“โรงประมูลเป็สถานที่ที่มั่งคั่งร่ำรวยจริงๆ” หยวนจุนยิ้มพลางพยักหน้า สำหรับเสี่ยวเมิ่งในตอนนี้ การยอมรับข้อตกลงเช่นนั้นมิใช่เื่เสียหายอะไร
นางเพิ่งบรรลุเข้าสู่การเป็นักสร้างระดับปรมาจารย์ขั้นทั่วไปได้ไม่นาน จำเป็ต้องทำความคุ้นชินกับวิธีการกลั่นอาวุธิญญาขั้นสอง การยอมรับข้อตกลงเช่นนี้จะทำให้นางไม่ต้องกังวลเื่วัตถุแร่ผลึก
กล่าวได้ว่าโรงประมูลนั้นได้รับผลประโยชน์ ส่วนเสี่ยวเมิ่งก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน
หยวนจุนก้มหน้าอ่านคัมภีร์วิถีพลังจิต ครั้นอ่านจบเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น
“หงส์คู่องอาจต้องฝึกพร้อมกันสองคน?”
“ถูกต้อง วิถีพลังจิตนี้ค่อนข้างแปลกเล็กน้อย เพราะเป็การรวมพลังจิตของหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียให้กลายเป็พลังโจมตี หากฝึกสำเร็จจะทำให้พลังที่รุนแรงปรากฏออกมา ซึ่งพลังนั้นไม่ด้อยไปกว่าวิชายุทธ์ระดับเนี่ยผานเลย”
“นอกจากพลังจิตซึ่งเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการฝึกฝนหงส์คู่องอาจคือ ทั้งสองคนต้องฝึกด้วยกัน”
เสี่ยวเมิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง นางหยิบถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาเหมือนกำลังจะจิบ แต่จู่ๆ ก็หยุดค้างไว้ใกล้ริมฝีปาก จ้องคราบสีแดงที่เปื้อนอยู่บนนั้น ก่อนจะโยนถ้วยชาลงบนพื้นด้านหลัง
“ข้อดีของการฝึกวิถีพลังจิตนี้ คือทำให้พลังจิตของเราผสานกัน และสามารถเพิ่มระดับได้ในขณะที่เราแสดงพลังร่วมกัน”
แม้เสี่ยวเมิ่งจะมิได้กล่าวออกไปตรงๆ แต่หยวนจุนก็เข้าใจว่านางหมายถึงสิ่งใด
ตอนนี้เขาเป็เพียงนักสร้างธรรมดาขั้นทั่วไป ในขณะที่เสี่ยวเมิ่งเป็นักสร้างระดับปรมาจารย์ขั้นทั่วไป ช่องว่างระหว่างระดับของพวกเขาเทียบได้กับระดับของนักยุทธ์ที่ห่างกันห้าถึงหกขั้น
ยามฝึกฝนวิถีหงส์คู่องอาจ พวกเขาต้องแสดงพลังออกมาพร้อมกันจึงจะช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างพลังของเขาและเสี่ยวเมิ่งได้ วิธีนี้ทำให้เขาสามารถใช้พลังจิตระดับเดียวกับเสี่ยวเมิ่งซึ่งเหนือกว่าระดับของตนเองได้ภายในเวลาอันสั้น
วิธีนี้เรียกว่า ‘การผสาน’ ของหงส์คู่ ซึ่งทำให้พลังของพวกเขาถูกเติมเต็มจนไม่เหลือช่องว่างที่อาจตกค้าง
หากหยวนจุนใช้พลังหงส์คู่องอาจเพียงลำพัง แม้จะมิได้ช่วยในการเพิ่มระดับพลัง แต่ก็สามารถใช้เป็พลังในการโจมตีได้
“ตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว เราลองฝึกฝนกันดีหรือไม่?”
