“ฉานอี ช่วยนำของเ่าั้ออกไปให้พ้นสายตาข้าได้หรือไม่?” เหอตังกุยเบื่อจะเล่นลูกปัดหยกที่หยางมามาส่งให้เมื่อครู่พลางเอ่ยอย่างจนปัญญา “เห็นแล้วจะเป็ลม”
“คุณหนูสามยังไม่รู้อะไร ั้แ่ข้าใส่เครื่องรางขับไล่ผีสางก็นอนหลับสนิทตลอดคืน” ขณะนี้ฉานอีสวมกระจกส่องสัตว์ประหลาดพร้อมคล้องกระเทียมไว้รอบคอ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องแบบสาวใช้ของนางยังเย็บยันต์กันผีสีเหลืองสดใสหลายสิบแผ่นเพื่อป้องกันตัว ทุกครั้งที่นางยกชามาให้เหอตังกุย กลิ่นฉุนของกระเทียมก็พลันลอยเตะจมูก ฉานอีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ั้แ่เ้าบอกข้าที่เมืองตู้เอ๋อร์ว่าตระกูลหลัวนั้นอันตราย ข้าจึงเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ไล่ผี เดิมทีข้าสงสัยเกี่ยวกับเื่นี้ ทว่าั้แ่วันที่ข้าพบ “เขา” ข้าก็เชื่อในสิ่งที่เ้าพูด”
เหอตังกุยและฉานอีทำพันธสัญญาว่าพวกนางจะใช้คำว่า “เขา” แทนสัตว์ประหลาดตัวนั้น เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
ตามที่ฉานอีอธิบายถึงเื่ราวคืนนั้นหลังนางและแม่นางจีส่งหลัวไป๋อิ่งกลับเรือน คุณหนูใหญ่หลัวไป๋อิ่งมอบหมายงานจิปาถะให้นางกองหนึ่ง สั่งว่านางต้องทำงานให้เสร็จก่อนออกไป เนื่องจากแม่นางจีรีบไปนับเงินในห้องคลังเล็กของเรือนฝูโซ่ว ฉานอีจึงถูกทิ้งไว้คนเดียว นางต้องกำจัดหญ้าในสวนดอกไม้ให้เสร็จ ทั้งยังต้องให้หญ้าแกะอีกหลายตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องตัดขนแกะและนำไปตากในสวนดอกไม้อีก กว่าจะเสร็จดวงอาทิตย์ก็ใกล้ขึ้นแล้ว
ฉานอี้ากลับเรือนทิงจูเพื่อพักผ่อน น่าเสียดายที่นางหลงทางมาที่ “ศาลาเหนียวเหนี่ยว”... หลังเหอตังกุยไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจึงคาดว่าสถานที่ที่นางพูดถึงน่าจะเป็ “ศาลาเตี่ยวยาง”... ฉานอีบอกว่านางเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ในศาลาจึงอยากเดินไปถามทาง ทว่านางยังมิทันทำอะไร ปีศาจรูปร่างเหมือนคนก็ลอยลงมาจากฟ้า
ขณะนั้นชายในศาลาก็ถูกเขาดูดเื ฝ่ายสตรีก็ใจนเป็ลม ฉานอีบรรยายว่าดวงตาของเขามีประกายแสงสีม่วง แต่...ดูเหมือนเขาจะมองไม่เห็นสิ่งที่หยุดนิ่ง มองเห็นเพียงสิ่งที่เคลื่อนไหวเท่านั้น เพราะหลังจากดูดเืชายผู้นั้นแล้วก็ไม่ได้ดูดเืสตรีที่เป็ลมอีก แต่กลับหมุนตัวไปดูดเืหมูหริ่งที่วิ่งผ่าน
ฉานอีเล่าด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นเสียงร้องของนางพลันดึงดูดเขาเข้ามา ทว่าจู่ ๆ เฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ก็ออกมาจากด้านหลังก่อนลากตนวิ่งหนี แต่พวกเขาทั้งสามวิ่งหนีไม่ทัน เฟิงอวี้ผู้เฉลียวฉลาดจึงบอกให้ทุกคนหมอบและกลั้นหายใจ เมื่อเขาบินผ่านก็ไม่ได้มองพวกเขาที่นอนแกล้งตายบนพื้น