แต่ไหนแต่ไร หลินเยว่ไม่เคยปล่อยโอกาสที่จะได้ฝึกฝนเรียนรู้เลยสักครั้งถึงแม้ว่าจะมีกระจกนิรภัยขวางกั้นอยู่ แต่เขาก็ยังตั้งใจศึกษาเครื่องเคลือบในพิพิธภัณฑ์อยู่ดีโดยปกติเครื่องเคลือบที่สามารถเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ย่อมเป็ของล้ำค่าอยู่แล้วแต่เครื่องเคลือบที่ถูกเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของจิ่งเต๋อเจิ้นที่นี่ย่อมเป็ของล้ำค่าเหนือของล้ำค่าทั่วไปถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เป็ของแท้ทั้งหมด แต่ทว่าถึงจะเป็ของเลียนแบบก็ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อยู่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่มีการระบุว่าเครื่องเคลือบชิ้นไหนเป็ของปลอมชิ้นไหนเป็ของจริงอีกด้วย
เมื่อพิจารณาเครื่องเคลือบเบื้องหน้านี้ความรู้ที่ท่านเฮ่อฉางเหอได้อธิบายให้กับหลินเยว่มาตลอดหนึ่งเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสรุปข้อมูลทั้งหมดที่เพิ่งอบรมก่อนที่จะมาที่นี่ก็ได้ผุดขึ้นในสมองของเขาอย่างต่อเนื่องทันใดนั้นความรู้ทั้งหลายต่างกลายสภาพเป็ข้อมูลที่มีความชัดเจนจากเดิมที่มีความซับซ้อนก็ดูเหมือนว่าจะถูกจัดระเบียบเป็ขั้นเป็ตอนอย่างรวดเร็ว
ราวกับกิ่งไม้โล้นๆ เมื่อได้เจอกับฤดูใบไม้ผลิจึงเริ่มผลิกิ่งก้านสาขาและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายกลายเป็ต้นไม้สีเขียวที่มีใบแน่นขนัดความรู้สึกเช่นนี้มันมหัศจรรย์เป็อย่างมากทำให้หลินเยว่รู้สึกดีใจและพอใจในเวลาเดียวกัน
เมื่อศึกษาเครื่องเคลือบชิ้นหนึ่งเรียบร้อยแล้วหลินเยว่จึงเปลี่ยนไปศึกษาเครื่องเคลือบชิ้นอื่นที่แตกต่างจากเดิม......
สมองของหลินเยว่จึงมีความรู้เื่เครื่องเคลือบมากขึ้นเรื่อยๆราวกับฟองน้ำที่กำลังดูดซับน้ำอย่างเต็มที่
ท่านเฮ่อฉางเหอ ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งและจางฮุยิที่เดินนำอยู่ด้านหน้าก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของหลินเยว่
เมื่อเห็นหลินเยว่จดจ่อกับเครื่องเคลือบตรงหน้าก็รู้สึกชื่นชมยินดีสายตาของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็มีประกายความแปลกใจสะท้อนออกมาอยู่ชั่วครู่แต่หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมเขายกนิ้วโป้งขึ้นพร้อมพูดเสียงต่ำกับท่านเฮ่อฉางเหอ “คุณหาลูกศิษย์ได้ดีเลยล่ะเขามีความตั้งใจมากกว่าพวกเราในตอนนั้นเสียอีก”
ท่านเฮ่อฉางเหอยิ้มอย่างภาคภูมิใจสายตาที่มองหลินเยว่จึงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“เขาเป็เพียงคนขยันใส่ใจคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งหัวเราะ “เหอๆ” เพราะปากที่ไม่ตรงกับใจของท่านเฮ่อฉางเหอไม่สามารถปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจากเขาที่เป็เพื่อนกันมานานหลายปี
“ถึงเขาจะศึกษามาเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่การแข่งขันการพิสูจน์เครื่องเคลือบในครั้งนี้คุณมั่นใจว่าจะต้องประสบความสำเร็จตามที่หวังใช่ไหมล่ะ?” ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งถามขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ท่านเฮ่อฉางเหอจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วพูดขึ้น “ถ้าผมมั่นใจว่าเป็ไปตามที่หวังแน่ๆผมยังจำเป็ต้องปิดบังคุณด้วยหรือ? พวกคุณก็รู้กันหมดแล้วไม่ใช่หรือว่าผมเพิ่งรับลูกศิษย์คนนี้มาเพียงสองเดือนเท่านั้น?อีกทั้งก่อนหน้านี้เขายังไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบใดๆ มาก่อนเลย เขาเป็เพียงช่างตัดหินหยกบนถนนหินหยกอยู่2 ปีเท่านั้น ซึ่งเขาก็แค่เคยได้ยินข้อมูลอะไรมาบ้างครั้งนี้ผมได้แต่หวังว่าเขาจะทำได้ค่อนข้างดี เพราะเวลาสองเดือนมันสั้นจนเกินไปไม่มีใครที่จะสามารถเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องเคลือบทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่งในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ และสิ่งที่สำคัญก็คือ เขาขาดประสบการณ์ที่เกิดจากการฝึกฝนจริงน่ะสิ!”
