เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่ หมอตู้ก็แสดงสีหน้าบูดบึ้ง แค่นเสียงเ็า ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินจากไป
นางไม่เข้าใจ ทำไมหมอตู้ดูเหมือนจะไม่พอใจนางอยู่เสมอ ซ้ำร้ายเขาไม่พอใจอย่างมากด้วย
หลินกู๋หยู่มองไปที่เงาด้านหลังของหมอตู้ที่เดินจากไป และก้าวถอยหลัง "ข้าจะค่อยๆ ฝึกฝนด้วยตัวเองก็น่าจะเขียนได้ดีขึ้น"
คงเป็เพราะอากาศเย็น คนในห้องโถงไม่เยอะมาก ซ้ำด้านนอกก็เงียบงัน
หลินกู๋หยู่ยังคงจุ่มน้ำฝึกเขียนอยู่บนโต๊ะ โดยคิดว่าเมื่อฝึกฝนจนชำนาญแล้ว นางถึงจะเขียนลงบนกระดาษ
ลู่จื่อยู่ลดสายตาลงเล็กน้อย เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง คนรับใช้ก็เดินมากระซิบที่ข้างใบหู
หลินกู๋หยู่วางพู่กันในมือไว้ข้างๆ และทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อลู่จื่อยู่จากไป
นางรู้สึกว่าวันนี้เขาผิดแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย เด็กสาวทอดมองออกไปข้างนอก
ลมกระโชกแรงพัดมา ใบไม้บนถนนปลิวกระจาย อากาศเริ่มเย็นแล้ว
ในตอนเย็น หลินกู๋หยู่ห่อโต้ซาแน่นสนิทโดยมีฉือหางมายืนรออยู่ข้างนอก
“เ้ามารอนานแค่ไหนแล้ว?” หลินกู๋หยู่จับมือโต้ซาและเดินไปหาฉือหาง มองดูใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยจากความหนาวเย็น
"ไม่นานนัก" ขณะที่ฉือหางพูด เขาก็ย่อตัวลงกำลังจะอุ้มโต้ซาขึ้น
"ปล่อยให้เขาเดินเองสักพักเถอะ" หลินกู๋หยู่เอียงศีรษะมองไปที่โต้ซาด้วยรอยยิ้ม "โต้ซาอยากจะเดินด้วยตัวเองหรือไม่?"
“โต้ซาอยากเดินเอง ไม่อยากให้ท่านพ่ออุ้ม” ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหัวเราะ “โต้ซาโตแล้ว”
ฉือหางมองลูกชายของตน รอยยิ้มบนใบหน้าก็เป็ประกายสดใส
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องเริ่มสวมเสื้อผ้าหนาๆ กันแล้ว” หลินกู๋หยู่พูดพร้อมกับหันไปมองฉือหาง “ข้ายังทำเสื้อของเ้าไม่เสร็จเลย ข้าจะกลับไปทำให้เสร็จในคืนนี้”
“ไม่มีปัญหา” ฉือหางเหยียดกระดูกและกล้ามเนื้อ จับมือโต้ซาเดินไปด้านนอกด้วยรอยยิ้มจางๆ “ข้าสร้างกระท่อมฟางเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ชายมาช่วยข้าทำด้วย”
“เร็วถึงเพียงนี้?” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยความประหลาดใจหลายส่วน “ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะสร้างเสร็จเร็วถึงเพียงนี้”
ทันทีที่ไปถึงประตูเมือง โต้ซาก็เหนื่อยอ่อนแล้ว เขาไม่สามารถเดินตามความเร็วของคนทั้งสองได้ ฉือหางก้มลงอุ้มโต้ซาเดินตรงกลับบ้าน
เมื่อหลินกู๋หยู่มาถึงบ้าน นางก็เห็นว่ามีกระท่อมฟางว่างๆ ตั้งอยู่ข้างบ้าน เมื่อออกมาจากประตูบ้าน แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปอีกหน่อย ก็จะถึงกระท่อมฟางหลังนั้นแล้ว
ทิศใต้ของกระท่อมฟางติดกับตัวบ้าน ทิศตะวันตกติดกับผนังลานบ้าน และทิศเหนือสร้างกระท่อมหญ้าฟางขึ้นมา
กระท่อมฟางสร้างได้ไม่ยากนัก แม้ว่าขนาดกระท่อมฟางจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็เป็การดีที่จะใช้วางสิ่งของ สามารถป้องกันฝนและหิมะได้
“ดีมาก” หลินกู๋หยู่กล่าวชื่นชม นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
สถานที่แห่งนี้ใช้เก็บฟืนและสิ่งของอื่นๆ เป็หลัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องทำให้ดีมาก
ฉือหางชำเลืองมองที่กระท่อมฟางอย่างพึงพอใจ วางโต้ซาลงบนพื้นแล้วชี้ไปที่ผนังข้างๆ เขา "ตรงนี้ยังไม่แห้ง อีกสองวันมันก็น่าจะแห้งสนิท"
หลินกู๋หยู่ฉีกยิ้ม "คืนนี้เ้าอยากกินอะไรหรือ?"
