“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!” เย่เฟิงแผดเสียงคำรามพร้อมแทงออกไป นาทีนั้นรังสีหอกนับหมื่นปรากฏพลางเสียงคำรามของัดังกึกก้อง มันพุ่งเข้าหาเงาค้อนั์นั่น ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง รังสีหอกเข้าปะทะกับเงาค้อนั์ ห้วงอากาศแตกะเิ คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย เวทีประลองสั่นะเื
เย่เฟิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะแทงออกไปอีกครั้ง รังสีหอกกลายเป็ลำแสงพินาศ พุ่งไปหาชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้น ซึ่งการปะทะเมื่อครู่นี้ทำให้เืลมในกายของชายร่างสูงใหญ่ปั่นป่วนและไม่กล้าสบตามองเย่เฟิง เขารู้ว่าชายหนุ่มขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ตรงหน้าตัวเองเป็ศัตรูตัวฉกาจของเขา ดังนั้นชายร่างสูงใหญ่จึงไม่กล้าประมาทอีก เขาแผดเสียงคำรามพร้อมฟันค้อนั์ออกไป ห้วงอากาศกระเพื่อม เสียงปะทะระหว่างหอกและค้อนดังสนั่นหวั่นไหว
การต่อสู้ระดับนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ปกติเหล่าผู้คนไม่ค่อยมีโอกาสเช่นนี้ พลังของเย่เฟิงสร้างความตกตะลึงให้พวกเขาอีกครั้ง ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 นึกไม่ถึงว่าจะปะทะกับชายร่างสูงใหญ่อันดับที่ 2 ในเวทีประลองทดสอบแห่งนี้ได้อย่างสูสี
“ภูผาถล่มดินทลาย!” หลังจากหลบรังสีหอกของเย่เฟิงได้ ชายร่างสูงใหญ่ก็แผดเสียงะโอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมค้อนั์ในมือขยายใหญ่ขึ้น ก่อนจะฟาดฟันโจมตีเย่เฟิง การโจมตีนี้อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลและหมายทำลายทุกสิ่ง
“สวบ!” เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ พลันเงาร่างกลายเป็แสงดาว เคลื่อนไหวด้วยท่วงทำนองพิเศษ เมื่อค้อนั์จู่โจมมา เขาก็ไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าชายร่างสูงใหญ่แล้ว ก่อนจะปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างและเอกลักษณ์หอก
ชายร่างสูงใหญ่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเหวี่ยงหมัดเข้าปะทะกับฝ่ามือภูผาพิฆาตของเย่เฟิง เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ชายร่างสูงใหญ่รู้สึกว่ามีพลังมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในร่างเขา มันอาละวาดไปทั่วภายในร่างกายของเขา ทำให้เขาอดเซถอยหลังไม่ได้
“แกร่งมาก เย่เฟิงผู้นี้มีพลังกายแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ ถึงกับทำให้ชายร่างสูงใหญ่ที่มีพลังกายแกร่งกล้าถอยหลังได้ นี่จะน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว!” ผู้คนต่างใ พลังกายที่เย่เฟิงสำแดงออกมาเกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
ชายร่างสูงใหญ่เผยสีหน้าไม่สู้ดี แต่จากนั้นเขาฟาดฟันค้อนั์ออกไป พร้อมสายลมโหมกระหน่ำ ค้อนนี้อัดแน่นด้วยพลังทำลายล้าง และไม่รู้ว่าค้อนนี้มีน้ำหนักกี่หมื่นจิน?
“สวบ!” เย่เฟิงเดินออกมาพร้อมแสงดาวบนร่างกายสว่างจ้า ก่อนจะหลบการโจมตีของชายร่างสูงใหญ่ในพริบตา จากนั้นรังสีหมัดที่แฝงด้วยพลังกายอันน่าสะพรึงกลัวและผสานด้วยอำนาจฟ้าดินถูกปล่อยออกไป
“ไปให้พ้น!” ชายร่างสูงใหญ่ะโดังลั่น หมัดของเย่เฟิงทำเขาใมาก ทั้งยังทำให้เขาไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย จึงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับช้าไป เขาถอยหลังได้ไม่กี่ก้าว รังสีหมัดของเย่เฟิงก็โจมตีเขา
“กร๊อบ!” เสียงกระดูกหักดังขึ้น ชายร่างสูงใหญ่ถูกหมัดของเย่เฟิงซัดกระเด็น กระดูกบริเวณข้อมือแตกร้าว เขาต้องกัดฟันทนความเ็ป
“เย่เฟิงผู้นี้แกร่งมาก ไม่นึกว่าจะใช้พลังกายบีบชายร่างสูงใหญ่มาถึงจุดนี้ได้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” ผู้คนกระซิบกระซาบ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนใดมีพลังกายแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ เย่เฟิงผู้นี้แปลกพิลึกมาก ไม่น่าจะปรากฏตัวบนโลกใบนี้ ไม่ว่าการโจมตี การป้องกัน ความรวดเร็ว หรือประสบการณ์การต่อสู้ก็ล้วนสั่นคลอนมิได้ กระทั่งจุดอ่อนก็ไม่เห็น เมื่อผู้อื่นแกร่ง เขาจะแกร่งยิ่งกว่า แล้วจะให้พวกเขาสู้ได้อย่างไร?
