คนทั้งร่างซ่อนอยู่ในเงามืด จ้าวอี้เคลื่อนตัวไปที่คฤหาสน์เลขที่สิบแปดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เกิดเสียงโวยวายขึ้นจากด้านหลังของเขา!
เสียงหมาเห่า เสียงฝีเท้า และเสียงะโดังขึ้นมาพร้อมกัน และเสียงเ่าั้ก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ!
“เร็วเข้า! เร็ว! ตรงนั้นมีคนะโลงมาจากกำแพง!”
เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้าหกคนวิ่งอยู่บนทางหลักพร้อมด้วยสุนัขดมกลิ่นอีกสองตัว
ตัวจ้าวอี้ยืดตัวตรงแนบอยู่บนพื้น ไม่เคลื่อนไหว
เสียงฝีเท้าเขามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น...ก็ตรงผ่านไป
จ้าวอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเพิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ตนเองที่เผยตัวเข้าแล้ว
ด้วยสเปรย์ที่ฉีดบนตัวของเขาเพื่อไม่ให้สุนัขตามดมกลิ่นได้ จ้าวอี้คาดไว้แล้วว่าคฤหาสน์ใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีสุนัขตำรวจอยู่ด้วยเป็แน่
ถ้าเป้าหมายไม่ใช่เขาแล้วเป็ใครกัน ในใจเขาได้แต่คาดเดา
สีหน้าของจ้าวอี้ยังคงไม่เปลี่ยน ท่าทางยิ่งระวังตัวมากขึ้น
เสียงจากอีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และเสียงะโยังคงดังไม่หยุด!
ประมาณสิบนาทีผ่านไป ในที่สุดก็สงบลง ระหว่างนี้จ้าวอี้ไม่ขยับแม้แต่น้อย
“เด็กนั่นวิ่งเร็วจริงๆ หัวหน้าครับ จะให้พวกเราแจ้งตำรวจไหมครับ?”
ตอนที่เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนกำลังเดินกลับมา เสียงพูดคุยของพวกเขาเข้ามาในหูของจ้าวอี้
“แจ้งไปแล้วตำรวจก็จับใครไม่ได้อยู่ดี แกคิดว่านี่มันยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ พวกแก ่ดึกหลายวันนี้ตั้งสติกันหน่อย อย่าเผลอหลับกลางดึกเหมือนคราวก่อนอีกล่ะ ทุกคนต้องรู้ว่าบริเวณคฤหาสน์เกิดเื่อะไรขึ้นบ้าง”
“เข้าใจแล้วครับ...”
เสียงฝีเท้าวุ่นวายค่อยๆ ไกลออกไป
คิ้วของจ้าวอี้คลายลง
ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา ในที่สุดจ้าวอี้ก็มาถึงประตูของคฤหาสน์เลขที่สิบแปดอย่างเงียบเชียบ
เป้าหมายของการทดสอบได้มาถึงแล้ว หากคำนวณตามสถานการณ์ในวันนี้แล้ว หน่วยรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ซีซานนั้น สำหรับจ้าวอี้ที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็พิเศษถือว่าไม่ยาก แต่สำหรับคนทั่วไปไม่ใช่เื่ง่ายเลย
การออกไปจากที่นี่จ้าวอี้ใช้เวลาไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง นั่นก็ไม่แปลกเพราะคุ้นเคยกับสภาพพื้นที่ ซึ่งสามารถประหยัดเวลาไปได้พอสมควร
“เอาจริงดิ นี่นายเข้าไปโดยที่ไม่ถูกพบจริงเหรอ?” เฉินตงยืนพิงรถพลางสูบบุหรี่ ตาเบิกโพลงเมื่อมองเห็นร่างของจ้าวอี้
“อืม”
จ้าวอี้พยักหน้า จากนั้นก็พูดต่อ “หน่วยรักษาความปลอดภัยที่นี่ไม่อ่อนแอเลย ฉันก็เสียเวลาไปไม่น้อยเหมือนกัน”
