กูเฟยเยี่ยนขมวดคิ้วแน่น จิตใจสับสน อารมณ์วุ่นวาย
เถ้าแก่แนะนำตัวไป๋หลี่ิชวนเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้กำลังแนะนำจวินจิ่วเฉิน
ใบหน้าของกู้อวิ๋นหย่วนยังคงยิ้มแย้มอ่อนโยน โค้งคำนับด้วยความเกรงใจและถ่อมตน ไม่ว่าจะเป็ไป๋หลี่ิชวนหรือจวินจิ่วเฉินเขาก็เอ่ยไปว่า “ยินดีที่ได้พบ”
ไม่พูดไม่ได้ว่าจากฐานะของแพทย์กู้นั้นการที่มีมารยาทเช่นนี้ทำให้จวินจิ่วเฉินที่โอหังและถือดีกับไป๋หลี่ิชวนที่มีความหยิ่งยโสเกิดความรู้สึกตื่นใที่ได้รับความเมตตาเช่นนี้
เถ้าแก่เอ่ยแนะนำอีกครั้ง “ท่านนี้คือกูเฟยเยี่ยน แพทย์หญิงของจิ้งหวาง จวินจิ่วเฉิน”
กู้อวิ๋นหย่วนหันไปมองกูเฟยเยี่ยนพลันโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มและมารยาทอันดีงามเฉกเช่นที่ปฏิบัติต่อจวินจิ่วเฉินกับไป๋หลี่ิชวน “แพทย์หญิงกู ยินดีที่ได้พบ”
เมื่อมองเห็นใบหน้าและน้ำเสียงคุ้นเคยที่พูดแสดงความเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ หัวใจของกูเฟยเยี่ยนก็บีบอัดกันแน่น นางทุกข์ทรมานจนพูดไม่ออก ในวินาทีนั้นนางมีความรู้สึกว่าสรรพสิ่งทุกอย่างรอบตัวของนางยังคงเหมือนเดิม ทว่าคนกลับเปลี่ยนแปลงตาลปัตรไปหมด
นางเคยจินตนาการเอาไว้ว่าเมื่อได้พบท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอีกครั้งนางจะดุว่าเขา นางจะร้องไห้กอดเขาแน่น และเคยจินตนาการไว้ด้วยว่าหากท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวได้พบนางอีกครั้ง เขาจะคลึงศีรษะของนางเหมือนเมื่อก่อน เขาจะช่วยนางจัดทรงผม ช่วยนางจัดเสื้อผ้า และจะยิ้มแย้มต่อนางด้วยความรักเหมือนกับปฏิบัติต่อคนรักตัวน้อยแบบนั้น
นางจินตนาการถึงฉากที่อาจารย์กับศิษย์จะได้พบกันมามากมาย หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็เช่นนี้
กู้อวิ๋นหย่วน กูอวิ๋นหย่วน…ท่านนามสกุลกู้หรือนามสกุลกูกันแน่? ตกลงว่าท่านคือท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวหรือ…เป็เพียงแค่คนแปลกหน้า?
กูเฟยเยี่ยนไม่ขยับเขยื้อน แต่มองตรงไปในดวงตาของกู้อวิ๋นหย่วน นางดึงดันราวกับ้าหาเบาะแสและคำตอบในดวงตาของเขา
ในตอนแรกกู้อวิ๋นหย่วนยิ้มรอด้วยความสุภาพ แต่เมื่อเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนจ้องมองมาโดยไม่ส่งเสียง เขาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาหลบหลีกสายตาสับสนของนางพลันโค้งคำนับอีกครั้ง “แพทย์หญิงกู ยินดีที่ได้พบ”
กูเฟยเยี่ยนยังคงไม่พูดไม่จา แต่ดึงดันไล่ตามสายตาของเขาเพื่อบีบบังคับให้สบตากับตัวนางเอง
กู้อวิ๋นหย่วนไม่มีความสุขุมและความสงบนิ่งเฉกเช่นท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว ใบหน้ารูปงามของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ไม่ช้าเขาก็มองหาเถ้าแก่เพื่อส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
อย่าว่าแต่เถ้าแก่เลย แม้แต่จวินจิ่วเฉินกับไป๋หลี่ิชวนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของกูเฟยเยี่ยน
เถ้าแก่กำลังจะพูดแต่ไป๋หลี่ิชวนกลับหัวเราะออกมาก่อน “ฮ่าๆ แพทย์กู้ นังหนูคนนี้ไม่ไร้เดียงสานะ! เถ้าแก่คือผู้ที่รู้ดีที่สุด เอาเป็ว่าท่านไปกับข้าเถอะ”
เถ้าแก่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน เขาเพียงแค่คิดว่านังหนูอย่างกูเฟยเยี่ยนที่มีแผนมั่วโลกีย์เต็มไปหมด้าจะใช้กลอุบายของหญิงงาม
เขารีบหันไปส่งสายตากล่าวเตือนกูเฟยเยี่ยนทันที เขาตะขิดตะขวงไม่กล้ากล่าวตำหนิโดยตรงจึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “แพทย์กู้ พวกเขามาในวันเดียวกันและ้าเชิญท่านออกจากเขาแห่งนี้เช่นกัน คนพวกนี้มอบให้ท่านตัดสินแล้วกัน ข้าน้อยจะไปรอบนเรือ”
นับได้ว่ากู้อวิ๋นหย่วนเลี่ยงกูเฟยเยี่ยนได้อย่างสมบูรณ์ เขาพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน “เดินทางปลอดภัย”
ทันทีที่เถ้าแก่ออกไปไป๋หลี่ิชวนก็นิ่งเงียบ ทางด้านของจวินจิ่วเฉินนั้นดึงแขนเสื้อของกูเฟยเยี่ยนพลางกระซิบแ่เบา “เ้าเป็อะไรไป? ”
แพทย์กู้ท่านนี้ดูเหมือนจะเจรจาได้ง่ายเพราะมีความอ่อนโยนและถ่อมตน เพียงแต่เมื่อดูจากการป้องกันตลอดทางที่เข้ามายังเขาแห่งนี้แล้ว สถานที่แห่งนี้กับแพทย์กู้ท่านนี้ล้วนไม่ธรรมดาและไม่ยินยอมให้ใครหน้าไหนมาก่อความวุ่นวายแน่
การที่เถ้าแก่สามารถออกไปอย่างไร้กังวลแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถก่อความวุ่นวายได้
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนพูดเื่ของท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวออกมาไม่ได้ ในส่วนของท่าทางสับสนอึดอัดของกู้อวิ๋นหย่วนทำให้นางผิดหวังมากทีเดียว เพียงแต่นางยังคงหมกมุ่นในสิ่งนี้
หญิงสาวมองเขาด้วยความลึกซึ้งพลันโค้งคำนับ “แพทย์กู้ ยินดี…ที่ได้พบจริงๆ ! ”
แม้ว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะตอบรับมารยาทแล้ว ทว่าก็ยังจงใจหลีกเลี่ยงสายตาของนางอย่างเห็นได้ชัด “ทุกท่าน ในเมื่อพวกท่านมาวันเดียวกัน ข้าน้อยไม่ทราบว่าควรเลือกท่านใดดี เช่นนี้แล้วกันพวกท่านตามข้าน้อยมา”
ดวงตาของไป๋หลี่ิชวนทอประกายความซับซ้อนแล้วรีบก้าวเดินตามไป
ทว่ากูเฟยเยี่ยนที่จมลึกอยู่ในความคิดของตนเองนั้นไม่เคลื่อนไหวใดๆ จวินจิ่วเฉินไม่ได้เดินไปในทันที เขาหันมามองกูเฟยเยี่ยนด้วยความจริงจังจึงสังเกตเห็นว่าขอบตาของกูเฟยเยี่ยนเป็สีแดง
เขารู้สึกใมาก “เ้าเป็อะไรกันแน่? ”
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็ได้สติกลับมาและตระหนักได้ว่าตนเองเสียมารยาท นางรีบขยี้ดวงตา กัดฟันฝืนยิ้ม พลางโกหกว่าขนตาหล่นเข้าไปด้านในดวงตา
จวินจิ่วเฉินเป็คนที่หลอกได้ง่ายเสียที่ไหน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “พูดความจริง! ”
“เตี้ยนเซี่ย ท่านลองดูสิ มีขนตาหล่นลงไปจริงๆ “
กูเฟยเยี่ยนเจตนาเงยศีรษะขึ้นมาเพราะกลัวว่าจวินจิ่วเฉินจะไม่เชื่อ จากนั้นจึบเอ่ยอีกว่า “เตี้ยนเซี่ย ดูเหมือนว่าข้าจะเคยพบแพทย์กู้ท่านนี้ที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ว่าข้านึกไม่ออก”
นางลังเลครู่หนึ่งแล้วไล่ตามไปหยั่งเชิงอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าจวินจิ่วเฉินจะเชื่อหรือไม่ “แพทย์กู้ ข้าเคยพบท่านที่ไหนมาก่อนหรือไม่? ”
กู้อวิ๋นหย่วนหยุดก้าวเดินอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่ได้หันหลังกลับมา ไม่ช้าก็ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ “ข้าน้อยเคยทัศนาจรด้านนอกอยู่หลายครั้ง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็เคยไปที่เมืองหลวงของเทียนเหยียน บางทีอาจเคยได้พบกันจริงๆ ”
กูเฟยเยี่ยนรีบถามอีกครั้ง “เช่นนั้นแพทย์กู้จำข้าได้บ้างหรือไม่? ”
กู้อวิ๋นหย่วนหยุดอีกครั้งราวกับ้าหันหลังไป ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้หันมามอง มีเพียงคำพูดแค่ว่า “ความจำของข้าน้อยไม่ดีนัก หากได้พบกันจริงๆ เกรงว่าก็นึกไม่ออกแล้ว”
การหยั่งเชิงเช่นนี้ไม่สามารถหามูลเหตุได้ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับไป๋หลี่ิชวนล้วนอยู่ที่นี่ นางไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเื่แดน์ปิงไห่กับเื่อื่นๆ นัก
นางก้าวเดินตามหลังกู้อวิ๋นหย่วนโดยใช้เวลากว่าครู่หนึ่งถึงจะตอบกลับไป
จวินจิ่วเฉินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็พูดไม่ออก ต่อให้เขาฉลาดมากเพียงใดก็ไม่สามารถครุ่นคิดที่มาที่ไปของกูเฟยเยี่ยนได้
เขาแอบรำพึงในใจ หากว่ากูเฟยเยี่ยนมีพรหมลิขิตกับแพทย์กู้ท่านนี้ บางทีโอกาสที่พวกเขาจะชนะก็มีมากขึ้น
แต่ไม่รู้ว่าแพทย์กู้ท่านนี้จะพาพวกเขาไปที่ไหนและจะตัดสินใจเลือกอย่างไร?
