ระบบภายในทั้งห้าของมนุษย์ในสายตาของหลินลั่วหรานนั้นไม่ใช่เพียงแค่เส้นแสงที่ต่างกันทั้งห้าเท่านั้นแต่เมื่ออยู่บนร่างกายของคนทั่วไปแล้วหากส่วนใดส่วนหนึ่งได้รับความเสียหายก็อาจจะทำให้ถึงตายได้ทั้งนั้น
อวัยวะภายในของเป่าเจียได้รับความเสียหายหนักมาก หากเป็เพียงแค่ม้ามเหล่าหมอและพยาบาลคงจะจัดการได้ั้แ่แรก แต่อวัยวะที่เสียหายของเป่าเจียนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ม้าม แต่อวัยวะทั้งห้า ต่างได้รับความเสียหายทั้งหมด
อุบัติเหตุทางรถยนต์ธรรมดาๆจะสามารถทำให้เป็ได้ถึงขนาดนี้ได้อย่างไร...ก่อนที่เป่าเจียจะร้องออกมาว่า“ช่วยด้วย” มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หลินลั่วหรานข่มความรู้สึกเกลียดชังที่ปะทุขึ้นมาในใจพร้อมทั้งสั่งให้พลังเข้าไปช่วยเติมเต็มอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายของเป่าเจียและเข้าไปตรวจสอบในบริเวณหัวกะโหลกด้วย
เืออกในสมอง ไม่ใช่ว่าพวกหมอควรจะจัดการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วเหรอทำไมในตอนนี้ยังมีเืคั่งอยู่มากแบบนี้ หรือว่าจะแค่เปิดกะโหลกแต่ไม่ได้ทำการผ่าตัดอย่างนั้นเหรอ?
เป็ไปไม่ได้ หมอมากมายใช้เวลาทำการอยู่ตั้งนานแค่การจัดการเืคั่งแค่นี้ ไม่ควรที่จะทำไม่เสร็จ
หลินลั่วหรานเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยความสงสัยก่อนจะพบเส้นเืเล็กๆ ในสมองที่กำลังไหลซึมออกมา นี่มันผิดปกติเกินไปแล้วเืออกเล็กน้อยแบบนี้ ร่างกายของคนควรที่จะรักษามันได้ด้วยตัวเองแต่ทำไมเืของเป่าเจียถึงได้ไหลออกมาไม่หยุด หรือว่าทั้งหมดนี่จะเป็การกระทำของโจวเหย้าเวยเขาทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หวังว่าจะมีพลัง...ไม่ใช่หวังว่าสิ ต้องมีต่างหาก!
หลินลั่วหรานแบ่งพลังออกมา ก่อนจะส่งไปยังส่วนกะโหลกของเป่าเจียเพื่อได้รักษาเส้นเลือกที่ไหลซึมออกมา...หากเป็เส้นเืที่ได้รับความเสียหายเราก็จะใช้พลังในการอุดมัน!
แต่เดิมรูปร่างของพลังนั้นก็เป็เพียงโมเลกุลที่มีขนาดเล็กกว่าเซลล์อยู่แล้ว เพราะเหล่าผู้ฝึกศาสตร์นั้น้าใช้มันในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกายถึงได้พยายามดูดซับพลังไม่หยุด และการฝึกต้องผ่านการฝึกฝนอีกมากเพื่อทำให้พลังเ่าั้กลายเป็กลุ่มพลังก่อนจะกลายเป็แหล่งพลังที่มีระดับสูงขึ้นมาอีก
ภายใต้การใช้พลังของหลินลั่วหราน อวัยวะที่ได้รับความเสียหายของเป่าเจียก็ค่อยๆได้รับการรักษา เซลล์ใหม่เริ่มสร้างและแตกตัวอย่างรวดเร็วแต่กลับช้ามากในสายตาของหลินลั่วหรานที่กำลังร้อนใจความจริงหากเรียกเหล่าหมอที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูคงจะเป็เื่มหัศจรรย์ครั้งยิ่งใหญ่!
หลินลั่วหรานรวบรวมพลังทั้งสอง มือหนึ่งรักษาฟื้นฟูส่วนภายในกะโหลกอีกมือก็รักษาอวัยวะภายใน แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถฟื้นฟูพลังได้ด้วยตัวเองทั้งหมดต่างขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดมาจากไข่มุก...หากเทียบกับที่หลินลั่วหรานกำลังเสียไปแล้วจำนวนของพลังที่ไข่มุกส่งออกมาให้นั้น มันช้าและน้อยเกินไปแล้ว!
