แดนเหนือในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงรบและกลิ่นอายของา อันตรายอยู่รายรอบทุกก้าวที่ย่าง ทว่าท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนก็ตัดสินใจพาฮูหยินเหม่ยฟางติดตามไปด้วย เหตุผลหนึ่งนั้นเป็เพราะาอาจยืดเยื้อและกินเวลานานหลายเดือน การมีนางอยู่เคียงข้างช่วยให้เขารู้สึกมีความหวังและไม่เปล่าเปลี่ยวในยามค่ำคืน
ฮูหยินเหม่ยฟางเป็มากกว่าภรรยาที่เขารัก นางคือเพื่อนแท้ที่เขาไว้ใจ มีความเข้าใจลึกซึ้งต่อความกดดันของเขาในฐานะนักรบและแม่ทัพ ความอบอุ่นจากนางช่วยปลอบประโลมใจในยามที่เขาเหน็ดเหนื่อยจากการศึก เมื่อเขา้าพักพิง การได้อยู่ใกล้นางยิ่งเสริมให้เขามีพลังในการต่อสู้
ถึงแม้พวกเขาต้องเผชิญกับเสียงดาบและเสียงศึกที่ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง ความปรารถนาระหว่างท่านแม่ทัพและฮูหยินเหม่ยฟางก็ไม่ได้ลดน้อยลง การมีเธอเคียงข้างไม่เพียงทำให้จิตใจของเขาสงบขึ้น แต่ยังถือเป็การเปลี่ยนบรรยากาศ ท่ามกลางความตึงเครียดของา การได้พักผ่อนในอ้อมกอดของนางช่วยเติมเต็มความ้าที่เขามี
เช้าวันรุ่งขึ้น ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนสั่งเคลื่อนทัพ ทหารนับหมื่นนายทยอยเดินตามกันเป็แถวยาวเหยียดออกจากจวนั้แ่ฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ ภายในรถม้าที่ประดับอย่างเรียบง่ายแต่งดงาม ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งเคียงข้างท่านแม่ทัพ สายลมยามเช้าพัดเอื่อย พัดปลายผมของนางให้พลิ้วไหวเบา ๆ เพิ่มความน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
วันนี้ ฮูหยินเหม่ยฟางแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมที่บางเบาแต่สุภาพ สีอ่อนละมุนขับให้ผิวของนางเปล่งประกาย นางมีความสง่างามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเย้ายวน แม้จะอยู่ในชุดที่เรียบง่าย แต่ทุกท่วงท่าของนางก็ยังดึงดูดสายตาของท่านแม่ทัพไม่ให้ละไปไหนได้
ขณะที่รถม้าเคลื่อนตัวไปช้า ๆ ผ่านทิวทัศน์ป่าเขา ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะเผลอจ้องมองนางด้วยความหลงใหล เรือนร่างที่อ่อนโยนและท่าทางสงบนิ่งของนางในยามนี้ ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา สายตาที่เปล่งประกายและรอยยิ้มบางเบาของฮูหยินเหม่ยฟาง ทำให้เขารู้สึกว่าการเดินทางในวันนี้แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคใด ๆ ก็ยังมีความสุข
ฮูหยินเหม่ยฟางหันมาเจอสายตาของท่านแม่ทัพที่มองมายังนางด้วยความชื่นชม นางแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเขาเบา ๆ
"ท่านพี่… ในตอนนี้ท่านมีความ้าอย่างนั้นหรือ?" นางเอ่ยถามเบา ๆ ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอให้ท่านแม่ทัพรู้สึกถึงความปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ในคำพูดนั้น
ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาสำรวจใบหน้างามของนาง ราวกับกำลังจดจำทุกลายละเอียด เขารู้สึกถึงความงามของนางที่อยู่ตรงหน้า เสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงไม่อาจทนได้ที่จะเอ่ยคำตอบ
"เ้างดงามถึงเพียงนี้ จะไม่ให้ข้าหลงใหลเ้าได้อย่างไร" เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความปรารถนาผสมผสานกับความรักที่ลึกซึ้ง
ฮูหยินเหม่ยฟางเพียงแย้มยิ้มบาง ๆ ยกมือขึ้นััแก้มของท่านแม่ทัพเบา ๆ แววตาของนางเป็ประกายอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจต่อความรู้สึกของเขา นางรู้ดีว่าความเหนื่อยล้าและแรงกดดันจากการทำศึกในแต่ละวันนั้นหนักหนาเพียงใด
ภายในรถม้าที่สั่นไหวไปตามทาง ฮูหยินเหม่ยฟางมองท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ ประกบริมฝีปากของเขาด้วยความเร้าร้อน ลิ้นของนางพลิ้วไหวไปมาราวกับกำลังหยอกเย้าท่านแม่ทัพอย่างท้าทาย ทิ้งทุกความกังวลและไม่สนใจว่าคนขับรถม้าอาจจะพบเห็นการกระทำของนางในเวลานี้
