ความรวดร้าวอย่างรุนแรงทำให้เ่ิูรู้สึกเหมือนจิติญญากำลังสั่นคลอน
ราวกับมีกรรไกรที่มองไม่เห็นกำลังตัดิญญาของเขาออกทีละนิดๆ
“อย่าคิดเหลวไหล...คนหนุ่มเอ๋ย รวบรวมจิติญญา สนองปณิธานของข้า!”
สุรเสียงนั้นดุเดือดขึ้นมาฉับพลัน ราวกับระฆังตีในยามเช้ากลองลั่นยามเย็นอยู่ในหัวเ่ิู
บัดนั้นเอง ที่เ่ิูไม่แบ่งใจไปสนมุมมองที่ตัวเองมองเห็น หรือกับร่างกายที่จมจ่อมด้วยไฟสีเงินบนยอดูเาน้ำแข็ง แต่รวบรวมกำลังความคิดทั้งหมดมาตอบสนองพลังที่ทิ่มแทงสู่จิติญญาของเขาเอง ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนมีใครเอาข้อมูลนับไม่ถ้วนมายัดใส่ในความทรงจำ มากมายจนสมองแทบจะะเิออกมา
“สัจธรรมวรยุทธ์ ขึ้นอยู่กับความเป็จริง...โลกหล้านี้มีทั้งหมดสิบยอดสัจธรรมวรยุทธ์ ทุกสัจธรรมล้วนใกล้เคียงกับพลังแห่งกฎเกณฑ์ เมื่อเข้าถึงและเข้าใจสัจธรรมวรยุทธ์ จะสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ระดับเดียวกันได้อย่างราบคาบ เื่น่าแปลกยิ่งกว่านั้น ในกายของเ้ามีชีพจรัเทพไหลเวียนอยู่ สัจธรรมวรยุทธ์ัฟ้าที่ข้าถ่ายทอดให้เ้านั้น จะปรับตัวเข้ากันได้ดีกับกายเนื้อของเ้า ใช้ใจรับไว้เสีย เ้าจะลืมเลือนความเ็ป ครั้นเข้าใจสัจธรรมวรยุทธ์อย่างหมดจดแล้ว ความเข้าใจในพลังของตัวเ้าย่อมจะเหนือกว่าผู้แข็งแกร่งชั้นสูงนับไม่ถ้วน เข้าถึงให้หมดสิ้นทุกสิ่ง จะได้พบเห็นพลังแห่งัเทพาในยุคปัจจุบัน”
เสียงนั้นก้องกังวานไม่ขาดตอน
พลังของคนคนนี้แข็งกล้าจนน่าสั่นเทิ้ม เ่ิูไม่มีทางต่อต้านได้ ทำได้เพียงทำตามปรารถนาของอีกฝ่ายเท่านั้น
ดีที่ชายลึกลับผู้นี้ไม่มีจิตชั่วร้าย
พลังปณิธานจิตใจที่เขาจุลงมาในจิติญญาเ่ิูอย่างแรงกล้า ไม่มีทางสร้างความเสียหายแก่จิติญญาของเ่ิูอย่างแน่นอน
กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปพักหนึ่ง
เวลาชั่วพริบตา ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
“เอาล่ะ ต้นกล้าแห่งสัจธรรมวรยุทธ์ ข้าปลูกมันลงไปแล้ว เ้าจะเข้าถึงมันหรือไม่ เข้าถึงได้มากเพียงใด ขึ้นอยู่กับวาสนาของเ้าแล้ว”
เสียงนั้นดังขึ้นอีก
ความรวดร้าวอย่างรุนแรงค่อยๆ สลายหายไปราวกับคลื่นน้ำ
เ่ิูคิดว่าในทะเลห้วงความคิดของเขาจะมีสิ่งใดเพิ่มมาเท่าไร ทว่าเมื่อมองอย่างถี่ถ้วน กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดอยู่เลย เพียงแต่เป็ความรู้สึกที่พิเศษมาก เหมือนว่ากำลังค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับร่างกายและชีพจรของตัวเขาเอง เหมือนกับแสงแห่งดวงิญญา ที่เมื่อยามสิ้นแสง ช่างอยู่แสนใกล้ ทว่าอย่างไรก็ไม่อาจไขว่คว้าไว้ในมือ
“สัจธรรมัฟ้า...สัจธรรมัฟ้า...”
