ซย่านีจ้องตาซ่งหานเจียงเขม็ง เธอพยายามมองเข้าไปในดวงตาของเขา ในใจเธอคิดว่านี่เขาคงไม่ได้กำลังแก้แค้นเธออยู่ใช่ไหม...มีอย่างที่ไหนบวกลบเลขยังไม่ทันคล่องก็จะเริ่มเรียนการคูณแล้ว?
“การคูณก็คือการหาผลรวมของการบวกเลขตัวเดียวกันหลายๆ ตัว อย่างเช่น สองบวกกันสามตัวเราก็จะเขียนเป็สองคูณสาม...ซย่านี อย่าวอกแวก ตั้งใจฟังหน่อย”
ซ่งหานเจียงหันหน้ามามองซย่านี เขาเริ่มขมวดคิ้วเบาๆ แสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
ซย่านีพลันปรับท่านั่งตัวเองโดยไม่รู้ตัว “โอ้ๆๆ ฉันฟังอยู่นี่ไง!”
ซ่งหานเจียงกล่าว “ถ้าอย่างนั้นคุณลองทวนอีกรอบสิว่าผมเพิ่งพูดอะไรไป?”
ซย่านีพูดไม่ออก “…” เขากำลังแก้แค้นเธออยู่จริงๆ
ด้วยเกรงว่าซ่งหานเจียงจะแสดงท่าทีเข้มงวดอะไรออกมาอีก ซย่านีจึงรีบตอบว่า “เมื่อครู่นี้ ฉันยังฟังไม่เข้าใจเลย คุณลองพูดอีกรอบทีสิ”
ปลายปากกาของซ่งหานเจียงหยุดชะงักไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขากำลังเตรียมจะสั่งสอนซย่านีสักสองสามประโยคแต่พอจะอ้าปากพูด เขาก็กลืนคำพูดนั้นลงท้องไปแล้วก็เริ่มอธิบายเนื้อหาใหม่อีกรอบอย่างอดทน คราวนี้ซย่านีไม่ได้วอกแวกอีกเลย เธอตั้งใจฟังซ่งหานเจียงอธิบาย คราวนี้แค่รอบเดียวเธอก็เข้าใจแล้ว
“เอาล่ะ งั้นต่อไปผมจะเขียนสูตรคูณให้คุณนะ หลังจากที่คุณท่องจำสูตรคูณได้แล้วผมค่อยสอนวิธีนำเลขหนึ่งมาคูณสองหลัก แล้วก็ต่อด้วยวิธีคูณเลขสองหลักด้วยเลขสองหลักกับคุณ”
ซ่งหานเจียงหยิบสมุดการบ้านขึ้นมา แล้วยกปากกาเขียนตารางสูตรคูณลงไปอย่างรวดเร็ว
ซย่านีกล่าวขึ้นทันควัน “เดี๋ยวก่อนๆๆ ความหมายของคุณคือคืนนี้คุณจะสอนการคูณทั้งสองแบบนี้ให้ฉันจนหมดเลยหรือ?”
“ใช่” ซ่งหานเจียงเขียนไปพลางกล่าวกับซย่านี “วางใจเถอะ มันง่ายมาก กฎการคูณก็คล้ายกันกับกฎของการบวกนั่นแหละ วิธีการคำนวณก็มีสูตรการทำคล้ายๆ กัน”
ในขณะที่พูดอยู่ ซ่งหานเจียงก็เขียนตารางสูตรคูณเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็สาธิตให้ซย่านีดูว่าควรจะท่องจำมันอย่างไรแล้วจึงกล่าวว่า “ผมให้เวลาคุณสิบนาที พอจะจำมันได้ไหม?”
ซย่านีรู้สึกเหมือนตนเองย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่ซ่งหานเจียงบังคับให้เธอเรียนพินอินในชั่วข้ามคืน เธอฝืนยิ้มแล้วพูดกับชายหนุ่มว่า “หานเจียง ไม่ใช่ทุกคนที่จะฉลาดเหมือนคุณนะ”
ซ่งหานเจียงเข้าใจคำพูดนั้นแล้ว ซย่านีคิดว่าเขาตั้งเป้าให้เธอสูงเกินไปแต่ว่า...
“คุณยังไม่ลองทำดูเลยแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองจะทำไม่ได้?” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “ตอนผมสามขวบ ผมใช้เวลาแค่สองนาทีในการท่องจำตารางสูตรคูณนะ”
ซย่านีพูดไม่ออก “…” คุณมันเก่งกาจมาก! ถ้าคุณเก่งกาจขนาดนี้ทำไมไม่ลอยขึ้น์ไปเลยเล่า?
