เย่ชิงหานหลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วจึงะโลงจากต้นไม้ใหญ่ สายตาแสดงความตื่นเต้นดีใจรีบมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกภายในของเทือกเขาไปอย่างรวดเร็ว
เทือกเขารกร้างไม่รู้ว่าดำรงอยู่มาเป็กี่หมื่นปีแล้ว ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้ดึกดำบรรพ์อายุนับพันปี ต้นหญ้า เถาวัลย์ พุ่มไม้หนามและแมลงสัตว์มีพิษหายากที่ไม่รู้จักอีกนานาชนิดขึ้นปกคลุมไปตลอดเทือกเขา
ยังดีที่เย่ชิงหานไม่ใช่คนที่บุ่มบ่ามไม่รู้ความ ก่อนที่จะเข้ามายังเทือกเขาแห่งนี้ได้ซื้อยาผงมาไว้เป็ที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ล้วงออกมาทาไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แมลงสัตว์มีพิษต่างๆ จึงไม่กล้าเข้ามาตอมไต่ผิวกาย แต่เขาเองก็ไม่กล้าประมาทจึงเลือกเดินตามทางเล็กที่คนก่อนๆ ใช้ เดินรุดหน้าไปอย่างระมัดระวัง
สวบ! สวบ!
เดินรุดหน้ามาได้ราวสิบกว่ากิโลเมตร ในที่สุดเย่ชิงหานก็พบเข้ากับมารอสูรระดับหนึ่งตัวหนึ่ง ตอนนี้เขาหมอบคลานอยู่กลางพุ่มหญ้าแห่งหนึ่งชะเง้อคอมองไปยังหมูป่าขนาดตัวเท่าลูกวัวตัวหนึ่งที่กำลังทำการขุดคุ้ยอยู่ใต้โคนต้นไม้ เขี้ยวฟันสีขาวสองซี่ที่ยื่นออกมาจากปากของมันกระทบกับแสงพระอาทิตย์ที่ส่องลงมา ดูแล้วทำให้รู้สึกหวาดเสียวน่าขนลุกขนพองเป็อย่างมาก
“หมูป่าเขี้ยวตัน มารอสูรระดับหนึ่ง!”
เย่ชิงหานสายตาเป็ประกายสีหน้าแสดงความตื่นเต้นดีใจ ในหัวปรากฏข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับหมูป่าเขี้ยวตัน หมู่ป่าเขี้ยวตัน มารอสูรระดับหนึ่ง หนึ่งในสายพันธุ์พิเศษของประเภทมารอสูรหมูป่า มีนิสัยชอบท่องเที่ยวไปอย่างโดดเดี่ยว เขี้ยวฟันที่ยื่นออกมาแคบยาวแหลมคม พละกำลังมหาศาล
‘อืม...มันนี่แหละ!’
เย่ชิงหานล้วงกริชออกมาจากอกอย่างช้าๆ กำไว้ในมือแน่น แต่ไม่ได้พุ่งออกไปโดยทันที ยังคงทำการสังเกตการณ์ดูสิ่งผิดปกติต่างๆ โดยรอบทั้งสี่ทิศอย่างละเอียด
ฟิ้ว!
พริบตานั้น เขาออกแรงไปยังขาทั้งสองข้าง ร่างกายโค้งงอเล็กน้อยขณะที่พุ่งทะยานไปยังทิศทางที่หมูป่าเขี้ยวตันอยู่
“โฮกกก...”
หมูป่าเขี้ยวตันััได้ถึงภัยอันตรายชูหัวขึ้นมาในทันที ดวงตารูปสามเหลี่มทั้งสองข้างแดงก่ำ เขี้ยวฟันหน้าที่ยื่นยาวแหลมคมของมันล็อคเป้าและทะยานสวนมายังเย่ชิงหานที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
‘ฮะ!’
