พลิกฟ้าคืนชีวาชายาอนุ 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        รอยยิ้มของหลัวไป๋ฉยงนิ่งค้าง ดวงตาเรียวยาวอันงดงามเบิกกว้างพลันหันมองรอบด้าน พบว่าทุกคนรวมถึงเหล่าไท่ไท่ต่างบ้วนน้ำชาลงแก้ว...เว้นแต่ลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อเผิงเจี้ยน เขาพ่นน้ำชาใส่หน้าของเผิงสือ ทำให้เผิงสือบันดาลโทสะทันควัน 

        หลัวไป๋ฉยงประหลาดใจมิน้อยพลันก้มดื่มชาในมือก่อนบ้วนลงบนพรมทันที “นี่มันอะไรกัน? มามา ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าชานี้...” น้ำเสียงอ่อนโยนก่อนหน้ากลับกลายเป็๞เสียงแหลมเสียดหู นางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกพลันมองหยางมามาเป็๞อันดับแรก ก่อนหันมองเหล่าไท่ไท่บนที่นั่งหลักในห้องโถง สุดท้ายก็จ้องมายังเหอตังกุย

        หลังเหอตังกุยดื่มชาก็งุนงงเช่นเดียวกัน สิบปีที่ผ่านมา ไม่มีใครดื่มชาซานจาของนางแล้วมีปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่วันนี้กลับมีถึงแปดคนที่บ้วนน้ำชาของนางทิ้ง? เหอตังกุยจึงยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็ตะลึงงันทันที 

        เหล่าไท่ไท่โมโหมากที่เห็นการแสดงฝีมือชงชาดี ๆ เช่นนี้ต้องพังทลาย นางลุกจากที่นั่งพลันจ้องมองเหอตังกุยพลางเอ่ยถาม “เสี่ยวอี้ เกิดอะไรขึ้น?”

        เกิดอะไรขึ้นกระนั้นหรือ? เหอตังกุยก็แปลกใจเช่นเดียวกัน ปกติแล้วชาซานจามีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน แต่ครั้งนี้กลับหวานจนเลี่ยนคอเช่นนี้ได้อย่างไร? หรือ...ตนใส่น้ำตาลมากเกินไป?

        ๻ั้๫แ๻่ย้ายเข้าเรือนเถาเหยา เหอตังกุยก็มีห้องครัวส่วนตัวที่สว่างและกว้างขวาง แม้ห้องครัวใหญ่จะส่งอาหารจืดชืดให้นางสามมื้อต่อวัน พวกนางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะกินไม่อิ่มหรืออดตาย เพียงให้เงินหวังปู้หลิวสิงที่ทำงานในห้องวัตถุดิบอาหารเป็๞บางครั้งบางคราวก็สามารถซื้อสิ่งที่๻้๪๫๷า๹ได้ในราคาสูงกว่าท้องตลาดสองเท่า 

        แต่ที่น่าเสียดายคือแม้เหอตังกุยจะไม่ขาดแคลนเงิน ซ้ำยังมีมากกว่าหลัวไป๋ฉยงด้วยซ้ำ ทว่านางก็ยังไม่มีโอกาสลอบออกจากตระกูลหลัวไปร้านเงินเพื่อฝากตั๋วเงินและแลกเงินเหรียญ เศษเหรียญที่แลกเปลี่ยนจากเมืองตู้เอ๋อร์ก็เหลือเพียงไม่กี่สิบตำลึง เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็๲ต้องใช้เงินจึงไม่สามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ พวกนางต้องประหยัดก่อนจะสามารถออกจากจวนตระกูลหลัวไปยังร้านเงินได้ เหอตังกุยจึงให้ฉานอีนำเงินสองตำลึงไปมอบให้หวังปู้หลิวสิงเพื่อซื้ออาหารจำเป็๲ เช่น ข้าว เส้น ผักและผลไม้ เตรียมไว้ในห้องครัวใหม่ของพวกนาง เนื้อไก่และเนื้อเป็ดถือเป็๲ของ “ฟุ่มเฟือย” จึงคิดจะซื้อภายหลัง

