ชายหนุ่มที่นางมองเห็นยืนอยู่ตรงหน้าประตู หากไม่ใช่ิอวี่แล้วจะเป็ใครไปได้?
เขายืนตัวตรง ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมาที่เบื้องหน้า สายตาของเขามองทะลุผ่านในระดับความห่างเป็พันเมตรมาที่บนลานพระที่นั่ง
วินาทีที่ิอวี่มองเห็นหยางเสวี่ยหรง เขาก็อดยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปทางนั้น ต่อให้ต้องถูกจับจ้องด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยของคนกว่าสามหมื่นคนก็ตาม
เหมือนกับว่าสามหมื่นกว่าคนทั่วทั้งลานประลอง เสนาบดีทั้งหกคน องครักษ์หน้าพระที่นั่งสามคน ผู้มีความสามารถกว่าอีกพันคน รวมถึงิอ๋องด้วย ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย ในสายตาของเขามีแค่หยางเสวี่ยหรงคนเดียวเท่านั้น!
หยางเสวี่ยหรงเห็นว่าที่หน้าประตูสีแดงที่กำลังเปิดออกนั้นมีคนยืนอยู่ แต่สายตาของนางไม่ได้ดีเท่าผู้ฝึกยุทธ์ ไกลขนาดนั้นนางมองเห็นได้ไม่ชัด ในเวลานี้นางจึงยืนขึ้นเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น จนิอวี่เดินมาตรงหน้าถึงได้แน่ใจ ลูกชายของนางกลับมาแล้ว!
“อวี่เอ๋อร์!”
หยางเสวี่ยหรงโผกอดิอวี่ นางรู้สึกราวกับว่านี่เป็ความฝันที่สวยงาม แต่ไม่ว่าจะเป็อุณหภูมิ ร่างกาย และแขนที่กำลังกอดนางอยู่นั้น มันกำลังบอกกับนางว่านี่เป็เื่จริง
ทุกอย่างมันคือเื่จริง!
ิอวี่ยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ท่านแม่ เพราะเหตุผลบางอย่าง ข้าเลยไปแบบไม่ทันได้บอกท่าน แต่ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็ห่วง ส่วนเื่ที่เกิดขึ้นเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ท่านฟังคืนนี้นะ ดีไหม?”
เพื่อให้ได้กลับมาพบกับแม่ของเขา ิอวี่ต้องเจออะไรมามากมาย แต่ว่าเขาไม่พูด เขาไม่อยากให้แม่ของเขานั้นเป็ห่วง
“ได้ ... ได้ ... เด็กโง่ ไม่เป็ไรก็ดีแล้วนะ ... ”
หยางเสวี่ยหรงดีใจจนน้ำตาไหล นางสะอื้นแล้วพูดว่า “ ... วันนี้เ้ารวบรวมความกล้ามาเข้าร่วมงานประลองได้ แม่ภูมิใจในตัวเ้านะ!”
ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็อย่างไร แค่เห็นจิตใจที่ไม่ยอมแพ้แบบนี้แล้ว หยางเสวี่ยหรงเองก็รู้สึกตื้นตันใจมาก
ตอนที่พูดนั้น นางตื่นเต้นเกินไปจนเกือบยืนไม่อยู่ ขาขวาของนางอ่อนแรงลงจนเกือบจะล้ม ยังดีที่ิอวี่พยุงเอาไว้ “ท่านแม่ ท่านไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
หยางเสวี่ยหรงกัดฟันอธิบาย “แม่ไม่เป็ไร ก็แค่ ... พอเห็นหน้าเ้าแล้วดีใจมากไปหน่อยขาเลยอ่อนน่ะ ... ”
“ท่านแม่ ท่านระวังหน่อยสิ”
ิอวี่กำชับแล้วก็ยิ้ม “ท่านไปนั่งก่อน อีกเดี๋ยวคอยให้กำลังใจข้านะ”
หยางเสวี่ยหรงยิ้มแล้วพยักหน้า แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม
หยางเสวี่ยหรงไฉนเลยจะยังมีความเศร้าหมองอีก กลับกัน ใบหน้านางแดงก่ำมีเืลม สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจแบบปกปิดเอาไว้ไม่อยู่
แต่พระสนมหลี่ที่อยู่ข้างๆ จ้องมองมาที่ิอวี่แบบไม่กะพริบตา สีหน้าท่าทางของนางใมาก!