“แน่อยู่แล้ว ฉันบอกนายเลยว่าคนทั่วไปทำไม่ได้แน่ ฉันหมดหวังเลย ฉันเพิ่งเข้าไปก็ถูกเจอตัวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันวิ่งเร็วคงถูกพวกเขาจับได้แล้ว ไม่เสียแรงที่มาจากหน่วยรบพิเศษ โคตรเจ๋งเลย”
เฉินตงชูนิ้วโป้ง เขาค่อนข้างยกย่องผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง
“ไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยแล้วขอดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังเมื่อวานดีกว่า บางทีเราอาจพบเบาะแสก็ได้”
“มันถูกส่งมาที่สำนักงานของเราตั้งนานแล้ว พูดจริงๆ เลยนะ ด้วยการป้องกันแบบนี้ ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีใครลอบเข้าไปแล้วสังหารผู้ตายได้ นายคิดดูนะ จากตอนนี้ผังความสัมพันธ์ของเขาไม่มีคนแบบนั้นอยู่เลย นอกจากคู่แข่งทางธุรกิจจ้างวานมือสังหารชั้นเยี่ยมมา แต่ในความเห็นของฉันแล้วพวกเขาคงไม่กล้าหรอก ฉันยังเอนเอียงไปที่ปัญหาของกระจกทองแดงนั่นอยู่ดีแหละ”
เฉินตงพูดอย่างฉะฉาน ตั้งใจเอ่ยความเห็นของตนออกมา
“งั้นพวกเรากลับไปดูเทปย้อนหลังนั่นกันเถอะ”
จ้าวอี้ไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธอะไร
“ช่างมันก่อนเถอะน่า นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย ฉันจะบอกอะไรให้ พรุ่งนี้ยัยปีศาจจะให้เราเข้างานตามปกติ พวกเราไปพักผ่อนดีกว่า ฉันก็อยู่หอเหมือนกัน ไปกันเถอะ”
จ้าวอี้ก็คิดเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองผ่อนคลายมากขึ้นพอสมควร
ในเช้าของวันต่อมา จ้าวอี้กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็มาที่แผนก เห็นเซี่ยตันกำลังนอนฟุบกับโต๊ะอยู่ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังคงแสดงภาพของเทปวงจรปิดย้อนหลังอยู่
“ชู่ เบาเสียงหน่อย เมื่อคืนหัวหน้าไม่ได้หลับทั้งคืนเลย ใกล้เช้าถึงหลับได้เนี่ย”
อู๋เยว่ส่งเสียงกระซิบเตือนจ้าวอี้
ชายหนุ่มพยักหน้าและเริ่มพลิกดูแฟ้มคดี
คนอื่นทยอยกันเข้ามา ทุกคนเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เซี่ยตันก็ตื่นขึ้นมาจนได้
“หัวหน้า คุณกลับไปนอนพักสักหน่อยเถอะ”
“ไม่จำเป็ ฉันอยากให้พวกนายทำความเข้าใจกับเอกสารสักสองชั่วโมง เพื่อนๆ จากแผนกอื่นทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมข้อมูลหลายอย่าง รวมถึงความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้ตายและอื่นๆ เราจะสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีในอีกสองชั่วโมง ผลกระทบของคดีนี้มันแย่มาก ฉันหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงานเพื่อไขคดีให้ได้ในเร็ววัน ทุกคนมั่นใจไหม!”
เซี่ยตันะโอย่างกระตือรือร้น คำตอบที่ไม่พร้อมเพรียงทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ในประวัติศาสตร์นั้น ตราบใดที่มีคนเสียชีวิต มันจะดึงดูดความสนใจเป็อย่างมาก โดยเฉพาะสถานะทางสังคมของผู้ตายที่อยู่ในระดับไม่ต่ำต้อยเลย ซึ่งครอบครัวของเขาต้องแบกรับความกดดันเอาไว้ที่ตัวพวกเขาเอง
“พบอะไรในเทปย้อนหลังไหมครับ?”