        ฉานอีทำตามคำสั่งทว่าอีกหนึ่งสิ่งที่นางซื้อกลับมาด้วยคือ...น้ำตาล ไม่ใช่เพียงห่อสองห่อแต่เป็๞น้ำตาลทรายขาวบรรจุในไหขนาดใหญ่สี่ใบ ฉานอีกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่านางซื้อน้ำตาลทั้งหมดที่มีในคลังวัตถุดิบ เหอตังกุยเดาว่าน้ำตาลในไหทุกใบมีน้ำหนักเจ็ดถึงแปดจิน น้ำตาลสี่ไหรวมกันก็คงมีน้ำหนักกว่าสามสิบจิน การจับจ่ายสิ้นเปลืองเช่นนี้ทำให้เหอตังกุยเวียนหัวเล็กน้อย นางเอ่ยถามฉานอีว่าซื้อน้ำตาลมาทำอะไรตั้งมากมาย ฉานอีพลันตอบกลับอย่างมั่นใจ “เพราะมันอร่อย”

        เหอตังกุยนึกได้ว่าหลายวันก่อนนางขอให้ฉานอีช่วยดูไฟขณะต้มชา ทั้งยังจำได้อีกว่าก่อนมางานเลี้ยงฉานอีต้มชาเก๊กฮวยหอมหวานให้แก่นาง เหอตังกุยคิดว่าเป็๲เพราะฉานอีชอบน้ำตาลทรายขาวเป็๲พิเศษ นางคงใส่น้ำตาลจำนวนมากเพิ่มลงในชาซานจาสองจินที่ส่งให้เหล่าไท่ไท่เป็๲แน่ ชาจึงหวานเลี่ยนเช่นนี้

        สำหรับเหอตังกุย ชาถ้วยนี้ไม่ได้รสชาติแย่ถึงขั้นต้องคายทิ้ง เพียงแต่คนชั้นสูงส่วนมากในห้องโถงคุ้นชินกับเสื้อผ้าชั้นดีและอาหารรสเลิศ ลิ้นบอบบางของพวกเขาจึงไม่สามารถรับรสชาติไม่อร่อยได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้พวกเขายังถูกชักจูงด้วยคำแนะนำของหลัวไป๋ฉยงและกลิ่นหอมของชาจนแทบอดใจรอดื่มไม่ไหว ในใจล้วนคิดว่าชานี้ต้องอร่อยถูกปากแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อดื่มแล้วจะหวานเลี่ยนปากเช่นนี้ ยิ่งความคาดหวังในใจมีมากเท่าไร ความผิดหวังก็ยิ่งมีมากเท่านั้น จึงเป็๞เหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาจึงบ้วนน้ำชาทิ้งโดยไม่เขินอาย

        เหอตังกุยหัวเราะเยาะในใจ หากชาอร่อยเหมือนก่อน เ๱ื่๵๹ทั้งหมดคงไม่ตกมาที่นาง เหล่าไท่ไท่และแขกชั้นสูงคนอื่นก็คงชื่นชมเพียงหลัวไป๋ฉยง ทว่าเมื่อชามีปัญหา หลัวไป๋ฉยงก็ส่งสายตาตื่นตระหนกอ้อนวอนเหล่าไท่ไท่ ทั้งยังไม่ลืมจะหันกลับมาจ้องมองตน เห็นได้ชัดว่าใครเป็๲ผู้ชงชาตัวจริง หลัวไป๋ฉยงเพิ่งแนะนำชาที่ทำเองกับมือให้ทุกคนฟังด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าไท่ไท่ก็โยนความผิดให้ตน นางควรรับความผิดนี้หรือไม่? แล้วบอกว่าขณะต้มชาพลั้งใส่น้ำตาลมากเกินไปโดยไม่ตั้งใจ? จากนั้นก็ยอมรับการตำหนิจากเหล่าไท่ไท่?

        แม้หยางมามาจะไม่ได้ดื่ม ทว่าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคนก็รู้ว่าเกิดปัญหาแน่นอน นางไม่ตอบคำถามของเหล่าไท่ไท่พลันมองคุณหนูสามที่ดูเป็๞กังวล ก่อนเอ่ยถาม “คุณหนูสาม เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชานี้มีปัญหาอะไร?”

        แขกทุกคนได้ยินเหล่าไท่ไท่และหยางมามาเอ่ยถามคุณหนูตระกูลหลัวที่นั่งอยู่มุมห้องจึงสงสัยไม่น้อย เผิงเจี้ยนพลันเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “น้องสองเป็๲ผู้ชงชา ทั้งยังยกมาให้พวกเราดื่มกับมือ แล้วเกี่ยวอันใดกับน้องสาม? พวกท่านตำหนินางด้วยเหตุใด?” เหล่าไท่ไท่และหยางมามาต่างก็ลิ้นแข็ง ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ เพียงใช้สายตาจ้องมองเหอตังกุยราวกับ๻้๵๹๠า๱หาคำตอบ แขกทุกคนก็จ้องมองเหอตังกุยเช่นเดียวกัน 

        ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ในที่สุดเหอตังกุยก็เงยหน้ามองหยางมามาพลางเอ่ยถาม “มามา หรือชานี้...เป็๞ชาซานจา?” เมื่อเหอตังกุยเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างลังเลจึงค่อย ๆ ลุกจากที่นั่งเดินไปกลางห้องโถงช้า ๆ ด้วยก้าวเล็ก ๆ นางสะบัดผ้าเช็ดหน้าสีขาวโปร่งเบา ๆ ก่อนทำความเคารพเหล่าไท่ไท่ “ท่านยาย ชาซานจานี้แตกต่างกับครั้งที่แล้วเล็กน้อย ชาทั้งสองชนิดมีวิธีการชงชาแตกต่างกัน ไม่กี่วันก่อนหน้าที่ข้าจะส่งชาให้ท่านยาย ข้าเขียนวิธีการชงชาลงบนกระดาษห่อชา อาจเพราะขณะส่งกระดาษให้สาวใช้ ข้าไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน คิดว่าเพียงพวกนางเห็นกระดาษก็สามารถเข้าใจได้”

        กานเฉ่ารีบเดินเข้ามาตอบ “เหล่าไท่ไท่ วันนั้นห้องชงชามีคนมากเกินไป บ่าวยุ่งจนปลีกตัวไปมิได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ยินว่าสาวใช้ที่มาส่งชาพูดอะไรบ้าง กระดาษห่อชานั้น...หลังบ่าวเทชาลงไหก็โยนทิ้งไปแล้วเ๽้าค่ะ” กล่าวจบก็หันไปขอโทษเหอตังกุย “คุณหนูสาม บ่าวขอโทษเ๽้าค่ะ พวกบ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูเขียนวิธีชงชาไว้บนนั้น คิดเพียงว่ากระดาษแผ่นนั้นไม่มีประโยชน์จึงโยนทิ้งเ๽้าค่ะ”

        “ไม่เป็๞ไร พวกเ๯้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่จำเป็๞ต้องขอโทษ” อันที่จริงกระดาษแผ่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ตามที่นางกล่าวจริง ๆ

        เหอตังกุยยิ้มบาง นางรู้ว่าห้องชงชาของเหล่าไท่ไท่เป็๲ระเบียบแบบแผนมาโดยตลอด ใบชาและผลไม้ที่ส่งมาจากด้านนอกจะถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของ ชากลิ่นแรงจะถูกเก็บในไห กลิ่นที่ไม่ค่อยแรงจะถูกเก็บในห่อชาตามเดิมแล้วใส่ในลิ้นชักที่มีหมายเลขกำกับเสมือนตู้ยาในร้านขายยา กลิ่นของชาซานจาค่อนข้างแรง ด้วยเหตุนี้เหอตังกุยคิดว่าพวกนางอาจเทชาลงไหแล้วโยนห่อชาทิ้ง จึงโกหกว่าเขียนวิธีชงชาบนห่อชา การโยนความผิดทั้งหมดให้ความเข้าใจผิดขณะส่งชาโดยมีสาวใช้และมามากว่ายี่สิบคนในห้องชงชา ดังนั้นความผิดนี้จึงถูกขจัด ทั้งยังไม่มีใครถูกตำหนิ

        แน่นอนว่าหากเพิ่มน้ำตาลในชาซานจามากเกินไป ไม่ว่าชงอย่างไรก็ไม่อร่อย แต่ประสาทการได้ยินของเหอตังกุยนั้นดีมาก นางได้ยินเสียงคนเร่งรีบเดินมาแต่ไกลจึงเดาว่าอาหารใกล้มาถึงแล้ว งานเลี้ยงก็กำลังจะเริ่ม ประสบการณ์ชิมชาที่ไม่จรรโลงใจนี้ย่อมถูกลืมในไม่ช้า เป็๞จริงดังคาด “ต๊อกแต๊ก ๆ ” เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเท่าไร กลิ่นหอมของอาหารก็โชยมาพร้อมกัน เหล่าไท่ไท่จึงถือโอกาสนี้ทำราวกับไม่เคยมีเ๹ื่๪๫ใดเกิดขึ้น เมื่ออาหารรสเลิศชุดแรกพร้อมแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็เริ่มชักชวนให้คนอื่นดื่มเหล้าและกินอาหารโดยไม่ห้ามเหล่าคุณชายดื่มเหล้าอีก ทั้งยังสั่งให้สาวใช้รินเหล้าให้ทุกคนเต็มแก้ว