ั้แ่หลินลั่วหรานเริ่มรักษาเป่าเจีย ก็เพิ่งจะผ่านมาสิบกว่านาทีแต่บนหน้าผากของหลินลั่วหราน กลับมีหยาดเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองปรากฏออกมาภายในห้องผ่าตัดที่มีอุณหภูมิคงที่แบบนี้ ไม่ควรที่จะมีสถานการณ์ที่อุณหภูมิในร่างกายสูงหรือต่ำเกินไปหยาดเหงื่อบนหน้าผากของหลินลั่วหรานนั้นเป็เพราะเธอได้นำเอาพลังในร่างกายออกมาใช้จนหมดทำให้พลังในร่างไม่อาจจะทนรับการตอบสนองโดยอัตโนมัติของร่างกายได้อีก
ไข่มุกส่งพลัง...ช้าเกินไป
ทำอย่างไร ฉันควรจะทำอย่างไร...พลังภายในตัวของหลินลั่วหรานถูกนำออกมาจนหมดสิ้นเดิมทีมันก็ไม่สามารถที่จะรับมือกับการรักษาครั้งใหญ่แบบนี้ได้อยู่แล้วแม้ว่าพลังที่ไข่มุกส่งมาให้จะบริสุทธิ์แต่เมื่อเทียบกับอาการาเ็ของเป่าเจียแล้ว มันก็เป็เพียงความพยายามที่ไร้ค่า
อวัยวะที่ได้รับความเสียหายเริ่มประสานเข้าหากันภายใต้การรักษาของพลังวิเศษ การเปลี่ยนถ่ายทดแทนในร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเซลล์ที่เต็มไปด้วยพลังพากันแตกตัวออกจัดการจัดเรียงเซลล์ที่ได้รับาเ็ออก...ภายในเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบนาทีร่างกายของเป่าเจียก็ปลดปล่อยหยาดเหงื่อเหม็นเน่าออกมา
หากว่ามีผู้ฝึกศาสตร์อยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะต้องเอาแต่อิจฉาเป็แน่สิ่งที่หลินลั่วหรานกำลังทำอยู่นั้น ไม่ใช่การรักษาแต่เป็การใช้พลังที่ตัวเองพยายามกลั่นมันออกมาด้วยความยากลำบากในการปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายของเป่าเจีย แม้แต่การชำระไขกระดูกก็ยังไม่อาจเทียบได้และก็ถือได้ว่าเป็การถ่ายทอดพลังอย่างหนึ่ง
เหมือนกับการที่ก่อนคนคนหนึ่งจะตายก็จะจัดการนำพลังพิเศษที่มีประโยชน์ทั้งร่างของตัวเอง ส่งต่อให้เชื้อสายใกล้ชิด
ธรรมชาตินั้นไร้ซึ่งหัวใจ เหล่าผู้ฝึกศาสตร์ต่างก็เป็คนที่เฝ้าตามหาการหลุดพ้นจากข้อจำกัดของคนธรรมดา เพื่อผลของพลังวิเศษ แม้จะต้องฆ่าเพื่อนร่วมทางเขาก็สามารถทำได้ แล้วเขาจะต้องยอมสูญเสียพลังที่กลั่นกรองออกมาด้วยความยากลำบากเพืุ่์ธรรมดาๆ คนหนึ่งด้วยหรือ?
หลินลั่วหรานสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง มือทั้งสองที่วางอยู่บนตัวของเป่าเจียเริ่มแสดงอาการกระตุกออกมาสติของเธอเริ่มจะพร่าเลือนไปทีละน้อย...
