่มีอะไรทำ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็ห่วง
หากซูอินถูกพวกอันธพาลเข้ามาหาเื่อีก…
“แม่ มันไม่ขยับแล้ว”
มือสีเหลืองและเล็บที่เปื้อนโคลนยื่นมาหา ในมือเล็กๆ ถือกบไขลานหนึ่งตัว เสียงเบาและอ่อนแรงดึงความสนใจของเมิ่งเถียนเฟินกลับมา
เธอรับของเล่นมาและช่วยซ่อมกบไขลานที่ค้างให้กลับมาใช้ได้ ก่อนส่งคืน เมิ่งเถียนเฟินกำลังจะเตรียมซักผ้าก็ได้ยินเสียงดังมาจากลานบ้านใกล้ๆ เธอเห็นหน้าพี่สะใภ้โผล่ขึ้นมาเหนือกำแพงดินเตี้ยๆ
เมิ่งเถียนเฟินลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น อาการตื่นเต้นมากเกินไปทำให้เธอเตะกระดานซักผ้าจนน้ำกระฉอกไปเกือบครึ่งกะละมัง
เมื่อเงยหน้า เธอมองอีกฝ่ายด้วยแววตาคาดหวัง
“เมื่อกี้อินอินโทรศัพท์มา บอกว่าจะกลับบ้านวันมะรืน ถึงเวลานั้นให้พวกเราไปรับในเมือง”
เมิ่งเถียนเฟินตกตะลึงไปชั่วขณะ
เมิ่งเถียนเฟินยังคงตกอยู่ในความงุนงง หลิวจินเซียงเดินออกมาจากบ้าน คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเธอคือซูเจี้ยนกั๋วผู้เป็สามีและลูกของพวกเขาสองคน
ซูเจี้ยนจวินที่กำลังทำอาหารอยู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงโผล่ออกมาจากห้องครัวที่เต็มไปด้วยควัน รวมถึงเมิ่งเถียนเฟินและบุตรชายตัวน้อย สองพี่น้องบ้านใกล้เคียงทำให้จำนวนสมาชิกที่มีในตอนนี้เท่ากับเจ็ดคน
หลิวจินเซียงเล่าเื่ที่ซูอินโทรศัพท์มาั้แ่ต้นจนจบให้ฟัง สุดท้ายก็อดไม่ไหวที่จะกล่าวชม “อินอินกลัวว่าตอนนั้นพวกเราจะติดธุระ ถึงได้แจ้งมาก่อนล่วงหน้า เด็กคนนี้ช่างรอบคอบ”
“แม่คะ”
ซูเล่อบุตรสาวที่ยืนอยู่ข้างกายหลิวจินเซียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนในตำบล เธอมักจะได้ยินหลิงเมิ่งพูดถึงซูอิน พวกเธอเป็ลูกพี่ลูกน้องกันมาหลายปี แม้ซูเล่อจะไม่ชอบหลิงเมิ่งที่เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว แต่อย่างไรก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเธอ
“เบะปากอะไรอย่างนั้น ถ้าลูกทำคะแนนได้สักครึ่งหนึ่งของอินอินแม่ก็จะชมลูกเหมือนกันนั่นแหละ!”
