บทที่ 90 หนทางที่จะไป
เสือครามทองเป็สัตว์ปีศาจระดับกลางที่ลำตัวมีขนสีเขียวครามเหลือบทองสดใส ความแข็งแกร่งและความเร็วของมันเทียบได้กับระดับสี่ของขั้นมหาสมุทร
หากสัตว์ปีศาจที่น่าพรั่นพรึงฝูงนี้พุ่งเข้ามา พวกเขาคงไม่มีโอกาสต้านทานด้วยซ้ำ
โชคดีที่แม้ว่าเสือครามทองจะดุร้ายและกระหายเื แต่ก็กลัวน้ำมาก ดังนั้นมันจึงรออยู่อีกด้านหนึ่ง มองดูด้วยความกระตือรือร้น จึงยังทำให้ทุกคนสามารถอยู่รอดได้
“เสือครามทอง” ซ่งอี้ได้ยินเสียงะโของฉู่อวิ๋นจึงรีบยกมือหยุดทุกคน
เขาเพ่งมองอย่างตั้งใจไปอีกด้านหนึ่งและใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ป่าอีกฝั่งนั้น นอกจากฝูงสัตว์ปีศาจที่วิ่งไปตามแม่น้ำโลหิตแล้ว ยังมีแสงเย็นๆ ที่สะท้อนแสงของดวงตาเสือที่พลุ่งพล่านไปด้วยเจตนาฆ่า
บนพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้หักล้มและเศษหินแตกกระจาย ยังมีซากศพและชิ้นเนื้อบางส่วนหลงเหลืออยู่บนพื้นที่ล้วนถูกสัตว์ปีศาจกัดแทะ
“ไม่คิดว่า... แม้แต่เสือครามทองก็มาที่นี่แล้ว!” ซ่งอี้สูดหายใจ จากนั้นแสดงสีหน้ารู้สึกผิดและพูดว่า “เป็ข้าที่ประมาทไป ข้าแค่อยากรีบบุกฆ่าจนลืมสังเกต ยังดีที่มีจอมยุทธ์ฉู่เตือนไว้ก่อน!”
ฉู่อวิ๋นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หัวหน้าซ่งชมเกินไป การต่อกรกับสัตว์ปีศาจไม่อาจผิดพลาด! ข้าก็แค่สังเกตเพื่อความอยู่รอด แต่ตอนนี้เราถูกล้อมรอบไปด้วยศัตรูจากทุกด้าน ควรหนีไปทางใดหรือ?”
“นี่...” จู่ๆ ซ่งอี้ก็พูดไม่ออก
ทิศทางของค่ายด้านหลังติดูเา ไม่สามารถปีนข้ามไปได้
อีกฟากของแม่น้ำก็มีเสือครามทองคอยเฝ้าอยู่ ข้ามแม่น้ำไปก็เท่ากับตาย
ทิศปลายน้ำก็มีสัตว์ปีศาจจำนวนมากที่ล่าสัตว์ป่าและแย่งกันหาอาหาร
ส่วนทิศที่ซ่งอี้กลับมา มีการโจมตีของจระเข้กลืนฟ้าที่ทรงพลังรออยู่ ไม่อาจชนะพวกมันแบบต่อหน้าได้
“ดูเหมือน... จะไม่มีทางหนีเลย” หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ซ่งอี้ก็ถอนหายใจและพูดอย่างเศร้าสร้อย
หากเขาข้ามไปอีกด้านหนึ่งเพียงลำพังแล้วฆ่าเสือครามทองเสีย เขาอาจมีโอกาสรอด แต่หากเขาพาทุกคนไปด้วย กลุ่มคนทั้งหมดจะแตกพ่ายอย่างแน่นอน เพราะซ่งอี้ไม่มีพลังเพียงพอที่จะปกป้องทุกคนได้
ต้องรู้ว่า พลังการต่อสู้ของเสือครามตัวเดียวก็เทียบได้กับเริ่นอวี่สิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้งฝูงที่รออยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งอี้ คนอื่นๆ ก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาถูกกระแทกอย่างแรง ความวิตกกังวลพุ่งเข้าใส่จนเวียนหัว แม้ว่าพวกเขายังคงดิ้นรนเพื่อต่อต้านสัตว์ปีศาจ แต่ก็ต้องหมดหวังอีกครั้ง
“จบกัน มันจบแล้ว...”
