หยางมามาคิดว่าไม่เหมาะสมหากให้คุณหนูสามไปส่งยา แม้คุณหนูยังเด็กและปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุม แต่จะให้นางส่งของให้แก่บุรุษได้อย่างไร หยางมามาจึงลุกขึ้นก่อนเอ่ย “ข้าไปเอง คุณหนูนั่งรอบนรถเถิด”
“หยางมามาข้อเท้าแพลง ให้ข้าไปเถิดเ้าค่ะ” เหอตังกุยหยิบกล่องไม้ใบเล็กก่อนยืนขึ้นพลางพูด “ม้าดำสามตัวของพวกเราคล้ายไม่สบาย ท่านดูสิ พวกมันหายใจแรง ทั้งยังตาแดงก่ำ มามารอที่รถดีแล้วเ้าค่ะ ข้าจะขอให้กุยป่านเจียวนำรถม้าของข้ามาที่นี่ ท่านและท่านยายควรนั่งรถม้าของเหริ่นตงเถิงกลับบ้านนะเ้าคะ” กล่าวจบก็ะโลงจากรถก่อนมอบคำสั่งแก่กุยป่านเจียว
อีกด้านหนึ่ง เหล่าไท่ไท่ยังคงเอ่ยเกลี้ยกล่อมไม่ลดละ“เด็กดี กลับบ้านกับข้าดีหรือไม่?” น้ำเสียงฟังดูเหมือนกลุ่มค้ามนุษย์พยายามลักพาตัวเด็กก็ไม่ปาน
เฟิงหยางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าพลางหัวเราะ “ข้าน้อยต้องรบกวนท่านยายแล้วขอรับ เพื่อนข้าป่วย หมอบอกว่าอาการป่วยของเขาจำต้องพักผ่อนอย่างสงบ ไม่สามารถพบหน้าใครได้ ไม่ทราบว่าในจวนหลัวมีสถานที่เงียบสงบหรือไม่ขอรับ?”
“มีสิ สถานที่แบบใดบ้างที่หาไม่ได้ในจวนตระกูลหลัวของข้า?” เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายินดีตามนางกลับจวนก็คลายแขนเสื้ออีกฝ่ายพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี “เช่นนั้นก็อย่ารอช้า พวกเรารีบไปเถอะ” นางรีบเร่งราวกลัวอีกฝ่ายจะปฏิเสธ ด้านเฟิงจิ่วกูนั้นรอคอยพบเขาที่บ้านทุกวัน
“นี่คือยาของท่านยายเ้าค่ะ” เสียงราบเรียบดังเตือนสติเหล่าไท่ไท่ นางรับกล่องไม้มาส่งให้เฟิงหยางพร้อมรอยยิ้มพลางเอ่ย “เมื่อกินยานี้เข้าไปก็จะเย็นสดชื่นและตื่นตัวขึ้นมาทันที ทดสอบร้อยครั้ง สำเร็จร้อยครั้ง”
เหอตังกุยก้มศีรษะเม้มปากพลางเอ่ยในใจ ‘ผู้หลอมยาเช่นข้ายังมิกล้าเอ่ยด้วยความมั่นใจถึงเพียงนั้น ท่านยายเอาความมั่นใจมาจากที่ใด เมื่อครู่ยังบอกให้ทิ้งไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง...ชีวิตเหลนชายท่านเป็ตายไม่อาจคาดเดาแต่ท่านกลับเอาแต่ดึงแขนชายหนุ่มไม่ปล่อย ทำเช่นนี้เหมาะสมหรือ? ตอนนี้ตระกูลหลัวอาจตกอยู่ภายใต้ความวุ่นวายจากการทำลายรังหนูก็เป็ได้ ที่นั่นคงคึกคักยิ่งกว่าตลาดเสียอีก ไหนเลยจะมี “สถานที่เงียบสงบ” ดังที่กล่าว?’