ไป๋หลี่ิชวนหัวเราะคิกคัก “เสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์ ฝีมือในการตีสนิทของเ้าไม่แพ้เปิ่นหวงจื่อเลย! ”
ภายในใจของกูเฟยเยี่ยนมีความทุกข์ทรมานจึงี้เีสนใจเขา
นางไม่ก้าวเดินแซงขึ้นไป แต่เดินตามหลังกู้อวิ๋นหย่วนเพื่อมองแผ่นหลังของเขา ในขณะที่มองไม่เห็นใบหน้าของเขา นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าแผ่นหลังนี้เหมือนใคร แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเขาแล้วก็รู้สึกอย่างแท้จริงว่าแผ่นหลังตั้งตระหง่านผ่ายผอมและมีความสุขุมเงียบสงบนี้ เหมือนกับท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเลย รูปลักษณ์ว่าเหมือนแล้วแต่อุปนิสัยใจคอเหมือนยิ่งกว่า
กูเฟยเยี่ยนเดินตามราวกับว่าได้ย้อนกลับไปใน่วัยเด็กอีกครั้ง กลับไปใน่ที่นางมีอายุแปดปี ปีนั้นคือปีแรกที่นางอยู่ในแดน์ปิงไห่และเป็ปีแรกที่นางติดตามท่านอาจารย์เพื่อเรียนรู้ทักษะยาสมุนไพร
นางมักจะหิ้วตะกร้าไม้ไผ่วิ่งติดสอยห้อยตามแผ่นหลังของท่านอาจารย์ไปที่ทุ่งกว้างบนูเาเพื่อเก็บสมุนไพรและเรียนรู้ที่จะแบ่งแยกสมุนไพรกับต้นไม้ใบหญ้า
ในตอนนั้นนางมักจะเห็นแผ่นหลังสูงใหญ่ของท่านอาจารย์โดยที่ตัวนางเองไล่ถามไม่หยุดว่านางและเขาเป็ใคร นางมาจากที่ใด บิดาของนางคือใคร มารดาของนางคือใคร และทำไมนางถึงได้ฝันร้ายเกี่ยวกับปิงไห่มาโดยตลอด
นางมักจะถามแล้วนั่งร้องไห้ยกใหญ่อยู่ในทุ่งสมุนไพร นางร้องไห้อยากกลับบ้าน ร้องไห้อยากจะพบบิดากับมารดา
นางจำไม่ได้ว่าเริ่มหยุดร้องไห้และเลิกถามคำถามเ่าั้ั้แ่เมื่อใด นางจำได้แค่ว่าทันทีที่ร้องไห้ท่านอาจารย์ก็จะอุ้มนางขึ้นไปบนแผ่นหลังแล้วให้นางทานลูกอมชะเอม
กูเฟยเยี่ยนยังคงจมลึกอยู่ในความทรงจำของตนเอง กู้อวิ๋นหย่วนก็พาพวกเขามาถึงห้องโถงรับรองจากนั้นจึงนำชาร้อนมามอบให้ด้วยตนเอง
“ทุกท่านเชิญนั่งลงแล้วพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้ป่วยก่อน บนโลกใบนี้มีโรคมากมายหลายชนิด ข้าน้อยก็ไม่ใช่ผู้ที่สามารถรักษาได้ทุกโรค”
ไป๋หลี่หมิวชวนแย่งพูดออกมาก่อน “แพทย์กู้ สามารถปลีกออกมาพูดคุยได้หรือไม่? ”
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่ิชวนไม่้าให้กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินรับรู้มากนัก ในส่วนของแพทย์กู้ก็ไม่ลังเล เขาเพียงแค่ให้กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินคอยชั่วครู่ แล้วพาไป๋หลี่ิชวนเดินไปที่ห้องโถงด้านข้าง
หลังจากที่สองคนนั้นเดินออกไปแล้ว จวินจิ่วเฉินจึงได้กระซิบถาม “เ้าแน่ใจว่าเคยพบเขาหรือไม่? ”
“ไม่ค่อยแน่ใจเพคะ นู๋ปี้แค่คุ้นหน้า”
กูเฟยเยี่ยนพูดลอยๆ แล้วพิจารณารอบข้าง ทันทีที่นางเดินมายังที่นั่งหลักก็เห็นว่าบนโต๊ะตัวนั้นมีลูกอมชะเอมวางเอาไว้!