ปฏิกิริยาตอบสนองไวขนาดนี้เชียว! ในใจเย่ชิงหานตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ช้าลงแต่ประการใด เขาย่อตัวลงใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปที่เขี้ยวฟันหน้าของหมูป่าเขี้ยวตัน ตวัดมือกรีดลงไปทีหนึ่งก่อนที่จะยืมแรงดีดตัวหลบออกไป
โฮก! โฮก!
หมูป่าเขี้ยวตันแผ่นหลังถูกกรีดเป็แผลใหญ่เืแดงสดไหลออกมาเป็ทาง ยิ่งทำให้มันโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้นร้องคำรามออกมาสองทีติด ดวงตาราวกับเืแดงก่ำยิ่งขึ้น ขาหลังอวบใหญ่ทั้งสองข้างของมันออกแรงวิ่งหมุนวนไปทั่วอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ปลิวว่อนกระจัดกระจาย สุดท้ายหันเหเขี้ยวฟันอันแหลมคมคู่นั้นพุ่งทะยานตรงเข้าหายังทิศทางที่เย่ชิงหานอยู่
‘ฮะ! รวดเร็วอะไรเช่นนี้!’
เย่ชิงหานที่เพิ่งจะหมุนตัวกลับมาเห็นเข้ากับบางสิ่งลักษณะสีเทาคล้ายกับกระแสน้ำที่ไหลบ่ามาทางตนเอง แต่ก็ตกตะลึงอยู่แค่เพียงชั่วครู่แล้วรีบโคจรพลังปราณรบเคลื่อนตัวหลบออกไป
ปัง!
ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นหนึ่งล้มลงจากแรงปะทะของหมู่ป่าเขี้ยวตันที่ชนเข้าอย่างจัง เศษฝุ่นลอยฟุ้งตลบอบอวล
หืม? พละกำลังขนาดนี้อย่างน้อยก็ต้องม้าสี่ตัวรวมกันเห็นจะได้! ถ้าหากถูกชนเข้าละก็แหลกละเอียดเป็เนื้อบดแน่ เย่ชิงหานรู้สึกสะดุ้งกลัวอยู่ภายในใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความตื่นเต้นดีใจที่ได้รับ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าธาตุแท้จริงๆ แล้วเขาเป็พวกสายเืนักสู้มากแค่ไหน เย่ชิงหานขยับกริชที่อยู่ในมือให้เข้าที่ สมาธิทั้งหมดตื่นตัวเตรียมพร้อมทำการตั้งรับ
ตูม! ตูม! ตูม!
หมูป่าเขี้ยวตันพุ่งทะยานเข้าหาเย่ชิงหานครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าจะชนเขาให้แหลกละเอียด แต่เย่ชิงหานล้วนหลบได้อย่างยอดเยี่ยมทุกครั้ง และกรีดลงไปยังตัวของเ้าหมูป่าด้วยทุกครั้ง เวลานานเข้าเืของหมูป่าเขี้ยวตันยิ่งไหลเยอะขึ้น จนในที่สุดความเร็วของมันก็เริ่มช้าลงเนื่องจากสูญเสียเืมากจนเกินไป
“ฮู่วๆ! ยังดีที่เ้าหมูป่าเขี้ยวตันพุ่งชนเป็แค่ทิศทางเดียว แต่ก็อย่างว่าเป็มารอสูรระดับต่ำสติปัญญาก็ต่ำตาม ค่อยๆ ถ่วงเวลาทรมานมันให้ตายก็สามารถทำได้”
เย่ชิงหานหอบหายใจออกมาหนักหน่วง ลำตัวโค้งงอลงเล็กน้อย มือกำกริชแน่น ดวงตาหรี่ลงจ้องมองไปยังหมูป่าเขี้ยวตัน
ตูม!