ท่าทางเม้มปากก้มศีรษะของนางบังเอิญอยู่ในสายตาของเฟิงหยาง แม้เด็กสาวจะสวมผ้าคลุมหน้าผืนหนา แต่สายตาถากถางกลับถูกเฟิงหยางจับได้เสียแล้ว เฟิงหยางโน้มศีรษะพลางเขย่ากล่องยาตรงหน้าเหอตังกุยที่ยืนเื้ัเหล่าไท่ไท่พร้อมเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มบาง “สาวน้อย ขอบคุณสำหรับยานะ”
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ”
เหอตังกุยคิดในใจ “ยาผู่ซีมีฤทธิ์อบอุ่น เมื่อเทียบกับการรักษาอาการเวียนศีรษะ ควรบอกว่าดีสำหรับเสริมลมปราณและเืมากกว่า หากคนท้องและคนป่วยโรคหัวใจกินเข้าไปอาจอาเจียนเป็เืได้… ท่านยายมีความรู้เื่ยาแต่เหตุใดจึงบอกว่า “ยาชนิดเดียวรักษาได้ทุกโรค” ? อาจเป็เพราะเฟิงหยางทำให้นางมีความสุขมากจนสมองสับสน ในฐานะผู้หลอมยาควรบอกสรรพคุณและวิธีการใช้ยาที่เหมาะสม แต่หากพูดเช่นนั้น ท่านยายจะคิดว่าข้ารู้เยอะเกินไปหรือไม่ แล้วจะกลับกลายเป็ถามไถ่ไม่หยุดอีก”
หลังเหอตังกุยครุ่นคิดก่อนเลือกที่จะเงียบ อาเจียนเป็เืแล้วอย่างไร ในความเป็จริงหากผู้คนมีอาการร้อน อาเจียนเป็เืก็เป็วิธีพิเศษอีกวิธีที่ทำให้เืคงที่ หากเกิดอุบัติเหตุใด ๆ นางสามารถโยนความผิดเื่ “สรรพคุณยาผิดพลาด” ให้แม่ชีไท่เฉินที่ถูกส่งตัวไปยังเมืองหลวงเพื่อพิจารณาคดีได้ คนอื่นก็จะกล่าวโทษนางแทน...
เหอตังกุยเงยหน้าเอ่ย “ท่านยาย ข้าคิดว่าม้าของท่านผิดปกติ หากใช้พวกมันเกรงว่าจะไม่เหมาะ ข้าจึงขอให้ท่านลุงกุยไปเรียกรถม้าของข้ามาที่นี่ พวกเราจะนั่งรถคันนั้นกลับจวนเ้าค่ะ ทหารคุ้มครองส่วนใหญ่ก็กลับไปแล้ว หากปล่อยให้พวกเขารอนาน คนในจวนจะเป็ห่วงนะเ้าคะ”
“เอ้อ...” เหล่าไท่ไท่อุทานด้วยความใ ก่อนนึกถึงเหลนที่เพิ่งจากไปเมื่อวาน รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหายไปทันที “ข้าต้องกลับไปดูคุณชายจู”
เฟิงหยางก็หันกลับมาและยื่นกล่องยาให้คนรับใช้ในรถม้า ก่อนนึกถึงม้าสามตัวที่ห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ เขาคิดจะถามว่าก่อนหน้านี้พวกมันกินอะไร แต่กลับเห็นม้าสีแดงตัวใหญ่วิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าในอีกฟากถนน ชายผู้นี้บังคับม้าได้ดีกว่าคนบังคับรถม้าที่เกิดเื่เมื่อครู่ เขาไม่ปล่อยให้ม้าพังแผงขายของสองข้างทาง ทว่าบนถนนคนพลุกพล่าน การที่ม้าห้อตะบึงด้วยความเร็วเช่นนี้ช่างอันตรายยิ่งนัก
“เหล่าไท่จวิน พวกท่านหลบก่อน ข้าจะไปขวางม้าตัวนั้น...นี่ เ้า”
เฟิงหยางมองเด็กสาวตัวเล็กด้านหลังเหล่าไท่ไท่ที่จู่ ๆ ก็วิ่งออกไปกะทันหันด้วยความประหลาดใจ เขาตัวแข็งครู่หนึ่งก่อนเห็นนางวิ่งไปหาเด็กเล็กกลางถนน เข้าใจได้ว่านางจะทำอะไร สร้างปัญหาเสียจริง เด็กหญิงตัวเล็ก เท้าเล็ก ทั้งยังขาสั้นจะเป็วีรสตรีช่วยชีวิตผู้คนได้อย่างไร?
