แท้จริงแล้วเฉียวเยว่รู้สึกมาโดยตลอดว่าการคบหาสหายหรือมีคนรักล้วนแต่ต้องขึ้นอยู่กับ 'ความสมัครใจ' ของสองฝ่าย แตงที่ฝืนบังคับปลิดจากขั้วย่อมไม่หวาน
นอกจากนี้หากต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกัน ก็ยากที่จะคบหากันได้จริงๆ แต่เมื่อครอบครัวปรารถนาให้พวกนางคบหากับแม่นางน้อยข้างนอกเป็สหาย เฉียวเยว่ก็ไม่ปฏิเสธ มีสหายเยอะหน่อยย่อมเป็สิ่งที่ดี
ิเยว่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ เฉียวเยว่ตื่นขึ้นมาเลือกเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถันแต่เช้า วุ่นวายอยู่นานสุดท้ายก็เลือกชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน นางกำชับกับเสี่ยวชุ่ย "ช่วยผูกกระพรวนน้อยบนมวยผมให้ข้าด้วย"
ตอนพวกนางออกไปท่องเที่ยวได้พบกับชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่ง ดรุณีน้อยในเผ่าของพวกเขาล้วนทำเช่นนี้กัน นางรู้สึกว่าน่ารักดีจึงอยากเลียนแบบบ้าง
"ได้เ้าค่ะ คุณหนูวางใจได้" เสี่ยวชุ่ยยิ้มน้อยๆ
ในฐานะเ้าภาพ เฉียวเยว่ย่อมไม่อาจไปสาย
"พี่สาวไปหรือยัง?" นางถาม
"คุณหนูห้าไปจวนสกุลฉีแต่เช้า บอกว่าจะไปหาตำราเล่มหนึ่ง อีกสักครู่ถึงจะกลับมา แต่ก็คงไม่นานเกินไปหรอกเ้าค่ะ คุณหนูจะไปเรือนใหญ่เลยก็ได้" เสี่ยวชุ่ยตอบ
อิ้งเยว่บ้าเรียนแค่ไหน เฉียวเยว่ย่อมรู้ดี นางถอนหายใจ "พี่สาวข้าสุดยอดไปเลย"
นางพาสาวใช้สองคนไปเรือนใหญ่ เวลายังเช้าอยู่มาก แขกยังมาไม่ถึง แต่พอเข้าประตูมาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย
เฉียวเยว่หยุดเท้า หันไปสบตากับสาวใช้ทั้งสอง
ที่แท้เป็ไท่ไท่ใหญ่ แม้ว่าไท่ไท่ใหญ่จะเข้มงวด แต่นางเป็คนอ่อนโยน น้อยมากที่จะโมโหโทโสอย่างเช่นวันนี้
เฉียวเยว่ "พวกเราไปหาพี่หญิงใหญ่กันเถอะ"
ขณะกำลังจะกลับหลังหันไปทางเรือนของิเยว่ ก็เห็นหญิงรับใช้าุโเดินออกมา พอนางเห็นเฉียวเยว่ก็เอ่ยว่า "คุณหนูเจ็ดมาแล้วหรือ ช่างดียิ่ง บ่าวกำลังจะไปเชิญท่านอยู่พอดี"
เฉียวเยว่เลิกคิ้ว ไม่รู้ว่าที่นี่มีธุระอันใดเกี่ยวกับตนเอง
"มีอะไร?" นางถามพลางเลิกคิ้ว
"ไท่ไท่ของพวกเราเชิญเ้าค่ะ มีธุระอันใด เดี๋ยวคุณหนูเจ็ดก็จะทราบเองเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ไม่เข้าใจนัก แต่ก็เดินตามหมัวมัวผู้นั้นไปยังห้องโถง ไท่ไท่ใหญ่นั่งอยู่ในห้อง พอเห็นเฉียวเยว่มา มุมปากก็โค้งขึ้น "เสี่ยวชี รีบนั่ง"