แต่กลับบินตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ต่อมาทั้งสามพบว่าขณะแกล้งตายก็เผลอทับดอกแมกโนเลียสีขาวพุ่มใหญ่ในแปลงดอกไม้โดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อพ่อบ้านหลี่พบดอกแมกโนเลียสีขาวที่ถูกทับจนแบนบนท้ายทอยของเฟิงเหยียน ทั้งเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้จึงถูกควบคุมตัวเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย
หลังเหอตังกุยฟังฉานอีพูดจบก็ทบทวนครู่หนึ่ง ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้มีเพียงป่าไผ่ขม ผีดูดเืตัวนั้นบินเข้าป่าไผ่ขมกระนั้นหรือ? เหอตังกุยคิดได้ดังนั้นจึงวาดภาพทุกคนในจวนตระกูลหลัวที่พอจะมีวรยุทธ์ โดยให้ฉานอีระบุทีละคนทว่าฉานอีกลับส่ายหัวพลางบอกว่าไม่มีใครสักคนในที่นี้คล้ายเขาเลย เมื่อไม่สามารถถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ เหอตังกุยจึงทำได้เพียงวางมันไว้เฉย ๆ หยุดพูดถึงเื่นี้ชั่วคราว เพียงบอกให้สาวใช้อารักขาประตูเรือนเถาเหยาให้ดี
สาวใช้ในเรือนเถาเหยามีเพียงห้าคนเท่านั้น....แม้เรือนจะใหญ่โตจนน่าใ แต่นอกจากฉานอีและไฮว่ฮวา ก็มีเพียงผอเหอ โต้วเจียงและเฉียนซื่อที่ย้ายมาจากเรือนเหล่าไท่ไท่เพื่อดูแลคุณชายจูเป็พิเศษ หยางมามาเคยบอกว่าเอ้อร์ไท่ไท่จะส่งสาวใช้และมามาที่ดีที่สุดจำนวนหนึ่งมาให้นางเลือกใช้สอย แต่ “สองสามวัน” ผ่านไปก็ยังไร้วี่แวว เจ็ดวันต่อมาก็ยังไม่มีใครถูกส่งมาที่นี่ เหอตังกุยชอบบรรยากาศเรือนอันเงียบสงบ นางเพียงสั่งให้ฉานอีและไฮว่ฮวาทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ นอกจากปัดกวาดห้องของตนแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก
เนื่องจากแม่ครัวหวังฉีถูกปลด ตำแหน่งจึงถูกแทนที่โดยหยางอู่ แม้อาหารสามมื้อของทุกวันที่ส่งมาจะเป็ไปตามหลักยึดถืออย่างเรียบง่าย แต่จะให้ขาดตกบกพร่องไม่ได้แม้แต่มื้อเดียว ทุกวันหลังมื้ออาหารเหอตังกุยมักนอนอยู่ในห้องเพื่อวางแผนการค้าขายเล็ก ๆ เมื่อฉานอีกินอาหารและเก็บชามเสร็จก็เริ่มวาดยันต์กันผีเพื่อป้องกันตัวที่โต๊ะอาหาร ก่อนขอให้ไฮว่ฮวาเย็บติดเสื้อผ้าของตนแล้วสวมให้เหอตังกุยดู ทั้งสามแสดงความคิดเห็นพลางหัวเราะ...วันเวลาผ่านไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ผ่านไปวันสองวันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อผ่านไปราวห้าวัน ใบไม้ร่วงหล่นปกคลุมพื้นที่เรือนเถาเหยา ห้องส่วนใหญ่ยกเว้นห้องว่างเพียงไม่กี่ห้องล้วนถูกปกคลุมด้วยฝุ่น คานที่เพิ่งทาสีใหม่ก็ถูกตกแต่งด้วยใยแมงมุมอันงดงามเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะหลัวไป๋เส่าเป็เ้านายเรือนเถาเหยา ที่นี่มีคนรับใช้มากกว่ายี่สิบคนคอยดูแลรักษาป่าดอกท้อ ตัดแต่งพุ่มไม้ บำรุงดินและรดน้ำ รวมถึงกวาดลาน ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ในเรือนคอยยกน้ำชา เย็บปักถักร้อย ซักผ้าและทำงานในครัว ตราบใดที่เดินเข้าเรือนเถาเหยาก็มักเห็นฝูงชนเดินขวักไขว่เสมอ เรือนเถาเหยาในขณะนั้นเรียกได้ว่าเป็สถานที่ที่คนพลุกพล่านมากที่สุดในตระกูลหลัว
