ควับควับ ควับ!
เสียงตวัดพู่กันลงบนกระดาษของฉินเฟิงฟังดูเหมือนทำนองเพลงอันไพเราะสิบนาทีผ่านไป หลังจากที่วาดภาพด้วยมือขวาเสร็จแล้ว เขาเปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่และเริ่มวาดอีกครั้ง
ใบหน้าที่หล่อเหลาดูมุ่งมั่นบรรยากาศรอบตัวที่ดูมั่นใจและสง่างามทำให้เขาดูเหมือนกับถังป๋อหู่หนึ่งในสี่ผู้มีพร์ทางภาคใต้แห่งราชวงศ์ิ
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว!”
ฉินเฟิงหยุดวาดและโยนพู่กันในมือไปด้านข้างเขามองไปรอบๆ และพบว่าทุกคนยังอยู่ในอาการใ
“นายน้อยหัว วาดเสร็จหรือยัง?” ฉินเฟิงไม่สนใจคนพวกนั้นเขากำลังแข่งกับหัวิอยู่เขาเดินมาด้านข้างและเห็นว่ามันก็วาดเสร็จแล้วเหมือนกันคนที่หัวิวาดเป็คนเดียวกันกับที่เขาวาด จ้าวหลิงเซียน
แค่ว่าหัวิจดจ่อกับหน้าตาของจ้าวหลิงเซียนมากเกินไปและไม่เข้าใจส่วนลึกของเธอ
แม้ว่าเธอจะดูสวยปานเทพธิดาแต่มีสีหน้าที่ทำให้คนมองรู้สึกเย็นวาบยามได้เห็น เหมือนกับจ้าวหลิงเซียนตามปกติสวย แต่เข้าหาได้ยาก
ศิลปะจีนจะอธิบายลักษณะโดยการวาดมือและเป็งานที่มุ่งเน้นไปที่ศิลปะเชิงแิ รวมถึงการเตรียมแิ
จากมุมมองของฉินเฟิงหัวิยังไม่ดีพอ
ทันใดนั้นเองเสียงเจริญหูก็ดังออกจากประตูข้างนอก “นักเรียน ขอโทษที่มาสายเริ่มเรียนกันได้เลย!” เหล่านักเรียนหันไปและเห็นหยุนเซียวที่เดินเข้ามา
เมื่อเธอเข้ามาในห้องเรียนเธอก็ต้องมึนงง ทั้งห้องรวมตัวกันเป็วงกลมใหญ่และแสดงสีหน้าเหมือนกันราวกับว่ามีใครแช่แข็งพวกเขาทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
“นักเรียน เราจะเริ่มกันแล้วนะ” หยุนเซียวเรียกดังขึ้นอีกเล็กน้อย
ครั้งนี้มีนักเรียนไม่กี่คนที่รู้สึกถึงเธอและพวกเขาก็พาเธอนำมาตรงฉินเฟิงและหัวิอย่างตื่นเต้น
“คุณครูหยุนเซียว ช่วยตัดสินให้เราด้วย สี่ภาพวาดนี้อันไหนดีกว่ากัน?”
หยุนเซียวยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเหล่านักเรียนก็อยากให้เธอตัดสินภาพวาดโดยไม่รู้ว่าใครเป็คนวาดภาพไหน
เธออยู่ใกล้ภาพของหัวิมากกว่าดังนั้นเธอจึงเริ่มมองไปที่ภาพนี้ก่อนเป็ที่ชัดเจนว่าหัวข้อของภาพคือหญิงสาวที่สวยที่สุดในคณะศิลปะ จ้าวหลิงเซียน
หลังจากดูดีๆแล้ว หยุนเซียวพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “มีฝีมือการวาดที่ลึกซึ้งดูมีประสบการณ์ในการวาดภาพมาก หัวข้อคือการวาดรูปเหมือนคนจริงและแค่เห็นก็บอกได้เลยว่าใคร”
หยุนเซียวกล่าวได้ว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญในศิลปะจีนและการที่เธอพูดแบบนี้เป็หลักฐานว่าคนวาดมีฝีมือค่อนข้างโดดเด่นแต่เธอก็ยังกล่าวต่อ “แต่...ภาพนี้ดูไม่มีชีวิตชีวา ครูเองก็อธิบายไม่ถูกนักหรอก”
หยุนเซียวมองไปหาจ้าวหลิงเซียนและถามด้วยรอยยิ้ม“นักเรียนหลิงเซียน เธอคิดว่าไงเหรอ?”