        หยางมามาพาหลัวไป๋ฉยงไปนั่งข้างเผิงสือและเผิงเจี้ยน ขณะเดียวกันก็เอ่ยปลอบใจ “เ๱ื่๵๹เมื่อครู่เป็๲เพียงอุบัติเหตุ คุณหนูรองไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ”

        หลัวไป๋ฉยงอดทนเงียบ ๆ นางพูดไม่ออกเพราะเป็๞ผู้ก่อเ๹ื่๪๫นี้เอง หลายเดือนที่ผ่านมา ขณะนางกลับจวนตระกูลซุนก็ได้เข้าเรียนกับท่านอาจารย์หวงผู้มีชื่อเสียงด้าน “ชาไร้กลิ่น” ติดต่อกันเป็๞เวลานาน นางคิดว่านางมีความเข้าใจศิลปะการชงชาเป็๞อย่างดีและอยากแสดงความสามารถในโอกาสสำคัญ แม้แต่วิธียกชานางก็ยังจดจำได้ เนื่องจากการตายของลุง มารดาของนางจึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาและบทกวีหลายเดือนแล้ว ทำให้นางไม่มีความสุขและมักรู้สึกว่านางเป็๞เหมือนไข่มุกแห่งความโศกเศร้าที่ปกคลุมด้วยฝุ่น

        วันนี้หลังได้ยินว่าเป่าติ้งผอเมิ่งชานและคุณชายเจ็ดเมิ่งมาที่นี่ เหล่าไท่ไท่จึงอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก นางจึงรีบเตรียมชุดและเครื่องประดับสำหรับงานเลี้ยงมื้อค่ำ ทว่าเลือกไปเลือกมา เวลาก็ล่วงเลยไปมากเสียแล้ว นางเร่งรีบเดินทางมาจนถึงนอกห้องโถงซินหรงพลันพบพวกของหยางมามาที่กำลังจะยกชาเข้าไป

        หลัวไป๋ฉยงเข้าใจดีว่าเป่าติ้งผอเป็๞แขกที่ยากจะได้พบในรอบสิบปี และนางก็เสียใจที่มาสายในงานเลี้ยงสำคัญเช่นนี้ ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นหอมโชยจากไหใบใหญ่ที่กานเฉ่าถือ จึงเกิดความคิดที่จะแสดงศิลปะการชงชาที่ไม่เหมือนใคร ตามที่ทราบกันดี ลูกสาวที่มีความสามารถในการชงชายอดเยี่ยมล้วนเป็๞ตัวเลือกในหมู่ลูกหลานชนชั้นสูง หากนางแสดงความสามารถต่อหน้าแขกทุกคน ไม่เพียงยกฐานะของตน ไม่แน่อาจดึงดูดความสนใจของเผิงสือได้

        หลังหยางมามาได้ยินแผนการก็กล่าวด้วยความลังเลว่าชาไหนี้ไม่ใช่ชาธรรมดาทั่วไป แต่เป็๲ชาซานจาที่คุณหนูสามชงกับมือ หากแสร้งว่านางเป็๲ผู้ชงชานี้เองคงจะไม่เหมาะ ทว่าเมื่อหลัวไป๋ฉยงได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็๲ประกายทันที ช่างบังเอิญเสียจริงที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ตนเพิ่งท่องบทเรียนเ๱ื่๵๹ “ชาผลไม้หอม” จะได้ใช้ในโอกาสนี้พอดี ๼๥๱๱๦์ช่างเมตตานางจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าการแสดงอันยอดเยี่ยมของนางจะถูกชาของ “คนป่าเหอตังกุย” ทำพังไม่เหลือชิ้นดี นางจึงโกรธเป็๲ฟืนเป็๲ไฟยิ่งนัก

        หลัวไป๋ฉยงนั่งในห้องโถงด้วยความอับอาย ในใจพลางคิดว่าคนในห้องโถงต้องหัวเราะเยาะนางลับหลังเป็๞แน่ เ๹ื่๪๫ทั้งหมดเป็๞ความผิดของ “คนป่าเหอตังกุย” เพียงผู้เดียว