แม้กระทั่งมีบางคนเริ่มสงสัย ว่าระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 จริงหรือไม่? แต่หากอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 จริง ๆ นั่นจะเป็อะไรที่น่าหวาดกลัวมาก
“พลังของหมอนี่เกินความคาดหมายมาก งานประลองสำนักยุทธ์อีกสองเดือน เขาน่าจะคว้าอันดับดี ๆ ได้ หากบรรลุขั้นรวมชี่ก็อาจจะได้เข้ารายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียนใหม่” บนเวทีประลองใกล้ ๆ เซี่ยจวิ้นหลงหยุดการประลอง ซึ่งเขาเป็ผู้แข็งแกร่งเช่นกัน เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 1 ก็แทบหาคู่ต่อสู้ที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นหลังจากเอาชนะไปหลายคนก็ไม่มีใครกล้าท้าดวลกับเขา จึงเริ่มดูการประลองของเย่เฟิง
บนอัฒจันทร์หลัก สีหน้าของตู๋กูหลงเย็นเยียบ เย่เฟิงยิ่งแข็งแกร่ง เขาก็ยิ่งอยากฆ่ามากขึ้นเท่านั้น
แววตาของเซี่ยเชียนชิวสั่นระริก พลังของเย่เฟิงทำให้นางใเป็อย่างมาก เมื่อก่อนเย่เฟิงสามารถเอาชนะนางได้อย่างง่ายดาย บัดนี้เห็นทีเย่เฟิงไม่เพียงแต่ทะลวงขั้นพลัง แต่พลังยังเปลี่ยนไปมาก แม้จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 1 เย่เฟิงก็กำราบอีกฝ่ายได้ พลังเช่นนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาเพียงคนหนึ่งจะมีได้ แต่ไม่ว่านางจะเชื่อหรือไม่ ทุกอย่างก็ปรากฏอยู่ตรงหน้านางแล้ว
“เ้าอยากฆ่าข้าไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ลงมือเสียทีล่ะ?” เย่เฟิงกล่าวขณะมองชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นด้วยสายตาเย้ยหยัน ทำให้ชายร่างสูงใหญ่หน้าแดงก่ำ ภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งนั่นของเย่เฟิง เขาถอยหลังไปหลายก้าว ตัวสั่นสะท้าน แม้แต่คำพูดก็กล่าวออกไปไม่ได้
“เ้ายังอ่อนหัดเกินกว่าที่จะอยากฆ่าข้าได้!” เย่เฟิงยิ้มอย่างเ็า จากนั้นเขาก้าวออกมาพร้อมปลดปล่อยรังสีหมัด ก่อนจะปะทะกับชายร่างสูงใหญ่ เสียงกระดูกหักดังลั่น ชายร่างสูงใหญ่ส่งเสียงร้องอย่างเ็ป จากนั้นถอยหลังไปและมองเย่เฟิงด้วยสายตาหวาดกลัว เขามีพลังกายที่แกร่งกล้า แต่บัดนี้เขากลับถูกพลังกายของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายากำราบ กระทั่งไม่กล้ารับหมัดของอีกฝ่าย
“อีกรอบ!” เย่เฟิงะโเสียงดัง จากนั้นปล่อยรังสีหมัดสามครั้งติดต่อกันในเสี้ยวพริบตา ทำชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นหน้าถอดสีและรีบต่อต้าน แต่ถูกรังสีหมัดหนึ่งในนั้นโจมตี เขาต้องส่งเสียงโอดครวญพร้อมร่างสูงใหญ่กระเด็นไปกระแทกกับพื้นเวทีประลองอย่างแรง
“วูบ!” ขณะเดียวกันเย่เฟิงมาเยือนด้านหน้า พร้อมใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบศีรษะของชายร่างสูงใหญ่
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างใจเต้นระรัว ชายร่างสูงใหญ่ผู้มีคะแนนเป็อันดับที่ 2 ถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาใช้พลังกายกำราบ บัดนี้ถูกอีกฝ่ายเหยียบย่ำ จะมีอะไรน่าใไปกว่านี้อีกหรือไม่?
