เื่ที่เดิมทีโรงเรียนก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่สุสานนั้น ทำให้พวกเราทุกคนในห้องเรียนสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว แต่ทว่ามีบางคนถามว่า “ก็ไม่เห็นจะเป็ไรนิ ยังมีโรงเรียนอีกมากมายที่ก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่สุสาน มันแปลกเหรอ?”
หวางอู่เงียบงันพูดไม่ออก่หนึ่ง แต่เขาก็รีบตอบสนองและตอบกลับไปทันทีว่า “ตามที่เล่ากันว่าโรงเรียนแห่งนี้เมื่อก่อนเป็สุสาน ไม่รู้ว่าฝังมาแล้วกี่ศพ เล่ากันว่าตอนที่จะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ ไม่รู้ว่าขุดพบซากศพมากเท่าไหร่ ไม่แน่ว่าคำสาปในชั้นเรียนของพวกเราจะเกี่ยวข้องกับสุสาน”
“เป็ไปไม่ได้ ถ้าหากเป็เช่นนี้จริงๆ ทั้งโรงเรียนมีชั้นเรียนตั้งมากมายอย่างนี้ ทำไมมีแค่พวกเราที่ต้องคำสาปล่ะ?” ฉีเจียเว่ยพูด หวางอู่ถึงกับตะลึงงัน จนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“แบบสอบถามในกลุ่มอันดับแรกคือเฉินเฟินเป็ผู้ส่ง แต่หลังจากที่เฉินเฟิงถูกฆ่า คนที่ส่งแบบสอบถามก็ไม่ใช่เฉินเฟิงแล้ว มีใครบางคนแทนที่เขา พวกเรา้าที่จะสิ้นสุดคำสาปนี้ ก็ต้องหาวิธีเพื่อที่จะหาคนคนนั้นให้เจอ” ตวนมู่เซวียนยืนขึ้นแล้วพูดทันที
มีชื่อเหมือนกับพระเอกในละคร ในขณะเดียวกันยังมีฉากหลังที่เหมือนกับพระเอกในละครคนหนึ่ง นี่ก็คือ ตวนมู่เซวียน รูปร่างที่ผอมเท่ห์และอ่อนแอ ยิ่งมีพ่อที่เป็ซีอีโอในกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ ทรัพย์สินในบ้านอย่างต่ำก็หลายพันล้าน
ในขณะเดียวกันยังเรียนเก่ง ผลการเรียนก็เป็ที่ 1 ของทั้งชั้น ทุกๆ วันไม่รู้ว่ามีนักเรียนหญิงจากชั้นอื่นมากเท่าไหร่มาสอบถามถึงเขา เขาไม่ได้มาเข้าเรียนทุกวัน บางครั้งก็ออกไปข้างนอก แต่ทว่าเื่นี้ครูรู้ดีแต่ก็ปล่อยเฉย ถึงแม้ว่าปกติแล้วในชั้นเรียนเขาจะยอมค้อมหัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าซักถามข้อสงสัยให้เกิดผลกระทบต่อเขา
“แต่จะหาคนคนนั้นได้อย่างไรล่ะ? เฉินเฟิงที่รู้ความจริงเพียงแค่หนึ่งก็ตายแล้ว” เกาเจิ้นพูด
“ในชั้นเรียนมีใครรู้รหัสแอคเค้าท์ของเฉินเฟิงบ้าง บางทีอาจจะลองเข้าใช้งานผ่านทางแอคเค้าท์ของเขา ล้มเลิกกลุ่มเพื่อสิ้นสุดคำสาป” ตวนมู่เซวียนพูด
“คำพูดอย่างนี้ เพื่อนสองสามคนที่สนิทกับเฉินเฟิง บางทีอาจจะรู้รหัสของเขา” เกาเจิ้นพูดจบด้วยความใ สายตายของพวกเรามารวมกันอยู่ที่หวางอู่ ภายในชั้นเรียนนี้ เขาสนิทกับเฉินเฟิงที่สุด