ขณะเฟิงหยางพิจารณาว่าควรหยุดม้าบ้าก่อนหรือขอให้คนบนถนนหลีกไปเพื่อทำให้ถนนโล่งยาวตลอดแนว
“นี่...” เหล่าไท่ไท่มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าพลันะโด้วยความร้อนใจ “เสี่ยวอี้หลานข้า อยากตายหรืออย่างไร” เสียงแหลมเล็กเสียดแทงแก้วหูเฟิงหยางจนใบหน้าเปลี่ยนเป็สีเขียวคล้ำ โอ้...เหล่าไท่ไท่ผู้นี้แรงเยอะเสียจริง
หลังล่าช้าไปชั่วอึดใจ เฟิงหยางก็ไม่มีเวลาให้เลือกอีกแล้ว แม้ “เสี่ยวอี้” จะประสบความสำเร็จในการอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน ทว่านางก็ห่างจากม้าสีแดงเพียงไม่กี่ก้าว ตอนนี้คง “ใกล้ถึงจุดจบชีวิตแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงกีบม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ขณะเหอตังกุยกำลังจะดึงเหล่าไท่ไท่ให้หลบ เมื่อหันกลับไปก็พบเด็กตัวเล็กผมบางสีเหลืองคลานอยู่กลางถนนพลางเล่น “ลูกดิ่ง” ทว่ากลับไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล ชั่วขณะนั้นผมสีเหลืองบางเป็ประกายของคุณหนูเถียนลูกสาวของนางก็แวบเข้ามาในความคิด อึดใจต่อมาขาของนางก็ชนะสมอง ก่อนวิ่งด้วยความรวดเร็วเพื่ออุ้มเด็กคนนั้น ขณะเดียวกันก็มีเสียงกีบม้าดังขึ้นด้านหลังหูพร้อมเสียงโห่ร้องของคนขี่ม้า...
วินาทีนั้นแม้นางจะจำประโยคแรกของเคล็ดวิชาตัวเบาขั้นพื้นฐานในส่วนที่สองของเล่มที่สามใน “เซียวเหยาเว่ยตั้ง” ได้ แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกว่าบินได้
เหอตังกุยคิดว่าควรหันปลายเท้าลงบนพื้นเพื่อหาจังหวะที่ร่างกายสามารถทิ้งตัวแล้วลุกจากพื้นด้วยปลายนิ้วดังที่เคยทำในชาติก่อน... แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้คนอื่นรู้ว่านางมีวรยุทธ์แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการช่วยชีวิต ทันใดนั้นร่างของนางก็ลอยสูง
“ตุบ”
“กึก ๆ ๆ ”
"ตายแล้ว ๆ ๆ เสี่ยวอี้ของข้าตายแน่” เหล่าไท่ไท่เฝ้าดูหลานสาวล้มลงบนพื้นก่อนกลิ้งไปมาเพื่อปกป้องเด็กน้อยในอ้อมแขน กีบม้าพลันเหยียบย่ำแผ่นหลังบอบบางของเหอตังกุย ทิ้งรอยกีบสีเทาขนาดเท่ากำปั้นบนชุดผ้าโปร่งสีขาว
“์ช่วยลูกด้วย ม้าเหยียบเสี่ยวอี้ตายแล้ว หงเจียง อาจี ไปตามหมอเร็ว เฮ้ย ข้าก็เป็หมอนี่นา” เหล่าไท่ไท่วิ่งเตาะแตะไปหาหลานสาวที่นอนนิ่งไม่ไหวติง พลางร้องห่มร้องไห้ก่อนะโ “เสี่ยวอี้ เ้าตายอนาถแท้ จะให้ข้าอธิบายกับแม่เ้าเยี่ยงไร”
“นี่ เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” เฟิงหยางกังวลมากจึงเขย่าร่างเด็กสาวอ่อนแอบนพื้นหลายครั้ง “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เ้าตาย ข้า...ข้าไม่รู้ว่าเ้าจะข้ามมาฝั่งนี้ อันที่จริงข้ามาเพื่อช่วย…กวนไป๋? เ้าเองหรือ”
