เย่เทียนเซี่ยเดินไปด้านหน้าแล้วพายุหมุนัอันบ้าคลั่งก็โหมกระหน่ำขึ้นมาโดยมีตัวเขาเป็จุดศูนย์กลาง ทันใดนั้นสายลมอันบ้าคลั่งก็พัดหมุนขึ้นมาทันทีทำให้ผู้เล่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆทั้งหมดกระเด็นออกไป ท่ามกลางสายลมที่หมุนวนผู้คนทั้งหมดมองเห็นเพียงเงาเลือนรางเหมือนภาพลวงตาและตามมาด้วยตัวเลขความเสียหายมหาศาลที่ทำให้พวกเขาหน้าถอดสีที่ลอยขึ้นมาจากหัวของเหลยเป้าโดยที่เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้
-1340,-1342,-1332,-1384,-1348,-1336,-1338!
ขณะที่ตัวเลขเ่าั้ลอยขึ้นมา ตัวเลขความเสียหายมหาศาลที่ลอยขึ้นมาซ้ำๆเจ็ดครั้งก็ดูเหมือนจะลอยขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง........... ความแข็งแกร่งของเซี่ยเทียน พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นมันด้วยตาของตัวเองก็ตอนนี้ เขาใช่เวลาเพียงแค่ยี่สิบวินาทีจัดการคนสามสิบคนราวกับปาฏิหาริย์ ความเสียหายที่เขาสร้างได้นั้นเกินพันซึ่งอยู่ในระดับที่ผู้เล่นธรรมดาไม่อาจไปถึงได้
ตอนนี้พวกเขากำลังมองอะไรอยู่นะ.............
ตัวเลขความเสียหายเจ็ดตัว หลังจากรวมตัวเลขความเสียหายทั้งเจ็ดตัวนั้นแล้ว...........มันก็แทบจะเกินหมื่นเลยทีเดียว!!
ความเสียหายเกินหมื่น นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!?
เมื่อผู้เล่นจำนวนมากค้นหาบอสขุนนางเลเวลประมาณ 10 -13 เจอพวกเขาก็จะเตรียมการอย่างเต็มรูปแบบและสร้างทีมอันสมบูรณ์แบบที่มีจำนวนคนค่อนข้างมากไปท้าทายมันอย่างยากลำบาก....... ความเสียหายนี้มาจากการโจมตีที่น่ากลัวที่สามารถฆ่าบอสขุนนางที่มีเลเวลต่ำกว่า 15 ภายในเสี้ยววินาทีได้เลย!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหลยเป้าได้ล้มลงไปแทบเท้าของเย่เทียนเซี่ยอีกครั้งแล้ว............ แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ล้มลงไปล่ะก็เขาคงจะกลายเป็ตำนานเหมือนกับเซี่ยเทียนแน่นอน แต่เมื่อเซี่ยเทียนถูกยกให้เป็ตำนาน เขาจึงเป็ได้แค่ก้อนหินใต้ฝ่าเท้าอันน่าเศร้าเท่านั้น
เมื่อพายุหมุนัหยุดลงเยเทียนเซี่ยก็ยืนอยู่ที่เดิมพร้อมด้วยรอยยิ้มเย็น ผู้คนที่อยู่โดยรอบทั้งหมดกลั้นหายใจแล้วมองไปที่เย่เทียนเซี่ยอย่างตกตะลึงราวกับเห็นสัตว์ประหลาดจากต่างดาวอย่างไรอย่างนั้น...... น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่เป็เพียงคำๆเดียวที่พวกเขาคิดออกมาได้
มีดเล่มโตในมือของเหลยเป้าดรอปออกมาแล้วตกลงบนพื้น แสงสีทองแดงที่ส่องสว่างออกมาทำให้ผู้เล่นที่ยืนอยู่รอบๆกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เย่เทียนเซี่ยไม่ชายตามองมันเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าไอเทมทองแดงนั้นไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆและผู้เล่นที่ถูกสายตาของเขากวาดผ่านล้วนรู้สึกใจกระตุกโดยไม่รู้ตัวจนแทบจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้
“ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว แยกย้ายสิ” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาเสียงเย็น
ประโยคง่ายๆราวกับมีพลังอันแกร่งกล้าซึมลึกเข้าไปในใจของทุกคน ผลที่ออกมาดีเกินคาด ผู้คนที่เคยจ้องมองมาจำนวนมากเริ่มสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่แน่นอนว่ายังคงมีคนจำนวนมากที่รั้งรออยู่ที่นี่ หรือเดินออกไปไกลๆแล้วค่อยหันกลับมาแอบมองที่ตรงนี้อีกครั้ง ท่ามกลางผู้คนที่ยังไม่จากไปนั้นยังรวมไปถึงหลิงหยุนดาบเดียวที่ไม่พูดอะไรสักคำแต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายออกมาไม่หยุด