เ่ิูพยายามพิสูจน์
เื่ของสัจธรรมวรยุทธ์ทั้งสิบนั้น เ่ิูก็เคยอ่านจากในตำราโบราณมาเช่นกัน ทว่านั่นเป็เื่ไกลตัวนัก เขาเคยจะคิดถึงยังไม่กล้าคิดเลย
ในประวัติศาสตร์ร้อยปีหลังของอาณาจักรเสวี่ย ว่ากันว่าไม่เคยมีผู้ใดเข้าถึงสัจธรรมวรยุทธ์ได้เลย แม้ว่าจะเป็ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดเช่นเทพาโยวเยี่ยนอย่างลู่เฉาเกอก็ไม่เคยััถึงสัจธรรมวรยุทธ์มาก่อน ในประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มนุษย์ คนที่เข้าใจถ่องแท้ในสัจธรรมวรยุทธ์ ล้วนคือผู้ที่เหนือกว่าขอบเขตของคำว่าผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์ขั้นสุดยอด กลายเป็ดั่งูเาสูงชะลูดลูกแล้วลูกเล่าในยุทธภพ คนรุ่นหลังได้แต่เงยหน้ามอง ไม่มีทางก้าวข้ามไปได้
ดังนั้น คราวนี้จึงเป็โชคชะตาชนิดที่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรสำหรับเ่ิู
เด็กหนุ่มพยายามจับกุมความรู้สึกปริศนาซ้อนปริศนาเล็กๆ ในจิติญญาอย่างสุดตัว
ความรู้สึกเช่นนี้ คือต้นกล้าของสัจธรรมัฟ้าที่เสียงลึกลับนั่นบอกไว้นั่นเอง
ต้องบรรลุให้จงได้
หากพลาดโอกาสนี้ไป ฟ้าดินต้องไม่ปรานีเป็แน่
เขาไม่ใส่ใจแม้แต่สภาพร่างกายของตัวเอง ส่งปณิธานและประสาทััทั้งมวลเข้าไปในความบังคับให้ล่วงรู้ครั้งนี้อย่างเดียว
เื่ที่เกิดขึ้นภายนอก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
ตอนนี้ต่อให้ฟ้าผ่าล้างโลกอยู่ข้างกายเขา เด็กหนุ่มก็มองไม่เห็นและไม่ได้ยินแม้แต่น้อย
เวลาไหลผ่านไปทีละวินาที ทีละนาที
ปณิธานวรยุทธ์อันแข็งแกร่งซึ่งซัดสาดในหลุมศพัหิมะแห่งนี้ ที่สุดก็ค่อยๆ เงียบสงบลงแล้ว
ในอากาศธาตุนั้น อากาศกำลังเปลี่ยนแปลง
มีกลุ่มเมฆบางๆ สายหนึ่งรวมตัวกันอย่างเชื่องช้า อัดรวมเป็ร่างมนุษย์ลวงตาร่างหนึ่ง ปรากฏอยู่ข้างร่างกายที่ถูกแสงสีเงินลุกท่วมของเ่ิู
ร่างๆ นี้สูงกว่าคนธรรมดา ร่างกายกำยำราวกับคนั์ขนาดเล็ก สวมอาภรณ์ออกศึกโบราณ ศีรษะสวมหมวกเกราะทองคำ มีอานุภาพพิเศษไร้ผู้ใดเหมือน ประหนึ่งจักรพรรดิข้ามกาลเวลา เสียดายที่ร่างกายของเขาเหมือนหมอกควันที่เคลื่อนไหวไม่แน่นอน ดุจภาพสะท้อนบนผืนน้ำ ดูมายายิ่งนัก ไม่มีแม้เศษเสี้ยวชีวิต ไม่มีกลิ่นอายพลัง ประหนึ่งว่าแค่สายลมโชยมาก็อาจพัดกลุ่มหมอกควันนี้จนหมด ทำให้ตัวเขาหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล
“เพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์...รวมตัว!”