ชายวัยกลางคนผู้มีเืไหลเปรอะมือและเสื้อผ้าสีขาววิ่งก้าวใหญ่เข้ามา ยกเสื้อคลุมด้านหน้าก่อนคุกเข่าเอ่ยถามอย่างใจจดใจจ่อ “เป็อย่างไรบ้าง นางยังมีชีวิตหรือไม่?” เขามองเฟิงหยางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “เฟิงหยาง…นางเป็อะไรกับเ้า? เป็น้องสาวเ้าหรือ?” กล่าวกันว่าพ่อของเฟิงหยางอยากมีลูกชายแต่กลับให้กำเนิดลูกสาวติดต่อกันถึงสิบแปดคน… หมายความว่าหนึ่งในสิบแปดคนถูกม้าของตนเหยียบตายใช่หรือไม่ ตายแน่ เมื่อมีเื่เช่นนี้เกิดขึ้น ตระกูลเฟิงจะยอมเลิกราได้อย่างไร? กิจการที่ตระกูลกวนและตระกูลเฟิงร่วมมือกันกำลังจะสิ้นสุดลงใช่หรือไม่ เฮ้อ หายนะใหญ่จริง ๆ ที่จู่ ๆ ม้าของตนก็บ้าคลั่ง
อธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์แต่กวนไป๋ก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “น้องเฟิง ข้าขอโทษ ข้าจะกลับจวนไปขอโทษพ่อเ้าตอนนี้เลย เ้าลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ ช่างโชคร้าย อู้ตี้ของข้าเป็ม้าเชื่องมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเหตุใดหลังมาถึงถนนสายนี้จึงบ้าคลั่ง ดูสิ ขาของมันหักเสียแล้ว ทั้งยังดิ้นเร่า ๆ อยู่บนพื้น” กวนไป๋ทั้งโกรธและเสียใจ อู้ตี้เป็ม้าอ่อนโยน ติดตามเขามาเป็เวลาห้าหกปี เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?
เฟิงหยางขมวดคิ้วมองถนนที่ไม่ไกลนัก ม้าตัวอ้วนสีแดงนอนหงายท้องร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาอยู่บนพื้น อวัยวะเหนือกีบหน้าข้างหนึ่งงอผิดธรรมชาติ เืไหลต่อเนื่องเป็สาย โดยรอบล้วนถูกปกคลุมด้วยสีแดงสด ดูเหมือนกวนไป๋จะตัดสินใจหักขามันเพื่อให้ม้าตัวนั้นหยุดวิ่ง
ความจริงเป็ดั่งกวนไป๋กล่าว ดวงตาทั้งสองของม้าสีแดงขาหักยังคงแดงก่ำ ทั้งยังเตะขาอีกสามข้างที่ไม่ได้รับาเ็ราวกับ้าลุกขึ้นวิ่งต่อ น่าแปลกที่จู่ ๆ ม้าก็บ้าคลั่ง ม้าของเหล่าไท่จวินหลัวก็เป็เช่นเดียวกัน
เหล่าไท่ไท่วิ่งเข้ามาพลางร้องไห้สลับะโ “หลานข้า เ้าตายอนาถยิ่งนัก หากข้าไม่ไปรับเ้า เื่ก็คงไม่เกิด โอ้ เ้าถูกม้าเหยียบตายอนาถข้างถนน ช่างอายุสั้นเสียจริง”
กวนไป๋หันมองด้วยความประหลาดใจก่อนพบว่าเหล่าไท่จวินตระกูลหลัวก็อยู่ที่นี่ด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของนาง กวนไป๋ก็ตะลึงงันทันที พลางเอ่ยตะกุกตะกัก “เหล่า...เหล่าไท่จวิน คนผู้นี้คือหลาน...ของท่านหรือ?”
