สายตาสงสัยของบรรดาศิษย์ในหยุดอยู่ที่ร่างของเสวียนเทียน
ถึงจะเป็ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งหม่าเทาสามคนก็ยังขมวดคิ้ว งุนงงหนักมีเพียงหยางติ่งจวินที่แม้ชื่อได้แขวนอยู่ที่ขั้นสอง สีหน้ากลับไม่ยินดีแม้แต่น้อยสีหน้านิ่งเรียบ มีเพียงหางตาที่กระตุกอยู่บ้าง
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของบรรดาศิษย์ในทั้งหลายชั่วขณะนั้น คนไม่น้อยอดสูดลมหายใจอย่างใไม่ได้ สายตาหันไปมองร่างของหม่าเจินหรู
เห็นเพียงร่างของหม่าเจินหรูพุ่งขึ้นสูงลอยสูงถึงสิบกว่าเมตรจนมาถึงจุดที่สูงที่สุดของกำแพงชั้นที่หนึ่งของหอกระบี่์ที่นี่เป็ที่ซึ่งแขวนชื่อขั้นที่หนึ่ง หม่าเจินหรูยื่นแขนออกไปแผ่นไม้ที่สลักชื่อ ‘หวงเทียน’ แขวนอยู่ท้ายสุดของขั้นที่หนึ่ง
สำนักกระบี่์ ศิษย์สำนักในมีสี่ร้อยกว่าคน
เสวียนเทียนขึ้นชั้นเบิกนภาได้ไม่นานเพิ่งก้าวเข้าสำนักใน กลับก้าวข้ามศิษย์สำนักในสามสี่ร้อยคนชื่อแขวนอยู่ขั้นที่หนึ่ง ยืนอยู่บนลำดับที่สี่สิบเก้า!
ศิษย์ในหลายสิบคนที่อยู่ตรงนั้นตาค้างพริบตาทั้งลานกว้างก็เงียบงัน แม้เข็มกระทบพื้นก็ยังได้ยิน
แต่ละคนตาค้าง อ้าปากกว้าง ใช้คำว่าปากกว้างตาโตมาอธิบายปฏิกิริยาของบรรดาศิษย์ในที่อยู่ตรงนั้นในตอนนี้ได้พอดี
จนกระทั่งหม่าเจินหรูลอยลงมาที่พื้นศิษย์ในทั้งหมดถึงเพิ่งจะได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงตาโตอ้าปากค้างแต่ว่าสายตายังคงเผยแววตกตะลึงไม่สิ้นเหมือนเดิม
เมื่อมองเสวียนเทียนในสายตาศิษย์ในส่วนใหญ่ไม่มีความริษยา ไม่มีความอิจฉา เหลือเพียงความนับถือ!
เมื่อความสำเร็จของเป้าหมายบรรลุเกินขอบเขตที่ตนคิดหวังไว้ นั่นย่อมเหลือเพียงความนับถือ
เช่นหยางติ่งจวิน ลำดับชื่ออยู่ในขั้นที่สองสำหรับศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งจำนวนมากยังคงอยู่ในขอบเขตความหวังอยู่ ดังนั้นกับหยางติ่งจวินจึงทั้งอิจฉาทั้งริษยา อยากให้ตัวเองไปแทนที่เขา แต่กับเสวียนเทียนไม่มีความคิดอยากให้ตนเองไปแทนที่แม้แต่น้อยเพราะว่าศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งต่างรู้ นั่นเป็ไปไม่ได้!
มีเพียงศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองไม่กี่คนมองเสวียนเทียนด้วยสายตายังคงมีไฟสู้ลุกโชน ในความอิจฉาผสมปนด้วยความริษยา เช่นเดียวกับที่ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งมองหยางติ่งจวินก่อนหน้านั้น
เพียงชั่วครู่สายตาของทุกคนก็หยุดอยู่ที่ตัวของเสวียนเทียนหยางติ่งจวินถูกบรรดาศิษย์ในลืมเลือนอยู่ในมุมไปนานแล้ว
“ยินดีกับศิษย์น้องหวงเ้าถึงกับผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ได้ เหนือความคาดหมายของพวกเราจริงๆ!”
