“หากจะพูดถึงการแข่งขันครั้งใหญ่ของพวกหกสำนักศึกษาใหญ่ คงจะต้องพูดถึงการจัดอันดับยอดฝีมือภายในสำนักศึกษาของพวกเราเสียก่อน เ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดทั้งหกสำนักศึกษาใหญ่ถึงต้องมีการจัดอันดับยอดฝีมือภายในสำนักศึกษา?”
หยวนเฮ่าถามด้วยรอยยิ้ม
“การจัดอันดับยอดฝีมือไม่ใช่ว่าเพื่อส่งเสริมให้เหล่าบัณฑิตพากเพียรฝึกฝนให้หนักขึ้นหรือขอรับ?”
มู่เฟิงถามกลับ
สำหรับบัณฑิตที่ถูกจัดอยู่ในอันดับยอดฝีมือของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น ในแต่ละเดือนทุกคนจะได้รับคะแนนหนึ่งพันคะแนน ส่วนสิบอันดับแรกจะได้รับคะแนนสามพันคะแนน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตราบใดที่มีรายชื่อติดหนึ่งในร้อยอันดับแรกย่อมจะได้รับคะแนนมาทุกเดือน ส่งผลให้มีโอกาสในการฝึกฝนมากกว่าคนอื่น
แน่นอนว่าภายในสำนักศึกษาคะแนนเป็สิ่งที่สำคัญเป็อย่างมาก มันสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้กระทั่งทักษะวิชาระดับนิลกาฬ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเหล่าบัณฑิตถึง้าให้ชื่อของตนถูกจัดอันดับอยู่ในรายชื่อยอดฝีมือของสำนักศึกษา แน่นอนว่า หนึ่งก็เพื่อคะแนน สองคือเพื่อชื่อเสียง ได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์แบบนี้ใครเล่าจะไม่้า? มนุษย์บนโลกใบนี้ต่างก็มีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือ?
“ถูกต้อง แต่สิ่งที่เ้ากล่าวมาเป็เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับยอดฝีมือที่อยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันครั้งใหญ่ของหกสำนักศึกษาใหญ่ด้วย”
หยวนเฮ่ากล่าว
“พอวนกลับมาเื่นี้แล้ว พี่ใหญ่หยวน ไม่ทราบว่าการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งใหญ่ของหกสำนักศึกษาใหญ่นี้มีประโยชน์อย่างไรหรือ?”
มู่เฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แน่นอนว่ามันมีประโยชน์มากเลยทีเดียว เ้า้าทักษะวิชาระดับนิลกาฬหรือไม่? ย่อม้าอยู่แล้วสินะ เพราะเมื่อเ้าได้รับมันมาและสามารถฝึกฝนมันจนบรรลุถึงระดับสมบูรณ์ได้ มันย่อมช่วยส่งเสริมให้เ้าแข็งแกร่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น กระทั่งอาจมีพลังเหนือธรรมชาติตามคำเล่าขานกันในตำนาน”
หยวนเฮ่ากล่าวอย่างมีเลศนัย เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ยิ่งสงสัย
“เลิกพูดเถอะ เ้าพูดแต่อะไรคลุมเครือ มาข้าอธิบายเอง”
เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของมู่เฟิง ข่งย่วนก็กลอกตามองหยวนเฮ่าก่อนจะกล่าวขัดขึ้น “ในดินแดนเป่ยหยวนมีสถานที่แห่งหนึ่งถูกเรียกว่าอาณาจักรเร้นิญญา
“สถานที่แห่งนั้นจะมีเพียงผู้ที่มีพลังิญญาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ ภายในอาณาจักรเร้นิญญาจะมีทักษะวิชามากมายที่เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับหลิงไห่ในดินแดนเป่ยหยวนเหลือทิ้งเอาไว้ก่อนตายเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้สืบทอด
“หาก้าจะเข้าไปในอาณาจักรเร้นิญญา จำเป็ต้องติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของการแข่งขันให้ได้ นอกจากนี้เ้ายังจะได้รับความทรงจำระหว่างการฝึกฝนทักษะวิชาเ่าั้ของผู้แข็งแกร่งที่เป็เ้าของวิชาด้วย และด้วยความทรงจำเ่าั้ย่อมจะช่วยให้เ้าสามารถฝึกฝนจนบรรลุระดับสมบูรณ์ได้ในระยะเวลาอันสั้น ทั้งยังทำให้เข้าใจถึงปณิธานในเส้นทางแห่งการฝึกฝนของผู้าุโท่านนั้นก่อนที่เขาจะจากไปด้วย”
ข่งย่วนอธิบาย
“อาณาจักรเร้นิญญา สืบทอดทักษะวิชา ปณิธานในเส้นทางแห่งการฝึกฝน!”
