รวมตัวกันหนึ่งวัน ผู้าุโของสถานศึกษาชางหวงก็นำกลุ่มคนห้าร้อยคนออกเดินทางอย่างเกรียงไกร พวกเขาไม่ได้ขี่วิหคั์เพียงตัวเดียว เมื่อขึ้นสู่กลางอากาศก็ปิดฟ้าบังตะวันดุจกองทัพ์ ทรงอานุภาพเหนือธรรมดา
สามวันต่อมา ทุกคนก็มาถึงรอบนอกของูเาต้าฮวง
คนห้าร้อยคนและผู้าุโนำกลุ่มะโลงจากวิหคั์ ผู้าุโเดินมาถึงเบื้องหน้า มองทุกคนและเอ่ยอย่างเคร่งเครียด “ไม่จำเป็ต้องกำชับมาก จำไว้สองข้อ ข้อแรก ห้ามล่วงลึกเข้าใจกลางูเาต้าฮวง ข้อสอง ห้ามฆ่าหรือทำร้ายศิษย์สำนักเดียวกันด้วยเหตุผลบางอย่าง เอาล่ะ ไปได้แล้ว!”
หลังจากผู้าุโออกคำสั่ง คนห้าร้อยคนก็กระจายกันออกไปรอบด้านในพริบตา
เซียวเฉินยังเดินอยู่กับมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ นี่คือการมาสถานที่แบบนี้เป็ครั้งที่สาม ไม่นับว่าเชี่ยวชาญ แต่จะมากจะน้อยก็มีประสบการณ์อยู่บ้าง
เขามองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้วเอ่ย “เชี่ยนเอ๋อร์ พวกเราแยกกันเถอะ”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อึ้งงัน
“เ้าจะไปเองหรือ?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ถาม เซียวเฉินผงกศีรษะ
“ข้าคิดจะไปเอง แบบนี้เป็วิธีเติบโตที่รวดเร็วที่สุดแล้ว หากมีสหายร่วมทาง แม้จะลดอันตรายลงได้หนึ่งส่วน แต่กลับกลายเป็อุปสรรคขัดขวางการเติบโต ข้าหวังว่า เมื่อเ้าได้เห็นข้าอีกครั้ง เ้าจะรู้สึกได้ถึงการเติบโตของข้า” เซียวเฉินยิ้มกล่าว ดวงตาทอแววกระหายอยาก มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้าโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
“ระหว่างทางระวังตัวด้วย”
“เ้าก็เช่นกัน”
คนทั้งสองแยกกันตรงที่เดิม ต่างคนต่างไป
หลังเซียวเฉินจากไปก็ไม่ได้ทำอะไร กิจกรรมล่าสัตว์ครั้งนี้กินเวลารวมทั้งสิ้นสามเดือน ดังนั้น เซียวเฉินจึงไม่กังวลเื่เวลาเลย เขาสำรวจดูภูมิประเทศของที่นี่เป็เวลาสามวันติดต่อกันจนรู้จักที่นี่อย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นจึงเริ่มเคลื่อนไหว
คนห้าร้อยคนอยู่รอบนอกูเาต้าฮวง แม้สถานที่แห่งนี้จะกว้างใหญ่ แต่ก็มักจะมีเวลาที่ได้เจอกัน เซียวเฉินเตร็ดเตร่ไปทั่วทุกแห่งตลอดทาง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าซือถูอู่และเยี่ยเฉินจะเป็ผู้เข้มแข็งบนผังชางหวง แต่ก็สร้างกลุ่มซึ่งมีจำนวนคนมากถึงสี่สิบคนขึ้นมาเช่นกัน ดวงตาของซือถูอู่มีประกายเย็นเยียบ
“หากจับเซียวเฉินได้ ข้าจะตกรางวัลเป็หญ้าิญญาครรภ์ สมุนไพริญญาขั้นสองจำนวนสามต้น และยาหยกดำอีกหนึ่งเม็ด!”
ซือถูอู่ออกคำสั่ง ดวงตาของทุกคนต่างทอแววกระเหี้ยนกระหือรือ จากนั้นแยกย้ายกันไปค้นหาร่องรอยของเซียวเฉิน
“หากเซียวเฉินยังอยู่กับมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์จะทำอย่างไร?” เยี่ยเฉินถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ซือถูอู่หัวร่อหยัน
“ข้าไม่เคยกระทำเื่ที่ไม่มีความมั่นใจ ข้าสืบมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเซียวเฉินและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เข้าสูู่เาต้าฮวงก็แยกกัน คราวนี้ ข้าจะทำให้เขารู้ว่า มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างกายของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ได้ คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์ ฮึ”
ซือถูอู่ไม่ใช่คนไร้สมอง ก่อนหน้านี้ผู้าุโเคยบอกไว้ว่า ห้ามทำร้ายศิษย์สำนักเดียวกัน เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะลงมือต่อหน้าทุกคน ต้องหาสถานที่ไร้ผู้คนเพื่อกระทำการโดยภูติเทพไม่รู้ไม่เห็น ต่อให้คนนอกรู้ว่าพวกเขาเป็คนทำก็ไม่มีหลักฐาน
นี่เรียกว่าคนตายแล้วไม่มีทางตรวจสอบความจริงได้
“เซียวเฉิน เป็ศัตรูกับข้า ไม่มีจุดจบที่ดีหรอก”
เยี่ยเฉินยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้นโดยไม่เอ่ยวาจา มุมปากโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มเช่นกัน ระหว่างเซียวเฉินกับซือถูอู่ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน น่าสนุก...