เฉียวเยว่กวาดตามอง มีสาวใช้คนหนึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
"ป้าสะใภ้ใหญ่ตามหาข้ามีธุระอันใดหรือเ้าคะ?" เฉียวเยว่ถามเสียงเบา
ไท่ไท่ใหญ่อมยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย "เื่เป็เช่นนี้ สาวใช้คนนี้เป็สาวใช้ประจำตัวของอนุหวัง ตามที่นางบอกเล่า เมื่อสามวันก่อนคือเย็นวันที่เ้ากลับมา เสนาบดีฉีลุงของเ้านัดพบกับอนุหวังในสวน ตอนนั้นมีเด็กน้อยสวมเสื้อคลุมกันลมสีแดงอยู่ข้างๆ ดูคล้ายว่าน่าจะเป็เ้า"
พูดมาถึงตรงนี้ไท่ไท่ใหญ่ก็หุบยิ้ม สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน "เฉียวเยว่ เ้าควรรู้ว่านี่ไม่ใช่เื่เล็ก"
นางตั้งท่าจะสอบสวนเฉียวเยว่ "เื่นี้ ไม่ว่าเ้าจะยอมรับหรือไม่ก็ควรรู้ว่า อนุหวังเป็สตรีของท่านลุงใหญ่ของเ้า หากเ้าช่วยนางลักลอบ...คบชู้ หนำซ้ำชู้รักยังเป็ลุงของเ้าเอง เช่นนั้นก็ยิ่งเป็การทำผิดต่อท่านลุงใหญ่อย่างใหญ่หลวง"
พูดมาถึงตรงนี้ ถ้อยคำก็ยิ่งรุนแรงทั้งยังเต็มไปด้วยการกดดัน ราวกับ้าบีบให้เฉียวเยว่ยอมรับทั้งหมด
เฉียวเยว่นิ่วหน้า แต่ไม่มีทีท่าจะหวั่นไหว ซ้ำยังมีทีท่าดุดันขึ้นสามส่วน "ท่านป้าสะใภ้ใหญ่โปรดระวังวาจาของท่านด้วย อาศัยคำพูดไม่กี่ประโยคของสาวใช้คนหนึ่ง ก็จะใส่ร้ายข้า ใส่ร้ายท่านลุงของข้าแล้วหรือ?"
นางลุกขึ้น กล่าวอย่างจริงจัง "ข้าคิดว่ามีเื่เช่นนี้เกิดขึ้น แม้ท่านคลางแคลงสงสัยข้ากับท่านลุง ทางที่ดีก็ควรไปพบท่านย่า เช่นนี้จึงจะสามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้ อย่างไรเสียวันนั้นงานเลี้ยงอาหารค่ำก็จัดที่เรือนหลัก เมื่อนางเห็น เป็ไปได้หรือที่ผู้อื่นจะไม่เห็น เพียงแค่ตรวจสอบทีละคน จะต้องหาพยานรู้เห็นได้อย่างแน่นอน แต่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เ้าคะ มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นจริงหรือ?"
เฉียวเยว่ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครมารังแกคนที่ตนเองใส่ใจได้ง่ายๆ แม้ไม่ได้เจอกันมาสองปี นางก็ไม่รู้สึกว่าท่านลุงของตนเองจะลักลอบเป็ชู้กับหวังหรูเมิ่ง หากเขาชอบสตรีผู้นั้นจริง ก็คงแต่งนางเป็ภรรยาั้แ่แรกแล้ว ไยต้องมาแอบลักกินขโมยกินตอนนี้
ไม่สมเหตุสมผลสักนิด
อีกอย่างั้แ่พวกเขาไปจากเมืองหลวง ท่านลุงของนางก็ไม่มาสกุลซูอีกเลย
มากล่าวหาเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเฉียวเยว่ก็ไม่เชื่อ!