เป็ไปได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่อีก!
นักรบเืคนเดียวไม่สามารถฆ่าิอวี่ให้ตายได้ พระสนมหลี่ก็ใมากพอแล้ว จากนั้นนางก็ใช้พลังอำนาจที่นางมี ใช้นักรบเืถึงสามคน แต่ก็ยังฆ่าิอวี่ไม่ได้อีก?
เป็ไปไม่ได้ ิอวี่ใช้วิชาอะไรตบตาคนอื่น แล้วหนีการตามสังหารของนักรบเืมาได้นะ แล้วตอนนี้ยังมายืนอยู่ตรงนี้อีก
พอคิดได้ว่านักรบเืที่นางส่งไปนั้นสังหาริอวี่ไม่ได้ พระสนมหลี่ก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก วันนี้กลับไปนางจะต้องทำโทษนักรบเืพวกนั้นให้หนัก!
ไม่มีใครรู้ความคิดในใจของพระสนมหลี่ รวมถึงิเฉินเหยียนด้วย พวกเขาคิดว่าิอวี่ตัดสินใจเข้าร่วมการประลอง เลยทำให้หยางเสวี่ยหรงดีใจจนน้ำตาไหลเท่านั้นเอง
ิอวี่หันไปมองิเฉินเหยียน ในความทรงจำของเขา หลังจากที่เขาอายุสิบสองปีก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแท้ๆ ของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เดิมทีคิดว่าวันนี้พอได้เห็นหน้าอาจจะทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและความใกล้ชิดได้
แต่ความองอาจ ความดุดัน และสีหน้าไร้อารมณ์ของิเฉินเหยียน กลับทำให้ิอวี่รู้สึกเฉยชา
เขากลับรู้สึกว่าตัวเขานั้นคิดไปเองข้างเดียว แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองมู่หลางแล้วถามว่า “ข้าลงทะเบียนได้แล้วหรือยัง?”
“... ได้ขอรับ”
ิอวี่เดินไปที่แถว ก็พบว่ามีสายตาที่หลากหลายอารมณ์กำลังจ้องมองมาที่เขา มันมีทั้งความตกตะลึง สงสัย และไม่พอใจ
จากนั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดอยู่ที่ผู้หญิงนางหนึ่ง
เยี่ยซีมองมาที่ิอวี่เหมือนกัน นางรู้สึกแปลกใจมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าคนไม่เอาไหนนี่จะใจกล้ามาร่วมการประลองยุทธ์ด้วย
เยี่ยซีพบว่าิอวี่เหมือนจะสูงขึ้นกว่าเมื่อสามเดือนที่แล้วมาก สูงกว่าตัวนางไปเป็คืบเลย เพราะแบบนี้ เวลานางมองิอวี่ก็เลยต้องเงยหน้าขึ้น มันทำให้เยี่ยซีรู้สึกไม่ชอบใจเลย
แต่ว่าหากคิดจะใช้วิธีนี้มาพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเป็ลูกผู้ชายแล้วล่ะก็ มันน่าขำไปหน่อยไหม
ความสามารถต่างหากที่เป็วิถีแห่งเ้า!
การปรากฏตัวของิอวี่นั้นช่วยเพิ่มกำลังใจให้นางมาก แต่เยี่ยซีไม่เข้าใจเลยว่า เขาไม่รู้หรือว่าการขายหน้าต่อคนสามหมื่นคนนั้น มันจะเป็การลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองแค่ไหนน่ะ?
เยี่ยซีเก็บสายตากลับมา ดวงตาอันสวยงามกลายเป็บ่อน้ำแห้งอีกครั้ง นางไม่มองิอวี่อีกแล้ว
หากเป็เ้าของร่างเดิม พอเห็นสายตาที่เ็าไร้เยื่อใยแบบนี้ เขาจะต้องเสียใจมากแน่ ต้องอยากจะเดินหน้าเข้าไปอธิบายอะไรมากมายไม่หยุด แต่ิอวี่ในตอนนี้ก็แค่ยิ้มแล้วเดินผ่านไป
การกระทำ มันจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง
“ในเมื่อมาครบแล้ว เริ่มการแข่งขันได้”
มู่หลางเป็คนพาผู้มีความสามารถกว่าพันคนทั้งหมดมาเข้าแถวที่ปากประตูทิศใต้ แล้วพูดว่า “จากนี้ จะเข้าสู่การแข่งขันอย่างเป็ทางการ ตามกฎแล้ว ตระกูลใหญ่และเชื้อพระวงศ์จะได้เริ่มก่อน จากนั้นก็จะจบด้วยองค์ชายองค์หญิง ตอนนี้ คนแรก ตระกูลหลิว หลิวซงิ”
ถึงแม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่มีโอกาสชนะมากที่สุดก็คือเยี่ยซี แต่ว่าพวกเขาก็จะต้องพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ให้เยี่ยซีเห็นว่าพวกเขาก็มีพร์เหมือนกัน จะมาดูถูกไม่ได้!