มู่เฟิงพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะเป็การเปิดโลกการฝึกวรยุทธ์อีกใบหนึ่งให้กับเขา
“ภายในอาณาจักรเร้นิญญา ต่อให้เป็ทักษะวิชาที่มีระดับต่ำที่สุด อย่างไรก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าทักษะวิชาระดับนิลกาฬขั้นต่ำอย่างแน่นอน หากว่าได้รับมันมาและสามารถฝึกฝนจนบรรลุระดับสมบูรณ์ได้ ความแข็งแกร่งย่อมพัฒนาขึ้นเป็อย่างมาก และหากทักษะวิชาที่ได้รับกลับมาเป็ทักษะวิชาระดับโลกาด้วยแล้วยิ่งถือเป็โอกาสครั้งใหญ่ มันอาจจะเป็การพลิกชีวิตครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้
“และหากว่าสามารถทำความเข้าใจถึงปณิธานในเส้นทางแห่งการฝึกฝนของผู้าุโคนก่อนได้ ย่อมจะกลายเป็อัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะทั่วไป เส้นทางของการฝึกจะทอดยาวออกไปไกลยิ่งขึ้น”
ข่งย่วนอธิบายอย่างใจเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าเวลานี้ดวงตาของมู่เฟิงกำลังลุกโชนมากเพียงใด
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนสามารถดึงดูดใจของเขาได้!
เวลานี้มู่เฟิงกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินเป็อย่างมาก!
“หึๆ ตื่นเต้นรึ?”
หยวนเฮ่าหัวเราะ
“เงื่อนไขที่น่าดึงดูดใจเช่นนี้ หากจะไม่ให้ตื่นเต้นก็คงจะเป็ไปได้ยากนะขอรับ”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ปีหน้าจะมีการจัดการแข่งขันของหกสำนักศึกษาใหญ่ขึ้น ฉะนั้นเ้าจงพยายามเข้าเถอะ พิจารณาจากความแข็งแกร่งของเ้าแล้ว การจะเข้าสู่การจัดอันดับยอดฝีมือเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ย่อมไม่ใช่เื่ยาก แต่หากเ้าคิดจะคว้าอันดับหนึ่งในครั้งนี้คงเป็ไปได้ยากอยู่บ้าง ช่างเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้เ้าก็อายุยังน้อย ยังมีโอกาสอีกครั้ง ดังนั้นในครั้งนี้เพียงแค่ได้พบเจอกับยอดฝีมือในดินแดนเป่ยหยวนก็เป็ประโยชน์ต่ออนาคตของเ้าแล้ว”
หยวนเฮ่าตบไหล่มู่เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้น
ดูจากความแข็งแกร่งที่มู่เฟิงสามารถเอาชนะจางเจี้ยนได้นั้น บ่งบอกได้ว่าเวลานี้เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะถูกจัดรายชื่อให้อยู่ในอันดับยอดฝีมือของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นแล้ว
“อีกครั้งหรือ?”
มู่เฟิงหรี่ตาลง แววตาของเขามีร่องรอยบางอย่างเก็บซ่อนเอาไว้
แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะรอให้ถึงครั้งต่อไปหรอก...
“จริงสิ ศิษย์พี่ข่งย่วน ในบรรดาหกสำนักศึกษาใหญ่ สำนักศึกษาใดแข็งแกร่งที่สุดหรือ?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
“อืม ถ้ากล่าวถึงเื่นี้ย่อมต้องเป็สำนักศึกษาตงหวัง”
ข่งย่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา
“สำนักศึกษาตงหวัง?”
มู่เฟิงตกตะลึง เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย
“อืม สำนักศึกษาตงหวังตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของดินแดนเป่ยหยวน ส่วนพวกเราอยู่ฝั่งตะวันตกซึ่งห่างกันเกือบหมื่นลี้ ดังนั้นบางทีเ้าอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของพวกเขามาก่อน แต่สำนักศึกษาตงหวังถือเป็สำนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งภายในดินแดนเป่ยหยวนเรียกขานผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาตงหวังว่าาาผู้แข็งแกร่ง เหล่าบัณฑิตในสำนักศึกษาตงหวังเองก็ล้วนแข็งแกร่งมากเช่นกัน ในการแข่งขันครั้งก่อนบัณฑิตของสำนักศึกษาตงหวังสามารถครองสี่ในสิบอันดับแรกไปได้ทั้งหมด”
ข่งย่วนอธิบาย
“แล้วสำนักศึกษาเทียนอวิ่นของเราเล่าอยู่ในอันดับใด? การแข่งขันครั้งก่อนพวกเราได้อันดับใด?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
“อืม...จากทั้งหมดหกสำนักศึกษา สำนักศึกษาเทียนอวิ่นของเราอยู่ในสามอันดับสุดท้าย และเหมือนว่าในการแข่งขันครั้งก่อนจะไม่มีใครติดสิบอันดับแรกเลย...”