ย้อนเวลากลับไป ในเมืองฝนปรอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เด็กสาววัยสิบเจ็ดปี มักจะศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเองในตอนค่ำในอ้อมแขนของเธอกอดกองหนังสือเอาไว้ ก่อนจะตรงไปที่จักรยานเพื่อขี่กลับบ้านเป็ระยะทางกว่าสิบไมล์ ไม่ใช่ว่าไม่อยากพักอยู่หอในโรงเรียนเพียงแต่สถานะภาพทางการเงินของที่บ้านไม่ได้ดีนักเด็กที่เข้าใจดีอย่างเธอจึงไม่อยากจะสิ้นเปลืองหยาดเหงื่อแรงกายของผู้เป็พ่อและแม่จึงเลือกที่จะเดินทางไปกลับในทุกวัน
เด็กสาววัยสิบเจ็ดปี มีใบหน้าที่งดงามและท่าทางที่นุ่มนวลและเริ่มที่จะมีทรวดทรงงดงามสะกดใจคน ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดนักเรียนตัวโคร่งชวนให้วาดภาพฝัน
อุโมงค์ถนนแห่งนี้ เธอผ่านมันมาหลายครั้ง แม้ว่าจะมืดและไร้ผู้คนแต่ก็เป็ทางลัดที่เร็วที่สุดในการกลับบ้านของเธอ เด็กสาวเม้มปากแน่นก่อนจะรวบรวมความกล้าขึ้นมาในใจ
แสงไฟในเมืองเล็กไม่ได้สว่างไสวมากนักเด็กสาวรู้สึกดีใจขึ้นมาเมื่อพบกับเสาไฟข้างถนนที่ส่องแสงสลัวๆเธอออกแรงปั่นจักรยานออกไป เพื่อพุ่งผ่านออกไปจากทางเส้นนี้
แต่เมื่อรถผ่านเข้าไปได้เพียงครึ่งภายใต้แสงไฟสลัวที่ปากทางช่วยส่องให้เธอเห็นทางมือของใครบางคนก็จับเข้าที่ท้ายของรถจักรยาน เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาแต่กลับถูกมืออีกคู่ปิดปากเอาไว้
วัยรุ่นหยาบคายสามคนปิดปากของเธอเอาไว้ พร้อมลากเข้าไปในอุโมงค์
ในตอนอายุสิบเจ็ดปี เธอยังไม่ใช่คนสงบนิ่งอย่างทุกวันนี้เมื่อได้พบกับเื่แบบนี้ เธอจึงได้แต่สับสนไม่รู้จะทำอย่างไร
มือสกปรกพวกนั้นลูบไล้ตัวของเธอผ่านเสื้อผ้า...
เด็กสาวใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมาในใจของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ทำอย่างไรดี...
เสียงของมอเตอร์ไซค์จากที่แสนไกลขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆในสถานที่เงียบเหงาแบบนี้ มีคนมาอย่างนั้นเหรอ? ในใจที่สับสนของเด็กสาวค่อยๆสงบลง นี่เป็ความหวังเดียวของเธอ เธอใช้ฟันกัดลงบนมือที่ปิดปากของเธอเต็มแรงชายคนนั้นเ็ปจนยอมปล่อยมือออก
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันที!” เธอคิดว่าเมื่อะโออกไปเสียงของเธอจะต้องดังมากแน่ แต่ในความจริงความกลัวได้กัดกินแรงของเธอไปจนสิ้นเสียงที่ดังออกมา ก็ราวกับเสียงร้องของแมวจรจัดตัวหนึ่ง
หลังจากที่ชายทั้งสามใอยู่ในตอนแรก ก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อเสียงของมอเตอร์ไซค์คันนั้นผ่านอุโมงค์ไปโดยไม่ได้รับรู้เื่ใดๆ
“คิดว่าจะมีคนมาช่วยเหรอ? ฮ่าๆๆ...ฝันไปเถอะ!”
ฝัน ที่แท้เราก็กำลังฝันอยู่อย่างนั้นเหรอ? ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในใจของเด็กสาวแต่เธอก็ไม่อยากจะยอมแพ้ จึงได้แต่ถีบและพยายามะโร้องแต่ก็ไม่สามารถจะดิ้นรนออกมาจากแขนที่ถูกสร้างมาให้แข็งแกร่งกว่าของผู้ชายได้
“แคว่ก” เสื้อเชิ้ตด้านในของชุดนักเรียนถูกฉีกออกผิวขาวนุ่มถูกเผยออกให้ปะทะกับอากาศชุ่มชื้นของเมืองเล็กมือใหญ่ที่หยาบกร้านไล้บริเวณไหปลาร้าของเธอท้ายที่สุดเด็กสาวก็หลับตาลงอย่างไม่อาจจะทนได้อีกพร้อมกับน้ำตาแห่งความสิ้นหวังที่ไหลเปล่งประกายออกมา
กลิ่นเหม็นเน่าขยับเข้ามาใกล้ ผู้ชายน่ารังเกียจเหยียดยิ้มออกมาก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เด็กสาวที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“บรื้น บรื้น บรื้น” เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังขึ้นดวงไฟสีขาวเป็ราวกับคบเพลิง ส่องสว่างวาบมายังอุโมงค์เล็กแสนสกปรกแห่งนี้
เด็กสาวรีบเปิดตาออกกว้าง เธอมองตรงไปยังรถแต่งใหม่ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อนี่คือ รถคันเมื่อกี้เหรอ?
