นับจากนี้จะไม่มีใครคอยปกป้องดูแลเธอดังเช่นที่ผ่านมา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนสุด พลางปาดน้ำตาออกช้าๆ ก่อนที่ป้าสาย จะวิ่งเข้ามาจับตามเนื้อตัว เพื่อสำรวจร่างกายว่ามีาเ็ส่วนใดหรือไม่
“ไม่ร้องนะคะหนูพิชญ์ กลับบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้คนขับรถไปส่ง ไม่ต้องเข้าไปในงานแล้วค่ะ คุณวินเธอไม่ยอม ถ้าหนูพิชญ์จะเข้าไป วันนี้ต้องมีตายกันไปข้างหนึ่งแน่ๆ” ป้าสายเป็ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่พิชญาเคารพรักเป็อย่างมาก ด้วยเพราะป้าสายมีนิสัยโอบอ้อมอารี เอ็นดูพิชญามาั้แ่วัยเยาว์ รู้เห็นความเป็มาของครอบครัวเธอเป็อย่างดี
“ค่ะป้าสาย พิชญ์ควรกลับบ้าน พิชญ์ไม่อยากให้งานของพี่วามีปัญหา พี่วาจะไปได้จากไปอย่างมีความสุข” หญิงสาวหันมายิ้มหวานทั้งน้ำตา มองตรงไปยังแม่สาย หญิงชรารับรู้ถึงความเ็ปของเธอได้ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยเพื่อปลอบโลม
ร่างบางเดินเหม่อเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความสิ้นหวัง รับรู้ได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยว นับจากนี้จะไม่มีใครคอยปกป้องดูแลเหมือนที่ผ่านมา ภาพของทิวาในอดีต ลอยเข้ามาอยู่ในทุกมุมของบ้าน รอยยิ้ม อ้อมกอด เสียงหัวเราะของเขาประทับในความทรงจำของเธอ
“พิชญ์เก่งที่สุด” คำชมพร้อมกับรอยยิ้มของทิวา ลอยเข้ามาแล้วจางหายไป มืออบอุ่นที่คอยลูบศีรษะเธอในทุกวัน ลอยเข้ามาแล้วจางหายไป
“พิชญ์ของพี่สวยที่สุด” คำพูดยังคงก้องอยู่ในสมอง พิชญายกสองมือขึ้นปิดใบหน้าแล้วปล่อยโฮ ออกมาจนสุด ร่างเล็กทรุดลงกองไปที่พื้น เสมือนหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง
หญิงสาวผมสีดำ เดินอยู่ท่ามกลางผู้คนหลากเชื้อชาติ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผมสีทองเกือบทั้งสิ้น เธอสวมชุดค่อนข้างรัดกุมในมือถือร่มคันเล็กพกไว้ตลอดเวลา ด้วยเพราะอากาศที่นี่ยากจะคาดเดา ฝนนึกอยากตกตอนไหนก็ตกอย่างไม่บอกกล่าว พิมพ์พาหญิงสาวที่เกิดและเติบโตขึ้นท่ามกลางธรรมเนียมฝรั่ง เป็คนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองสูง ชนิดที่เรียกได้ว่าถึงขั้นกล้าได้กล้าเสียเลยทีเดียว
เธอเดินลดเลี้ยวเข้ามาในซอย ซึ่งไม่ได้เปลี่ยวเท่าไหร่ หากแต่ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนทางเมื่อครู่ มือเรียวเล็กกดกริ่งรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้ชายผมสีทองจะเปิดประตูต้อนรับ ยิ้มทักท้ายกันเป็ภาษาอังกฤษเล็กน้อยพอเป็พิธีเท่านั้น
“ตรงเวลาจังเลย รีบมาขนาดนี้กลัวผมกลับไทยก่อนหรือไง” เมื่อหนุ่มฝรั่งผมสีทองหันไปยังต้นเสียง เขายิ้มทักทายแล้วเดินเลี่ยงออกไป พายุหนุ่มเชื้อสายไทยแท้ๆ จึงเข้ามาทักทาย
“อีกสองวันคุณก็กลับไทยแล้วนี่คะ ฉันกลัวคุณหนีกลับก่อน” พิมพ์พาเดินตรงไปยังโซฟาอย่างคุ้นเคย เพราะเธอมาบ้านหลังนี้แทบทุกครั้งที่พายุบินมาอังกฤษ ฉะนั้นคนในบ้านย่อมรู้จักเธอเป็อย่างดี
“แล้วตกลงเื่นั้น เป็ไงบ้าง” ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าเดินเข้ามานั่งไขว่ห้างด้านข้าง รอฟังคำตอบ
“ฉันตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ ฉันบอกเลิกเขาไปแล้ว” เสียงแ่เบาแสดงถึงความไม่มั่นใจเท่าไหร่ สีหน้าแววตาของหญิงสาวรูปงาม ยังคงบ่งบอกถึงความเสียใจแม้จะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกแล้วก็ตามที
“คุณแน่ใจแล้วหรือว่าคนใหม่ที่คุณคบซ้อนมาได้ปีหนึ่ง เขาจะเป็คนดีอย่างที่คุณคาดหวังไว้” พายุย้ำพร้อมจ้องเข้าไปในั์ตาหวานนั้น