“หือ?” สมองของฉือหางช้าลงเล็กน้อย เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนหน้านี้เขากำลังคิดถึงเื่กระท่อมฟางอยู่เลย
“มีอะไรที่อยากกินหรือไม่?” หลินกู๋หยู่ไม่รีบร้อน ในดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
จริงๆ แล้ว
ทานอะไรก็ได้ เขาไม่มีปัญหา
ขอแค่เ้าเป็คนทำ
ทุกอย่างล้วนดีหมด
ฉือหางไม่กล้ามองใบหน้าหลินกู๋หยู่ เขาลดสายตาลงช้าๆ เม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วเอ่ยว่า "อะไรก็ได้"
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินกู๋หยู่ชะงักชั่วครู่ จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน
นางเข้าใจแล้วว่าทำไมฉือหางถึงไม่รู้ว่าอาหารที่เขาปรุงนั้นไม่อร่อย ที่แท้เป็เพราะว่าเขาทานอะไรก็ได้
ผัดผักหนึ่งจาน ทอดขนมแป้งไข่สำหรับโต้ซา ผัดไข่สองสามฟองกับพริกหยวก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉือหางยังคงล้างจานอย่างขยันขันแข็งเช่นเดิม
ก่อนหน้านี้หลินกู๋หยู่ได้เย็บเสื้อผ้าหนาๆ ของโต้ซาไปแล้ว เด็กทนต่อความหนาวไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก นางจะห่อโต้ซาให้แน่นสนิท
เพียงแต่เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองคนยังทำไม่เสร็จเลย
หลินกู๋หยู่สวมเสื้อกันหนาวตัวเก่าของตน แต่ฉือหางมีเสื้อกันหนาวตัวนั้นตัวเดียว เป็เสื้อตัวเก่าที่ด้านในเต็มไปด้วยฟาง
หลังจากที่หลินกู๋หยู่อาบน้ำเสร็จแล้ว นางก็หยิบเสื้อผ้าเก่าของฉือหางออกมาซ่อมแซม
อากาศในตอนนี้ยังไม่นับว่าหนาวจนเกินไป ดังนั้นเย็บเสื้อคลุมตัวบางให้เขาใส่มันใน่นี้อาจจะดีกว่า
หลังจากเย็บเสื้อตัวนี้เสร็จแล้ว นางจะเย็บเสื้อผ้าสำหรับเทศกาลปีใหม่ให้ฉือหาง
หลินกู๋หยู่ใส่ขนเป็ดทั้งหมดเข้าไป เพราะกังวลว่าขนเป็ดจะเล็ดออกมา นางจึงเย็บพวกมันเป็ก้อนเต้าหู้
"ไปนอนเถอะ" ฉือหางเอ่ยอย่างไม่มีความสุขนักพลางหยุดเหลาลูกศร เขาเห็นว่านางหาวแล้ว แต่ยังไม่ยอมหยุดเย็บผ้า
ท่ามกลางแสงสลัวจากตะเกียงน้ำมัน ฉือหางจ้องมองตามมือของหลินกู๋หยู่ที่ขึ้นลง
"ไม่เป็ไร" หลินกู๋หยู่ยังคงง่วนอยู่กับงานในมือ การเคลื่อนไหวของนางไม่เร็วนักเพราะความไม่มั่นใจ นางเย็บซ้ำหลายครั้ง "ถ้าเ้าง่วงแล้ว เ้าก็ไปนอนก่อนเถอะ"
ร่างกายของฉือหางยังไม่หายดีเหมือนปกติ เขาต้องพักผ่อนให้มาก แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว เขาเป็คนที่ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้เช่นนั้น