“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุด ก็คือคนแบบพวกแก พวกคนชั่ว...” คนขับมอเตอร์ไซค์บ่นออกมา เมื่อเห็นว่าเป็เสียงของผู้หญิงชายทั้งสามก็หันมามองตากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา
“กำลังลำบากใจเลย ว่าคนเดียวมันแบ่งกันไม่พอ พี่ๆ คืนนี้ดีจริงๆ เลย ฮ่าๆๆ”
ทั้งสามพากันพุ่งเข้าไป ความหวังภายในใจของเด็กหญิงเปลี่ยนไปเป็คำขอโทษเป็เพราะเธอ หากว่าเธอไม่ขอความช่วยเหลือละก็...
ใครจะรู้ว่าเื่จะไม่ได้เป็ไปอย่างที่คิดหญิงสาวที่สวมเสื้อและกางเกงหนังเหวี่ยงกระเป๋าออกไปด้วยมือเดียวก่อนมันจะไปกระแทกเข้าที่ตัวของอันธพาลคนหนึ่งพร้อมทั้งหมุนตัวลงจากรถด้วยความว่องไว เท้าขวาของเธอเตะไปยังใบหน้าของอันธพาลอีกคนทันที!
เพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียว อันธพาลทั้งสองก็ลงไปนอนกองกับพื้นในระหว่างที่อันธพาลอีกคนกำลังมึนงง หญิงสาวก็ถอดหมวกกันน็อกออกแล้วใช้มันกระแทกออกไปอย่างแรง!
เด็กสาวมองทุกอย่างตาไม่กะพริบ หญิงสาวนักขี่หันหลังให้กับแสงไฟไม่อาจจะเห็นใบหน้าของเธอได้ชัดนัก เธอกระทืบเท้าลง “ยังไม่ขึ้นรถอีก!” เธอใช้แรงดึงตัวของเด็กสาวขึ้นมา แล้วผลักให้เธอขึ้นไปบนรถ
ชายทั้งสามเ็ปจนพละกำลังหายไปหมด เมื่อคิดจะล้อมเอาไว้หญิงสาวก็บิดคันเร่ง พุ่งตัวออกมาจากอุโมงค์แห่งนั้นด้วยความเร็วปากก็เอาแต่พร่ำด่า เมื่อเห็นว่าขี่รถออกมาจนถึงถนนใหญ่แล้วกลับไม่กล้าเร่งรีบอีกต่อไป จึงได้แต่หลบอยู่ภายใต้เงา
รถมอเตอร์ไซค์ถูกขี่ออกมาจนถึงโรงงานสว่างไสวก่อนจะหยุดลงเมื่อเห็นผู้คนรอบตัวพลุกพล่าน เด็กสาวที่เพิ่งผ่านเื่ราวเ่าั้มาก็ร้องไห้ออกมาอย่างเกินจะทน
หญิงสาวนักขี่ที่มีความกล้าราวกับนักสู้มองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเด็กสาว ก่อนจะรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเธอกระทืบเท้าไปมา ก่อนจะวิ่งไปยังร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง
“นี่ ฉันให้เธอ!” เมื่อเด็กสาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าในมือของนักขี่สาวคือน้ำเต้าหู้อุ่นๆ แก้วหนึ่ง
“เธอคือ...เด็กใหม่ห้องสาม ฉินเป่าเจีย?!” เมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้เป็ใครในวินาทีนั้นเธอลืมร้องไห้ไปในทันที เธอชี้ออกไปยังนักขี่สาวพร้อมอาการสะอื้น
ในเวลานั้นฉินเป่าเจียก็เพิ่งจะได้สังเกตชุดนักเรียนบนตัวของเด็กสาวที่แท้ก็เป็เด็กที่โรงเรียนเดียวกันเธอคิดไปพร้อมกับพยายามเอาน้ำเต้าหู้แก้วนั้นยัดใส่มือของเด็กสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “รู้จักก็ดี หยุดร้องไห้ได้แล้ว แค่ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ฉันก็ปวดหัวแล้วดื่มน้ำเต้าหู้เถอะ...”