"ท่านลุงสง่าผ่าเผยตรงไปตรงมา ไม่ทำเื่ต่ำช้าเช่นนี้แน่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ เื่วันนี้ พวกเราต้องตรวจสอบให้แจ่มชัด หากมีคนใส่ร้ายข้าและท่านลุง ข้าก็จะไม่ละเว้นคนผู้นี้เป็อันขาด"
เฉียวเยว่พูดอย่างมีเหตุผล ปราศจากความลังเลสักกระผีก ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยพลังแข็งกล้าอย่างที่ไม่อาจล่วงเกินได้
แต่ไรมาเฉียวเยว่ก็หาใช่แม่นางน้อยที่รับมือได้ง่ายนัก ความอ่อนโยนน่ารักมีไว้ให้ชมเท่านั้น ยิ่งออกไปท่องโลกกว้างมาสองปี ก็ยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
แต่ไท่ไท่ใหญ่ก็หาใช่คนที่จะตื่นตระหนกเพราะถูกแม่นางน้อยคนหนึ่งข่มขู่
สีหน้าของนางเย็นะเื "เช่นนั้นเ้าพูดมา เพราะเหตุใดนางถึงกล่าวเช่นนี้ มีเจตนาใส่ร้ายหรืออย่างไร อนุหวังเป็เ้านายของนาง นางเป็สาวใช้ที่แต่งเข้ามาพร้อมอนุหวัง มีหรือจะถูกใครซื้อตัวได้?"
ถ้อยคำแฝงแววเหยียดหยันอยู่หลายส่วน
"หากนางไม่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยของในเรือนออกไปขาย ก็คงไม่ถอนหัวไชเท้าจนโคลนกระเด็นออกมาเช่นนี้ ข้าย่อมส่งนางให้ท่านแม่ เพียงแต่เวลานี้ก็ต้องคำนึงถึงหน้าตาของท่านลุงใหญ่ของเ้าเช่นกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เื่ดีงาม"
เฉียวเยว่มองสาวใช้อย่างพินิจพิจารณา แต่นางกลับหลบสายตา แม้เฉียวเยว่จะไม่ได้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน แต่เพียงเห็นพฤติกรรมหลบสายตาของนางก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้ไม่ได้พูดความจริง หรือพูดง่ายๆ ก็คือนางโกหก
เฉียวเยว่ยิ้มน้อยๆ "อ้อ เมื่อเป็สาวใช้ที่แต่งเข้ามาพร้อมกับอนุหวัง เช่นนั้นเ้าก็พูดมาซิ เย็นวันนั้นเ้าเห็นข้ายามไหน และทำอะไรบ้าง?"
น้ำเสียงของเฉียวเยว่อ่อนลงมาก "ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ อย่าว่าแต่เื่นี้เกี่ยวพันถึงท่านลุงของข้า ต่อให้ไม่เกี่ยวข้อง อนุของท่านลุงใหญ่ลักลอบนัดพบกับคนนอก แล้วท่านหาว่าข้าเป็คนช่วยดูต้นทาง ถังใส่มูลใหญ่ขนาดนี้ ข้าคงจะรับไม่ไหว ข้าต้องถามให้ชัดแจ้ง มิเช่นนั้นข้าคงไม่มีหน้าไปพบกับพี่หญิงใหญ่ และยิ่งจนปัญญาจะสู้หน้าใครในเรือนหนึ่งของพวกท่าน"
ไท่ไท่ใหญ่มองสาวใช้คนนั้น แล้วถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม "เ้าพูดมา คนที่เ้าเห็นตอนนั้นคือคุณหนูเจ็ดใช่หรือไม่ ตอนนั้นตรงกับยามใด คุณหนูเจ็ดแต่งกายอย่างไรบ้าง เ้าเห็นหน้าตรงๆ หรือไม่?"