“มันจบแล้วจริงๆ...”
“ข้าคิดว่าข้าจะรอดไปได้เสียอีก...เหอะเหอะ...”
สีหน้าของทุกคนเศร้าบ้างโกรธบ้าง บางคนส่ายหัวด้วยความสิ้นหวัง บางคนหัวเราะสมเพชตนเอง แม้ว่าซ่งอี้จะรีบกลับมาเพียงใด แต่ผลสุดท้ายก็ยังคงเป็ความตายสถานเดียว
ความหวังที่มีอยู่ดับลงทันทีที่มาถึงมือ ต่อให้ทุกคนแข็งแกร่งแค่ไหนก็รับไม่ไหว
“ไม่! ข้าจะมาตายที่นี่ได้อย่างไร?!” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว มองดูแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวตรงหน้า เขาตรองดูอีกครั้ง รู้สึกอยู่เสมอว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง เหมือนว่าเขาจะพลาดเบาะแสบางอย่างไป
“แม่น้ำ...”
“แม่น้ำหรือ? ใช่… ใช่แล้ว สิ่งนี้แหละ!”
ในขณะที่ทุกคนรู้สึกหดหู่ ฉู่อวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างวาบ ราวกับว่าเขาพบโอกาสหลบหนี!
เขาเดินไปที่พ่านพ่านแล้วถามว่า “แม่นางพ่านพ่าน เ้าเป็สมาชิกของเผ่าสุนัข อาศัยอยู่ในป่าโลหิตมาั้แ่เด็ก เ้าต้องคุ้นเคยกับภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็อย่างดีแน่"
“ข้าอยากถามว่า ต้นน้ำของแม่น้ำสายนี้เป็ทางตันหรือเปล่า?”
ฉู่อวิ๋นจ้องมองพ่านพ่านด้วยแววตาสดใส ประหม่าเล็กน้อย นี่เป็โอกาสสุดท้ายของเขา เขาย่อมกระตือรือร้นที่จะได้รับคำตอบโดยเร็วที่สุด!
“อาฮู้ว...อาฮู้ว...ต้น ต้นน้ำหรือ?” พ่านพ่านที่ใกับฝูงสัตว์ปีศาจตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของฉู่อวิ๋น นางก็บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และพูดว่า “แม้ว่า... แม้ว่าต้นน้ำนี่จะพาไปที่ทางน้ำแคบๆ ที่มีเนินเขาปิดล้อมทั้งสองด้าน แต่ลึกเข้าไปหน่อยก็จะกว้างขึ้น ไม่ใช่ทางตัน อาฮู้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ดีใจมากและถามว่า “ข้าจำได้ว่าเ้าเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าเผ่าสุนัขกำลังเตรียมอาหารเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ ดังนั้นพ่านพ่าน ดินแดนบรรพบุรุษของเ้าสามารถรับมือกระแสสัตว์ปีศาจได้หรือ?”
ดวงตาของพ่านพ่านเป็ประกาย นางพยักหน้าแล้วพูดว่า “อาฮู้ว~ แน่นอน เรามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องเผ่าและคอยดูแลถ้ำลับ สัตว์ปีศาจธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้"
“เช่นนั้นก็ดี แม่นางพ่านพ่าน ถ้าเริ่มเดินทางจากต้นน้ำ จะไปถึงดินแดนบรรพบุรุษของเ้าในถ้ำลับได้หรือไม่?”