“พวกเธออย่ามองฉันสิ ถึงแม้ว่าฉันจะสนิทกับเฉินเฟิง แต่รหัสแอคเค้าท์ของเขาฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หวางอู่ขยับไหล่พลางพูด คนอื่นๆ ที่สนิทกับเฉินเฟิงก็ตอบแบบนี้
“ถ้าเช่นนั้นจะทำยังไง หรือยอมรับการโหวตต่อไปเรื่อยๆ เหรอ ตอนนี้มีเพื่อนตายไป 2 คนแล้ว” กวานเหยาพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ตอนนี้ก็คงต้องเป็เช่นนี้แล้ว ก่อนที่ยังหามือมืดที่อยู่เื้ัไม่ได้” ตวนมู่เซวียนพูดอย่างใจเย็น
“ทุกคนมาสามัคคีสืบหาร่วมกัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาส” กวานเหยาพูดด้วยความคึกคัก แต่ตวนมู่เซวียนยิ้มเยาะเบาๆ ซึ่งไม่ส่งเสียงแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
เพื่อนๆ ด้านล่างทยอยถกเถียงกัน ระยะห่างของแบบสอบถามในครั้งต่อไปก็ยิ่งใกล้เข้ามา ในใจของทุกคนล้วนเป็กังวล กลัวว่าการโหวตครั้งต่อไปจะถึงคราวของตน หลี่โม่ฟ๋านก็กำลังพูดคุยอยู่กับฉัน
“นายคิดว่าแบบสอบถามในครั้งต่อไปควรจะเลือกยังไง?” หลี่โม่ฟ๋านพูด
“แน่นอนว่าเหมือนกับวันนี้ เลือกคนที่าเ็น้อยที่สุด” ฉันพูด
“พูดไม่ผิด ทุกคนรวมความคิดเห็นเป็หนึ่งเดียว อย่างนี้ก็จะไม่มีใครต้องตายอีก” หลี่โม่ฟ๋านพูด
ฉันพยักหน้าด้วยอาการที่รู้สึกต่อคำพูดของเขาว่าไม่น่าจะเป็เช่นนั้น คนที่ส่งแบบสอบถามนั้น ต้องเป็ปีศาจอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางให้พวกเราอยู่ดีมีสุขหรอก ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะมีคนตายอีก
ซึ่งได้ปรึกษาหารือกันตลอดทั้ง่บ่าย คนในชั้นเรียนก็ยังหาเบาะแสที่เป็ประโยชน์อะไรไม่ได้ ในที่สุดก็เลิกเรียน ในห้องเรียนยังคงถกเถียงกันอยู่เรื่อยๆ ตอนที่ใกล้จะกลับ กวานเหยาได้พูดมาประโยชน์หนึ่งว่า “ทุกคนอย่านำเื่คำสาปเผยออกไปเด็ดขาด ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรที่คาดไม่ถึง”
ระหว่างทางเดินกลับ พลังอันมหาศาลในหัวฉันไม่หยุดที่จะครุ่นคิด นักเรียนหญิงที่ะโตึกเมื่อ 3 ปีก่อน เสื้อผ้าผู้หญิงที่อยู่บนเตียงของตาเฉิน หอพักที่ไม่ใช้งานแล้ว ยังมีคำสาปที่ล้อมรอบห้องเรียน
ในระหว่างที่กลับถึงบ้าน ฉันยังคงครุ่นคิดปัญหานี้อยู่ ครอบครัวฉันเป็ครอบครัวฐานเงินเดือนธรรมดาทั่วไป การใช้ชีวิตก็ไม่ถือว่าร่ำรวย ตอนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฉันก็ครุ่นคิดไปทานอาหารไป
พ่อของฉันเห็นว่าฉันมีท่าทางที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงได้สอบถามเื่เรียนของฉัน และไม่พูดอีก ฉันทานอาหารอย่างกลัดกลุ้ม ทันใดนั้นก็นึกอะไรออก ถามพ่อของฉันว่า “ใช่แล้วพ่อ พ่อรู้ไหมว่า่นี้โรงเรียนของพวกเราเกิดเื่อะไรขึ้นบ้าง?”