หัวข้อของภาพวาดคือจ้าวหลิงเซียนดังนั้นความคิดของเธอเองก็สำคัญด้วยเช่นกัน จ้าวหลิงเซียนพยักหน้าและพูด “อืมภาพนี้มันก็เหมือนหนูดี คุณครูหยุนเซียวคะ ครูดูภาพอื่นด้วยนะคะ”
จ้าวหลิงเซียนไม่ได้ชอบหัวิแม้ว่าเขาจะวาดรูปเก่ง แต่เธอก็ดูอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
ในทางกลับกันเธออยากรู้มากกว่าว่าฉินเฟิงวาดภาพเธอหรือไม่
เพราะฉินเฟิงปิดรูปหลังจากที่วาดเสร็จแต่ละรูปจึงไม่มีใครรู้ว่าเขาวาดอะไร
หยุนเซียวพยักหน้าแสดงว่าเธอเห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวหลิงเซียนเธอเดินไปที่อีกภาพหนึ่งขณะที่เปิดผ้าขึ้นเบาๆ
ร่างที่ประณีตของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่ั์ตาของเธอสว่างขึ้น
นี่ก็เป็ภาพของจ้าวหลิงเซียนทว่าเทียบกับภาพก่อนของเธอที่ดูเ็า ภาพนี้ทำให้เธอดูสดใสและมีชีวิตชีวา
จ้าวหลิงเซียนในภาพวาดกำลังใส่ชุดเดรสสีเหลืองอ่อนขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้เธอหลับตาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นท้องฟ้า ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้า
เธอดูแตกต่างจากจ้าวหลิงเซียนที่เย่อหยิ่งในชีวิตจริงโดยสิ้นเชิงแต่ก็ยังดูน่ารักและเหมือนจริงมาก
เธอมีบรรยากาศอบอุ่นและเป็มิตรอยู่รอบตัวและผู้ชายทั้งหมดก็้าจะพาจ้าวหลิงเซียนนั่นออกมาในโลกความเป็จริงและแอบเก็บเธอไว้เป็ของเขา
ใบหน้าของจ้าวหลิงเซียนสั่นเมื่อเธอมองภาพนี้ดวงตาของเธอชื้นและต่อสู้กับน้ำตาเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา
สาวสวยร่าเริงในภาพได้แทงเข้าไปในหัวใจของเธอเป็เด็กสาวที่มีความสุขเมื่อเล่นกับฉินเฟิงในสมัยเด็ก ตัวตนจริงๆที่เธอฝังลึกอยู่ภายใน
เธอหยิ่งและเ็าเพราะขาดความอบอุ่นและกลัวว่าจะเ็ปดังนั้นเธอจึงใส่หน้ากากน้ำแข็งนี้ไว้...