ไท่ไท่ใหญ่ย่อมมีแผนการของตนเอง ที่นางไม่แจ้งให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบแต่แรก เพราะกลัวว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะลำเอียงเข้าข้างเรือนสาม นางจึงให้คนไปเชิญเฉียวเยว่มาโดยตรง ถึงอย่างไรก็เป็เด็กอายุเพียงเก้าขวบ ใช้วิธีกดดันบังคับแบบเฉียบพลัน บีบให้นางพูดออกมา ถึงแม้นางจะบอกว่าตนเองไม่รู้เื่ ก็สามารถหาจุดอ่อนจากความตื่นกลัวของนางได้ ตราบใดที่มีการยืนยันว่าเื่ระหว่างหวังหรูเมิ่งกับฉีจือโจวเป็ความจริง นางหญิงแพศยาผู้นั้นก็จะไม่มีจุดจบที่ดี ส่วนจะล่วงเกินฉีจือโจวหรือไม่ นางกลับไม่ใส่ใจ เขาประพฤติตัวไม่เหมาะสมเอง มีอันใดต้องกลัว!
และเหตุผลที่ไท่ไท่ใหญ่มั่นใจว่าพวกเขาต้องลักลอบคบชู้กันก็เพราะสาเหตุที่หวังหรูเมิ่งมาที่นี่ในตอนแรกก็เพื่อฉีจือโจว ตอนนี้อาจยังไม่รามือก็เป็ได้
"ขะ... ข้า อี๋เหนียง [1] บอกข้าว่าไม่ต้องตาม ข้าก็เลยยืนดูอยู่ห่างๆ เห็นแม่นางน้อยสวมเสื้อคลุมสีแดง วันนี้ในจวนมีคุณหนูหกกับคุณหนูเจ็ดที่สวมใส่เสื้อคลุมสีแดง ขะ... ข้าเลยเดาว่าเป็คุณหนูเจ็ด แต่ไม่เห็นใบหน้า..."
เฉียวเยว่เลิกคิ้วแล้วอมยิ้ม "ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านเองยังไม่แน่ใจ ก็มาถามหาเอาผิดแล้วหรือ?"
หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกว่า "เ้าบอกว่าบุรุษผู้นั้นคือท่านลุงของข้า มีสิ่งใดเป็หลักฐาน เ้าเห็นหน้าตรงๆ หรือไม่? ตอนนั้นคงมีเพียงเ้าคนเดียวกระมัง เ้าพูดอย่างไรก็ต้องเป็เช่นนั้นหรือ?"
เฉียวเยว่บีบคั้นทุกถ้อยคำ จดจ้องสาวใช้ผู้นั้นอย่างเอาเป็เอาตาย
"หากข้ารู้ว่ามีใครจงใจใส่ร้ายท่านลุงของข้า ข้าไม่ปล่อยคนผู้นั้นอย่างเด็ดขาด" สีหน้าของนางเย็นะเื แล้วหันไปมองไท่ไท่ใหญ่ "ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านเห็นว่าถูกต้องหรือไม่?"
ไม่รู้อย่างไร เฉียวเยว่พลันนึกถึงบ่าวชายที่บ้านมารดาของอีกฝ่ายที่ร่วมมือกับสาวใช้วางยาพิษมารดาของนาง แม้จะไม่ทราบสายสนกลในของเื่นี้ แต่ทันทีที่นึกถึง ในใจนางก็เกิดความหวาดระแวงขึ้นมา
ไท่ไท่ใหญ่เข้าใจความหมายซ่อนเร้นของนาง สีหน้าพลันบึ้งตึง
"หากพฤติกรรมถูกต้องโปร่งใส ก็ไม่ต้องกลัวผู้อื่นจะวิจารณ์"
เฉียวเยว่ยิ้มบางๆ "คำกล่าวของท่านป้าสะใภ้ใหญ่ประโยคนี้ หลานไม่เห็นด้วย หากท่านประพฤติตนถูกทำนองคลองธรรมทุกอย่าง แต่ภายนอกกลับวิพากษ์วิจารณ์ท่านเสียๆ หายๆ ท่านก็จะไม่พูดอะไรเลยเพราะตนเองทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วกระนั้นหรือ?"