ซย่านีกลอกตาอย่างทนไม่ไหว เธอหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาแล้วท่องจำสูตรคูณ “หนึ่งคูณหนึ่งเป็หนึ่ง หนึ่งคูณสองเป็สอง สองคูณสองเป็สี่...”
ซ่งหานเจียงมองดูท่าทางที่มีชีวิตชีวาของซย่านีแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้ก็เหมือนจะเป็ตอนที่เราเพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ
การแต่งงานของเขากับซย่านีถือเป็อุบัติเหตุ วันนั้นเขาะโลงแม่น้ำไปช่วยเธอขึ้นมาแล้วพาเธอไปส่งบ้าน พ่อแม่ของเธอคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ไม่ยอมปล่อยและบังคับให้เขารับผิดชอบซย่านี ไม่ว่าเขาจะพยายามอธิบายอย่างไรว่าเื่ ‘การปั๊มหัวใจและผายปอด’ นั้น เป็วิธีการช่วยชีวิตคนที่ใช้กันทั่วไปในทางการแพทย์ แต่ผู้าุโทั้งสองท่านนั้นต่างก็ไม่ยอมฟังเลยสักนิด
เมื่อถูกคนบังคับให้แต่งงาน ด้วยนิสัยของซ่งหานเจียงแล้วเขาจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนแต่เมื่อเขาสบตาเข้ากับสายตาหวาดกลัวที่แฝงไปด้วยแวววิงวอนคู่นั้นของซย่านี ทันใดนั้นเขาก็ใจอ่อนลงอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
ซย่านีไม่ได้เป็คนหน้าตาดี แต่เธอกลับมีดวงตาที่งดงามเป็อย่างยิ่งราวกับว่ามันสามารถสื่อสารได้เลยทีเดียว
ในคืนวันแต่งงาน เขาเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงของซย่านีออก เขาเห็นดวงตาของเธอจ้องตรงมาทางเขาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นเจือด้วยความคาดหวังและร้อนรนเล็กน้อย
บางทีเขาอาจเกิดความรู้สึกตามห้วงอารมณ์ของซย่านี แล้วต่อมาเขาก็เริ่มตั้งตารออนาคตแต่งงานของตนเอง
ทว่าเื่ราวจุกจิกในชีวิตก็ทำให้ความสว่างสดใสในดวงตาของซย่านีเริ่มหม่นแสงลงเรื่อยๆ และนั่นทำให้เขาเปลี่ยนความคิดทั้งหมดไป เขาพยายามมุ่งไปที่หนังสือแทนราวกับว่ากำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง จนในที่สุดการแต่งงานระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ตอนนี้ซ่งหานเจียงรู้สึกได้ว่าซย่านีคนเดิมได้กลับมาแล้ว ไม่ ไม่ใช่สิ ซ่งหานเจียงคิด เป็ซย่านีที่ดียิ่งกว่า ‘คนเดิม’ เลยต่างหาก
เพราะไม่ว่าอย่างไร ‘ซย่านี’ คนนั้นก็ไม่เคยโหยหาและกระหายในความรู้เลยสักครั้ง
“เกือบได้แล้ว ฉันว่าใกล้จะได้แล้วแหละ” ซย่านีคว่ำสมุดบันทึกลง “ให้ฉันลองท่องให้คุณฟังดีไหม? นี่ซ่งหานเจียง คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
ซ่งหานเจียงได้สติกลับมา เขาไม่ได้ปิดบังความคิดตนเองแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา “ผมกำลังคิดว่าตอนนี้คุณดูดีขึ้นยิ่งกว่าตอนที่เราเพิ่งแต่งงานกันอีก ทั้งรักการเรียนรู้ ขยันทำงานและมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง”
ซย่านีถูกเขาชมตรงๆ ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา แต่งงานกันมาหลายปีแล้วนี่เป็ครั้งแรกที่ซ่งหานเจียงเอ่ยชมเธอเลยนะ!
“อืม...” ซย่านีหน้าแดงเล็กน้อย เธอกล่าวว่า “นี่ฉันก็พยายามเป็แบบอย่างให้พวกเด็กๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง?”
ซ่งหานเจียงพยักหน้า “เช่นนั้นคุณก็ต้องพากเพียรต่อไปนะ”
ซย่านีถึงกับสำลักเลยทีเดียว เธอล่ะไม่ชอบนิสัยป่วยๆ ของซ่งหานเจียงที่ชอบพูดความจริงแบบนี้เลย!