“พ่านพ่านจำทางกลับบ้านได้แน่นอน อาฮู้ว~ อีกอย่างต้นน้ำของแม่น้ำสายนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพ่านพ่านด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและแสดงท่าทางดีใจ ตอนนี้เขารอดแล้ว!
ขอเพียงแค่รีบไปที่ต้นน้ำของแม่น้ำสายนี้ ก็จะพบทางไปยังดินแดนบรรพบุรุษของพ่านพ่านและหลีกเลี่ยงอันตรายได้! ถึงตอนนั้น สิ่งที่พวกเราต้องทำคือรอให้กระแสสัตว์ปีศาจผ่านพ้นไป จากนั้นก็ค่อยออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองชุยเสวี่ยอีกครั้ง!
แต่หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นยังคงถามอย่างลังเล “แม่นางพ่านพ่าน ถ้าไปที่ดินแดนบรรพบุรุษของเ้า เผ่าของเ้าสามารถพาพวกเราเข้าไปได้หรือไม่? ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เราหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินี้ไปได้ รับรองว่าเราจะจากไปโดยไม่รบกวนพวกเ้าแน่นอน”
“อาฮู้ว~” พ่านพ่านส่งเสียงร้องแปลกๆ แล้วพยักหน้า “อวิ๋นอวิ๋นช่วยพ่านพ่านมาหลายครั้งแล้ว เป็คนดี! ขอเพียงแค่อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยปาก พวกเราย่อมพาพวกเ้าเข้าไปได้ แต่ว่า... มีปีศาจน้ำระดับต่ำที่ทรงพลังคอยเฝ้าต้นน้ำอยู่ ผ่านไปยากมากเลยนะ อาฮู้ว...”
“ไม่ต้องกลัวไป ก็แค่ปีศาจน้ำระดับต่ำ หัวหน้าซ่งและคนอื่นๆ จัดการมันได้อยู่แล้ว!” ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ ด้วยความรู้สึกมั่นใจ
ทันใดนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นและบอกทุกคนเกี่ยวกับแผนการที่จะไปยังดินแดนบรรพบุรุษของพ่านพ่าน โดยขอให้ทุกคนลงทางน้ำและทวนกระแสน้ำไป
“หือ? นี่เป็ความคิดที่ดี ถ้าต้นน้ำไม่ใช่ทางตัน คุ้มจะเสี่ยงพอตัว!” ซ่งอี้โบกดาบั์ในมือและเป็คนแรกที่เห็นด้วย เขาสามารถบุกฆ่าไปได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เขาไม่เต็มใจที่จะทิ้งพี่น้องัเหล็กไว้ข้างหลัง
“จะนอนจะตั้ง[1]ต่างก็ตาย ข้าเห็นด้วย!” สือเหล่ยทุบหน้าอกและยืดตัวตรง
“เอาตามที่จอมยุทธ์ฉู่พูดเลย” เฟิงเยี่ยนอ้าปากค้างและเช็ดเืบนใบหน้า เขาต่อสู้กับสัตว์ปีศาจหลายตัวติดต่อกันจนเริ่มหมดแรงแล้ว
ในไม่ช้า ผู้คนส่วนใหญ่ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับฉู่อวิ๋น แต่นักรบกลุ่มหมาป่ากลับมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและคัดค้านขึ้นมาทีละคน
“พูดน่ะใช่ แต่เ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าไม่มีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่ในแม่น้ำ? ยิ่งไปกว่านั้น ข้างทางยังมีเสือครามทองคอยจ้องจะตะครุบ ถ้าเราลงไปในน้ำแล้วพวกมันพุ่งมากัดพวกเราโดยไม่สนอะไรจะทำอย่างไร!?”
“แผนของเ้ามันไร้สาระ ต่อให้เราจะไปถึงต้นน้ำ แต่ก็ยังมีกำแพงูเาเล็กๆ กั้นซ้ายขวาอยู่ดี ด้านหน้ามีหมาป่าด้านหลังมีเสือ หากมีสัตว์ปีศาจะโลงมาจากูเา จะไม่เท่ากับว่าเราเดินไปติดกับดักตายหรือ?!”