เช้านี้หยางมามาเดินมายังเรือนเถาเหยาเพื่อส่งเงินและเยี่ยมคุณชายจู ทีแรกนางคิดว่าเดินเข้าผิดเรือน เมื่อเทียบกับสนามหญ้าวุ่นวายและคึกคักที่เคยเป็มาตลอด ขณะนี้กลับหดหู่และห่อเหี่ยวยิ่งนัก แม้แต่หยางมามาก็ยังอดตำหนิเอ้อร์ไท่ไท่ไม่ได้ ลูกสาวและหลานสาวอาจปฏิบัติแตกต่างกัน แต่เช่นนี้ชัดเจนเกินไปหรือไม่? จะไม่เป็เื่ตลกให้คนอื่นซุบซิบนินทาหรือ? ขณะนี้มีแขกสองกลุ่มในตระกูลหลัว โชคดีที่คุณหนูสามมีเหตุผลเสมอ นางบอกว่าการใช้ชีวิตที่เรือนเถาเหยานั้นสะดวกสบายมาก มีเพียงฉานอีและไฮว่ฮวาคอยดูแลก็ทั่วถึงมากแล้วจึงไม่จำเป็ต้องเพิ่มคนงานอีก
หยางมามาได้ยินก็ไม่สบายใจนัก ขณะนำกล่องลูกปัดหยกมาส่งที่เรือนเถาเหยาจึงจัดสาวใช้ของเหล่าไท่ไท่สิบสองคนมาทำความสะอาดและซักผ้า พวกนางทั้งหมดเริ่มทำความสะอาดใบไม้ที่ร่วงหล่นและหยากไย่ทุกแห่งในเรือน เรือนสีชั่งและเรือนเถาเหยานั้นใกล้กันที่สุด เป็ไปได้ว่าคุณชายตระกูลเผิงทั้งสองอาจมาเยี่ยมเหอตังกุยเข้าสักวัน นางจึงต้องทำความสะอาดให้ดีที่สุดเพื่อให้เผิงเฮ่าก่วง “พ่อของเ้าบ่าว” หาตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวงให้คุณชายใหญ่เฉียนได้โดยเร็ว หยางมามากลัวว่ากลิ่นหอมของป่าดอกท้อจะไม่แรงพอที่จะดึงดูดคุณชายทั้งสองซึ่งอยู่เรือนติดกัน จึงให้คนสวนนำดอกเบญจมาศหอมหลายร้อยดอกปลูกรอบเรือนเถาเหยา
หลังหยางมามาจากไป เหอตังกุยก็อารมณ์ไม่ดีอีกครั้ง เหตุเพราะคำที่หยางมามากล่าวก่อนจาก “จริงสิ ข้ามีข่าวดีมาก ๆ จะบอกคุณหนู ตระกูลของพวกเราได้รายชื่อเข้าเรียนสำนักเฉิงซวี่โดยไม่ต้องสอบสองรายชื่อ หนึ่งในนั้นเป็ชื่อของคุณหนูสาม สี่วันหลังจากนี้สำนักศึกษาก็จะเปิดแล้ว เื่เข้าเรียนถือเป็เื่สำคัญอันดับแรก ท่านโปรดเตรียมชุดและเครื่องประดับลูกปัดที่จะสวมใส่ด้วย” จากนั้นก็อธิบายเกี่ยวกับการจับคู่เสื้อผ้าและเครื่องประดับอย่างอดทน
“เฮ้อ...” เหอตังกุยถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่านางจะได้อาศัยในเรือนของหลัวไป๋เส่า ทั้งยังได้ไปสำนักศึกษาเพื่อเรียนหนังสือ นางเพิ่งได้รับเงินหนึ่งพันเจ็ดร้อยตำลึง รวมเงินสองร้อยสี่สิบตำลึงที่ฝากไว้ในร้านเงินฉีเป่า บวกกับกล่องลูกปัดหยกชั้นเลิศและหมอนไม้จันทน์หอมที่งัดจากโลงศพ ตอนนี้นางมีเงินประมาณสองพันเจ็ดร้อยตำลึง เหอตังกุยจึงวางแผนออกจากตระกูลหลัวเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ทางการตลาดของถนนสายการค้าเมืองหยางโจว เพียงทำตามแผนก็ยุ่งมากแล้ว จะเจียดเวลาไปเรียนไปเล่นในสำนักศึกษาได้อย่างไร?