เย่เทียนเซี่ยไม่สนใจผู้คนโดยรอบ เขาเดินไปหาเฉินซินที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาของเธอในตอนนี้เปล่งประกายสดใสจนทำให้ดวงตาของเขาถูกดึงดูดไปอย่างไม่อาจห้ามได้ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดออกมา “ดูเหมือนว่าต่อไปเธอจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ซะแล้วสิ”
ประโยคที่เขาพูดออกมาอย่างกะทันหันทำให้เฉินซินนิ่งอึ้งไป จากนั้นเธอก็ส่ายหน้าแรงๆและยิ้มออกมาโดยไร้ความเสียใจใดๆ “ไม่เป็ไรหรอก........... ขอบคุณนายมากนะ ฉันจะจดจำนายตลอดไป............ว่านายคือเพื่อนของฉัน”
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายที่เย่เทียนเซี่ยมาที่นี่ ความขัดแย้งที่เขามีต่อโบสถ์จิติญญาแห่งาในวันนี้มีความเป็ไปได้สูงว่าจะนำมาซึ่งการแก้แค้นของโบสถ์จิติญญาแห่งา แต่ถ้าหาเย่เทียนเซี่ยไม่พบ ก็เป็ไปได้ว่าการแก้แค้นจะต้องตกมาอยู่ที่เฉินซินอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นมันอาจจะกลายเป็ปัญหาไม่รู้จบสำหรับเธอก็เป็ได้
เย่เทียนเซี่ยพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มออกมาน้อยๆ “งั้นต่อไปเธอช่วยฉันสักเื่ได้ไหม? ฉันเพิ่งจะมีบ้านในเกมนี้พอดี แต่ยังขาดคนคอยดูแลและจัดการ......... เธอจะยินดีไปดูแลและจัดการบ้านให้ฉันทุกวันไหม? ฉันจะให้ค่าตอบแทนรายวันกับเธอ ทุกวัน...............วันละหนึ่งพันเหรียญทอง!”
“................” จั้วพั่วจวิน
“................” มู่หรงชิวสุ่ย
“!@#$%...........” ซูเฟยเฟย
“น้องสาวคนนี้มีที่มาที่ไปยังไง? ทำไมพี่ถึงได้ทำเื่พิเศษๆกับเธอนัก?” จั้วพั่วจวินถามมู่หรงชิวสุ่ยเบาๆ จากนั้นเขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาแอบเบนสายตาไปมองซูเฟยเฟย และก็ได้เห็นใบหน้าที่เหมือนจะะเิออกมาเหมือนูเาไฟของเธอ
“โอ้! บางทีพี่รองอาจจะเปลี่ยนไป............ เห้ย!! ถ้าเป็แบบนี้ฉันก็ไม่รังเกียจถ้าฉันจะเป็ผู้หญิงจริงๆหรอกนะ” มู่หรงชิวสุ่ยพูดออกมาเพ้อๆ สองประโยคนั้นทำให้จั้วพั่วจวินมีเส้นเืผุดขึ้นบนหน้าผาก
เฉินซินยังคงเงยหน้ามองไปที่เขา แต่ทันใดนั้นเธอก็รีบก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้าๆ “ขอบใจนายนะ แต่ฉัน...........”
“นี่ไม่ใช่การให้ฟรีๆหรอกนะ” เย่เทียนเซี่ยไม่รอให้เธอพูดจบเขาก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ “ไม่ใช่แน่นอน แต่เป็เพราะฉัน้าคนแบบนี้........ คฤหาสน์ของฉันน่ะใหญ่มากเลย ทุกวันก็มีพื้นที่มากมายต้องทำความสะอาด สระว่ายน้ำก็ต้องจัดการ สวนดอกไม้ก็ต้องตกแต่งกิ่ง งานจัดซื้อทุกวันก็หนักหนา.............. ถ้าเธอได้เห็นบ้านในโลกนี้ของฉันเธอก็จะรู้เองว่ามันใหญ่ขนาดไหน คนๆเดียวทำเื่นี้วันละหนึ่งพันเหรียญทองนี่ไม่เยอะเลย” เขาชะงักไปซักพักแล้วพูดต่อ “แน่นอนว่าฉันกำลังขอความเห็นของเธออยู่ หวังว่าเธอจะไปเป็แม่บ้านของฉัน........... ถ้าเธอไม่อยากก็ไม่เป็ไร เดี๋ยวฉันจะหาคนอื่นมาทำเอง”
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม สีหน้าของเขาอ่อนโยน ไม่มีแววความไม่เต็มใจหรือ้าจะให้อะไรเธอฟรีๆทั้งนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของเขาหัวใจของเฉินซินก็เต้นถี่แรงไม่หยุด.......... วันละหนึ่งพันเหรียญทองก็จะเท่ากับหนึ่งพันเหรียญหัวเซี่ย ภายในหนึ่งเดือนเธอก็จะมีรายได้ถึงสามหมื่นเหรียญหัวเซี่ย ถ้าเป็เมื่อก่อนสำหรับเธอคงจะกล้าคิดถึงรายได้ขนาดนี้แค่ในฝันเท่านั้นแหละ เธอ้าเงินมากๆ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อรักษาชีวิตน้องสาวของเธอ...... เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดออกไปเสียงสั่น “ฉัน..........ฉันทำได้จริงๆเหรอ.........”