“เกิดเื่อะไรขึ้นแล้วเหรอ?” พ่อของฉันถามด้วยความประหลาดใจ
ฉันตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่มีเื่อะไรทั้งนั้น”
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ฉันก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนอน ห้องนี้เป็ห้องนอนของฉันคนเดียว ถึงแม้ว่าจะมีพื้นที่ไม่ถึง 20 ตารางเมตร แต่กลับเป็์น้อยๆ ส่วนตัวของฉัน แล้วก็ปิดประตูเปิดไฟ สีหน้าท่าทางฉันก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที
เมื่อกี้พ่อของฉันมีสีหน้าประหลาดใจกับคำพูดของฉัน ซึ่งอธิบายได้ว่าเขาไม่รู้ว่าในห้องเรียนของพวกเราเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ แต่ทว่าสองวันมานี้ได้มีคนตายแล้ว 2 คน เป็ไปไม่ได้ที่เื่จะไม่แพร่ออกไป พ่อของฉันก็เป็คนที่รู้ไปหมดทุกเื่ และก็ชอบดูข่าวเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ่อยๆ
ซึ่งเื่นี้ได้ทำให้ฉันพบอะไรรำไร แต่ทว่าคิดอย่างละเอียดหน่อย กลับคิดไม่ออก ณ เวลานี้ในระหว่างที่สายตาของฉันไปัักับรูปที่ผนังโดยบังเอิญ ลูกตาดำก็หดเข้ามา และสายตาก็เกาะตัวกันอย่างฉับพลัน
รูปที่อยู่บนผนังคือรูปที่ถ่ายหลังจากที่ชั้นเรียนของพวกเราเสร็จสิ้นการฝึกทหาร ในรูปนี้ เพื่อนในชั้นเรียนของพวกเราทุกคนล้วนอยู่ในนี้ ฉันรีบจ้องมองรูปเหตุการณ์นี้อย่างพินิจวิเคราะห์ ทันใดนั้นก็พบสิ่งที่แปลกประหลาด
เพื่อนๆ ในที่นี้กำลังยิ้มแย้มกันอยู่ ต่างก็ยืนรวมกันอย่างเป็ระเบียบ ตรงกลางสุดคือครูประจำชั้น หลังจากนั้นก็เป็เหล่าคุณครูและครูฝึก และในกลุ่มคนเหล่านี้ ฉันก็หาเฉินเฟิงกับหลี๋หยู่เสวียนจนเจอ
ลักษณะท่าทางของพวกเขามีความแปลกประหลาด สีหน้าของเฉินเฟิงขาวซีด ผิวพรรณมีสีคล้ายกับคนตาย ศีรษะของเฉินเฟิงแหงนไปข้างหลังเล็กน้อย บนใบหน้ามีความระทมทุกข์ แต่เมื่อเป็อย่างนี้แล้ว บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มที่ปริความดุร้ายออกมา
และสีหน้าที่แปลกประหลาดของหลี๋หยู่เสวียน ผิวพรรณของเธอก็ขาวซีดเหมือน ศีรษะเอียงไปด้านหน้า มีรอยยิ้มมุมปากที่งอขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็ปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ฉันมองรูปที่อยู่เบื้องหน้า รู้สึกว่าด้านหลังมีอาการขนลุกขนพองอย่างฉับพลัน
นี่ก็คือคำสาปของชั้นเรียน ซึ่งจะดึงพวกเราไปสู่ความตายทีละคน เฉินเฟิงและหลี๋หยู่เสวียนที่อยู่ในรูปนี้คือการยืนยันที่ดีที่สุด เดิมทีรูปใบนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ทว่าหลังจากที่เฉินเฟิงกับหลี๋หยู่เสวียตายแล้ว รูปใบนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของลักษณะที่แท้จริง