ได้รู้จักกันท่ามกลางความใและหวาดผวาอีกทั้งยังเป็่ฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ น้ำเต้าหู้อุ่นๆดึงดูดความสนใจของเด็กสาวได้ดี คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือคนที่ช่วยเธอเอาไว้แถมยังเป็ฉินเป่าเจียที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ในใจของเด็กสาวรู้สึกผ่อนคลายขึ้นก่อนจะเผลอกัดหลอดของน้ำเต้าหู้ไปโดยไม่รู้ตัว
“เธอ...ทำไมถึงกล้ามาช่วยฉัน?” เด็กสาวดูดน้ำเต้าหู้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับยุง
“อ่า พูดอะไรแบบนั้น...ใครใจดีไปช่วยเธอกัน ฉันก็แค่จัดการผู้ชายเลวๆที่ทำเื่แบบนั้นเท่านั้นแหละ เข้าใจไหม!”
ฉินเป่าเจียลูบลงที่คอของตัวเอง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน “จะว่าไป ต่อไปถ้าเจอเื่แบบนี้อีก ะโให้มันดังกว่านี้หน่อยได้ไหม? ร้องอย่างกับแมว ถ้าไม่ใช่ว่าฉันผ่านมาพอดี ใครจะมาช่วยเธอ!”
แม้ว่าฉินเป่าเจียจะไม่ยอมรับว่าเธอตั้งใจกลับมาช่วยเธอ ท่าทางก็ดูดุแต่เด็กสาวกลับรู้สึกว่า คนที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองหลวง ใครๆต่างก็พากันบอกว่าไม่น่าคบหา จนมีชื่อเสียงดังไปทั่วชั้นเรียนความจริงแล้วคนตรงหน้า ก็เป็เหมือนกับน้ำเต้าหู้ในมือของเธอ เป็คนที่อบอุ่น...
“หลินลั่วหราน ฉันชื่อหลินลั่วหราน...หลังจากนี้เธอคือเพื่อนรักของฉันถ้าเธอพบเจอกับอันตราย ฉันก็จะไปช่วยเธอ”
หลินลั่วหรานเงยหน้าขึ้น พร้อมกับให้สัญญาอย่างหนักแน่นแต่ฉินเป่าเจียกลับหัวเราะเยาะออกมา “ดื่มน้ำเต้าหู้ของเธอไปเถอะ! ดูท่าทางเธออย่างกับถุงกันลม ยังจะคิดไปช่วยใครอีก!”
เมื่อถูกหัวเราะใส่ หลินลั่วหรานก็ก้มหน้าลง ก่อนจะกัดหลอดลงอย่างเต็มแรง ถ้าไม่ใช่ว่าเป่าเจียมาช่วยเอาไว้ ด้วยนิสัยของเธอแล้วหากถูกทำร้ายก็คงจะตายอยู่ในอุโมงค์แห่งนั้นใช่ไหม?
ฉันพูดความจริงนะ ฉันติดหนี้ชีวิตเธอไปแล้ว ฉันหลินลั่วหรานขอสาบานในเวลาที่เธอตกอยู่ในอันตราย ฉันจะต้องไปช่วยเธอแน่นอน!
เมื่อความอ่อนล้าไร้พลังเข้าโจมตีหลินลั่วหรานก็ได้สตินึกถึงคำสัญญาเมื่อสิบปีก่อน ที่เคยได้ให้ไว้ในคืนนั้นขึ้นมาและเพราะคำสัญญานั้น เธอจึงเริ่มเข้มแข็งขึ้นเป็ความเชื่อที่เธอจะไม่ยอมละทิ้งมันจนกว่าจะถึงตอนสุดท้าย!
สิ่งที่ร่างกายของเธอแบกรับเอาไว้ ไม่ใช่เพียงชีวิตชีวิตหนึ่งหนี้ชีวิตที่ติดเป่าเจียไว้ เธอยังไม่ได้คืนกลับไป เธอจะล้มลงไม่ได้เด็ดขาด!
หลินลั่วหรานข่มฟันลงเธอปล่อยพลังเส้นสุดท้ายในกายออกมา...ก่อนที่จะไม่สามารถรับมันต่อไปได้อีกแล้วเธอล้มลงข้างเตียงผ่าตัดอย่างช้าๆ
วินาทีสุดท้ายก่อนที่เธอจะสูญสิ้นสติไปในใจของหลินลั่วหรานเต็มไปด้วยความสิ้นหวังยังคงไม่สามารถช่วยเป่าเจียได้ใช่ไหม...
ความเสียใจกระจายออกมา หลินลั่วหรานสลบไปโดยไม่ทันได้เห็นว่าไข่มุกที่คอยส่งพลังให้เธอมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าจะกำลังสั่นไหวไปมาเบาๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้