เย่เทียนเซี่ยถอนหายใจเงียบๆแล้วยิ้มออกมา “ได้แน่นอน ฉันเลือกเธอเพราะเธอจะต้องเป็ผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบ เอาใจใส่และอ่อนโยนมากแน่ๆ เธอจะต้องจัดการบ้านของฉันให้ดีได้แน่นอน แล้วเธอก็ยังสวยขนาดนี้อีก จะมองตอนไหนก็เจริญหูเจริญตา แล้วก็.......... เธอเป็นักประเมิน หลังจากที่เธอเป็แม่บ้านของฉันแล้วเธอก็ช่วยประเมินให้ฉันฟรีๆทุกวันเลยไง จะว่าไปแล้วก็ถือเป็โชคดีของฉันนะเนี่ย.......... จริงๆแล้วเมื่อวานฉันก็อยากจะขอให้เธอช่วยอยู่แล้ว พวกเราเป็เพื่อนกัน เธอจะยอมช่วยเพื่อนหรือเปล่า?”
เฉินซินพบว่าในดวงตาทั้งสองข้างของตัวเองถูกเคลือบไปด้วยหยาดน้ำใสอีกครั้ง เพราะเขา เธอถึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้.......... ที่จริงเป็ใครช่วยใครกันแน่ เธอเข้าใจ เธอเข้าใจมันทั้งหมด เพื่อน............ เธอที่ได้แต่เฝ้าระแวงอยู่ทุกวันไม่เคยกล้ามีเพื่อนเลย แต่คำสองคำที่ออกมาจากปากของเขาทำให้เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความอบอุ่นนั้นเป็อย่างไร
เธอพยักหน้าอย่างแรง.......... ขณะเดียวกันเธอก็มองเห็นความหวังที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เขานำมาให้เธอ
เมื่อเห็นเฉินซินตอบตกลง ในที่สุดซูเฟยเฟยก็ทนไม่ไหว............ ผู้ชายที่เธอชอบใช้ใบหน้าของตัวเอง “ยั่วยวน” สาวน้อยผู้งดงามให้กลับบ้านไปด้วยกัน ถ้าเธอสามารถทนได้ล่ะก็เธอคงไม่ใช่ซูเฟยเฟยแล้วล่ะ ดังนั้นเธอจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว...... แต่หนึ่งก้าวนั้นก็ทำให้หัวใจของจั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ยเต้น “ตึกตัก” ขึ้นมาพร้อมกัน
มีเื่สนุก มีเื่สนุกแล้ว!!
แต่ั้แ่ก้าวที่สองเท้าของซูเฟยเฟยก็เปลี่ยนเป็ช้าและเบาลง แม้แต่สีหน้าบนใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันสูงส่งทันที เมื่อเธอเดินไปถึงข้างกายของเย่เทียนเซี่ยต่อหน้าคนจำนวนมากเธอก็กอดแขนของเขาอย่างเป็ธรรมชาติแล้วมองไปที่เฉินซินด้วยรอยยิ้ม “ใช้แล้วล่ะน้องสาว บ้านของฉันกับเทียน.......พี่เทียนยังขาดคนคอยดูแลอยู่พอดี สองวันมานี้พวกเราตั้งใจหาคนมาตลอด ถ้าน้องสาวยอมช่วยพวกเรางั้นก็จะดีมากเลย”
ประโยคนั้นเปลี่ยนจาก “เทียนเซี่ย” เป็ “พี่เทียน” การเรียกชื่อเย่เทียนเซี่ยยุ่งยากขึ้นมานิดหน่อย แขนของเขาถูกซูเฟยเฟยควงเอาไว้ ร่างของเขาก็ถูกเธอเบียดเข้ามาจนแนบชิด....... ความคิดเล็กๆของเธอทำไมเขาจะเดาไม่ออกและทำได้แต่ยิ้มขมขื่นอยู่เงียบๆ
จั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ยมองหน้ากันจากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาพร้อมๆกัน......... แม้ว่าจะรู้สึกโกรธ แต่การแสดงออกของซูเฟยเฟยกลับไม่ใช่การไปลากเย่เทียนเซี่ยออกมาหรือะโออกมาอย่างไม่ยินยอมกับการหาคนดูแลบ้านอะไรพวกนั้น แต่เป็ท่าทางที่จะไม่ทำให้เย่เทียนเซี่ยเกลียดชัง แล้วยังเชิญชวนและต้อนรับเฉินซินตามที่เย่เทียนเซี่ยคิดด้วยท่าทางอ่อนโยน และขั้นตอนที่เป็กุญแจสำคัญก็คือการแสดงออกถึงความสนิทสนมสุดๆกับเย่เทียนเซี่ย ที่ทำให้เฉินซิน........ ที่ทำให้คนโง่ดูออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา และทำลายความน่าจะเป็ในการพัฒนาอะไรๆของพวกเขา
เฉินซินถามออกไปเสียงเบา “เธอคือ?”