เกิดการชนเข้าอย่างจังอีกครั้ง ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ลำต้นขนาดเท่ากำปั้นถูกชนล้มลง เ้าหมู่ป่าเขี้ยวตันรอบนี้ไม่ได้หันหัวกลับมาอย่างที่เคย แต่กลับวิ่งตรงไปทิศทางเบื้องหน้าต่อโดยไม่หันกลับ
“ฮะ? คิดจะหนี! สายไปแล้ว”
เย่ชิงหานยิ้มออกมาเล็กน้อยขยับร่างติดตามออกไปอย่างรวดเร็ว ทีแรกคิดว่าระดับความเร็วของตนจะไล่ตามไม่ทันหมูป่าเขี้ยวตัน แต่ว่าตอนนี้หมูป่าสูญเสียเืมากเกินไป พลังทางกายจึงถูกใช้ไปเป็จำนวนมาก ชั่วครู่เขาก็ไล่ตามมันจนทัน
“ท่าตัดแยกปฐี!”
เย่ชิงหานะโลอยสูงขึ้นม้วนตัวกลางอากาศ สองมือกำกริชแน่นปักลงไปยังส่วนหัวของหมูป่าสุดแรง
ตูม!
นอกจากด้ามกริชแล้วส่วนที่เหลือล้วนจมมิดหายเข้าไปภายในส่วนหัวของหมูป่า หมูป่าเขี้ยวตันล้มลงกับพื้นในทันที ปากของมันมีเืสีแดงสดไหลทะลักออกมา ขาอวบอ้วนทั้งสี่กระตุกสั่นไม่หยุด ปากพ่นฟองอากาศผสมเืออกมาอยู่ชั่วครู่ก็แน่นิ่งไป
ฮู่ว! ฮู่ว!
เย่ชิงหานทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ออกศึกครั้งแรกทำให้เขาเสียพลังกายและพลังสมองไปเป็อันมาก เริ่มรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าสติสัมปชัญญะเลอะเลือนคล้ายจะหลับไปอย่างนั้น
ฝืนบังคับเรียกสติให้กลับคืนมา หยิบกริชขึ้นมาคว้านเข้าไปภายในหัวของหมูป่าแคะเอาแก่นผลึกมารอสูรเม็ดหนึ่งออกมา จากนั้นเฉือนเอาเนื้อที่น่องของมันห่อด้วยใบไม้แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
.................................
เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่บนต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นหนึ่ง กำลังโคจรเคล็ดวิชาเย่หวงเพื่อฟื้นฟูพลังปราณรบที่สูญเสียไป การต่อสู้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเกือบจะทำให้พลังปราณรบที่มีอยู่ใช้ไปอย่างหมดสิ้น และการต่อสู้เมื่อสักครู่ทำให้เขาเข้าใจและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
“การต่อสู้ที่แท้จริงล้วนเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่คาดคิด หากเมื่อสักครู่ปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่านั้นอีกนิด หรือว่ามารอสูรที่พบเจอไม่ใช่หมูป่าเขียวตัน จุดจบอาจจะเป็สิ่งที่ไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้อีก...”