“แม่น้ำอันตรายขนาดนั้น ให้ตายข้าก็ไม่คิดจะไป! ข้าว่านะ เราควรลงไปตามปลายน้ำจะดีกว่า!”
“ฮ่าๆ เด็กเวรอย่างเ้าหุบปากไปดีกว่า ความตายพุ่งเข้าหาขนาดนี้แล้วเหตุใดไม่รับเอาไว้เล่า?! ฮ่าๆ!”
ในไม่ช้า นักรบทั้งหมดของกลุ่มหมาป่าก็ประท้วงและปฏิเสธที่จะติดตามไป พวกเขายังคงดูถูกฉู่อวิ๋นและะโด่าขึ้นมาทีละคน ้าให้ซ่งอี้บุกฆ่าพาลงไปตามปลายน้ำ
เมื่อได้ยินคำพูดดูิ่เหล่านี้ ฉู่อวิ๋นก็แค่นเสียงพูดอย่างไม่แยแส “ข้าไม่้าการยินยอมจากพวกเ้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวหน้าซ่ง ถ้าพวกเ้าไม่ไป ก็นั่งรอความตายอยู่ที่นี่เสีย เพราะต้นน้ำแม่น้ำสายนี้ก็เป็ทางออกทางเดียวแล้ว”
ฉู่อวิ๋นรู้ว่าซ่งอี้ไม่ฆ่านักรบที่เหลืออยู่ของกลุ่มหมาป่าก็เพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม
แต่คนเหล่านี้เคยคิดจาบจ้วงพ่านพ่าน การกระทำเลวร้ายเหลือจะทน แม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังเกลียดพวกเขาเป็อย่างมาก การดื้อรั้นเก็บพวกเขาไว้ในกลุ่มนั้นย่อมกลายเป็หอกข้างแคร่
“เชอะ เ้าเด็กนี่ล้อเล่นหรือ? เ้าผุดความคิดไม่เข้าท่านี่ขึ้นมาแต่ก็ยังเสแสร้งวางท่า เ้าเชื่อสิ่งที่นางป่าเถื่อนนั่นพูดหรือ? ช่างโง่เขลา!”
"ฮ่าๆ อย่าลืมสิว่าหัวหน้าของเ้าคือคนที่อยากให้พวกเราเข้าร่วมกลุ่มด้วย! ถ้าไม่มีพวกเรา เ้าจะจัดการกับสัตว์ปีศาจพวกนั้นได้หรือ? น่าขันจริงๆ!"
เมื่อทุกคนในกลุ่มหมาป่าได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น พวกเขาต่างแสดงความรังเกียจออกมา ชายหนุ่มคนนี้ยกหางตนเองสูง พวกเขาไม่ถูกโฉลกอย่างยิ่ง
“หัวหน้าซ่ง คำพูดก็ไม่มากไปกว่านี้แล้ว! ขอแค่ท่านไปทางปลายน้ำ พวกเราจะร่วมสู้ไปกับท่าน ข้าเชื่อว่าตอนนี้ท่านก็รู้ถึงคุณค่าของนักรบขั้นมหาสมุทรดีแล้ว" นักรบคนหนึ่งหยิ่งผยอง
“ไม่ผิด แต่ถ้าหัวหน้าซ่งอยากไปทางต้นน้ำ พวกเรากลุ่มหมาป่าจะไม่ร่วมไปด้วย! มาดูกันว่านักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณของท่านจะตายโดยไม่มีพวกเราอย่างไร?!” เสียงคนเยาะเย้ย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนในกลุ่มัเหล็กก็โกรธมาก คนพวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ! เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พวกเขาถึงกับกล้าใช้ชีวิตของทุกคนมาเป็เครื่องต่อรอง
นี่เป็การบังคับให้ซ่งอี้พาทุกคนลงปลายน้ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ทางนั้นมีสัตว์ปีศาจอยู่เต็มไปหมด ซ้ำยังเป็ทางตัน!