“ฉันคือแฟนของพี่เทียน ดังนั้นบ้านของพวกเราคงต้องให้เธอดูแลแล้วล่ะ” ซูเฟยเฟยยิ้มหวานออกมาด้วยสีหน้าอ่อนโยนเหมือนฤดูใบไม้ผลิ อย่างน้อยเฉินซินก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจที่ซูเฟยเฟยมอบให้เธอด้วยความอบอุ่น
ไม่รู้อย่างไรเมื่อมองซูเฟยเฟยที่เข้ามาใกล้เย่เทียนเซี่ย ในใจของเฉินซินก็มีความรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กๆ เธอโค้งลงน้อยๆ “ขอบคุณพี่สาว......... ของคุณพวกนายมาก ฉัน........ฉันจะไม่ทำให้พวกนายผิดหวัง”
ท่ามกลางความเงียบมือข้างหนึ่งของซูเฟยเฟยหยิกแขนของเย่เทียนเซี่ยเบาๆอยู่ตลอด ถ้ากล้าโต้เถียงเื่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราล่ะก็........... ต่อไปจะเจอหนักกว่านี้แน่
ผู้หญิงคนนี้..............เย่เทียนเซี่ยส่ายหัวแล้วยิ้มเงียบๆ เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธออกไป จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็ต้องตอบรับหรือปฏิเสธ เขาพยักหน้าเบาๆให้เฉินซิน “มากับฉันก่อนเถอะ ไปรอฉันที่นั่นเธอค่อยตัดสินใจเป็ครั้งสุดท้าย ดีไหม?”
“อืม” เฉินซินพยักหน้าเบาๆ ความขอบคุณในใจของเธอมีมากจนเธอไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดออกไป เขาไม่เพียงช่วยเหลือเธอ แต่ยังมอบความหวังและกำลังใจให้เธอ และยังให้ความเคารพและอิสระกับเธอทุกอย่าง.......... เธอรู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วจริงๆ เธอก้าวผ่านเส้นทางขรุขระมาแล้วนับไม่ถ้วน ลิ้มรสความร้อนหนาวของโลกใบนี้มาก็มาก ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วยังมีความอบอุ่นเช่นนี้อยู่ด้วย
เมื่อมองเย่เทียนเซี่ยนำหญิงสาว.......และยังเป็หญิงสาวที่สวยเกินบรรยายกลับ “บ้าน” ถ้าเธอไม่หึงเหมือนมีกองไฟลุกท่วมล่ะก็เธอคงไม่ใช่ซูเฟยเฟย........... แต่นอกจากสิ่งนี้แล้วขณะที่ซูเฟยเฟยจ้องมองไปเธอก็เห็นใบหน้าสบายใจและมีความสุขของเฉินซิน
เธอรู้ว่าเย่เทียนเซี่ยมีอดีตเป็อย่างไรจากจั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ย และสิ่งเ่าั้ก็ทำให้เขาเ็าและโหดร้าย ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะออกจากบ้าน ไม่ชอบไปติดต่ออะไรกับคนจำนวนมาก........ แต่เมื่อเขาได้พบเฉินซิน ได้พบหญิงสาวที่ดูไปแล้วเหมือนจะอ่อนแอจนทำให้ผู้คนสงสาร สิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดกลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าภายใต้ท่าทางภายนอกที่แสนจะเ็าของเขา ในใจของเขากลับมีความอ่อนโยนเป็อย่างมาก......... เหมือนกับไม่ว่าจะมีอะไรมาทำให้เขาอารมณ์เสียเขาก็ไม่ได้โกรธขึ้นมาจริงๆ เมื่อตอนที่เธอพบเจอกับอันตรายเขาก็พุ่งเข้ามาหาทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น................
บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่รู้ว่าตัวเขาจริงๆแล้วไม่ได้โหดร้ายไร้อารมณ์เลยสักนิด