ท่านแม่ทัพเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตื่นเต้นที่ไม่ทันตั้งตัว แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ผ่อนคลาย ลิ้นของเขาตอบรับนางทันที ราวกับทั้งคู่กำลังหลอมรวมกันในความปรารถนาและความรักที่เอ่อล้น หัวใจของเขาเต้นแรง จนแทบจะได้ยินเสียงภายในอก ความรู้สึกอันรุนแรงนี้ทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวย และทุกััจากนางยิ่งเติมพลังให้เขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ท่ามกลางััเร่าร้อนนั้น ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนคิดในใจ "ข้าคิดถูกแล้วจริงๆ ที่พานางมาด้วย… นางเร่าร้อนถึงเพียงนี้ จะให้ข้าลืมเ้าได้อย่างไร ฮูหยินเหม่ยฟาง"
ใน่เวลานั้น ทั้งสองอยู่ในโลกที่มีเพียงกันและกัน แม้การเดินทางจะยาวไกล และาจะอยู่รอเบื้องหน้า แต่การมีนางเคียงข้างทำให้เขารู้สึกว่าตนไม่เคยโดดเดี่ยว
ความเร่าร้อนระหว่างท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนและฮูหยินเหม่ยฟางพุ่งขึ้นถึงขีดสุด สายตาที่ทั้งสองมองกันเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า ท่านแม่ทัพยื่นมือออกมา ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของนางอย่างแ่เบาแต่หนักแน่น ราวกับอยากจดจำทุกััของนางไว้ในความทรงจำ
ฮูหยินเหม่ยฟางรับัันั้นด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ดวงตาของนางเป็ประกาย และในขณะเดียวกันก็โอบกอดท่านแม่ทัพด้วยความรักและความอ่อนโยนอย่างลึกซึ้ง
ด้านนอก คนขับรถม้าทำได้แต่เพียงตั้งใจขับต่อไป โดยไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวมองกลับไปยังด้านหลัง แม้เขาจะรู้ถึงความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นภายใน แต่ก็มิอาจแสดงอาการใดออกมาได้ ทั้งเงียบงันและทำหน้าที่ของตนต่อไป รักษาความเป็ส่วนตัวของเ้านายให้มากที่สุด
ในยามที่ฮูหยินเหม่ยฟางปลดเปลื้องชุดอาภรณ์ของนางออก ความงามของเรือนร่างที่เปลือยเปล่าปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านแม่ทัพหยางเจี้ยน ราวกับภาพล้ำค่าที่หาได้ยากในโลกนี้ แสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างรถม้า ทำให้ผิวพรรณของนางดูอ่อนนุ่มราวกับต้องมนต์สะกด ท่านแม่ทัพไม่อาจละสายตาได้ หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกที ความรู้สึกหลงใหลในตัวนางท่วมท้นในหัวใจของเขา
เขามองนางด้วยสายตาที่ทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความปรารถนา ลมหายใจของเขาถี่กระชั้น ราวกับม้าศึกที่พร้อมออกสู่สนาม ยามนี้ไม่ใช่เพียงความงามภายนอกที่ทำให้เขาหลงใหล แต่เป็ทั้งตัวตนของนาง ความรัก ความเข้าใจที่เขามีต่อนางนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าใคร ท่านแม่ทัพเอื้อมมือไปััเรือนร่างของนางอย่างอ่อนโยน พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาแต่หนักแน่น
"เ้าช่างงดงามเหลือเกิน… ข้าโชคดีเหลือเกินที่มีเ้าอยู่เคียงข้าง"
ฮูหยินเหม่ยฟางเอียงตัวเข้าไปใกล้ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนมากขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักและความปรารถนา เสียงอ่อนหวานของนางดังขึ้นเบา ๆ แต่ชัดเจน ราวกับสายลมอุ่นที่กระซิบผ่านใจของเขา
“ถ้าหากท่านพี่พึงพอใจ… งั้นได้โปรดจงกลืนกินข้าไปทั้งร่าง” นางกล่าวอย่างเย้ายวน น้ำเสียงอ่อนหวานนั้นแฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนและความปรารถนา
ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นยามได้ยินคำพูดของนาง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลและหื่นกระหาย “เ้าช่างเป็ดั่งขุมทรัพย์ที่ข้าไม่อาจปล่อยให้ห่างกายได้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง และโอบกอดนางไว้แน่น