ฟุ่บฟุ่บ!
เซียวเฉินทะลวงผ่านป่าอย่างต่อเนื่องด้วยฝีเท้าราวกับเหินบิน นับจากนี้จะเป็การเริ่มต้นฝึกประสบการณ์ของเขา เซียวเฉินไม่คิดจะแสวงหาแต่สมบัติล้ำค่าเหมือนคนบางคน เขาเพียงทำเพื่อแสวงหาความสามารถที่สูงขึ้น
เซียวเฉินถือเอาสัตว์ปิศาจเป็เป้าหมายในการฝึกฝน ในเวลาสั้นๆ ห้าวัน สัตว์ปิศาจที่ตายด้วยน้ำมือของเซียวเฉินก็มีจำนวนไม่น้อยกว่านิ้วมือทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่ล้วนเป็สัตว์ปิศาจระดับห้า
ใช้สัตว์ปิศาจลับคม ใช้ผลึกสัตว์ฝึกวิชา
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ความสามารถของเซียวเฉินทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาแปดวัน เขาเลื่อนจากขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าระดับกลางเข้าสู่ขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าระดับสูงสุด
เซียวเฉินยกเท้าก้าวเดิน แต่ด้านหลังกลับมีสายตาดุร้ายคู่หนึ่งจับจ้องตนเองอยู่
นั่นเป็ดวงตาที่มีประกายแสงมัวหม่น
เปี่ยมการเข่นฆ่าและกระหายเื
ฟุ่บ!
เงาดำสายหนึ่งพุ่งมาทางเซียวเฉินราวกับลูกธนูหลุดจากแล่ง กรงเล็บคมกริบสามารถทลายหินผา นั่นเป็เสือดาวดุร้ายตัวหนึ่ง เซียวเฉินรู้สึกได้ว่ามีเสียงแหวกอากาศทางด้านหลัง จึงเปลี่ยนฝีเท้าเป็หลบหลีก สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุคือเสือดาวตัวเขื่อง สีดำปลอดตลอดตัวส่งแสงมัวหม่น ดวงตาทั้งคู่สีแดงโลหิต สำแดงไอสังหารและความกระหายเืของมัน
เสือดาวฟ้าแลบ รวดเร็วดุจสายฟ้า ดุร้ายอำมหิต เป็สัตว์ปิศาจระดับหก
มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นเป็รอยยิ้มขบขัน
แฝงด้วยความชั่วร้ายหลายส่วน
“กำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี เ้าก็ส่งตัวเองมาให้ข้าถึงที่ จะตำหนิข้าไม่ได้นะ” ระหว่างที่เอ่ยวาจา มือทั้งสองข้างของเซียวเฉินก็เปล่งแสงเสวียน พริบตาก็เร่งเร้าแรงัเถื่อนยุคกำเนิดโลก ะเิพลังแล้วดำดิ่งเข้าหา
เขาจะใช้กายเนื้อต้านทานสัตว์ปิศาจระดับหก!
ตูม!
เซียวเฉินต่อยหมัดหนึ่ง เสือดาวฟ้าแลบหลบวูบในพริบตา หมัดของเซียวเฉินต่อยต้นไม้ใหญ่โค่น
วิ้งวิ้ง!
เซียวเฉินพลิกมือ โจมตีด้วยประทับเทพหงสา ปะทะด้วยกำลังกับเสือดาวฟ้าแลบ เซียวเฉินฉวยโอกาสนี้ก้าวมาถึงด้านหลังของเสือดาวฟ้าแลบ เขาคว้าหางของมันแล้วโยนขึ้นอย่างแรง
ตูม!
ปึง!
เซียวเฉินฟาดเสือดาวฟ้าแลบกับพื้นแข็งๆ อย่างหนักหน่วง พื้นดินสั่นะเืทันใด เศษหินปลิวว่อน
โฮก...โฮก...
เสือดาวฟ้าแลบร้องอย่างเ็ป พ่นโลหิตออกจากปาก
เซียวเฉินกลับไม่ได้หยุดมือ กายเนื้อของสัตว์ปิศาจแข็งแกร่งมาก ทนต่อการทุบตีอย่างยิ่ง ดังนั้น เซียวเฉินจึงออกแรงหมุนอย่างเต็มกำลัง บัดนี้ หมัดของเขามีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดสี่พันชั่งแล้ว แค่คิดดูก็รู้ถึงอานุภาพ
ปึง!
ปึง!
ปึง!