“ศิษย์น้องหวง ช่างน่ายินดีนักน่าฉลองจริงๆ พวกเราคิดว่าเ้าผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ได้ ก็ประเมินเ้าสูงแล้วไม่คิดว่ายังมองเ้าต่ำไปอยู่”
“ศิษย์น้องหวงเ้าช่างทำให้คนตื่นตะลึงเสียจริงเชียว!”
สามเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเสวียนเทียนเสวียนเทียนเบนสายตาไปมอง เป็เฟิงปู๋จื้อ ซุนอี้ชิว กู้เชียนโหรวสามคนเสวียนเทียนยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “ขายหน้าศิษย์พี่ทั้งสามแล้ว”
“เป็ศิษย์พี่เฟิงปู๋จื้อศิษย์พี่ซุนอี้ชิว ศิษย์พี่กู้เชียนโหรว พวกเขาสามคนทำไมถึงรู้จักหวงเทียนได้?”ศิษย์ในไม่น้อยร้องใขึ้นมา
เฟิงปู๋จื้อมีพลังวัตรเพียงชั้นเบิกนภาขั้นสองแต่ลำดับกลับอยู่ที่สี่สิบห้าในขั้นที่หนึ่งเป็บุคคลที่ผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ ชื่อเสียงโด่งดัง
เฟิงปู๋จื้อ ซุนอี้ชิว กู้เชียนโหรว ทั้งสามคนรู้ว่าเสวียนเทียนจะมาผ่านหอกระบี่วันนี้ดังนั้นจึงตั้งใจมาดู เสวียนเทียนสังหารมือกระบี่เงาผีชั้นพลังวัตรขั้นที่สองได้คิดว่าเสวียนเทียนคงผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ได้ ทำให้สำนักในปั่นป่วน
แต่ทั้งสามคนคิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์ที่ผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ครั้งนี้จะมีเพียงหนึ่งคนก็คือหยางติ่งจวินไม่ใช่เสวียนเทียนแต่เสวียนเทียนกลับผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ ข่าวแพร่ออกไป สำนักในไหนเลยจะแค่ปั่นป่วน? ย่อมต้องะเืและตื่นตะลึงเป็ล้นพ้นเหมือนเมื่อปีนั้นที่ฉู่เฟิงมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแล้วผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่
ครั้งนั้น ฉู่เฟิงผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่อายุเพียงสิบสามปี อายุน้อยกว่าเสวียนเทียนราวสองปี
แต่เมื่อสามเดือนก่อน เสวียนเทียนยังมีพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าหนึ่งปีก่อนยังมีพลังอยู่แค่ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสี่ การเลื่อนชั้นของพลังวัตรเกินคนธรรมดาจะจินตนาการได้เพิ่งกลายเป็ศิษย์สำนักในก็ผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่แล้ว
ฉู่เฟิงกับเสวียนเทียน แท้จริงแล้วใครทำให้ผู้คนตื่นตะลึงมากกว่าแท้จริงใครมีศักยภาพมากกว่า คนใจบุญเห็นเมตตา คนฉลาดเห็นปัญญาแต่ละคนต่างก็มีความเห็นและมุมมองของตนเอง
เห็นศิษย์สำนักในทั้งหมดล้วนรุมล้อมเสวียนเทียนหยางติ่งจวินถึงจะถูกคนมองข้าม แต่ในใจกลับลอบยินดี ชั่วขณะนั้นก็แอบๆมุ่งไปที่ด้านนอกของลาน
เขากับเสวียนเทียนมีพนันกันอยู่ อยากหนีไปให้ไกล
ทว่า คนอื่นไม่ได้สนใจหยางติ่งจวิน แต่เสวียนเทียนั้แ่ต้นก็ไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตา
“หยางติ่งจวิน!”