สองคนที่แสยะยิ้มในรูปกับเพื่อนที่รายล้อมยิ้มกันนั้นเกิดการเปรียบเทียบกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนที่มองเกิดความหวาดผวาเป็พิเศษ ฉันนั่งลงบนเตียงนอน ฉันรู้ว่า หากคิดวิธีไม่ออก ฉะนั้นวันใดวันหนึ่งจะช้าหรือเร็ว ฉันก็คงจะปรากฏอยู่ในรูปใบนี้ ทั้งยังมีผิวขาวซีดและปรากฏรอยยิ้มที่น่าหวาดผวา
วันที่สอง ฉันเดินลากเท้าอย่างหนักหน่วงมาถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ในห้องเรียนต่างก็มีสีหน้าซึมเศร้า ครั้งนี้ทุกคนล้วนพกโทรศัพท์มือถือมาด้วย แม้แต่จ้าวิิก็หยิบโทรศัพท์เสี่ยวหมี่มา 1 เครื่อง
คาบเรียนที่ 1 คือวิชาของครูภาษาอังกฤษ หลังจากที่ครูภาษาอังกฤษเดินเข้ามา พบว่าบรรยากาศในห้องเรียนนั้นผิดปกติ คุณครูไม่ได้คิดอะไรมาก และก็เริ่มสอนต่อ แต่ทว่าครั้งนี้ ถึงจะเป็คนเรียนเก่งที่รักเรียน ก็ไม่ยกมือตอบคำถามเช่นกัน
ครูภาษาอังกฤษเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่ายหน้า หลังจากที่สอนคำศัพท์ให้พวกเราไปสองสามคำแล้ว ก็ให้พวกเราศึกษาด้วยตนเองในครึ่งคาบหลัง และรอจนคุณครูออกไป ในห้องเรียนก็คึกคักขึ้นมาทันที
“แบบสอบถามครั้งใหม่ยังไม่เริ่มต้นเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งพูดไปพลางเปิดโทรศัพท์มือไป คนอื่นๆ ก็มองดูโทรศัพท์
“เริ่มแล้ว แบบสอบถามใหม่ปรากฏแล้ว!” ทันใดนั้นนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูด
เพื่อนคนอื่นๆ ในห้องเรียน รีบเปิดกลุ่ม QQ แบบสอบถามกลุ่มใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วจริงๆ
“ต้องเลือกข้อใดข้อหนึ่งจากตัวเลือก 2 ข้อด้านล่างนี้ สามารถสละสิทธิ์ได้ หากผลโหวตของทั้ง 2ข้อเสมอกัน ทั้งสองฝ่ายจักต้องปฏิบัติตามรายการที่จะต้องเลือกของตนเอง มิฉะนั้นจะถูกลงโทษโดยการตัดคอ”
“ข้อ1 ซูหย่าจะต้องมีความสัมพันธ์กับจางเว่ยภายในวันนี้”
“ข้อ2 หลิวเทียนเทียนจะต้องมีความสัมพันธ์กับจ้าวิิภายในวันนี้”
“ทำไมถึงได้เป็อย่างนี้” ฉันมองรายการที่ต้องเลือกอย่างตกตะลึงจนตาค้าง รายการที่ต้องเลือกของวันนี้ทำให้ฉันตกตะลึงจนตาค้างจริงๆ ซูหย่าคือใคร เธอก็คือหนึ่งในนักเรียนหญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียน รวมถึงรูปร่างของเธอที่สูงและเซ็กซี่ ทั้งการสวมใส่ที่มีความเป็ผู้ใหญ่ ในชั้นเรียนของพวกเรา นักเรียนหญิงที่สวยที่สุดอาจจะไม่ใช่เธอ แต่ความเซ็กซี่และมีความเป็ผู้ใหญ่มากที่สุดคือซูหย่าแน่นอน