“ไว้ชีวิตข้าด้วย!” เสียงวิงวอนดังออกจากปากของชายร่างสูงใหญ่ ตอนนี้เขาถูกเย่เฟิงเหยียบย่ำ ความมั่นใจและเจตจำนงต่อสู้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น มีเพียงคำวิงวอนให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต
เย่เฟิงมองชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้น ตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีความโอหังอย่างก่อนหน้านี้แล้ว สีหน้ามีแต่ความหวาดกลัว
“ถือว่าเห็นแก่เ้า กว่าจะฝึกวรยุทธ์มาได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ฆ่าเ้า ไสหัวไปซะ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเตะร่างชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นอย่างแรง ก่อนอีกฝ่ายจะกระเด็นปลิวออกไปจากเวทีประลอง กระแทกกับพื้นพร้อมส่งเสียงโอดครวญ
“โหดร้ายมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างใ แม้เย่เฟิงผู้นี้จะไว้ชีวิตอีกฝ่าย แต่ก็เตะอีกฝ่ายออกจากเวทีประลองอย่างไร้ความปรานีใด ๆ
“เย่เฟิงผู้นี้จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว โชคดีที่ตอนนั้นข้าไม่ขึ้นเวทีประลองเพื่อไปยั่วยุเขา” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งคิดในใจขณะมองเย่เฟิง พลางคิดว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ถูกคะแนน 50,000 แต้มนั่นล่อลวง เย่เฟิงผู้นี้ไร้เทียมทาน ดูเหมือนมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 ขั้นไปจึงจะสู้กับเขาได้
“พรึ่บ!” จากนั้นผู้คนเห็นแสงจ้าเรืองรองรอบกายเย่เฟิง ก่อนจะกลายเป็ลำแสงโคจรบนร่างเย่เฟิง มันเจิดจรัสเป็อย่างมาก ภายใต้การโคจรของลำแสงพวกนี้ แสงคะแนนที่ด้านหลังของเย่เฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มันเปลี่ยนไปจนสว่างขึ้นกว่าเดิม แสงสีทองเข้มปรากฏจาง ๆ แสงนั่นกระทั่งทัดเทียมกับซื่อหุนที่มีคะแนนมากที่สุด
“50,000 แต้ม คะแนนของเย่เฟิงทะลุ 50,000 แต้มแล้ว!” ผู้คนกล่าวด้วยความตื่นเต้น ราวกับถูกแสงที่เรืองรองบนร่างเย่เฟิงแผ่ปกคลุม ทำให้ผู้คนไม่น้อยตาเป็ประกาย ก่อนหน้านี้เย่เฟิงมี 28,000 แต้ม แต่หลังจากเอาชนะชายร่างสูงใหญ่ คะแนน 30,000 ของอีกฝ่ายก็ตกเป็ของเย่เฟิง ตอนนี้คะแนนของเย่เฟิงจึงเกือบถึง 60,000 แต้มแล้ว สูงกว่า 50,000 แต้มที่ตู๋กูหลงเสนอไว้ในตอนแรก ถ้าเช่นนั้นแล้วตระกูลตู๋กูก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเย่เฟิง แม้วันนี้เย่เฟิงจะทำเื่มากมายที่ตระกูลตู๋กูทนไม่ได้ พวกเขาก็ต้องรักษาสัญญาและไม่ทำให้เย่เฟิงลำบากอีก
ด้วยเหตุนี้สีหน้าของตู๋กูหลงจึงบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด จากนั้นเห็นเย่เฟิงมองมาที่เขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“คะแนน 50,000 แต้มมากพอไหม?” เย่เฟิงกล่าวกับตู๋กูหลง ตระกูลตู๋กูส่งผู้ฝึกยุทธ์ออกโรง ทั้งยังใช้คะแนน 50,000 แต้มดึงดูดเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ให้ลงมือฆ่าเย่เฟิง ทว่าก็มิอาจหยุดยั้งเย่เฟิงได้ พอนึกย้อนดูก็ช่างน่าขันยิ่งนัก
ผู้คนต่างใจสั่นระรัว เย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายา ถูกเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ล้อมกรอบในสถานที่อันตรายอย่างเวทีประลองทดสอบ แต่ยังคว้าคะแนน 50,000 แต้มมาได้ หากไม่เห็นกับตาตัวเองก็ยากที่จะเชื่อว่าเป็ฝีมือของเขา นี่เป็เื่มหัศจรรย์ที่ไม่อาจเกิดขึ้นซ้ำได้
ตู๋กูหลงขมวดคิ้ว และกล่าวขึ้น “ในเมื่อเก็บคะแนนถึง 50,000 แต้ม เช่นนั้นตระกูลตู๋กูข้าก็จะรักษาสัญญา ว่าจะไม่ทำให้เ้าลำบาก ไปซะเถอะ!”
ตู๋กูหลงโบกสะบัดมือด้วยท่าทีเกรงขามราวกับเป็ราชันจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น
“ตู๋กูหลงสมกับเป็อัจฉริยะแห่งกองกำลังทรงอิทธิพล พูดคำไหนคำนั้น ปล่อยวางสิ่งที่เย่เฟิงกระทำ เย่เฟิงสามารถไปได้อย่างสบายใจแล้ว” มีคนหนึ่งกล่าว ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของตู๋กูหลง เย่เฟิงชายผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์สามารถไปได้แล้ว
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?” ในขณะที่ผู้คนคิดว่าเย่เฟิงจะใช้โอกาสนี้ออกไป กลับได้ยินเสียงดังออกจากปากของเย่เฟิง ทำให้ทุกคนต่างนิ่งงัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้