หลินกู๋หยู่กังวลว่าขนเป็ดจะลอดออกมา นางจึงหยิบเสื้อผ้าของฉือหางออกมาหนึ่งตัวมาเย็บเพิ่มด้านนอกอีกครั้ง
สุดท้ายนางก็เย็บเสื้อสำเร็จ
หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นสะบัดผ้า
เสื้อผ้ามีน้ำหนักเบา เบาจนสามารถลอยไปไกลได้ด้วยการสะบัดมือ
"มาลองชุดกัน" หลินกู๋หยู่หยิบเสื้อกันหนาวเดินไปหาฉือหาง จากนั้นยื่นเสื้อกันหนาวในมือให้เขา
ฉือหางเดินไปที่อ่างไม้ ล้างมือให้สะอาดแล้วรับเสื้อกันหนาวจากมือของหลินกู๋หยู่
“รอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง ข้าจะทำชุดขนห่านให้เ้า” หลินกู๋หยู่พูดอย่างสบายๆ
เมื่อเห็นท่าทางใส่เสื้อผ้าเงอะงะของฉือหาง หลินกู๋หยู่ก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงปลอกคอเสื้อของฉือหางไปด้านหน้า ช่วยเขาจัดให้เรียบร้อย
หลินกู๋หยู่ช่วยเขาคาดสายคาดเอว ร่างกายของฉือหางถูกห่อหุ้มั้แ่ส่วนบนจนถึงล่าง เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ฉือหางสวมเสื้อยาวเท่าเข่า ด้านในเต็มไปด้วยขนเป็ด กางเกงด้านล่างก็มีขนเป็ดที่หลินกู๋หยู่เพิ่มเข้ามา
หลังจากใส่ไปสักพักหนึ่ง ฉือหางก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาอุ่นขึ้น เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่คาดสายคาดเอวให้ตนเองด้วยหัวใจที่เต้นรัวเล็กน้อย
"เ้าคิดว่ามันเป็อย่างไร ดีหรือไม่?" หลินกู๋หยู่ปรับเสื้อผ้าของฉือหางให้เข้าที่เข้าทาง เดินอ้อมไปมองที่ด้านหลังของฉือหางปราดหนึ่ง
“ดีมาก” ดวงตาของฉือหางสั่นไหวเล็กน้อย เขาเอียงศีรษะมองหลินกู๋หยู่ คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เ้าทำอะไรก็ดีไปหมด”
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้ม "เ้ากำลังเอ่ยชมข้า... หรือ?"
เมื่อเผชิญกับสายตาที่จริงจังคู่นั้น หลินกู๋หยู่รู้สึกร้อนเพียงเล็กน้อย หลุบสายตาลงมองพื้น "ข้ายังทำได้ไม่ดีพอ"
“นี่ก็ดีมากแล้ว” ฉือหางยื่นมือไปจับมือของหลินกู๋หยู่ ประสานนิ้วเข้าด้วยกัน “เ้า้าผู้ชายเช่นไรหรือ?”
เสียงของชายคนนั้นดังก้องอยู่ในใบหู หลินกู๋หยู่เริ่มสับสนเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่จริงจังคู่นั้น นางละล้าละลังที่จะพูด
"ข้าอาจจะไม่มีเงิน" ฉือหางลดสายตาลงด้วยความรู้สึกต่ำต้อย เสียงของเขาแหบแห้ง "ข้าไม่มีความสามารถในการพูดการจาเช่นคนเ่าั้ แต่ไม่ว่าเ้า้าอะไร ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ จะหามาให้เ้าให้ได้"
ยิ่งพูดศีรษะก็ยิ่งก้มต่ำ "ข้าที่เป็เช่นนี้ พอจะอยู่เคียงข้างเ้าได้หรือไม่?"