        เดิมทีเอ้อร์ไท่ไท่ คุณชายใหญ่และคุณหนูใหญ่จะมาร่วมงานเลี้ยงแต่ท้ายที่สุดกลับไม่เข้าร่วม เดิมทีเมื่อสามวันก่อนคุณชายใหญ่กวนก็จะมาเยี่ยมเยียนทว่ากลับไม่มา ทำให้ในห้องโถงมีที่ว่างไม่น้อย หลังหยางมามาปลอบใจหลัวไป๋ฉยงเสร็จแล้วก็ย้ายที่นั่งของเหอตังกุยจากที่นั่งท้าย ๆ ไปยังที่นั่งสำคัญ เพื่อให้งานเลี้ยงคึกคัก เหอตังกุยจึงถูกย้ายมานั่งตรงข้ามหลัวไป๋ฉยง เมื่อมองหน้าคนที่เกลียด ไม่ว่าอาหารจะอร่อยเพียงใดก็ไร้รสชาติ

        งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นโดยมีที่นั่งหลักคือที่นั่งของเหล่าไท่ไท่ ที่นั่งทั้งหมดถูกจัดเป็๞สองแถวห้าขั้นบันได แถวซ้ายขั้นแรกคือเมิ่งชานสองพ่อลูก แถวซ้ายขั้นสองคือสองพี่น้องตระกูลเผิง แถวซ้ายขั้นสามคือหลัวไป๋ฉยง แถวขวาขั้นหนึ่งคือกวนไป๋ซึ่งไม่ได้เข้าร่วม และแถวขวาขั้นสามคือเหอตังกุย

        คนเหล่านี้ล้วนเป็๲คนแปลกหน้าที่ได้พบกันครั้งแรก เมิ่งชานสองพ่อลูกเป็๲คนแปลกหน้าสำหรับสองพี่น้องตระกูลเผิง และสองพี่น้องตระกูลเผิงก็เป็๲คนแปลกหน้าสำหรับหนิงยวนและบ่าวรับใช้ หากเป็๲คนแปลกหน้าที่คุณเคยกันดีก็คงจะเป็๲เหอตังกุยและหลัวไป๋ฉยง บางคนก็ตั้งใจแสร้งเป็๲คนแปลกหน้าเช่นเผิงสือและหลัวไป๋ฉยง คนแปลกหน้ากลุ่มนี้นั่งดื่มกินบนโต๊ะในส่วนของตัวเอง แทบไม่มีบรรยากาศของงานเลี้ยงแม้แต่น้อย เหล่าไท่ไท่เห็นดังนั้นก็ร้อนใจจึงเป็๲ฝ่ายชวนคุยทีละคน นางเอ่ยถามเมิ่งเซวียนว่าหมั้นหรือยัง ก่อนถามสองพี่น้องตระกูลเผิงว่าพอใจเรือนสีชั่งหรือไม่ ถัดไปก็ถามหลัวไป๋ฉยงว่าอาหารพอหรือเปล่า ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็๲คำตอบง่าย ๆ เช่น “ไม่” “พอใจ” “พอกิน” ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถกระตุ้นบรรยากาศงานเลี้ยงให้คึกคักได้แม้แต่น้อย

        เหล่าไท่ไท่หันไปทางขวาเพื่อคุยกับหนิงยวนอีกครั้ง ครั้งที่แล้วนางและหนิงยวนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่นางยังไม่ทันเอ่ยปาก จู่ ๆ หนิงยวนก็เอ่ยกทันหัน “ต้องขออภัย ข้าจะไปเข้าห้องน้ำ เชิญทุกท่านกินให้อร่อย” เหล่าไท่ไท่พยักหน้าพลางคิดจะหันไปคุยกับเฟิงหยาง ทว่าเฟิงหยางกลับลุกยืนทันทีที่หนิงยวนตบไหล่ ก่อนเอ่ย “ข้า...ข้าก็จะไปเข้าห้องน้ำ ทุกท่านกินให้อร่อยนะขอรับ” ทั้งสองกล่าวจบก็รีบเดินออกไปทางประตูข้าง

        บุรุษสองคนไปทำธุระส่วนตัวพร้อมกันหรือ? การกระทำของพวกเขาดึงดูดสายตาผู้คนที่เหลือในห้องโถงทันที บรรยากาศเริ่มน่าสนใจยิ่งขึ้น เผิงเจี้ยนยิ้มให้พี่ชายพลางเอ่ย “ท่านพี่ หยางเฟิงผู้นี้คือ “เซียนดาบฝูหลิว” ที่เพิ่งปรากฏตัวในยุทธภพใช่หรือไม่? เหตุใดจึงทำตัวเหมือนสตรีเช่นนี้เล่า?”

        เผิงสือยังไม่ทันตอบ เมิ่งเซวียนก็พูดขัดจังหวะฉับพลัน “หลายเดือนก่อนข้าเคยเห็น “เซียนดาบฝูหลิว” เขามีหน้าตาเหมือนเฟิงหยางผู้นี้” 

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้