คว้าเสือดาวฟ้าแลบไว้แล้วทุบตีส่งเดชยกหนึ่ง
เสือดาวฟ้าแลบเปลี่ยนจากร้องคำรามในตอนแรกเป็ร้องโหยหวน สภาพการณ์เช่นนี้ไม่มีทางให้ตอบโต้ได้เลย ได้แต่ถูกทุบตี ความเร็วในการเหวี่ยงทุบอย่างต่อเนื่องทำให้เสียงคำรามโหยหวนของเสือดาวฟ้าแลบดังๆ หยุดๆ เืเนื้อสาดกระเซ็น อนาถจนทนดูไม่ได้
จนกระทั่งพื้นดินเละเทะ ปรากฏหลุมใหญ่หลายแห่ง เสือดาวฟ้าแลบไม่ส่งเสียงอีก เซียวเฉินจึงหยุดมือ
เสือดาวฟ้าแลบตายจนไม่อาจตายได้อีก
กระดูกทั้งหมดแตกเป็เสี่ยงๆ ราวกับดินโคลนกองบนพื้น มีคาวโลหิตเป็แถบ เซียวเฉินยิ้ม
“อดทุบตีไม่ได้จริงๆ”
ดูเหมือนจะยังไม่สมใจอยาก
เซียวเฉินเพิ่งจะหันกายจากไป ด้านหลังกลับปรากฏเสียงแหวกลมหลายสาย
“เซียวเฉิน เ้าทำให้พวกเราตามหาตั้งนาน”
จากนั้น เงาของคนทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นทีละสาย ไม่มีใครเคยเห็นเซียวเฉินสักคน แต่พวกเขามั่นใจว่าใช่ หลายคนตรงเบื้องหน้าล้วนเป็ศิษย์สถานศึกษาชางหวง
“เซียวเฉิน ตามพวกเราไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเ้าจะถูกจัดการ”
เซียวเฉินมองพวกเขาแล้วเอ่ยด้วยเสียงหนักใจ “พวกเ้าจะทำอะไร? หรือว่าพวกเ้าลืมคำพูดของผู้าุโแล้ว? ห้ามศิษย์ในสถานศึกษาทำร้ายกันเอง”
คนหนึ่งมองเซียวเฉินแล้วหัวร่อหยัน “ผู้าุโกล่าวเช่นนั้น แต่พวกเราไม่จำเป็ต้องเชื่อฟัง อีกอย่าง นอกจากพวกเราก็ไม่มีคนอื่น ใครจะเห็น? ใครจะได้ยิน?”
เซียวเฉินยิ้ม
ที่เขารอคือคำพูดประโยคนี้แหละ
“เ้าพูดได้ถูกต้อง ที่นี่ไม่มีคนอื่น ต่อให้ฆ่าพวกเ้าก็ไม่มีใครรู้ ถึงตอนนั้นก็สามารถผลักความรับผิดชอบไปให้สัตว์ปิศาจได้ บอกว่าพวกเ้าถูกสัตว์ปิศาจฆ่า ส่วนซากศพถูกกิน ตายแล้วไม่มีทางตรวจสอบความจริงได้ พวกเ้าว่าถูกต้องหรือไม่?”
เซียวเฉินยิ่งยิ้มแย้มยิ่งเย็นเยียบ อากาศแจ่มใสชัดๆ แต่กลับทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนตกสู่หล่มน้ำแข็ง หนาวเหน็บจนอดสั่นสะท้านไม่ได้
“เซียวเฉิน อย่าคุยโวโดยไม่ละอาย” คนหนึ่งในบรรดานั้นมองเซียวเฉินด้วยสายตาเ็า คนผู้นี้อยู่บนผังชางหวง ยิ่งกว่านั้นยังอยู่ยี่สิบอันดับแรก คนอื่นๆ ต่างก็มีอันดับอยู่บนผังชางหวงเช่นกัน ความสามารถแข็งแกร่งทุกคน
“ในเมื่อพูดโน้มน้าวดีๆ แล้วไม่ฟัง เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าพวกเราลงมือด้วยความอำมหิต จัดการ! ลูกพี่บอกว่า้าตัวเป็ๆ อย่างอื่นไม่สนใจ พวกเราหักแขนหักขาของเขาเสีย ดูสิว่าเขาจะเหิมเกริมได้อย่างไร”
เซียวเฉินมีสีหน้าเรียบเฉย พูดออกมาสามคำอย่างช้าๆ
“รับความตาย!”
เคร้ง!
ในมือพลันมีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา คมกระบี่แฝงปราณอันแหลมคมข่มขวัญผู้คน จากนั้น เซียวเฉินไม่รอให้พวกเขาลงมือก็ทะยานเข้าหาทันที
คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่น!
ฉับ!
หึ!
ประกายกระบี่วูบวาบจับตา รอจนประกายกระบี่หายลับก็มีสมาชิกล้มอยู่บนพื้นแล้ว กะโหลกถูกแทงทะลุ ปาดคอหอยในกระบี่เดียว โลหิตสดและสมองไหลนองพื้น เซียวเฉินในยามนี้ประหนึ่งอสูรร้าย มองคนหลายคนที่ละเว้นชีวิตไว้ดุจสุนัขป่าจับจ้องเหยื่อ ดวงตาเย็นเยียบคู่นั้นแผ่จิตสังหาร...