ข้าที่เป็เช่นนี้ พอจะอยู่เคียงข้างเ้าได้หรือไม่
แปลกนัก ประโยคนี้ััเข้าที่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจนางอย่างไม่อาจอธิบาย
พวกนางอยู่ด้วยกันมานาน ฉือหางไม่เคยบังคับให้นางทำสิ่งใดเลย
ผู้ชายคนนี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดูแลนาง
หน้าอกที่ว่างเปล่าแต่เดิมดูเหมือนจะถูกเติมเต็ม ดวงตาทั้งสองข้างรู้สึกทรมานเล็กน้อย ราวกับว่ามีบางอย่าง้าจะออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ผู้ชายคนนี้โง่จริงๆ
มือของหลินกู๋หยู่ที่เดิมอยู่บนหน้าอกของฉือหางพลันขยับขึ้นโอบรอบคอเขา
อย่างน้อยในเวลานี้ นางเต็มใจที่จะเชื่อเขา
หลินกู๋หยู่ยืนเขย่งปลายเท้า มองดูใบหน้าของเขาที่เริ่มเข้ามาใกล้จนขยายใหญ่
ทว่านางเตี้ยเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง
หลินกู๋หยู่ลดสายตาลงช้าๆ วางเท้าลงบนพื้น ค่อยๆ ลดมือจากรอบคอของเขา
ฉือหางจ้องไปที่หลินกู๋หยู่อย่างว่างเปล่า ความเศร้าในดวงตาของเขานั้นชัดเจนมาก
“เข้าใจแล้ว” หลินกู๋หยู่เอ่ยตอบเบาๆ
เมื่อได้ฟังดังนั้น ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของฉือหางแวบหนึ่ง เขามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร
เด็กสาวเอื้อมมือไปปลดสายคาดเอวของฉือหาง
ฉือหางมองตามการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ เขาถอดเสื้อกันหนาวขนเป็ด เฝ้าดูหลินกู๋หยู่ถอดรองเท้าขึ้นไปบนเตียงโดยตรง
ฉือหางนิ่งงันไปชั่วขณะ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่นอนอยู่บนเตียง นางเห็นฉือหางยังคงยืนอยู่ตรงนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "เ้าไม่ง่วงหรือ?"
ใบหน้าของฉือหางมุ่ยเล็กน้อย เขาอยากจะยิ้มทว่าเขาทำไม่ได้
หลังจากเป่าตะเกียงลานบนโต๊ะแล้ว ฉือหางก็เดินไปที่เตียง
ในความมืด ฉือหางนอนบนเตียงเช่นคืนที่ผ่านมา ทว่าความรู้สึกอึดอัดทรมานกลับเพิ่มมากขึ้น
เขาแต่งงานกับภรรยาหนึ่งคนก่อนหน้า พวกเขาทั้งสองคนไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก
ในปีแรก นางเปลี่ยนฝ้ายด้านในเสื้อกันหนาวแล้วแทนที่ด้วยฟาง เขารู้เื่นั้น แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยวาจาใด
เขาไม่กลัวความหนาวเย็น เขาคิดว่าภรรยาของเขากลัว ดังนั้นจึงสมควรแล้วที่จะให้ฝ้ายแก่นาง
ผู้หญิงคนนั้นมักจะพูดพล่ามกับเขาทุกคืนเกี่ยวกับเื่ไม่ดีของคนในครอบครัว แม้ว่าฉือหางจะรำคาญ แต่ผู้ชายต้องไม่ต่อล้อต่อเถียงเอาชนะผู้หญิง เขาจึงแสร้งทำเป็ว่าเขาไม่รู้อะไรเลย
จนกระทั่งต่อมา เมื่อนางให้โต้ซาซึ่งอายุเพียงหนึ่งขวบช่วยกวาดพื้นโดยไม่ยอมให้กินข้าว ฉือหางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
หลังจากที่เขาตำหนิผู้หญิงคนนั้นสองสามคำ นางก็เอะอะโวยวายขึ้นมา
โจวซื่อรักลูกชายเสมอมา เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหว นางก็มีปากเสียงกับหญิงคนนั้น หญิงคนนั้นเผลอทุบตีโจวซื่อโดยไม่ได้ตั้งใจ
โจวซื่อร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาหย่ากับภรรยาคนนั้น แต่ในเวลานั้นฉือหางไม่เต็มใจ
ในความคิดของเขา เมื่อชายหญิงแต่งงานกันแล้ว พวกเขาจะต้องอยู่คู่กันไม่จากไปไหน
แต่ผู้หญิงคนนั้นยังคงใช้กำลังเช่นเดิม สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ภายใต้การบังคับของท่านแม่ของเขา เขาจึงหย่ากับผู้หญิงคนนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้