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ตอนนี้ฉันมีแต่จะเดินหน้าต่อ” พายุพยักหน้ารับรู้ เขาเป็เพื่อนของพิมพ์พามานาน พอจะรู้นิสัยใจคอเธออยู่บ้าง หากตัดสินใจไปแล้วยากที่ใครจะรั้งได้
พิชญาปาดน้ำตา พลันหันมองดูรูปครอบครัวของทิวาและธาวิน หวนนึกถึงคำพูดของคนใจร้ายเมื่อครู่ เธอเป็ส่วนเกินของครอบครัวนี้ ตามที่ธาวินเคยพูดกรอกหูมาตลอด ด้วยเพราะมารดาแต่งงานเป็ภรรยาคนใหม่ ของเ้าของบ้านแสนร่ำรวย และเธอเข้ามาในฐานะลูกเลี้ยง มารดาและเธอเข้ามาตัวเปล่าไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว
และนั่นเป็สาเหตุให้ธาวิน ไม่ใคร่ชอบหน้ามาั้แ่แรกเริ่ม เขาเข้าใจว่าที่มารดาแต่งงานกับผู้ชายอายุมากนั้น ไม่ได้เกิดจากความรัก หากแต่เกิดจากสมบัติมากมายมหาศาลเหล่านี้ต่างหาก นั่นเป็สาเหตุว่าเธอโดนธาวินรังแกอยู่บ่อยครั้ง และเขามักจะทำดีเมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาเท่านั้น โชคดีที่พิชญายังพอมีบุญอยู่บ้างทิวามักเป็คนเข้ามาปกป้องเสมอ เขาเป็พี่ชายที่ดีที่สุดในชีวิต
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต ยิ่งทำให้หญิงสาวกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พิชญาเดินไปปลดรูปถ่ายนั้นลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรงเรียวมือสวยลูบวนไปที่ภาพของทิวาอย่างความทะนุถนอม
“พิชญ์วาดเองหรือ” ทิวาในวัยสิบขวบ เดินผ่านม้านั่งที่พิชญากำลังวาดภาพบางอย่าง เขาวกกลับเข้ามาถามเด็กหญิงอย่างสนใจ เด็กผมเปียยิ้มหวานพลางพยักหน้าเป็คำตอบ
“ไหนพี่ดูซิ” ทิวาหยิบภาพวาดของเธอขึ้นมาดู เป็ภาพคนตัวเล็กสามคน ยืนอยู่ในบ้านหลังใหญ่
“พิชญ์วาดใครหรือ บอกพี่ได้ไหม” ดวงตากลมใสบริสุทธิ์มองทิวาครู่หนึ่ง เด็กหญิงจึงพยักหน้า
“คนนี้พิชญ์ค่ะ คนนี้พี่วิน คนนี้พี่วาค่ะ” หญิงสาวชี้ตามรูปพร้อมอธิบายช้าๆ ยังไม่ทันจบ ธาวินที่วิ่งตามพี่ชายเข้ามา กลับดึงภาพดังกล่าวออกจากมือของพิชญา แล้วฉีกมันทิ้งทันที พร้อมโยนเศษกระดาษพวกนั้นเกลื่อนเต็มพื้น
“ยัยตัวประหลาด กล้าดีอย่างไรมาวาดรูปฉัน” ธาวินอาละวาดะโใส่เด็กหญิงอย่างเอาแต่ใจ พร้อมยืนจ้องด้วยความโกรธแค้น
“วิน หยุดพูดจาแบบนี้กับน้อง ขอโทษพิชญ์เดี๋ยวนี้” ทิวาหันปรามน้องชาย
“ไม่” ธาวินกอดอกปฏิเสธเสียงแข็ง ยังคงยืนจ้องอยู่ ในขณะที่พิชญาหัวใจรัวถี่เพราะความกลัว เธอเดินมาหลบที่หลังของทิวาช้าๆ ไม่กล้าแม้จะให้น้ำตาไหลลงแก้ม
“วิน อย่าทำนิสัยแบบนี้ พี่ไม่ชอบ ขอโทษน้องพิชญ์”
“วินไม่ขอโทษ ทำไมวินต้องขอโทษยัยตัวประหลาดนี่ด้วย”
“พี่บอกให้ขอโทษน้องพิชญ์ ไม่อย่างนั้นพี่จะบอกพ่อ ให้พ่อจัดการ” พี่ชายเริ่มหมดความอดทนกับน้องชายจอมเอาแต่ใจ ไม่สมกับที่ถูกอบรมมา เมื่อเด็กชายธาวินได้ยินชื่อพ่อ รู้สึกกลัวขึ้นมา จึงยอมอ่อนลง
“ขอโทษ” เขากล่าวขอโทษเสียงแข็ง อย่างไม่เต็มใจแล้ววิ่งออกไปเพราะกลัวเสียหน้า ทิวาหันมองน้องชายพลางส่ายหน้าไปมา
“ไม่ร้องนะน้องพิชญ์” ทิวาหันมาหาพิชญาที่กำลังตัวสั่นระริก ดวงตาใสเต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อใกล้หยดเต็มที เขาย่อตัวลงเล็กน้อย ใช้มือเช็ดให้อย่างถนอม
“อย่าสนใจวินเลยนะพิชญ์ รูปนี้สวยมาก พี่ชอบ เดี๋ยวพี่ซ่อมให้” ทิวาหยิบเศษกระดาษที่ขาดเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขึ้นมาทากาวแล้วติดไว้ให้อยู่ในรูปเดิม พร้อมใส่กรอบแล้วยื่นให้กับเด็กหญิงพิชญา นับแต่บัดนั้นพิชญาก็ไว้ใจทิวามาตลอดจวบจนปัจจุบัน ภาพในอดีตทำให้หญิงสาวกระชับรูปภาพนั้นแน่นขึ้น แล้วทรุดลงนั่งที่โซฟาอย่างอ่อนแรง