หยางติ่งจวินเพิ่งขยับก้าวเดินเสวียนเทียนก็ะโขึ้นมา
เสียงเรียกนั้นกลบเสียงเซ็งแซ่ของคนทุกคนสายตาของบรรดาศิษย์มองมาที่หยางติ่งจวินตามเสียงะโของเสวียนเทียน
หยางติ่งจวินขมวดคิ้ว เห็นเสวียนเทียนค้นพบแผนการของตัวเองจึงลงมือเด็ดขาดไม่ทำก็ไม่ทำ ทำแล้วต้องทำให้สุด หนีก่อนค่อยว่ากัน เขายกขาได้ก็วิ่งไม่อย่างนั้นต่อหน้าศิษย์ในมากมายถึงเพียงนี้ ถูกเสวียนเทียนตบหนึ่งฝ่ามือเขาจะวางหน้าไว้ที่ไหน?
บรรดาศิษย์ในประหลาดใจเป็ที่สุด ไม่รู้ว่าทำไมหยางติ่งจวินได้ยินเสวียนเทียนะโเรียกคำหนึ่งถึงวิ่งหนีราวกับหนูเห็นแมวมาอย่างนั้น แต่เสวียนเทียนไหนเลยจะปล่อยเขาหนีรอดร่างกายพุ่งขึ้นข้างบน ลอยขึ้นไปบนอากาศ พริบตาก็เหินข้ามศิษย์ในทั้งหลายไปบนอากาศพอเหยียบลงพื้นก็ใช้ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ร่างกายพริบตาก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าหลายสิบเมตร ขวางหน้าหยางติ่งจวินไว้
“หยางติ่งจวินสัญญาพนันยังไม่เป็จริง เ้าคิดหนีไม่ทำหรือ?” เสวียนเทียนจ้องเขม็งจับจ้องสองตาของหยางติ่งจวิน พูดขึ้นเสียงดัง
หยางติ่งจวินพ่ายแพ้ให้แก่เขามานานแล้ว เสวียนเทียนไม่ได้ถือเขาเป็คู่แข่งไม่คิดต่อกรกับเขาอีก แต่สัญญาพนันนี้เป็หยางติ่งจวินหนังหนาหน้าทนจะให้เขาพนันในเมื่อพนันแล้ว เสวียนเทียนมีเหตุผลอันใดจะให้สัญญาพนันนี้เป็โมฆะไปเปล่าๆ เล่า?
“สัญญาพนัน? เื่อะไรกัน?”
บรรดาศิษย์สำนักใน งุนงงอยู่ในม่านหมอก
ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่ง หม่าเทาสามคนแต่ละคนกระจายกันเล่าเื่สัญญาพนันที่หยางติ่งจวินบังคับให้เสวียนเทียนตกลงในหอกระบี่รอบตัวทั้งสามคนรายล้อมเต็มไปด้วยศิษย์ในไม่นานศิษย์ในทั้งหมดก็ได้รู้ความเป็มาเป็ไปและรายละเอียดั้แ่ต้นจนจบของเื่
หม่าเจินหรูยังคงมองอยู่ด้านข้างบรรดาศิษย์ล้วนมองไปที่เขา เฟิงปู๋จื้อถามขึ้นว่า “อาจารย์หม่า สัญญาพนันของทั้งสองเป็เช่นนี้จริงหรือ?”