หลังสิ้นเสียงของมู่หลาง ที่บริเวณที่นั่งของตระกูลหลิวก็ส่งเสียงโห่ร้อง หลิวซงิเป็หนุ่มน้อยที่มีพร์ในรุ่น การส่งเสียงให้กับเขาถือว่าเหมาะสมมากแล้ว
หลิวซงิมีกำลังใจมากขึ้น เขาขานรับจากนั้นก็เดินขึ้นไปหน้ากลองศึก
เขาไว้ผมสั้น ผิวออกสีเหลืองข้าวโอ๊ต ถึงแม้ปีนี้อายุแค่สิบเจ็ดแต่รูปร่างของเขาก็สูงใหญ่มาก ร่างกายกำยำ และมีพลังน่าทึ่งมาก
ตอนนี้เขามีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ดแล้ว มีกำลังเทียบเท่ากับราชสีห์หนึ่งพันสองร้อยตัว!
“ฮู้ว ... ”
หลิวซงิเป่าลมออกจากปาก สายตาจ้องไปที่กลองศึกอย่างแน่วแน่แล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็ใช้หมัดชกเข้าไปที่กลองศึกอย่างแรง
“ตึ่ง!”
เสียงที่ดูหนักอึ้งดังขึ้น ทุกคนรู้สึกะเืไปถึงหัวใจ ลวดลายสีขาวบนกลองศึกแปรเปลี่ยนเป็สีแดง จากนั้นก็กลายเป็สีม่วงเข้ม!
“เยี่ยมมาก!”
“ตระกูลหลิวของเรายอดเยี่ยมที่สุด!”
เพราะเสียงของกลองมันดังก้องมาก กระตุ้นความฮึกเหิมของผู้น้อยตระกูลหลิวอย่างมาก ชายหนุ่มเืร้อนะโคำที่หยิ่งผยองอย่างยิ่งออกมา
เพียงแต่ คำพูดพวกนี้มันทำให้อีกสองตระกูลใหญ่ไม่พอใจอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่พูดอะไร ในใจก็แอบคิดว่า เดี๋ยวให้คนของตระกูลเราขึ้นไปก่อนเถอะ จะพลิกสถานการณ์กลับมาให้ดู!
ไม่นานผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบคนของตระกูลหลิวก็ตีกลองจนครบ เพียงแต่ลวดลายบนกลองของพวกเขานั้นเป็สีแดงเข้มไม่ก็เป็สีม่วงอ่อน เห็นได้ชัดว่าของหลิวซงินั้นถือว่าดีที่สุด
“ต่อไป ตระกูลหลิน หลินฮาวหราน” โดยไม่มีการหยุดพัก มู่หลางก็ะโขานชื่อของตระกูลหลิน
“ ... ข้าหรือ?”
ถึงแม้จะรู้ดีว่าจะต้องลงแข่งแล้ว แต่พอถูกขานชื่อจริงๆ หลินฮาวหรานก็รู้สึกใ
เขาเป็ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกที่ปกติมีคนชื่นชมมากมาย แต่พอเห็นหลิวซงิแสดงฝีมือออกมาแล้ว เขาก็ไม่มีความมั่นใจเลย เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้
แล้วพอคิดได้ว่ายังมีผู้ชมอีกกว่าสามหมื่นคนดูอยู่ด้วย อีกทั้งด้านซ้ายมีิอ๋องมองเขาอยู่ เขาก็รู้สึกปวดหัว ร่างกายแข็งทื่อไป ความเืร้อนที่มีก่อนหน้านี้มันลดหายไปเกือบหมด
ต้องใจเย็นเข้าไว้!