หยุนเซียวยืนอยู่ต่อหน้าภาพวาดโดยไม่พูดอะไรออกมาจู่ๆ เธอก็เดินไปข้างๆ ภาพวาดขณะที่พูดอย่างอ่อนโยน“ครูคิดไม่ออกเลยว่าจะสรรหาคำอะไรมาชมภาพนี้ดี ครูขอดูอีกภาพก่อนแล้วกัน”
หลังจากที่หยิบผ้าที่ปิดออกร่างกายของเธอก็สั่นอีกครั้ง
หัวข้อภาพวาดนี้เป็อีกคนที่ทุกคนคุ้นตานั่นคือหนึ่งในสาวสวยอีกคนของคณะศิลปะ หลินเป้ยเป้ย
หลินเป้ยเป้ยอยู่ในเมืองที่วุ่นวายมีผู้คนมากมายรอบตัวเธอ อย่างไรก็ตามเธอนั่งกอดเข่าอยู่ในซอกหลืบโดยเท้าคางไว้บนเข่ามีเศษเสี้ยวความเหงาอยู่ในดวงตาของเธอ เหมือนกับว่าเธอเป็เด็กที่ถูกลืมจากโลก
ทว่าได้มีมือคู่ใหญ่ดูแข็งแรงอยู่บนบ่าของเธอมันดูมีความแข็งแกร่งที่ไร้สิ้นสุดทำให้ภาพที่ควรจะดูเหมือนฉากเศร้าใจกลายเป็อบอุ่นและสบายใจ
ทุกคนที่มองไปที่หลินเป้ยเป้ยในภาพวาดรู้สึกว่าเธอไม่ได้เหงาเพราะมีคนคอยปกป้องและอยู่เคียงข้างเธอ
ส่วนสำหรับมือใครนั้นมีแค่หลินเป้ยเปยเท่านั้นที่รู้
เธอมั่นใจว่ามือนั้นเป็ของฉินเฟิงฉินเฟิงช่วยเธอมามากจนเธอเริ่มพึ่งพาเขา ทุกครั้งที่เธอยืนอยู่ข้างๆ ฉินเฟิงเธอจะรู้สึกปลอดภัย
หลินเป้ยเป้ยที่ประสบกับความยากลำบากั้แ่เด็กรู้สึกว่าความอดทนข้างในแตกเป็เสี่ยงๆ เธอรู้สึกถึงมือคู่ใหญ่ที่คอยปกป้องเธอ
เธอหันหลังขณะที่น้ำตาไหลลงบนหน้า
อีกครั้งที่หยุนเซียวไม่ได้พูดอะไรขณะรีบมาที่ภาพที่3และดึงผ้าออก
เธอรู้สึกเหมือนกับหัวโดนตีด้วยอะไรบางอย่างที่หนักในทันทีทำให้เธอมึนงงและในหัวของเธอขาวโพลน
ร่างของหยุนเซียวเซไปมาและอาจจะล้มลงกับพื้นหากฉินเฟิงไม่ได้ประคองเธอไว้
หัวข้อของภาพนี้คือหยุนเซียว
ในภาพวาดเธอกำลังยืนอยู่ในสวนสนุกมีคู่รักอยู่ทุกที่ สร้างฉากโรแมนติกหวานแหววขึ้นมา
ทว่าหยุนเซียวยืนอยู่ตัวคนเดียวเธอมองไปที่ฉากสดใสด้วยความว่างเปล่าในดวงตาของเธอ จากอายุเธอแล้วเธอปรารถนาจะหาคนรัก แต่งงานและสร้างรากฐานมากกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉินเฟิง
ใครที่มองดูใกล้ๆก็จะพบว่าในมุมหนึ่งของสวนสนุก มีเงายืนอยู่ รูปร่างของเขาไม่ชัดนักแต่ชายคนนั้นกำลังยืนมองหยุนเซียวอย่างเงียบๆ
เงานี้ไม่ได้หนีจากสายตาของหยุนเซียวเมื่อเธอมองดูมัน เธอรู้สึกว่ามันดูคุ้นเคยอย่างมากความคล้ายคลึงกันของเงาและฉินเฟิงก็ค่อยๆ ผสมเข้าด้วยกัน ทำให้เธอกระจ่าง
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคืนที่ฉินเฟิงมาตัวคนเดียวเพื่อช่วยเธอนับเป็ครั้งแรกที่มีคนเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอมากขนาดนี้
แต่ฉากนั้นก็แทนที่ด้วยฉากนองเือย่างรวดเร็วชายชุดดำคนที่โดนผ่าครึ่ง ตามด้วยเืที่ท่วมหม่าเต๋อหู่ก็โผล่ขึ้นในหัวของเธอการกระทำของฉินเฟิงในคืนนั้นทำให้หยุนเซียวใแบบสุดๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉินเฟิงฆ่าคนพวกนั้นเพื่อเธอครูที่ชอบธรรมอย่างหยุนเซียวอาจจะรายงานเขาให้กับตำรวจไปแล้ว