ไท่ไท่ใหญ่มองพิจารณาเฉียวเยว่ั้แ่หัวจรดเท้าอีกรอบ แม้ว่าดวงหน้าของนางจะมีรอยยิ้มราวกับแม่หนูน้อยน่ารักคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ดวงตาดำขลับของนางราวกับบ่อน้ำพุที่ไม่อาจมองเห็นก้นบึ้งชัดเจน
นางตบโต๊ะ ใช้เสียงเข้มขึ้นอีก "เ้าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นออกมาให้ข้าฟังอย่างละเอียด ห้ามตกหล่นแม้แต่น้อย หากเกิดความผิดพลาดแม้เพียงส่วนเสี้ยว หรือไม่ตรงกับคำให้การของคนอื่น ข้าจะตีขาของเ้าให้หัก โดยไม่สนใจว่าเ้าจะเป็สาวใช้ที่แต่งเข้ามาพร้อมกับผู้ใด"
สาวใช้ตัวสั่นระริก เอ่ยเสียงเบา "ขะ... ข้าเห็นหน้าบุรุษผู้นั้นไม่ชัด เห็นแต่ว่าเขาส่งของห่อหนึ่งให้อี๋เหนียง หลังจากนั้น... หลังจากนั้นก็ไปเ้าค่ะ" นางเว้นจังหวะครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ "แต่ข้ารู้ว่าอี๋เหนียงชอบเสนาบดีฉี หากไม่ใช่เสนาบดีฉี แล้วจะเป็ผู้ใดเล่า?"
เฉียวเยว่หัวเราะเยาะออกมา "ที่แท้ก็ไม่เห็นหน้า ไม่เห็นไม่ว่ายังกล้าเอาความคิดของตนเองมาพูดส่งเดช ส่วนป้าสะใภ้ใหญ่ก็อาศัยถ้อยคำที่ไม่มีความชัดเจนเหล่านี้มาเอาผิดกับพวกเรา"
นางลุกขึ้น "ข้าคิดว่าท่านป้าสะใภ้ใหญ่ควรตรวจสอบให้ดี หลังจากทุกอย่างชัดแจ้งแล้วก็คืนความเป็ธรรมให้กับพวกเรา ท่านลุงเป็ขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งของราชสำนัก ข้าไม่ยักรู้ว่าแค่อาศัยความเป็ไปได้ หรือข้อสงสัยที่ยังมิได้รับการพิสูจน์ก็สามารถตัดสินความผิดของเขาได้แล้ว ข้าคิดว่า ฮ่องเต้ก็คงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้"
ไท่ไท่ใหญ่คับแค้นใจยิ่งนัก นางเกลียดชังนางแพศยาหวังหรูเมิ่งผู้นั้น เดิมทีคิดจะใช้ประโยชน์จากความตื่นกลัวลนลานของเด็กมายืนยันความผิดของหวังหรูเมิ่ง แต่ไม่นึกว่าสาวใช้คนนั้นจะถึงกับไม่เห็นหน้าโดยตรง ส่วนเฉียวเยว่ก็หาใช่สาวน้อยที่รับมือง่ายเช่นนั้น
นางเงียบไปสักพักแล้วถามว่า "เ้าพูดมา ตอนนั้นอนุหวังได้อะไรมา?"
สาวใช้ส่ายหน้าอย่างแรง "ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ เ้าค่ะ"
เฉียวเยว่แค่นเสียงเยาะ "ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ข้าว่าเื่นี้ควรให้ท่านย่าตรวจสอบดีกว่ากระมัง พวกข้าจะได้ไม่ถูกปรักปรำเสียเปล่าๆ และเพื่อเลี่ยงไม่ให้... หึหึ"
ท่าทางที่เหมือนมีถ้อยคำแต่กลับไม่พูดต่อ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่เชื่อถือนางอีกต่อไป ไท่ไท่ใหญ่ขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ชั่วขณะนั้นถูกสาวน้อยคนหนึ่งยั่วโทสะจนแทบหายใจไม่ออก
...
[1] อี๋เหนียงหมายถึง อนุภรรยา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้