จ้าวอี้ถามเซี่ยตันพลางเริ่มตรวจสอบเทปจากกล้องวงจรปิดในวันที่ผู้ตายเสียชีวิต
“ไม่มีเลย ฉันตรวจสอบเทป่ห้าชั่วโมงก่อนและหลังผู้ตายเสียชีวิตแต่ก็ไม่พบอะไรเลย” เซี่ยตันส่ายหน้าอย่างเสียดาย
"ขอผมดูหน่อยครับ"
จ้าวอี้พยักหน้าและขอตรวจสอบเทป
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเซี่ยตัน แต่การมองเห็นของคนคนเดียวเป็ไปได้มากที่อาจเกิดการตกหล่น
ในจุดนี้เซี่ยตันก็เข้าใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไร
พวกเขากรอเทปไปข้างหน้าเป็่ๆ ทั้งสองคนมุ่งเน้นไปที่การเปรียบเทียบ ถ้ามีคนนอกบุกรุกเข้าไป คนคนนั้นต้องไม่อยู่แค่ครู่เดียวแน่ๆ ดังนั้น การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างภาพจากเทปก็ทำให้เราค้นพบจุดที่น่าสงสัยได้
เวลาค่อยๆ ผ่านไป น่าเสียดายที่พบจุดที่น่าสนใจเป็ครั้งคราว แต่ส่วนมากเป็ลมพัด หรือไม่ก็เป็เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังลาดตระเวนและอื่นๆ ไม่ปรากฏจุดที่น่าสงสัยเลย
“นี่มันรถของหรงลี่ เวลาที่ออกไปเหมือนปกติ...”
ทั้งสองยอมแพ้ที่จะดูเทปย้อนหลังต่อ แม้ในใจจ้าวอี้จะมีความหวังกับเทปไม่มาก แต่เขาก็เชื่อว่าเซี่ยตันน่าจะไม่พบอะไรหลังจากดูมันมาทั้งคืน โดยทั่วไปแล้วน่าจะไม่มีตกหล่น แต่ถ้าเขาไม่มองด้วยตาตนเองก็ไม่มีทางวางใจได้ นี่เป็ความคิดที่ขัดแย้งกันอย่างมาก
จ้าวอี้เริ่มดูแฟ้มคดีใหม่
ข้อมูลเพิ่มเติมกลับมีไม่มาก ที่สำคัญคือ สถานะของบุคคลรอบข้างผู้ตายและหลักฐานที่อยู่ในสองวันนี้
ลูกเขยของเขาเหอเสียง ตามคำกล่าวของลูกสาวของผู้ตาย บอกว่าเขาได้นั่งรถไฟความเร็วสูงในตอนเช้าของวันที่เกิดเหตุไปยังต่างเมืองเพื่อตรวจสอบธุรกิจ ถึงอย่างนั้น ในบันทึกของการรถไฟก็มีบันทึกการซื้อตั๋วขาไปของเขาไว้ แต่กลับไม่มีบันทึกตั๋วขากลับ จริงหรือไม่นั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวน ส่วนเื่การวิวาทกับผู้ตายเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ยังไม่แน่ชัด...
ในวันเกิดเหตุ แม่บ้านหรงลี่กลับออกไปก่อนประมาณสิบเก้านาที แต่ใกล้เคียงกับวันปกติ ระยะเวลาการว่าจ้างห้าปี มีความขัดแย้งกับผู้ตายหรือไม่นั้นยังไม่แน่ชัด...
“หัวหน้าครับ คนที่คุณ้าพบตัวมาถึงแล้วครับ คุณจะเริ่มสอบปากคำเมื่อไรดี?”
“เริ่มตอนนี้เลย จ้าวอี้ สิงเฉิน พวกนายไปกับฉัน เฉินตง นายรับผิดชอบการระบุตัวผู้ต้องสงสัย อู๋เยว่ จดบันทึกให้ดี”
เซี่ยตันสั่งจบก็เดินออกจากห้องประชุมไปเป็คนแรก และเดินเข้าไปในห้องสอบปากคำ
“นี่หมายความว่าอะไร? พาฉันมาที่นี่ทำไมกัน?”