ยามนี้ ใบหน้าของซ่งอี้มืดมน เขายังคงโบกดาบัเหล็กเข่นฆ่าสัตว์ปีศาจที่พุ่งเข้ามาโจมตี ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“หัวหน้าซ่ง นี่เป็โอกาสเดียวแล้ว!” ฉู่อวิ๋นเห็นซ่งอี้ดูเหมือนลังเลอยู่ แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าอย่างไรเสียซ่งอี้ก็จะพาทุกคนทวนน้ำ แต่เขาก็ยังอดโน้มน้าวไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน สมาชิกของกลุ่มหมาป่าก็มั่นใจอย่างยิ่ง ซ่งอี้ผู้นี้ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความชอบธรรม ไม่มีทางปล่อยให้กลุ่มัเหล็กตายไปเปล่าๆ เขาจะเลือกทิศทางปลายน้ำอย่างแน่นอน
“ควั่บ!”
หลังจากที่ซ่งอี้สังหารหมาป่าปีศาจเพลิงทมิฬไปอีกหลายตัว เขาก็หันกลับมามองและเดินกลับไปยังจุดที่ทุกคนอยู่
ทว่าเขาเมินเฉยฉู่อวิ๋นแล้วเดินตรงไปยังกลุ่มหมาป่า ทำให้พวกเขาพึงพอใจและมองดูฉู่อวิ๋นอย่างหยามหยัน
ซ่งอี้ผู้นี้ เพื่อปกป้องสมาชิกที่เหลือของกลุ่มัเหล็ก ยังคงไม่อาจตัดใจเสี่ยง
ในขณะเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็หรี่ตาลงและกัดฟันกรอด
“พวกเ้าอยากให้ข้าตามน้ำไป?” ซ่งอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจแล้วถามอย่างไม่แสดงอารมณ์
“แน่นอน! หัวหน้าซ่งรู้ ช่างมีไหวพริบจริงๆ! หากรอดไปได้ นับจากนี้ไปพวกเราก็เป็คนของกลุ่มัเหล็กแล้ว! ฮิฮิ”
“ไม่ต้องไปสนใจเ้าเด็กเวรนั่นหรอก ทวนไปทางต้นน้ำหรือ? น่าหัวร่อ!”
เมื่อเห็นว่าซ่งอี้ยอมฟัง ทุกคนในกลุ่มหมาป่าก็มีความสุขมาก พวกเขาเหลือบมองไปทางฉู่อวิ๋นอีกครั้งพร้อมทำหน้าเยาะเย้ย จากนั้นก็หันกลับมากระตุ้นซ่งอี้อีกครั้ง
แต่ในตอนนี้ สีหน้าของซ่งอี้เปลี่ยนไปกะทันหัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างและพูดด้วยความโกรธ “ได้! ในเมื่อพวกเ้าอยากไปทางปลายน้ำ ข้าซ่งอี้ จะส่งพวกเ้าไปลงนรกซะ!”
“หา?” ทุกคนในกลุ่มหมาป่าเบิกตากว้าง สายตาตกตะลึง
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ!”
ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันตอบโต้ ่เวลาต่อมาก็มีเสียงลมพัดทื่อๆ ดังขึ้น มองเห็นเพียงดาบัเหล็กฟาดฟันข้ามความว่างเปล่า ฉายแสงเย็นวูบวาบ ปรากฏตอเืผุดขึ้นมาหลายอัน กลิ่นคาวสนิมคละคลุ้ง ก่อนที่ศีรษะจะกลิ้งหลุนๆ ตกลงไปที่พื้น
นักรบของกลุ่มหมาป่าทั้งหมด ตายสิ้น
----------
[1] จะนอนจะตั้ง แปลว่า ไม่ว่าด้วยวิธีใด