หยวนจุนเหลือบมองไปยังความมืดมิดที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง คิดว่าเวลานี้คงไม่มีผู้ใดมารบกวน อย่างไรก็ตาม หยวนจุนอดกังวลเื่หลิววั่นซานมิได้ เพราะเขามีพลังถึงระดับจันทราขั้นห้าเลยทีเดียว
เนื่องจากทั้งสองกำลังจะฝึกฝนวิชาพลังจิตอยู่ภายในห้องของหลิววั่นซาน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังและสังเกตทุกอย่าง
เสี่ยวเมิ่งนำขวดสีเงินขนาดประมาณหัวแม่มือออกมาจากแหวนมิติ นางค่อยๆ เปิดฝาขวด แสงสีฟ้าอ่อนราวกับใยแมงมุมแผ่ออกมาปกคลุมร่างของทั้งสองไว้ทันที
“ข้างในขวดนี้เป็ผงแร่ธรรมชาติชนิดหนึ่งที่สามารถยับยั้งแสงสะท้อนเมื่อัักับอากาศ แม้จะใช้ในการโจมตีหรือป้องกันมิได้ แต่สามารถใช้ป้องกันพลังจิตที่แผ่ออกมาจากเราสองคนได้”
เขาเอื้อมมือออกไปัักับแสงสีฟ้าอ่อนที่อยู่รอบๆ ดูแล้วเหมือนเป็เพียงแสงธรรมดาที่สามารถเข้าออกได้โดยที่ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
“นึกไม่ถึงว่าเ้าจะเตรียมของเช่นนี้มาด้วย” หยวนจุนเอ่ยปากชม เสี่ยวเมิ่งเป็ผู้ที่ทำอะไรรอบคอบอยู่เสมอ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาด
บางทีลักษณะนิสัยเช่นนี้อาจเป็สิ่งที่ทำให้เขาแยกจากนางไปมิได้ แม้ภายนอกนางจะดูคล่องแคล่วและเฉลียวฉลาด แต่ภายในกลับมีความละเอียดและรอบคอบ
เมื่ออยู่กับนาง หยวนจุนมิต้องระมัดระวังตัวมากเหมือนตอนอยู่คนเดียว
ทั้งสองนั่งขัดสมาธิ เมื่อกลางฝ่ามือปรากฏร่องรอยของการเค้นพลังจิต พวกเขาจึงประสานฝ่ามือเข้าหากัน
หลังจากนั้นพลังของการฝึกฝนก็หลั่งไหลเข้ามาราวกับกระแสน้ำจนทำให้ทั้งสองใ เมื่อจิตใจเชื่อมถึงกัน พลังจิตได้วนเวียนอยู่รอบๆ จุดตันเถียนบนของหยวนจุนและเสี่ยวเมิ่ง
หยวนจุนรู้สึกแสบร้อนที่หน้าอก และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เขามองดูร่างกายของตนเอง ก่อนจะพบว่าเงาของหงส์ตัวผู้ที่มีเพลิงสีเหลืองเข้มได้ปรากฏขึ้นรางๆ เหนือหน้าอก
เงาเลือนรางนั้นฝังลึกอยู่ใต้ิัของหยวนจุน ทำให้ร่างกายรู้สึกราวกับกำลังทะยานขึ้นสู่ฟ้าแล้วดิ่งลงมาสู่ห้วงเหว ทั่วทั้งร่างกายไม่มีที่ใดที่ปราศจากเพลิงของหงส์ตัวผู้นี้เลย
หากมองจากด้านข้าง หยวนจุนเริ่มปล่อยกระแสความร้อนออกมาจนทำให้ผิวของเขากลายเป็สีแดง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้เข้าสู่ความท้าทายครั้งใหม่ด้วยการสำเร็จวิชาหงส์คู่องอาจแล้ว
ในขณะที่เสี่ยวเมิ่งมีพลังจิตมากกว่าหยวนจุน แต่พลังภายในกลับสงบเหมือนดั่งสายน้ำนิ่ง ไม่ส่งสัญญาณใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย
ความสามารถในการเข้าใจของหยวนจุนนั้นเหนือกว่าเสี่ยวเมิ่ง เขาทราบเหตุผลข้อนี้ดี แม้เขาจะเกิดใหม่ แต่ประสบการณ์และความสามารถในการฝึกฝนของชาติที่แล้วยังมีอยู่อย่างชัดเจน
เมื่อเสี่ยวเมิ่งััได้ถึงความร้อนที่แผดเผาอยู่ในมือ นางจึงรู้สึกประหม่าและวิตกกังวลจนคิ้วขมวดมาอยู่ตรงกลาง เหงื่อค่อยๆ ไหลลงมาจากหน้าผากขาว
การประสานของหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมีย คือการที่ทั้งสองพยายามเข้าใจวิชาและบรรลุไปพร้อมกัน หากคนใดคนหนึ่งทำสำเร็จ แต่อีกคนยังคงฝึกฝนอยู่ ก็จะไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของหงส์คู่องอาจได้
คิดได้ดังนั้นหยวนจุนจึงเค้นพลังออกมาเพื่อให้เงาของหงส์ตัวผู้ที่มีสีทองเข้มปรากฏในร่างกายของตน เมื่อได้ยินเสียงดังจากภายใน เขาจึงกระตุ้นปีกที่อยู่ใต้ิัให้ส่งพลังผ่านมือทั้งสองของเขาไปถึงเสี่ยวเมิ่ง
เมื่อเพลิงของหงส์ตัวผู้เข้าสู่ร่างกายของเสี่ยวเมิ่ง นางรู้สึกกระสับกระส่ายภายในจิตใจ ราวกับแม่เหล็กที่ฝังอยู่ในทะเลทรายถูกแม่เหล็กอีกอันหนึ่งดูดขึ้นมา
เปลวไฟดวงเล็กกำลังลุกโชนอยู่ภายในใจของเสี่ยวเมิ่ง ซึ่งหลังจากที่สงบสติอารมณ์แล้ว นางมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และเปลวไฟของหงส์ตัวเมียที่ควรจะมีก็เกิดขึ้น
หยวนจุนรู้ว่าหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียนั้นเมื่ออยู่ในร่างเดียวกันจะมีความอันตรายเป็อย่างมาก เขาจึงรีบถ่ายพลังจิตเพื่อนำหงส์ตัวผู้กลับเข้าสู่ร่างกาย สายสีทองเข้มไหลเวียนทั่วร่าง ก่อนที่เพลิงของหงส์ตัวผู้จะลอยเข้าสู่หน้าอกของเขา
เงาแสงสีทองที่สง่างามค่อยๆ ปรากฏอยู่บนหน้าอกของเสี่ยวเมิ่ง ก่อนจะไหลผ่านทุกอณูในร่างกาย จนสุดท้ายเงาแสงนั้นได้ไปหยุดอยู่ที่สันหลังอันบอบบางของนาง
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ทั้งสองก็ต้องหยุดการฝึกฝนแล้ว
“เพียงคืนเดียวก็สามารถฝึกฝนจนทำให้เกิดเงาหงส์คู่ได้ ความสามารถของเ้าช่างไม่ธรรมดาเสียจริง ต้องขอบคุณเ้าที่ทำให้ข้าสามารถปลุกเพลิงของหงส์ตัวเมียที่อยู่ภายในร่างกายขึ้นมาได้”
เสี่ยวเมิ่งลุกขึ้นแล้วปิดบังใบหน้าด้วยผ้าโปร่งสีดำ นางเอ่ยเบาๆ ว่า “ฟ้ายังไม่สว่าง เรารีบไปจากจวนตระกูลหลิวเถอะ”
หยวนจุนเห็นว่าเป็ความคิดที่ดี เขาจึงแง้มประตูเงียบๆ ก่อนจะเห็นหลิวหรูเยียนกำลังเดินทำเสียงในลำคอให้เป็ทำนองดังมาแต่ไกล
“ช้าก่อน มีคนมา”
หยวนจุนส่งสัญญาณมือบอกให้เสี่ยวเมิ่งหลบไป ในใจของเขาคิดแผนการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แม้เขาจะรู้ว่าวิธีนี้นั้นได้ผล แต่เขาก็ทำสิ่งใดตามใจมิได้ หากทำให้ตระกูลหลิวโกรธ เกรงว่าชาวบ้านในเมืองเทียนอวิ่นที่ไม่รู้เื่ราวอาจได้รับเคราะห์ไปด้วย
“ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เหตุใดหลิวหรูเยียนจึงมาที่นี่ หรือนางจะสังเกตเห็นสิ่งใดเข้า?”
เสี่ยวเมิ่งเหลือบมองหยวนจุนด้วยความใ เมื่อเห็นฝ่ามือของเขากำลังเค้นพลังให้กลายเป็เข็มเงินยาว เพื่อวางแผนลงมือกับหลิวหรูเยียนโดยตรง
หยวนจุนรู้ว่าเหตุใดนางจึงมาเวลานี้ เขาเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “หากมีผู้ใดสังเกต แน่นอนว่าหลิวหรูเยียนมิได้มาคนเดียวแน่ เวลานี้นางคงไปสนุกกับหญิงรับใช้ที่นางพึงใจมาแล้วมากกว่า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้