คนแรกที่ถูกระบุตัวคือเฉิงเสี่ยวอวิ๋นซึ่งเป็ลูกสาวของผู้ตาย เธอดูตื่นตระหนกอย่างมาก
“คุณเฉิง ไม่ต้องใไปค่ะ เราไม่มีเจตนาอื่น ที่เชิญคุณมาก็เพื่อสอบถามความสัมพันธ์ของพ่อของคุณกับคนอื่นๆ หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือนะคะ ดิฉันคิดว่าคุณก็หวังว่าเราจะไขคดีอย่างเร็วที่สุดเช่นกัน”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นสงบลงและพยักหน้า “พวกคุณถามมาเถอะ ถ้าฉันรู้อะไร ฉันจะไม่ปิดบังเลย”
“พ่อของคุณมีประวัติการเจ็บป่วยไหม”
คำถามแรกของเซี่ยตันคือคำถามนี้
“ไม่มีค่ะ เขาแข็งแรงมาก ครอบครัวของเราชอบออกกำลังกาย แต่เขาก็อายุมากแล้ว จึงป่วยบ้างเล็กน้อยเป็ครั้งคราว”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นตอบอย่างไม่ฉุกคิด
“พวกคุณสองสามีภรรยาไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน จากข้อมูลบ่งบอกว่า หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้พวกคุณซื้อบ้านหลังหนึ่งไว้ แต่่นั้นเหมือนสามีของคุณ เหอเสียงจะเคยทะเลาะกับพ่อของคุณ สะดวกจะเล่าสาเหตุให้เราฟังไหมคะ?”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นชะงัก จากนั้นจึงตอบ “ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้หรอกค่ะ สาเหตุก็คือ คุณพ่อยืนกรานว่าถ้าพวกเรามีลูกจะต้องให้เขาใช้สกุลเฉิง เหอเสียงไม่เห็นด้วย คุณพ่อจึงต่อว่าเขา พวกเราตัดสินใจย้ายออกและค่อยๆ พิจารณาเื่นี้ สาเหตุอื่นที่ย้ายออกก็คือที่อยู่ของพวกเราค่อนข้างใกล้กับบริษัท แล้วทำไมพวกคุณถึงสงสัยสามีของฉันอย่างเหอเสียงล่ะ? เป็ไปไม่ได้หรอก เหอเสียงเคารพพ่อฉันมาก ความสัมพันธ์ของพวกเราสามีภรรยาก็ดี มีเื่อะไรเขาก็ไม่เคยปิดบังฉัน และเขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำเื่แบบนี้ด้วย”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นพูดอย่างแข็งกร้าว
เซี่ยตันและจ้าวอี้สบตากันก่อนจ้าวอี้จะเอ่ยถาม “คุณเคยบอกว่า วันนั้นเหอเสียงนั่งรถไฟความเร็วสูงไปตรวจสอบธุรกิจที่ต่างเมือง คุณเฉิงครับ คุณแน่ใจนะครับว่าสามีของคุณนั่งรถไฟความเร็วสูงจริงๆ?”
“แน่นอนสิคะ ตอนนี้รถไฟความเร็วสูงสะดวกจะตายไป”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นชะงัก ทว่าก็ตอบกลับมาทันที
“ตามบันทึกของการรถไฟ สามีของคุณไม่มีบันทึกการซื้อตั๋วขากลับไว้ เื่นี้คุณทราบไหมครับ?”
“เดี๋ยว จะเป็ไปได้ยังไงกันคะ?”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนสีหน้าเป็งุนงงทันควัน
“งั้นพวกเราจะถามคำถามต่อไปเลยนะครับ ความสัมพันธ์ของครอบครัวคุณกับแม่บ้านหรงลี่เป็ยังไงเหรอครับ?”