“เอาล่ะ เร็วๆ คุณยังอยากฟังฉันท่องอยู่ไหม?” เมื่อถูกขัดจังหวะ ซย่านีก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มลืมตารางสูตรคูณที่เพิ่งท่องจำได้เมื่อครู่นี้ไปแล้ว เธอรีบเปิดสมุดดูหนึ่งรอบ แล้วจดจำมันอย่างเงียบๆ เพียงไม่กี่วินาทีก็ท่องได้แล้ว
แม้ว่าจะตะกุกจะกักไปบ้าง แต่ในที่สุดซย่านีก็ท่องสูตรคูณได้ทั้งหมดแล้ว ซย่านีถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็อย่างไร พอได้ไหม?”
ซ่งหานเจียงถามขึ้น “สี่คูณเจ็ดได้เท่าไหร่?”
ซย่านีเอ่ยตะกุกตะกัก “สี่เจ็ด...สี่เจ็ด...สี่เจ็ดเป็ยี่สิบ...ยี่สิบแปด?”
ซ่งหานเจียงถามต่อ “แล้วสี่คูณแปดเล่า?”
ซย่านีเอ่ยตอบ “สี่แปด...สี่แปดสามสิบสอง!”
“ห้าเก้า...” ซ่งหานเจียงกล่าวไม่ยังทันจบ
“สี่สิบห้า!” ซย่านีชิงตอบขึ้นมาก่อนแล้ว
ซ่งหานเจียงกล่าว “ใช้ได้ แต่ว่ายังใหม่อยู่และไม่ค่อยเชี่ยวชาญเท่าไหร่ ตารางสูตรคูณหลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์ ทุกคืนก่อนนอนคุณจะต้องท่องตารางสูตรคูณหนึ่งรอบแล้วพยายามท่องให้ออกจากปากมาเอง โดยไม่ต้องคิดเลยนะ ”
ซย่านีตอบตกลงอย่างเต็มใจในทันที “ไม่มีปัญหา” เธอรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างมีความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอทำการค้าและคิดเงินเธอเองยังไม่เคยเรียนการบวกลบคูณหารมาก่อนเลย แต่เธอในตอนนั้นก็ไม่เคยคำนวณผิดเลยมิใช่หรือ?!
เป็เวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ซย่านีจึงป้อนนมผงแก่ลูกชายคนเล็กแล้วกล่อมเด็กน้อยเข้านอน จากนั้นเธอก็ฟังซ่งหานเจียงสอนบทเรียนต่อไป
ซ่งหานเจียงอธิบายให้ซย่านีเข้าใจถึงวิธีการนำเลขหนึ่งหลักไปคูณเลขสองหลัก เขาอธิบายอย่างรวดเร็วและง่ายดายมาก ไม่รู้ว่าเป็เพราะซย่านีมีพื้นฐานในการเรียนมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าเธอจึงฟังเพียงรอบเดียวก็เข้าใจแล้ว ซย่านีลองใช้วิธีใหม่ที่เรียนรู้มาแก้โจทย์ปัญหาแล้วเธอก็ทำโจทย์นั้นได้ถูกต้องอีกด้วย
การคูณเลขสองหลักด้วยเลขสองหลักนั้นจะซับซ้อนกว่ากันหน่อย หลังจากที่ซย่านีเรียนรู้วิธีการคำนวณเรียบร้อย ตอนเธอทำโจทย์ข้อแรกก็ทำผิดแต่พอลองทำโจทย์ข้อสองเธอก็ตอบถูกจนหมด
ตอนแรกที่ได้ยินซ่งหานเจียงพูดเื่แผนการเรียนในคืนนี้ ซย่านียังรู้สึกว่าเวลากระชั้นชิดและเนื้อหามากเกินไป แล้วเธอยังรู้สึกว่าซ่งหานเจียงไม่ได้คิดว่าตัวเธอเป็คนธรรมดาทั่วไปสินะ แต่ซย่านีกลับคิดไม่ถึงว่าพอเธอได้ลองเรียนไปสักพักมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
ซย่านีรู้สึกเหนือความคาดหมายยิ่งนัก เธอผลักสมุดบันทึกและปากกาไปทางซ่งหานเจียงและกล่าวว่า “คุณให้โจทย์ฉันอีกสองสามข้อหน่อยสิ”
ซ่งหานเจียงส่ายหน้า เขายกมือขึ้นดูนาฬิกา “ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้พวกเด็กๆ ยังต้องไปโรงเรียนกันอีก ถึงเวลาที่พวกเราต้องพักผ่อนกันได้แล้ว” เขาหยุดพูดไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกรอบ “ผมเองก็ควรกลับเหมือนกัน”
ในเมื่อหย่ากันแล้ว ซ่งหานเจียงก็ไม่สะดวกใจที่รั้งอยู่ที่นี่
ซย่านีลุกขึ้นคำว่า ‘อยู่ต่อ’ ติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ ก่อนเธอจะกลืนมันกลับลงไปแล้วเปลี่ยนเป็พูดว่า “งั้นคุณก็กลับดีๆ นะ”