เขามองร่างกายเปลือกนอกของเ่ิู แล้วะโเสียงต่ำ ร่างกายแบ่งออกมาเป็ไอควันสายหนึ่ง ล่องลอยเข้าไปในไฟสีเงินโชติ่นั้น
จากนั้น เพลิงสีเงินที่เคยเริงรำอย่างบ้าคลั่งก็หยุดลงในบัดดล
เปลวไฟหยุดชะงักราวน้ำแข็ง
รูปกายของเ่ิูถูกรักษาไว้ได้
“หลายล้านปีผ่านไปแล้ว ร่างกายมนุษย์เปลี่ยนแปลงมากเหลือ...เดือนปีมืดมน ชีวิตมนุษย์โชกโชน สหายรักของข้าสลายไปกับฟ้าดินแล้ว เหตุใดข้ายังตื่นขึ้นมาอีกเล่า”
“าครานั้น ข้านึกว่าข้าตายแล้วเสียอีก”
“สมัยสามจักรพรรดิจบลงแล้ว โลกนี้ยังมีมนุษย์อยู่ าครานั้นมนุษย์ชนะใช่หรือไม่? ดี ยังมีมนุษย์มีชีวิตอยู่ เช่นนั้นข้าก็สบายใจแล้ว ชีพจรเทพมารตอนนั้นไม่หลั่งสูญเปล่าแล้ว”
“หนุ่มน้อยคนนี้เพิ่งบอกว่า บัดนี้คือสมัยจักรพรรดิมนุษย์ ที่นี่คืออาณาจักรเสวี่ยแห่งภพไทวะ...ชื่อแปลกหน้าทั้งนั้นเลย หลายล้านปีแล้ว ยุคสมัยของข้า มันจบสิ้นลงแล้ว”
ร่างมายากลุ่มควันรำพึงรำพันกับตัวเอง เขามองมือทั้งสองของตน
เขาคือเ้าของปณิธานวรยุทธ์ดั่งมหาสมุทรนั่น
และเขาก็คือคนที่เพิ่งพูดกับเ่ิูเมื่อครู่
หลายล้านปีก่อนหน้านี้ เขาเป็ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปราบปรามฝ่ายหนึ่ง ปกครองพลังแห่งฟ้าดินฝ่ายหนึ่ง และเคยเป็หนึ่งในคนจำนวนน้อยที่ปีนเส้นทางสายวรยุทธ์มาจนถึงจุดสูงสุด เคยอยู่ในจุดที่เพียงแค่คิดครั้งเดียวก็สามารถพลิกฟ้าดิน เป็คนที่พันหมื่นชีวิตต้องก้มหัวศิโรราบ คนที่ทำให้เผ่าแปลกหน้าตัวสั่นงันงก อำนาจและชื่อเสียงของเขาเคยแพร่สะพัดไปทั่วภพ คำพูดของเขาเมื่อเอ่ยปากคือกฎหมาย เขาเคยห่างจากคำว่าะเพียงครึ่งก้าว ทว่าก็ต้องประสบกับเคราะห์แห่งฟ้าดินจนได้...
หลายล้านปีให้หลัง เขาตื่นขึ้นจากจิติญญาส่วนหนึ่ง
เมื่อยามเก่าก่อน จิติญญาส่วนนี้ของเขาสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตผู้แกร่งกล้าในใต้หล้านี้ได้
บัดนี้ จิติญญาส่วนนี้ของเขาไม่ทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน ผ่านการบดขยี้มาอย่างโชกโชนจากความโหดร้ายของกาลเวลา แม้ว่าจะเป็เขาก็ไม่มีทางหลีกหนีความอ่อนแอลงได้ ต้องรับสภาพจิติญญาของตัวเองที่เหมือนหมอกควันกำลังเริ่มแตกสลายทีละนิด รับสภาพพลังใต้หล้าที่กลับตาลปัตรอย่างไม่คุ้นเคย เขารู้ดี ว่ายุคสมัยของตนนั้นได้จบสิ้นไปแล้ว
“เหตุใดจึงเป็เช่นนี้? เกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่...เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกถึงลมหายใจของศัตรูเลย...เหล่าศัตรูเมื่อก่อนนั้นของข้า สิ้นชีพหมดแล้วจริงหรือ?”