จ้าวอี้เขียนชื่อเหอเสียงลงในบันทึก จากนั้นวาดวงกลมวงหนึ่ง
“ป้าหรงนิสัยดีมากค่ะ เธออยู่บ้านเรามาห้าหกปีแล้ว แล้วก็คุ้นเคยกับอาหารที่เธอทำด้วย ความสัมพันธ์ของลูกสาวเธอกับฉันก็ดีมากๆ เช่นกัน เพียงแต่สองปีมานี้เธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเราเลยไม่ได้เจอกันเลย”
เฉิงเสี่ยวอวิ๋นตอบอย่างเหม่อลอย
“โอ้! งั้นหรงลี่กับพ่อของคุณมีขัดแย้งอะไรกันไหมครับ?”
“นี่? ไม่น่าจะมีมั้งคะ? ป้าหรงจะลาออกั้แ่สองปีก่อนแล้ว แต่พ่อของฉันให้เงินเดือนเธอเป็สองเท่า เธอจึงอยู่ต่อ พ่อของฉันยังคงเชื่อใจป้าหรงเสมอ”
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทของพ่อคุณไหม? เคยได้ยินเขาพูดถึงคู่แข่งที่มาจะปองร้ายบ้างหรือเปล่าครับ?”
“ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเลยค่ะ เหอเสียงรู้มากกว่า พวกคุณถามเขาได้”
“...”
เมื่อถึงตอนที่ใกล้จะจบการสอบสวน สามเณรสิงเฉินที่เงียบมาตลอดถามขึ้น “สีกา โยมรู้ที่มาของกระจกทองแดงบานนี้บ้างไหม?”
“มันเป็วัตถุโบราณที่เหอเสียงให้คุณพ่อเพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นน่ะค่ะ”
“ขอบคุณในความร่วมมือเป็อย่างมากค่ะ คุณเฉิง คุณสามารถกลับได้แล้ว เฉินตง เชิญคุณเหอเสียงเข้ามาได้”
เซี่ยตันจับมือกับเฉิงเสี่ยวอวิ๋นและส่งเธอออกจากห้องด้วยตัวเอง
“ไม่ว่าจะมองเหอเสียงยังไง เขาก็เป็ผู้ต้องสงสัยในคดีอย่างมาก แรงจูงใจในการก่อเหตุก็มี!” สีหน้าเซี่ยตันค่อนข้างจริงจัง ขณะเดียวกันก็ยินดีอย่างมาก ถ้าเื่เป็ไปอย่างราบรื่น ก็จะสามารถหาคำตอบของเื่ลึกลับได้อย่างรวดเร็ว
“เหอเสียง คุณบอกฉันว่า เมื่อวันก่อนคุณนั่งรถไฟความเร็วสูงไปเมือง Z ใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ทำไมเหรอ?”
“ไอ้สารเลว! แกกล้าหลอกฉัน ตำรวจบอกฉันแล้วว่าแกไม่ได้ซื้อตั๋วขากลับ แกหลอกฉัน!” เฉิงเสี่ยวอวิ๋นแสดงอาการเดือดดาลในทันที สองวันมานี้การตายของพ่อทำให้เธอหดหู่อย่างมาก ตอนนี้เธอรู้ว่าสามีหลอกลวงตนเองอยู่ แม้จะเป็เื่เล็กน้อยแต่ก็กระทบจิตใจเธออย่างมาก เธอจึงะเิออกมาแม้จะยังยืนอยู่ที่ทางเดินก็ตาม
สถานการณ์วุ่นวายอย่างมาก แต่เพียงไม่นาน ทั้งสองคนก็ถูกแยกไปคนละทาง
“เสี่ยวอวิ๋น รอฉันกลับบ้านไปอธิบายกับคุณ...”
เหอเสียงซ่อนตัวอย่างยากลำบากอยู่ที่ห้องสอบปากคำ อยู่กับกลุ่มคนที่เคร่งขรึมไม่กี่คนซึ่งกำลังต้อนรับเขา
“คุณเหอ เมื่อคืนก่อนคุณอยู่ที่ไหนเหรอคะ?”
เซี่ยตันและจ้าวอี้จ้องไปที่เหอเสียงตาไม่กะพริบ
ใบหน้าเหอเสียงเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เขาก้มหน้าพลางเอ่ย “ผมตรวจสอบธุรกิจอยู่ที่เมือง Z ครับ”
“คุณโกหก!”