เย่ชิงหานหรี่ตาทบทวนการต่อสู้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ทบทวนสิ่งที่ตนเองทำผิดพลาดในการต่อสู้ คำนวณว่าหากเกิดการต่อสู้ในครั้งหน้าและอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ตนเองควรทำเช่นไร โดยใช้พลังปราณรบให้น้อยที่สุดแต่โจมตีออกไปได้อย่างสุดแรงที่สุด ทำเท่าที่จะเป็ไปได้
เมื่อสักครู่เป็ศึกแรกจริงๆ ในชีวิต ดังนั้นอาจจะมีอาการตื่นเต้น ปฏิกิริยาตอบสนองช้า วิธีการในการโจมตีไม่ถูกต้อง ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นถือเป็เื่ปกติ แต่หลังจากที่ต่อสู้ไปได้สักพักจึงได้เริ่มเห็นช่องในการรับมือกับหมูป่าเขี้ยวตัน หมูป่าเขี้ยวตันเป็มารอสูรประเภทมีพละกำลังมาก มารอสูรระดับหนึ่งโดยทั่วไปจะมีพละกำลังของม้าห้าตัว เหมือนกับเย่ชิงหานที่อยู่ในระดับขอบเขตขั้นสูงโดยหลักการแม้จะมีพละกำลังของม้าสิบตัว แต่ประสบการณ์สู้รบจริงๆ ไม่เพียงพอ เมื่อต่อสู้สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้จริงๆ เท่ากับพละกำลังของม้าสามหรือสี่ตัวก็ถือว่าไม่เลวแล้ว วิธีการต่อสู้ของหมูป่าเขี้ยวตันคือพุ่งเข้าหาโดยตรง บวกกับความเร็วของมันยิ่งทำให้พลังรุนแรงมากขึ้น ถ้าหากคิดจะปะทะกันซึ่งหน้าก็ไม่ต่างกับหาเื่เจ็บตัว จึงทำได้แค่เพียงถ่วงเวลาค่อยๆ ทรมานมันให้ตาย
“เสี่ยวเฮย ออกมากินอาหาร”
ใช้ความคิดพิจารณาทบทวนอยู่นาน เย่ชิงหานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเรียกสัตว์อสูรออกมา กระแสพลังสีดำสายหนึ่งไหลพรั่งพรูออกมาจากบริเวณอกค่อยๆ รวมตัวกลายเป็สุนัขจมูกราชสีห์ตัวสีดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏอยู่ที่ขาอ่อนของเขา จมูกที่กลมของมันกระตุกเล็กน้อย ตาสีดำแวววาวทั้งสองข้างยังคงสะลืมสะลือราวกับยังหลับไม่ตื่นดี
เย่ชิงหานล้วงมือเข้าไปในห่อผ้าหยิบเอาแก่นผลึกมารอสูรห้าเม็ดที่รวมของหมูป่าเขี้ยวตันเข้าไปด้วยออกมาวางไว้ข้างปากของเสี่ยวเฮย ทันใดนั้นสัตว์อสูรเสี่ยวเฮยมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ตาที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นพลันทอประกายแสงขึ้น อุ้งมือสองข้างประคองแก่นผลึกมารอสูรเม็ดหนึ่งแล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
แชะ! แชะ! เพียงชั่วครู่แก่นผลึกมารอสูรทั้งห้าเม็ดก็ถูกเสี่ยวเฮยกินจนหมด เสี่ยวเฮยหูตั้งส่ายหางไปมา ะโโลดเต้นไปมาบนร่างกายของเย่ชิงหานอย่างสบายอกสบายใจ แสดงอาการสนิทสนมอย่างไรอย่างนั้น
“พอแล้ว...ไม่ต้องอ้อนขอแล้ว เ้ากลับไปนอนก่อนเถอะเดี๋ยวข้าจะไปหาอาหารให้เ้าต่อ” เย่ชิงหานยิ้มด่าออกมาคำหนึ่ง จับมันขึ้นมาลูบหัวอย่างเอ็นดูแล้วเรียกกลับคืนมิติสัตว์อสูรเช่นเดิม
เขาไม่มีเวลามาเล่นกับเสี่ยวเฮยเพราะต้องรีบหาแก่นผลึกมารอสูรให้ได้วันหนึ่งอย่างน้อยห้าเม็ด ไม่อย่างนั้นการข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอของเสี่ยวเฮยก็จะขาด่ไป
ปัง!