เขาถามตัวเองเสียงเบา
สามจักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์ ความสูงส่งเป็เอกระดับนั้น หลายล้านปีผ่านไป พวกเขาตายไปแล้วจริงหรือ?
แล้วยังเทพมารเผ่าแปลกหน้าอีก เทพมารที่คิดคราเดียวก็สามารถทำลายดาวทั้งดวงได้...ตายไปแล้ว?
แล้วยังศัตรูเผ่าอื่นในาครานั้น สิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงความเป็ะ เวลาล้านปีทำให้พวกมันหลายเป็เถ้าธุลีได้จริงหรือ?
เขาไม่เชื่อ
เื่ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ศัตรูที่น่ากลัวเหลือหลาย กระทั่งสามจักรพรรดิ และบรรพชนเผ่าอื่นล้วนไม่อาจเป็ปรปักษ์ เหตุใดถึงม้วยมลายไปเพราะกาลเวลาเล่า?
ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เสียดาย ที่ทุกอย่างไม่อาจล่วงรู้ได้
เขารู้เพียงว่า ตอนนั้นเขาสิ้นชีพในสมรภูมิ
ตอนนี้เขากลับตื่นขึ้นเป็จิติญญาส่วนหนึ่งอย่างปาฏิหาริย์
สำหรับผู้แข็งแกร่งบันลือโลกเช่นเขา จิติญญาตื่นขึ้นแม้เพียงเสี้ยวเดียวก็หมายความถึงชีวิตอันล้ำค่า
“บางทีหลังข้าสิ้นชีพ อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง สามจักรพรรดิถึงได้เก็บรักษาต้นกล้าอัคคีพลังของข้า ให้ข้ามีโชคชะตาเช่นวันนี้ได้?”
เขาครุ่นคิดอย่างหนัก
ตื่นขึ้นจากการหลับใหลอันยาวนาน ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ความคุ้นเคยในยามเก่าก่อนอันตรธานไปดั่งหมอกควัน แม้ว่าเขาจะเป็ผู้เก่งกาจทรงอำนาจ ก็ยังไม่อาจห้ามใจไม่ให้รู้สึกโหวงเหวง ความรู้สึกโดดเดี่ยวตามธรรมชาติห่มคลุมเขาไว้มิดกาย
เขาอยากตามหาคำตอบของคำถาม
คนเก่าและศัตรูเก่าในยามนั้นไปอยู่ที่ไหน
แต่ก่อนอื่น เขาต้องฟื้นฟูพลังและวิชาของตัวเองก่อน
สายตาของเขาไปตกอยู่ที่รูปกายของเ่ิูที่ถูกไฟน้ำแข็งชะล้าง
“หนุ่มน้อยผู้นี้มาพบเจอข้า นับว่าเป็ชะตาลิขิต ฟ้าคงลิขิตทุกอย่างมาหมดสิ้นแล้ว กายเนื้อของเขาอ่อนแอเหมือนฝุ่นควัน ในร่างมีชีพจรัเทพไหลเวียน มิน่าเล่าถึงเข้ามาในที่พำนักของาาน้ำแข็งได้ ไม่ถูกเขตต้องห้ามผลาญทำลาย เดินทางมาถึงที่นี่...เพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์เข้าคู่กันกับร่างกายเขา ในเมื่อออกหน้าช่วยเขาแล้ว ก็ช่วยอีกสักครั้งจะเป็ไร ให้เขาหลอมรวมกับเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์...”