เด็กสาวหน้าบาง ซูเล่อที่ถูกมารดาทำให้เสียหน้าเบ้ปากแล้ววิ่งหนีไปทันที
หลิวจินเซียงเห็นสถานการณ์เช่นนั้นจึงขมวดคิ้ว แต่เื่ที่บุตรสาวของตระกูลซูกลับบ้านถือเป็เื่น่ายินดี โดยเฉพาะอินอินผู้เป็เด็กที่ใครเห็นเป็ต้องรัก เมื่อหันมามองหน้าของเมิ่งเถียนเฟิน เธอก็ยังคงเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจให้เช่นเคย
“เื่ที่ต้องแจ้งฉันก็แจ้งเรียบร้อยแล้ว เอาละ พวกเธอสองคนรีบนอนล่ะ พรุ่งนี้ทำงานเยอะสักหน่อยจะได้มีเวลาว่างไปรับลูกสาววันมะรืน”
เอ่ยจบหลิวจินเซียง ซูเจี้ยนกั๋วสองสามีภรรยาจึงพาซูผิงบุตรคนโตกลับบ้าน
ในบ้านของพวกเขาเงียบลงอีกครั้ง เมิ่งเถียนเฟินและซูเจี้ยนจวินสบตากัน ซึ่งสามารถเห็นความสุขออกมาจากแววตาของคนทั้งคู่
มีเพียงคนเดียวที่เป็กังวล ซูอันกำกบไขลานตัวเล็ก ร่างผอมบางของเด็กชายซ่อนตัวอยู่ในเงามืดหลังบานประตู เบะปากออกมาอย่างอดไม่ได้
ถึงแม้เขาจะอายุยังน้อย แต่จำเื่ต่างๆ ได้ เขาจำได้ว่าตอนที่ยังเล็กพี่สาวมักจะแอบหยิกเขาตอนที่พ่อแม่ไม่เห็น อีกทั้งยังชอบขู่ว่าหากเขาบอกเื่นี้กับใคร จะจับโยนทิ้งให้เป็ขอทานตอนที่ผ่านถนนในชนบท
พี่สาวคือสิ่งที่น่าหวาดกลัว
ไม่ใช่เื่ง่ายที่พี่สาวของเขาไปจากที่นี่ เพิ่งจะโล่งใจได้ไม่กี่วัน ตอนนี้ก็จะมีพี่สาวอีกคนโผล่มา
จิตใจอ่อนเยาว์ของซูอันพลันมืดมน แสดงอาการเศร้าสร้อยเหงาหงอย เนื่องจากเขาเป็เด็กที่สุขภาพอ่อนแอ ปกติจึงไม่ร่าเริง ทำให้สองสามีภรรยาตระกูลซูที่ตอนนี้กำลังมีความสุขไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง
ในที่สุดบุตรสาวแท้ๆ ที่พลัดพรากกันถึงสิบหกปีก็จะกลับมาอยู่ที่บ้านเสียที
เมิ่งเถียนเฟินดีใจราวกับเป็่เทศกาลปีใหม่ เธอทำงานมาทั้งวันด้วยความเหน็ดเหนื่อย จิตใจที่ควรเหนื่อยล้ากลับสดชื่นขึ้นเป็ร้อยเท่า เธอหยิบไม้กวาดและตักน้ำ ก่อนจะเริ่มทำความสะอาดทั้งในและนอกบ้าน
เธอดูมีความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดี วันต่อมารีบตื่นมาทำงานั้แ่เช้า สองสามีภรรยาตระกูลซูราวกับถูกเพิ่ม BUFF[2] อย่างไรอย่างนั้น งานบนพื้นที่หลายไร่ที่ต้องใช้เวลาสองวันถึงจะจัดการเสร็จ พวกเขายังตกตะลึงที่สามารถทำภายในหนึ่งวัน
และเป็อีกคืนหนึ่งที่มีความสุข เมื่อนึกถึงว่าพรุ่งนี้จะได้ไปรับบุตรสาว เมิ่งเถียนเฟินรู้สึกเหมือนกลับไปเป็เด็กอีกครั้ง ่ปีใหม่จะมีการตัดเสื้อผ้าใหม่ เธอแทบอดทนรอให้ผ่านคืนส่งท้ายปีเก่าไปแทบไม่ไหว วันแรกของปีจะได้ตื่นมาสวมเสื้อผ้าที่ตัดใหม่ร่วมกัน
รอแล้วรอเล่า ในที่สุดท้องฟ้าก็เช้า
--------------------------------------------------------------
[1] กินข้าวหม้อใหญ่ร่วมกัน หมายถึง การกินข้าวหม้อใหญ่ร่วมกัน ่ที่รัฐบาลจีนเพิ่งตั้งประเทศใหม่ รัฐบาลมีระบบจัดสรรอาหารฟรีให้ประชาชน สวัสดิการนี้ถูกจัดให้ประชาชนที่เป็เกษตรกรในพื้นที่ชนบท รัฐบาลจะทำอาหารในปริมาณมาก และแจกจ่ายให้เหมือนกับในโรงอาหารที่ทุกคนจะได้กินอาหารอย่างเท่าเทียมกัน
[2] เพิ่ม BUFF เป็ศัพท์ที่ใช้ในแวดวงเกม การเพิ่ม BUFF เป็เหมือนการเพิ่มความสามารถของตนเอง อาจจะเป็การเพิ่มเวท เพิ่มเวลา เพิ่มพลังโจมตี เพิ่มพลังป้องกัน เป็ต้น