ท่านเฮ่อฉางเหอได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ หากสามารถให้เวลาสักครึ่งปีท่านเฮ่อมั่นใจว่าความรู้ของหลินเยว่จะไม่มีทางด้อยกว่าใครทั้งสิ้นและหากให้หลินเยว่มีเวลาฝึกสำรวจเครื่องเคลือบตามแผงจากประสบการณ์จริงสักสองปีถึงตอนนั้นความสามารถของหลินเยว่ก็สามารถเอามาเทียบกับตนเองในเวลานี้ได้แล้ว!
์ช่างกลั่นแกล้งจริงๆ!
ตาแก่พวกนั้นตั้งใจเล่นงานเขาโดยตรง พวกเขา้าเห็นเขาขายหน้า!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินเฟยที่เป็คู่อริตลอดกาลของเขา!อีกฝ่ายต้องแอบทำอะไรลับหลังเขาอย่างแน่นอน
ในขณะที่ท่านเฮ่อฉางเหอแอบด่าอยู่ในใจ ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งกลับฟังออกว่าคำพูดของท่านเฮ่อฉางเหอแฝงมีความหมายอย่างอื่นแฝงอยู่อีกเขาจึงถามขึ้นอย่างสงสัย “เขาเป็ช่างตัดหินหยก แล้วคุณก็เป็ถึงปรมาจารย์แห่งหยกเลยนะทำไมคุณถึงไม่รับเขาไว้เป็ลูกศิษย์ด้านการพนันหินหยกล่ะ?”
การที่ท่านเฮ่อฉางเหอเป็ปรมาจารย์แห่งหยกและเป็ปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบในเวลาเดียวทำให้ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็รู้สึกนับถือเลื่อมใสมาก
เมื่อพูดถึงเื่นี้สีหน้าของท่านเฮ่อฉางเหอที่ดูอ่อนใจอยู่ก่อนหน้านี้ ก็เหมือนจะมีความอ่อนใจหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“เมื่อพูดถึงเื่นี้ผมก็ต้องกุมขมับไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ได้เป็คนอยู่ในกรอบเลย อย่าดูแค่ภายนอกว่าเขาสนใจในเครื่องเคลือบเพราะเขายังสนใจในด้านอื่นๆ อีก และพร์ด้านการพนันหินหยกของไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าเครื่องเคลือบเลยแล้วยังโดดเด่นยิ่งกว่าเฮ่อโย่วจ้างหลานชายผมด้วยนะ”
“เป็ไปได้อย่างไรล่ะ?”
สีหน้าของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะเขารู้จักหลานชายของท่านเฮ่อฉางเหอ ถึงแม้ว่าเฮ่อโย่วจ้างจะเป็คนพูดน้อยไปหน่อยแต่เขามีพร์ในการพนันหินหยกสูงมาก เขาจำได้ว่าตอนเฮ่อโย่วจ้างเด็กๆตอนที่เขาไปที่บ้านของพวกเขา เขาก็เห็นว่าเด็กน้อยคนนั้นนั่งนิ่งอยู่เบื้องหน้าหินหยกแล้วยังสามารถพูดลักษณะเด่นของหินหยกต่างๆ ได้อย่างแม่นยำซึ่งตอนนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจมาก
ตอนนี้กลับมีคนที่มีพร์ในการพนันหินหยกมากกว่าเฮ่อโย่วจ้างเสียอีกแล้วคนผู้นี้กลับเป็เด็กหนุ่มที่กำลังศึกษาด้านการพิสูจน์เครื่องเคลือบแล้วจะให้ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งรู้สึกเชื่อได้อย่างไรล่ะ?
ท่านเฮ่อฉางเหอเหลือบมองหลินเยว่ด้วยสายตาอ่อนใจและพูดต่อ“ผมก็คิดว่ามันเป็ไปไม่ได้หรอกแต่ความจริงตรงหน้าก็เอาชนะความเป็ไปไม่ได้ทุกอย่างแล้วน่ะสิเหตุการณ์สองเดือนมานี้ทำให้ผมคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย หากไอ้หนุ่มคนนี้มีพร์ด้านการพนันหินหยกเพียงอย่างเดียวผมก็คงไม่ต้องหนักใจเพราะหากไม่ได้สอนการพิสูจน์เครื่องเคลือบผมก็เปลี่ยนไปสอนการพนันหินหยกแทนเท่านั้นเองแต่ไอ้หนุ่มกลับมีพร์ด้านการแกะสลักอีกด้วยยังจำตาแก่ฉางไท่คนนั้นได้หรือเปล่า? ไอ้หนุ่มคนนี้ก็เป็ลูกศิษย์ของฉางไท่ด้วยนะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าของท่านเฮ่อฉางเหอก็ดูเหมือนคนกำลังลำบากใจเป็ที่สุด
“อะไรนะ?!”
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งใจนเกร็งไปทั้งร่าง
แม้กระทั่งจางฮุยิที่ฟังพวกเขาคุยกันอยู่ข้างๆก็ใอย่างยิ่งเช่นกัน
นี่มันเป็ไปได้อย่างไรกันล่ะ???