ทันใดนั้นสตรีชุดเทาก็รีบวิ่งเข้ามาจากอีกด้านพลันร้องเสียงหลง “ลูกข้า แม่เผลอเพียงครู่ เ้าก็หายตัวไป พบอีกทีก็ถูกม้าเหยียบตายเสียแล้ว เ้าเป็เด็กดื้อ ไม่เชื่อฟัง ตายอนาถทิ้งแม่ให้อยู่ในโลกนี้คนเดียว ใครฆ่าลูกข้า? เ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว เขาอายุเพียงสองขวบเท่านั้น” เสียงร้องทำให้กวนไป๋งุนงงยิ่งนัก มีเหงื่อผุดซึมบาง ๆ บนหน้าผาก เขาคิดไม่ออกว่าระหว่างทางฆ่าคนไปกี่คน เหตุใดจึงไม่สังเกตเห็น?
ในสภาพแวดล้อมวุ่นวายไม่เป็ระเบียบนี้ จู่ ๆ เหอตังกุยที่ถูกเขย่าด้วยมือของเฟิงหยางก็ลืมตามองสตรีชุดเทาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “เด็กซนเป็เื่ธรรมชาติ แต่ในฐานะแม่ เ้ากลับไม่ระมัดระวัง ปล่อยให้เขาวิ่งมาบนถนน ไม่เรียกว่าโหดร้ายกว่าหรือ?” กล่าวจบก็อุ้มเด็กที่ถูกเตะไปอีกด้านโดยเท้าขนาดใหญ่ทั้งสี่ของบุรุษทั้งสอง ก่อนส่งเด็กกลับคืนสตรีผู้นั้นพลางกำชับจริงจัง “ต่อไปต้องดูแลเขาให้ดี อยู่กับเขาอย่างใกล้ชิด”
“เสี่ยวอี้?”
ดวงตาทั้งสองของเหล่าไท่ไท่ร้อนผ่าว สองมือคว้าตัวเหอตังกุยพลางเอ่ยถาม “เสี่ยวอี้ เหตุใดเ้าไม่ตาย? เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
เหอตังกุยค่อย ๆ หยัดยืนด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าไท่ไท่ นางกำลังจะอธิบายว่านางไม่ได้ถูกเหยียบแรงเท่าไรนัก แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกถึงกลิ่นคาวพุ่งออกจากลำคอ นางรีบหันหน้าหนีเหล่าไท่ไท่ที่ยืนเบื้องหน้า ทว่ากลับกระอักเืใส่กวนไป๋ที่นั่งยองอยู่ข้างทางด้วยความงุนงง ทำให้ชุดสีขาวที่เดิมทีก็เปื้อนเืไม่น้อยกลายเป็ดั่งดอกไม้สีแดง เมื่อมองดูก็น่าใไม่น้อย
ความปวดแสบปวดร้อนที่หลังแผ่ซ่านทุกครั้งที่หายใจเข้าออก ความทรมานทำให้นางอดยิ้มอย่างขมขื่นในใจไม่ได้ เหอตังกุยคิดในใจ เมื่อครู่ตนเพิ่งสาปแช่งคนที่จะกินยาที่นางทำให้กระอักเื นึกไม่ถึงว่าคนที่กระอักเืนั้นจะเป็ตน กรรมตามสนองรวดเร็วเสียจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้