เป็หมูป่าเขี้ยวตันอีกตัวที่ล้มลงกับพื้น หมูป่าในละแวกนี้มีอยู่กระจัดกระจายไปทั่ว เย่ชิงหานหยิบกริชขึ้นมาคว้านเข้าไปที่หัวหมูป่าแล้วงัดเอาแก่นผลึกมารอสูรออกมาเก็บใส่เข้าไปในห่อของ
วันนี้เป็วันที่ห้าที่เย่ชิงหานเข้ามายังหุบเขา หลังจากผ่านศึกแรกในวันที่สองกับหมูป่าตัวนั้นประสบการณ์การสู้รบก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย จากศึกแรกที่มีข้อผิดพลาดมากมายจนค่อยๆ พัฒนาลดน้อยลงตามลำดับ ต่อมาเย่ชิงหานจึงเลือกที่จะลงมือเฉพาะกับหมูป่าเท่านั้น จนถึงตอนนี้ฆ่าหมูป่าตัวหนึ่งใช้พลังปราณรบไม่ถึงหนึ่งในห้าส่วน พูดได้เลยว่าง่ายดายเป็อย่างมาก
เนื่องจากหมูป่าเขี้ยวตันเป็เพียงแค่มารอสูรระดับหนึ่ง รูปแบบการโจมจึงเรียบง่าย พละกำลังมากสุดเพียงแค่กำลังม้าห้าตัว ส่วนผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตปุถุชนมีพละกำลังเท่ากับกำลังม้าห้าตัว ระดับขอบเขตผู้กล้ามีพละกำลังเท่ากับกำลังม้าสิบตัว เย่ชิงหานที่อยู่ในระดับแรกของขอบเขตขั้นสูงมีพละกำลังเท่ากับกำลังม้าสิบตัวขึ้นไป
่นี้เขาออกล่าอย่างไม่หยุด ประสบการณ์การต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเคยชินกับการใช้พลังปราณรบที่มีอยู่ภายในกายมากขึ้น กำลังม้าสิบตัวสู้กับหมูป่ากำลังม้าห้าตัวจึงสามารถฆ่าได้อย่างสบายแบบไม่ต้องห่วงกังวลเลยสักนิด
ถ้าหากเป็ยอดฝีมือระดับสูงการโจมตีเพียงแค่ง่ายๆ ทีเดียวก็สามารถฆ่าได้ เย่ชิงหานที่เพิ่งฝึกฝนมาเพียงสิบปี ทั้งระดับขอบเขตและพลังแม้จะยังไม่สูงมากแต่รากฐานมั่นคงแข็งแรง เมื่อผ่านการขัดเกลาจากการต่อสู้จริงในระยะแรกมาได้ จนตอนนี้สามารถรับมือหมูป่าได้อย่างสบาย
อีกอย่างหนึ่งคือเย่ชิงหานรู้ตัวเองดีจึงไม่เคยคิดที่จะเข้าไปในส่วนของเทือกเขาที่ลึกมากกว่านี้ เพราะที่เขา้าก็แค่เพียงแก่นผลึกมารอสูรระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงเน้นความสนใจไปที่หมูป่าเขี้ยวตันมารอสูรระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ถ้าหากพบเจอกับมารอสูรชนิดอื่นก็จะรีบเร่งล่าถอยหลบไปเพื่อความปลอดภัยโดยทันที
“อืม...วันนี้ได้มาสิบเม็ดแล้ว สามารถพักผ่อนได้แล้ว!”
มองลอดผ่านใบไม้เห็นแสงสายัณห์กำลังจมลงลับขอบฟ้าไป เย่ชิงหานตัดสินใจหาที่พักแรมในระแวกใกล้เคียง เพราะเวลากลางคืนเทือกเขาคือสรวง์ของเหล่ามารอสูร หากทะเล่อทะล่าเดินทางอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว
เย่ชิงหานนอนเอนกายพิงอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่บนต้นไม้ ใช้มือทั้งสองข้างรองหัวแทนหมอน ปากคาบต้นหญ้าที่ไม่รู้ชื่อต้นหนึ่ง สายตามองลอดผ่านช่องว่างของใบไม้ขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรีที่ดารดาษไปด้วยดวงดาว
เป็ค่ำคืนที่เงียบสงบราวกับผืนน้ำ แสงจันทร์สีเงินที่สาดส่องไปทั่วผืนปฐี ดวงดาวบนท้องฟ้าสว่างเจิดจ้าดูราวกับเพชรที่เปล่งประกายแสงระยิบระยับฉันนั้น