ศึกษาการพิสูจน์เครื่องเคลือบแล้วยังศึกษาด้านการแกะสลักอีกแต่...ไม่ได้มีแค่เท่านี้หรอกนะ! เพราะหากเป็เพียงการสนใจเพราะอยากรู้อยากลองเท่านั้นก็ช่างเถอะแต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับคารวะปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศถึงสองท่านเป็อาจารย์ท่านหนึ่งเป็ปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบ อีกท่านเป็ปรมาจารย์แห่งการแกะสลัก
เด็กหนุ่มคนนี้มีพร์สูงมากหรือว่าปรมาจารย์สองท่านนั้นไม่มีลูกศิษย์คนอื่นให้เลือกแล้วจึงต้องเลือกลูกศิษย์คนเดียวกัน?
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งรู้ดีว่าท่านเฮ่อฉางเหอเป็พวกไว้ตัวชอบมองตัวเองว่าเหนือคนอื่น ตอนที่ยังหนุ่มนั้นเขาไม่เคยยอมแพ้ใครเลยและการจะรับใครสักคนเป็ลูกศิษย์ก็มีเงื่อนไขเยอะมากไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ได้เพิ่งจะมีลูกศิษย์ตอนนี้หรอก
ส่วนท่านฉางไท่ยิ่งเป็คนที่อนุรักษ์ความโบราณยิ่งกว่าเสียอีกการรับใครสักคนเป็ลูกศิษย์ก็ยากยิ่งกว่าแต่พวกเขาทั้งสองกลับถูกใจลูกศิษย์คนเดียวกัน!
เมื่อคิดถึงจุดนี้สีหน้าของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็มีแต่ความตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อในความคิดของตนเอง
หรือว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินเยว่คนนี้มีทั้งพร์และคุณธรรมพร้อมทั้งสองด้านจนเป็ไปตามเงื่อนไขของท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่?
หากมีเพียงด้านใดด้านหนึ่งก็ยากพอแล้ว นี่ยังมีครบทั้งสองด้านอีก......
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งไม่กล้าคิดต่ออีกแล้ว เพราะคนผู้นี้คงเป็คนที่สมบูรณ์แบบจริงๆหากมีลูกศิษย์แบบนี้ก็ถือว่าเป็ความสุขมากที่สุดในชีวิตอย่างหนึ่ง
แต่ทว่า เด็กหนุ่มคนนี้เป็คนแบบนี้จริงๆ หรือ?
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งอยากจะเชื่อแค่เพียงหลินเยว่มีพร์เหนือใครๆหรือเป็คนมีคุณธรรมมากกว่าคนอื่นเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่เขาไม่อยากเชื่อว่าหลินเยว่จะมีทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันเพราะคนแบบนี้มีน้อยมากจริงๆ น้อยจนแทบจะมีเปอร์เซ็นต์ในการพบเจอเป็ศูนย์
ณ เวลานี้สายตาของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งที่มองหลินเยว่จึงเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะล่องลอยเพราะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ส่วนจางฮุยิที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กวาดตาสำรวจหลินเยว่ทั้งตัวทั้งๆ ที่เวลานี้หลินเยว่ก็กำลังสังเกตเครื่องเคลือบอยู่จางฮุยิพบว่าหลินเยว่ก็ไม่ได้มีลักษณะโดดเด่นเป็พิเศษ แค่มีหน้าตาหล่ออยู่บ้างแล้วก็ดูกำลังจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าเท่านั้นแต่ทว่าจากประสบการณ์หลายปีของตนเองทำให้จางฮุยิรู้ว่าไม่ควรตัดสินคนจากภายนอกเท่านั้นยิ่งไม่กว่านั้นก็ไม่ควรจะดูถูกใครเลย
หากหลินเยว่เป็คนที่เก่งสุดยอดขนาดนั้นเขาก็ต้องขอทำความรู้จักสักหน่อย หากมีเพื่อนเพิ่มอีกสักคนก็ถือว่าเป็การสร้างโอกาสมากขึ้นนั่นเอง
อีกทั้งเพื่อนคนนี้ยังเป็เพื่อนที่ดูมีอนาคตรุ่งโรจน์เสียด้วย
จางฮุยิตัดสินใจอย่างเงียบๆเขาแอบพยักหน้าให้กับตัวเองในใจ
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งมองสีหน้าของท่านเฮ่อฉางเหอที่รู้สึกพอใจหลินเยว่มากเช่นนี้ในใจของเขาจึงเชื่อว่าหลินเยว่จะต้องเป็คนสมบูรณ์แบบที่หาได้ยากจริงๆและท่านเฮ่อฉางเหอก็โชคดีเหยียบขี้หมานำโชคจึงได้ลูกศิษย์ที่มีความพร้อมเช่นนี้
ถึงแม้ว่าลูกศิษย์จะมีพร์แต่เขาก็เพิ่งเริ่มสอนค่อนข้างช้า แต่ทว่าหากมีลูกศิษย์ที่ดีก็น่าจะพอแล้วนะ
เฮ่อ! สู้ไม่ได้ก็เลิกเปรียบเทียบเถอะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้