หม่าเจินหรูพยักหน้า เขาไม่ได้คิดจะขวาง ในเมื่อตอนแรกหยางติ่งจวินออกปากหนักแน่นสัญญาพนันไว้ก็ควรยอมรับผลของความพ่ายแพ้
ตอนนี้หยางติ่งจวินเหมือนกับไก่ตัวผู้ที่สู้แพ้ก้มหน้าหมดราศี หนีก็หนีไม่พ้น ตอนนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายทุกคนรู้สัญญาพนันระหว่างเขากับเสวียนเทียนแล้วไม่ทำตามสัญญาพนันก็ถูกคนหัวเราะดูถูก เกียรติยศชื่อเสียงหมดสิ้น ทำตามสัญญาพนันก็ต้องถูกคนหัวเราะเย้ยหยันหน้าตาไม่มีเหลือ
เสวียนเทียนมองหยางติ่งจวินด้วยสายตาเ็าพูดเสียงดังว่า “ถ้าเ้าเป็ลูกผู้ชายยังมีความแข็งแกร่งสมเป็ชายอยู่สักนิด ก็ยื่นหน้าออกมาเสียดีๆ”
สีหน้าของหยางติ่งจวินพริบตากลายเป็แดงก่ำเหมือนสีเืถึงเขาจะตอนตัวเอง ฝึกฝน ‘ปราณหยางบริสุทธิ์’ ไม่นับว่าเป็ผู้ชายแล้วแต่ก็ฝึกฝนจนทั้งร่างมีปราณแท้อันกร้าวแกร่งอย่างชายชาตรี ถูกเสวียนเทียนล้อเลียนเช่นนี้ไหนเลยจะทนได้?
เขาหลับตาลงแล้วยื่นศีรษะออกมา ร้องว่า “ข้ากล้าพนันกล้าแพ้ หนึ่งฝ่ามือเร็วเข้า!”
เพี้ยะ!
จบคำของหยางติ่งจวินเสวียนเทียนก็ลงมือไม่มีไว้ไมตรี หนึ่งฝ่ามือตบไป
พละกำลังเต็มที่ของเสวียนเทียนยังใช้ไม่ถึงครึ่งถึงขนาดที่ใช้เพียงกำลังหนึ่งสองส่วนเท่านั้น แต่ก็หนักถึงพันชั่งหยางติ่งจวินรู้สึกเหมือนมีูเาใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งชนใบหน้าของเขาร่างกายไม่อาจบังคับได้ ปลิวไปตามทิศทางที่ฝ่ามือของเสวียนเทียนตบมาร่างกายพลิกสองตลบเจ็ดร้อยยี่สิบองศากลางอากาศ กระอักเืสดคำหนึ่งออกมาในกองเืยังมีฟันอยู่หลายซี่ ร่วงไปไกลกว่าสิบเมตร
“คนสำคัญรู้จักประมาณตนครั้งหน้าจำไว้ด้วย อย่าเที่ยววอนหาเื่!”
เสวียนเทียนมองหยางติ่งจวินด้วยสายตาเ็าทีหนึ่งสายตาหันไปมองหม่าเจินหรูที่อยู่ไกลออกไป กำหมัดคารวะพลางเอ่ยว่า “ผู้าุโหม่าศิษย์จะไปหอวิชายุทธ์สักครั้ง ขอตัวขอรับ!”
หม่าเจินหรูพยักหน้าแล้วตอบ “ไปเถอะ!”
เสวียนเทียนพูดจบก็หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาส่งให้กับศิษย์ในคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างจากนั้นก็ชี้มาที่หยางติ่งจวินที่หมอบอยู่กับพื้น
“ศิษย์พี่เฟิง ศิษย์พี่ซุนศิษย์พี่กู้ ศิษย์น้องขอตัวไปก่อน ขอตัวก่อนขอรับ!”