“ครูหยุนเซียว ครูดูเสร็จหรือยัง? คุณตัดสินใจแล้วหรือยัง?”ฉินเฟิงประคองหยุนเซียวให้ยืนตัวตรงขณะที่ถามด้วยรอยยิ้ม
หยุนเซียวรีบสะบัดความทรงจำน่ากลัวพวกนั้นทิ้งไปหลังจากทำอารมณ์ให้มั่นคง เธอก็ค่อยๆ พูดออกมา “ถ้าฉันเดาไม่ผิดภาพทั้งสามนี้วาดโดยคนคนเดียวกัน พร์ในด้านศิลปะของคนคนนี้น่ามหัศจรรย์อย่างมากและฝีมือของเขาก็ลึกซึ้งเหลือคณานับเขาอยู่ในระดับที่แม้แต่ครูเองก็ไม่อาจให้ความคิดเห็นได้”
หลังจากหายใจออกหยุนเซียวก็พูดต่อ “ส่วนอีกภาพหนึ่งมันก็ค่อนข้างดี แต่เทียบกับสามภาพนี้แล้วมันยังขาดชีวิตชีวาไปหน่อย เอาง่ายๆ จิตรกรทั้งสองคนนี้ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันคนที่วาดสามภาพนี้ชนะอีกคนโดยสมบูรณ์”
มตินี้ชัดเจนอย่างมากแม้แต่คนบ้าก็คงจะเข้าใจ
ฝีมือทางด้านศิลปะของฉินเฟิงเหนือกว่าของหัวิไปไกลโข
แม้ผู้คนจะเดาได้ว่าฉินเฟิงอาจจะชนะหลังจากเห็นวิธีที่เขาวาดภาพและภาพวาดเสมือนจริงแถมพอได้ยินหยุนเซียวพูดคำพูดเ่าั้ มันก็ส่งคลื่นปะทะหัวใจของทุกคน
ระยะหลังมานี้นายน้อยฉินดูเหมือนจะเป็คนละคน ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนเทพไปแล้ว!
ใบหน้าหัวิหดหู่และไร้อารมณ์อย่างมากขณะที่ยืนอยู่ในมุมเขากัดฟันและจ้องผู้คนที่กำลังชมเชยฉินเฟิง
เขาไม่เชื่อว่าเขาจะแพ้ฉินเฟิงในด้านศิลปะนี่เป็ะเิลูกใหญ่สำหรับเขา ทำให้เขารู้สึกโดนหยาม
“ในเมื่อการตัดสินจบแล้ว ผมจะให้ภาพเหล่านี้แก่พวกเธอและครูก็แล้วกันหวังว่าพวกเธอและครูจะชอบนะ”
ฉินเฟิงยิ้มและให้ภาพวาดกับจ้าวหลิงเซียนหลินเป้ยเป้ย และหยุนเซียวตามลำดับ ผู้หญิงทั้งสามรับกระดาษขณะที่ดูภาพวาดที่แสดงตัวตนของตัวเองพวกเธอม้วนภาพวาดอย่างเบามือ แต่ละคนคิดจะเก็บรักษาภาพวาดนี้และดูแลมันอย่างดี
แล้วหยุนเซียวก็ไปที่หน้าห้องหลังจากสงบใจตัวเองลง เธอก็เริ่มสอน
ในระหว่างเรียนฉินเฟิงไม่ได้ก่อปัญหาใดๆ เขาออกกำลังอย่างหนักทั้งเช้าและตอนนี้ก็งีบหลับอยู่บนโต๊ะทำให้หยุนเซียวรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยการสอนเป็ไปอย่างราบรื่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
หลังเลิกเรียนหยุนเซียวเก็บของและออกไป แต่นักเรียนทั้งหมดยังนั่งเงียบอยู่ในที่นั่งของตัวเองไม่มีใครลุกออกจากห้องเรียนอย่างปกติ
นี่เพราะว่าผลแพ้ชนะได้ถูกตัดสินระหว่างฉินเฟิงกับหัวิแล้วรางวัลและบทลงโทษยังไม่ได้ออกมา
ไม่ว่าจะเป็การตบหน้าหัวิหรือฉินเฟิงจูบจ้าวหลิงเซียน ล้วนเป็ฉากที่คุ้มค่าแก่การรอคอยทั้งนั้น!