หลินฮาวหรานบังคับตัวเองให้เดินขึ้นไป ดูเหมือนว่าเป็การก้าวเดินที่ยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้ และสุดท้ายก็ชกหมัดไป
“ตึ่ง”
เสียงกลองดังขึ้น และสั่นอยู่หลายนาที ลวดลายสีขาวเปลี่ยนเป็สีแดง และสุดท้ายก็เป็สีแดงสดออกมา
เสียงเชียร์ของตระกูลหลิวก็ดังขึ้น
ถึงแม้พวกเขาจะเย้ยหยันแบบออกนอกหน้าไม่ได้ แต่เสียงโห่ร้องะโและสายตา ก็มองออกอยู่ดีว่าพวกเขากำลังประชดประชันตระกูลหลิวอย่างไร้เสียง!
หลินฮาวหรานเขินมาก เขากำหมัดแน่นแล้วก้มหน้าเดินลงจากลานประลองไป จากนั้นมู่หลางก็ส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง “คนต่อไป ตระกูลหลิน หลินเจ๋อเทียน”
ท่ามกลางผู้เข้าแข่งขัน ชายหนุ่มรูปงามผมยาวประบ่าค่อยๆ เดินออกมา ทันทีที่เขาปรากฏตัว บรรยากาศของทางตระกูลหลินก็เปลี่ยนไปทันที ทุกคนต่างโห่ร้องะโส่งเสียง หลินเจ๋อเทียนเป็ผู้ที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลิน เขาอายุแค่สิบเจ็ด แต่มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ด!
บนตารางอันดับผู้กล้าของราชวงศ์ิ หลินเจ๋อเทียนเป็ผู้กล้าที่อยู่ในอันดับที่แปดร้อยสามสิบสอง
เขามีอันดับที่เหนือกว่าเยี่ยซีที่อยู่ที่อันดับเก้าร้อยยี่สิบหกเมื่อปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็คนที่แข็งแกร่งรองลงมาจากเยี่ยซีเลย
“พี่เจ๋อเทียน! สู้ๆ !”
“พี่เจ๋อเทียนยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”
หลินเจ๋อเทียนได้ยินผู้ชมส่งเสียงให้กำลังใจ ก็เลยหันไปส่งสัญญาณมือให้ทางตระกูลหลินเพื่อให้ทุกคนเงียบลง จากนั้นเขาก็เดินไปยืนตรงหน้ากลอง
ทุกคนเงียบไปในพริบตา รอให้หลินเจ๋อเทียนลงมือ
หลินเจ๋อเทียนตอนนิ่งๆ ก็ยังไม่เท่าไร แต่เมื่อขยับก็รวดเร็วดั่งสายฟ้า เขาพุ่งเข้าซัดฝ่ามือไปที่กลองอย่างแรง เสียงกลองดังก้องขึ้นมาเหมือนฟ้าร้อง
พริบตาเดียว ขอบกลองก็เปลี่ยนเป็สีแดง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็สีม่วงเข้ม และสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็สีดำ! มีแค่คนที่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งพันห้าร้อยตัวเท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้มันเป็สีดำได้!
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง ฝ่ามือนี้ของหลินเจ๋อเทียนทำให้ความอึดอัดใจของคนอื่นๆ ในตระกูลหลินหายไปในพริบตา แต่ละคนปรบมือโห่ร้องกันจนหน้าดำหน้าแดง
“เยี่ยม!”
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก!”
“ตระกูลหลินของพวกเรา แข็งแกร่งที่สุด!”
ผู้น้อยในตระกูลหลินะโออกมาอย่างมั่นใจ แล้วมองไปที่ตระกูลหลิว สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ถึงแม้หลินเจ๋อเทียนจะมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ด แต่ว่าพลังของเขาเทียบเท่ากับราชสีห์หนึ่งพันห้าร้อยตัวแล้ว พูดได้เลยว่า พร์และกำลังรบของขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนนั้น แทบไม่มีใครเทียบได้เลยในรุ่นอายุเดียวกัน เพราะผู้กล้าที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาไม่มีใครทำให้กลองมีลวดลายสีดำได้เลย!
แค่ฝ่ามือเดียวที่เรียบง่าย ก็ทำให้หลินเจ๋อเทียนดูเหนือกว่าผู้มีความสามารถพันกว่าคนแล้ว เขากลายเป็ที่สะดุดตาของกลุ่มชนชั้นสูง
หลินเจ๋อเทียน ติดหนึ่งในแปดสิบแน่นอน!