เสวียนเทียนบอกพวกเฟิงปู๋จิ้อสามคนคราหนึ่งก็มุ่งไปยังหอวิชายุทธ์
วิชาปราณที่เสวียนเทียนฝึกฝนอยู่คือ ‘ปราณเบิกนภา’ วิชาปราณชั้นทองขั้นสูง หลังพลังวัตรทะลุสู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งวิชาปราณชั้นทองขั้นสูงก็ได้ผลกับการฝึกฝนปราณแท้เบิกนภาน้อยนิดมาก
เดือนหนึ่งมานี้ เสวียนเทียนอาศัยดูดกลืน ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ รวมถึงฝึกฝน ‘เคล็ดหลอมปราณ’ กับหลอมแปรดูดกลืนพลังจาก ‘เมล็ดพันธุ์เบิกนภา’ ที่เหลืออยู่ถึงทำให้ปราณแท้เบิกนภาในร่างล้ำลึกไม่น้อย จนค่อยๆ แตะขีดสูงสุดของขั้นหนึ่งถ้ามีวิชาปราณฝึกฝนของชั้นนิล ขอเพียงมี ‘ยาปราณแท้ชั้นล่าง’ เพียงพอ การทะลุขึ้นสู่ขั้นสองก็ไม่ยากลำบาก
นอกจากนี้ เพลงกระบี่ของเสวียนเทียน นอกจาก ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ ก็มีเพียง ‘ถลาลมเก้ากระบี่’ วิชาเดียวไว้ใช้สอดผสาน ไม่พออย่างมากต้องหาเพลงกระบี่ชั้นนิลสักชุดมาฝึกฝนเวลาเผชิญศัตรูถึงจะไม่ขาดแคลนกระบวนท่ากระบี่
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของความสามารถของเสวียนเทียนหนึ่งมาจากความเร็วของ ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ สองมาจากการฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ พละกำลังไร้ที่สิ้นสุด สามคือบรรลุจิตกระบี่ การโจมตีคมกล้า ทั้งยังทำให้ศัตรูได้รับผลกระทบได้ หากฝึกฝนเพลงกระบี่ชั้นนิลได้อีกชุดความสามารถต้องมั่นคงขึ้น หากฝึกฝนวิชาปราณชั้นนิลแล้วพลังวัตรเลื่อนชั้นความสามารถก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นจนถึงเนื้อใน
ครั้งนี้ไปหอวิชายุทธ์ สำคัญยิ่งนัก!
หอวิชายุทธ์ไม่แบ่งสำนักนอกสำนักในมีเพียงแห่งเดียว ห่างจากยอดเขาหลักเขากระบี่์ของสำนักในไม่ไกลไม่นานเสวียนเทียนก็มาถึงนอกหอวิชายุทธ์ จากทิศทางของสำนักในมีบันไดตรงขึ้นไปยังชั้นสองของหอวิชายุทธ์ ไม่จำเป็ต้องผ่านชั้นหนึ่ง
ที่ตรงนี้มีผู้าุโคอยเฝ้ารักษาหอวิชายุทธ์เช่นกันทั้งยังเป็ผู้าุโสำนักใน หลังเสวียนเทียนลงทะเบียนแล้ว ก็เข้าไปในหอวิชายุทธ์มาถึงชั้นที่สอง
เมื่อเสวียนเทียนเข้าไปในหอวิชายุทธ์หม่าเจินหรูก็กลับมายังตำหนักระเบียนของสำนักในก้นเพิ่งจะได้นั่งลงก็มีผู้ดูแลสำนักในคนหนึ่งมาแจ้ง “ผู้าุโหม่า ปรมาจารย์หลิงเชิญพบขอรับ!”
ปรมาจารย์หลิง? หกสิบสามปีก่อนผู้ที่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ผ่านชั้นสามของหอกระบี่ได้ทิ้งชื่อไว้ที่ชั้นที่สามของหอกระบี่วันนี้เป็จอมยุทธ์ผู้พิทักษ์สำนักของสำนักกระบี่์ หลิงอี้เฉิน!
เพียงพริบตา ในหัวของหม่าเจินหรูก็คิดถึงชื่ออันยิ่งใหญ่แห่งสำนักกระบี่์ชื่อนี้ขึ้นมาในใจคิด ดูแล้วข่าวที่หวงเทียนผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่จะไปถึงหูของปรมาจารย์หลิงแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้