จิตใจของร่างหมอกควันมายาขยับไหว
เมฆหมอกสีขาวอีกสายแบ่งออกมาจากร่างกายของเขา จมเข้าสู่เพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ที่นิ่งสนิทนั้น
เพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ซึ่งเคยนิ่ง ฉับพลันก็โลดโผนเดือดพล่านขึ้นมาอีกครา
จากนั้นจึงเกิดเสียงกัมปนาท กลายเป็ดวงไฟเพลิงน้ำแข็งนับร้อยพัน เสมือนดวงิญญาขนาดเล็กมีชีวิตชีวา กำลังเคลื่อนไหวอย่างเริงร่าในอากาศ ท้ายสุดจึงมุ่งตรงสู่กายเนื้อของเ่ิู ซึมซาบเข้าสู่ิั หลอมรวมเข้ากับร่างของเ่ิู ในที่สุดก็หายไปต่อหน้าต่อตา
ผิวเนื้อของเ่ิูผุดน้ำค้างแข็งสีเงินอ่อนๆ ออกมาชั้นหนึ่ง ขนคิ้ว เส้นผมกระทั่งหนวดเคราล้วนมีน้ำค้างแข็งสีเงินนี้บดบังไว้อยู่ราวกับเป็มนุษย์น้ำแข็ง
สิ่งที่ตามมาหลังน้ำค้างแข็งละลาย คือผิวเนื้อแดงชุ่มชื้นมีชีวิตชีวาของเ่ิู
ทว่าหลายสิบอึดใจผ่านไป น้ำค้างแข็งสีเงินนั่นก็เอ่อขึ้นมาอีก ปกคลุมทั่วกายาเด็กหนุ่ม ให้ขนคิ้ว เส้นผมและหนวดของเขาเป็สีขาวอีกครั้ง
ละลายอีกหน
ผุดน้ำค้างแข็งเงินมาอีก
กระบวนการนี้ดำเนินไปหลายสิบครั้ง
ท้ายสุดรอยยิ้มของน้ำค้างสีเงิน ิัฟื้นคืนสู่ความชุ่มชื้นสีแดง เ่ิูที่นิ่งไร้ลมหายใจเหมือนศพก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
สีหน้าและแววตาของเขาอึ้งน้อยๆ ก้มลงมองร่างกายตัวเอง แล้วจึงมองสภาพแวดล้อมรอบด้าน
“ข้าไม่เป็ไร...จิติญญากลับเข้าร่างอีกครั้งแล้ว...ข้ารอดใช่ไหม!?”
เ่ิูดีใจอย่างหนัก
“โฮ่งๆๆ!” เสียวจิ่วพุ่งปรี่เข้ามาอย่างแรง มันะโขึ้นบ่าเ่ิู เลียหน้าเ่ิูอย่างสนิทชิดเชื้อ “นายท่าน ท่านเข้าสายมารแล้ว เมื่อครู่ท่านถูกไฟเผา หัวแล้วก็หนวดท่านเป็สีขาวไปหมด ไฟะเิโครมๆๆ ข้านึกว่าท่านจะถูกทอดเสียแล้ว...”
เ้าสิจะถูกทอด
เ่ิูรู้สึกว่าเ้าตะกละนี่พูดไม่ค่อยเอาอ่าวเท่าไร
ทว่าเมื่อนึกถึงการมองเห็นอันน่าแปลกของเขาก่อนหน้า เห็นเ้าเสียวจิ่วปกป้องร่างของเขาอย่างสุดจิตสุดใจแล้ว เ่ิูก็ตื้นตันนัก
“คนหนุ่มเอ๋ย สติปัญญาเ้าโดดเด่นนัก ทำให้ข้าคาดไม่ถึงเลย” ร่างเมฆควันมายาด้านข้างเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เ่ิูเพิ่งเห็นภาพมายาที่อยู่ด้านข้างตัวเองก็ตอนนี้
“ท่าน...ผู้าุโ ท่านนี่เอง! ท่านคือ...” เ่ิูใเสร็จแล้วก็ฟังเสียงออก ร่างมายานี้ต้องเป็เ้าของเสียงลึกลับนั่นแน่นอน