“เอ้า รีบดื่มตอนยังร้อน ดื่มแล้วจะได้รีบไป” ฉานอีเดินยกน้ำเก๊กฮวยเข้ามาพร้อมกลิ่นกระเทียมก่อนพูดด้วยท่าทีดีใจ “ข้าเพิ่งเก็บดอกเก๊กฮวยในสวนจำนวนมากมาทำชา”
เหอตังกุยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไปไหน?” พลันจิบชาแล้วพูดอย่างขมขื่น “ดอกไม้ไหม้หมดแล้ว จะใส่น้ำตาลทำไม? รสชาติแปลกยิ่งนัก”
“ข้าก็เรียนจากเ้านั่นแหละ” ฉานอีพูดด้วยความมั่นใจ “ครั้งที่แล้วเ้าใส่น้ำตาลในชาซานจาเยอะกว่านี้ใช่หรือไม่? เหล่าไท่ไท่เพิ่งส่งคนมาบอกว่านางจะเชิญแขกมากินอาหารเย็นที่เรือนฝูโซ่ว นางเชิญเ้าด้วย แต่ตอนนั้นเ้าเหม่อลอยไม่ได้ยิน ข้าจึงตกปากรับคำแทน อาหารที่นี่เป็อาหารมังสวิรัติทั้งหมด เ้าเพิ่งหายจากโรคร้ายก็ควรได้รับสารอาหารเพิ่ม เหล่าไท่ไท่ยังย้ำว่าอยากเห็นเ้าแต่งตัวสวย ๆ จะทัดดอกไม้อะไรหรือไม่? ข้ายังทำชาไม่เสร็จแต่เดี๋ยวข้าจะช่วยเ้าแต่งตัว” ขณะพูดก็ยื่นดอกเบญจมาศสดสองดอกไปใกล้จมูกเหอตังกุย
ทว่าเหอตังกุยกลับปฏิเสธ หลังดื่มชาเก๊กฮวยก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดสำหรับพบปะแขก
ในตู้มีเสื้อผ้าหลากหลายประเภท เมื่อครึ่งปีก่อนขณะนางอาศัยอยู่กับแม่ก็มีชุดสวย ๆ มากมาย เกือบทั้งหมดเป็เสื้อแขนกว้าง กระโปรงยาวลากพื้นสำหรับเต้นรำ ต่อมาเมื่ออาศัยที่จวนตระกูลหลัว คุณหนูทุกคนยกเว้นนางจะได้รับชุดสำหรับฤดูใบไม้ร่วง ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ นางจึงมีเพียงเสื้อผ้าธรรมดาที่ปักโดยสาวใช้ในเรือนซีคั่วจำนวนหนึ่ง โชคดีที่นางขอให้สาวใช้นำกล่องบางส่วนออกจากเรือนซีคั่วก่อนหลัวไป๋เฉียนจะเผา มิฉะนั้นคงต้องสูญเสียเสื้อผ้าทั้งหมดเป็แน่
เหอตังกุยเลือกเสื้อผ้าครู่หนึ่งก่อนลงเอยที่ชุดกระโปรงผ้าโปร่งขนนกสีขาวบริสุทธิ์แสนจะธรรมดา เป็ชุดที่ต้วนเสี่ยวโหลวมอบให้ขณะอยู่ในวัดสุ่ยซัง ถือเป็เสื้อผ้าที่ดีที่สุดที่นางได้รับใน่นี้ เหล่าไท่ไท่บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำและส่งคนมาเชิญนางเป็พิเศษ เมื่อนางคิดถึงท่าทีอัธยาศัยดีของเหล่าไท่ไท่ที่มีต่อแขกตระกูลเผิงจึงเดาว่าแขกเ่าั้คงจะเป็คุณชายทั้งสอง ครานี้หลัวไป๋ฉยงคงจะไม่ทำให้ตนผิดหวัง “อีกครั้ง” นางตกหลุมรักเผิงสือั้แ่แรกเห็น หลัวไป๋ฉยงต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้แน่นอน หากนางแต่งตัวธรรมดา หลัวไป๋ฉยงก็จะโดดเด่นยิ่งขึ้น
หลังเหอตังกุยแต่งตัวเสร็จก็ไปงานเพียงคนเดียว เนื่องจากฉานอีปฏิเสธที่จะถอดกระเทียมและกระจกส่องปีศาจจึงไม่สามารถพานางไปด้วยได้ ทว่าเมื่อเดินผ่านเรือนหลายหลังกลับไม่พบใครแม้แต่คนเดียว เมื่อหันอีกด้านก็เห็นคนรับใช้ที่ชื่อเฟิงเหยียนหรือไม่ก็เฟิงอวี้เร่งรีบเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว เหอตังกุยจึงเดินตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาถือถุงเล็ก ๆ พร้อมวิ่งไปที่ประตูข้างทางตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนเปิดประตูครึ่งหนึ่งแล้วยื่นถุงพลางพูดพึมพำบางอย่างกับคนนอกประตู ภายใต้กิ่งไม้ปกคลุม เหอตังกุยเห็นชายคนหนึ่งอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี แม้เสื้อคลุมสีม่วงของคนผู้นั้นจะหรูหราแต่ก็มอมแมมและสกปรก ผมเผ้ารุงรังมีฟางเกาะหลายเส้น ขณะเพ่งมองก็พบใบหน้าน่าดึงดูดของคนผู้นั้น เหอตังกุยคุ้นเคยใบหน้าเขาไม่น้อย คิ้วทั้งสองโค้งโก่ง ดวงตาสีเข้ม จมูกเชิด ขณะพูดก็ปรากฏลักยิ้มที่แก้มซ้าย
เหอตังกุยเบิกตากว้าง คนผู้นั้นคือ...น้องสะใภ้ของเกาเจวี๋ย
ไม่ผิดแน่ นางคือหญิงสาวที่ปรากฏตัวในเมืองตู้เอ๋อร์ เหอตังกุยจำได้ว่าในร้านอาหารฉวินเสียนโหลวมีเด็กชายขี้นินทาและเด็กชายเรียบร้อยที่ต่างก็เรียกสตรีคนนี้ว่า “หลิงเมี่ยวอี้” เด็กหญิงตัวเล็กชาติกำเนิดสูงส่งผู้นี้ เหตุใดจึงตกอยู่ในสถานการณ์น่าสังเวชเช่นนี้ได้ เหตุใดจึงมาที่ประตูข้างของตระกูลหลัว?
เหอตังกุยปิดตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง เมื่อมองพวกเขาอีกครั้ง ทั้งสองก็คุยกันเสร็จแล้ว เด็กสตรีที่ยืนข้างนอกก็วิ่งหนีไป ขณะบ่าวรับใช้ปิดประตูข้างพลางเดินกลับเรือนพร้อมร้องเพลง เหอตังกุยก็ะโขวางทางเขาพลันเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีพี่ชาย สาวน้อยคนนั้นมาจากตระกูลหลิงในเมืองหลวง…นางชื่ออะไรหรือ? ข้าลืมเสียสนิท ควรไปทักทายนางเสียหน่อย”
เฟิงอวี้ใที่เหอตังกุยโผล่มากะทันหัน เมื่อได้ยินว่าเหอตังกุยไม่เพียงจำหลิงเมี่ยวอี้ได้ ซ้ำยัง้าทักทายนาง เขาจึงรีบหยุดเหอตังกุยพลางเอ่ย “คุณหนูหยุดก่อน...ท่านพูดคุยกับนางไม่ได้นะขอรับ”
เหอตังกุยงุนงงยิ่งนัก “เพราะเหตุใดเล่า? คนทั้งโลกล้วนเป็เพื่อนกัน ข้าทักทาย ‘เพื่อน’ ไม่ได้หรืออย่างไร”
เฟิงอวี้เกาหัวพลางยิ้มเจื่อน พลันคิดบางอย่างออกก่อนเอ่ย “อ๊ะ คุณหนูเหอ เ้าต้องเห็นนางในสภาพมอมแมมเหมือนผ้าขี้ริ้ว นางไม่ชอบพบปะผู้คนในสภาพเช่นนั้น ฉะนั้นอย่าสร้างความลำบากใจให้ทั้งสองฝ่ายเลยขอรับ ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวเถอะ” เขาพูดพลางมองเหอตังกุยก่อนเอ่ยถาม “ท่านคงไม่ได้สนิทสนมกับนางมากใช่หรือไม่? เพราะแม้แต่ชื่อหลิงเมี่ยวอี้ ท่านก็ยังจำไม่ได้”
เหอตังกุยส่ายหัวพลางเอ่ย “ข้าเคยเจอนางบนถนนเพียงครั้งเดียว” เมื่อนางเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอกก็หัวเราะ “แต่ข้าชื่นชมนางมานานแล้ว พวกเราเหมือนเพื่อนเก่าที่แยกทางกันมานาน วันนี้มีโอกาสรวมตัวราวโชคชะตาบันดาลให้พบพานอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทักทายนางให้ได้”
เฟิงอวี้ใร้องะโเสียงต่ำพลันขวางทางเหอตังกุย “ท่านไปไม่ได้ เอ่อ ความจริงแล้ว นาง...นางเป็คนชั่วร้าย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้