ข่งย่วนกล่าวด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
หลังจากได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ดูเหมือนว่าบัณฑิตของสำนักศึกษาตงหวังจะแข็งแกร่งมากจริงๆ
“เสี่ยวเฟิง เ้าอย่าได้คิดมาก ครั้งนี้เพียงเ้าได้เข้าไปเปิดประสบการณ์ก็ดีมากแล้ว พี่หญิงเชื่อว่าครั้งหน้าเ้าจะต้องสามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกได้อย่างแน่นอน”
มู่หลิงเอ๋อร์จับมือมู่เฟิงก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม นางทราบดีว่าน้องชายของตนมีจิตใจที่ทะเยอทะยานมากเพียงใด เขาย่อมไม่เต็มใจที่จะเป็เพียงคนธรรมดาภายใต้ฝ่ามือของผู้อื่น หากกล่าวกันตามตรง มู่เฟิงนั้นมีความทะเยอทะยานที่สูงมาก
เด็กหนุ่มเพียงยิ้มบางโดยไม่ได้กล่าวอะไร
“จริงสิ ในเมื่อตอนนี้เ้าสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับหนิงกังได้แล้ว ข้าจะไปยังหอควบคุมกฎเพื่อจัดการเื่ย้ายเ้ามาเป็ศิษย์สายใน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเ้าก็สามารถย้ายไปยังเขตเรือนพักของศิษย์สายในได้เลย”
ข่งย่วนพลันนึกเื่นี้ขึ้นมาได้ นางจึงหันไปกล่าวกับมู่เฟิง
“ขอรับ ขอบคุณศิษย์พี่ข่งย่วนมาก”
มู่เฟิงพยักหน้า
กลิ่นอายของพลังฟ้าดินที่อยู่ภายในเขตเรือนพักของศิษย์สายในนั้นมีความเข้มข้นมากกว่าเรือนพักของศิษย์สายนอก นอกจากนี้ทุกคนยังมีลานฝึกเป็ของตัวเอง ไม่เหมือนกับศิษย์สายนอกที่ต้องใช้ลานฝึกร่วมกันสามคน อีกทั้งหากมีคะแนนมากพอ ศิษย์สายในก็จะสามารถใช้มันแลกเปลี่ยนทักษะวิชาระดับนิลกาฬได้ด้วย
จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไป โดยมู่เฟิงได้ตรงไปหาว่านเอ๋อร์ก่อน เขาไม่ได้เจอว่านเอ๋อร์มาหนึ่งเดือนแล้ว
ไม่นานมู่เฟิงก็เดินไปถึงเขตเรือนพักของศิษย์หญิงสายนอก กระทั่งมาถึงเรือนพักของว่านเอ๋อร์
แต่เขายังไม่ทันได้เข้าไปในลานบ้าน เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงการทะเลาะกันดังออกมาเสียก่อน
“ท่านพี่ ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่ามายุ่งกับข้าและมู่เฟิงอีก ข้าจะไม่แต่งงานกับหนานหลิง ไม่มีวัน”
อวิ๋นชิงว่านตวาดใส่อวิ๋นอี้
เพี๊ยะ!
อวิ๋นอี้โกรธมากจนเผลอตบหน้าอวิ๋นชิงว่านอย่างแรง ซึ่งการตบนี้ทำให้อวิ๋นชิงว่านตกตะลึงจนนิ่งค้างไปทันที
“ท่านพี่...ท่านตีข้า ั้แ่เด็กจนโต นี่เป็ครั้งแรกที่ท่านตีข้า...”
ว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้นกุมใบหน้า ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำขึ้นมาทันที
“เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้ากำลังพูดอะไร? เหตุใดเ้าถึงไม่ยอมเข้าใจเื่นี้เสียที ตระกูลอวิ๋นของเราได้ทำสัญญาตกลงแต่งงานกับจวนเป่ยอ๋องไปแล้ว ตอนนี้เ้ากลับคิดจะทำลายสัญญาแต่งงาน เ้าคิดว่าตระกูลอวิ๋นของเราจะสามารถรองรับโทสะของจวนเป่ยอ๋องได้หรือ? เ้าไม่เคยคำนึงถึงท่านพ่อ ท่านแม่และตระกูลของเราเลยใช่หรือไม่?”
อวิ๋นอี้ตวาดออกมาอย่างมีโทสะ
“แล้วท่านเคยคิดถึงน้องสาวของท่านคนนี้บ้างหรือไม่?”
ปัง!
ทันใดนั้นประตูลานบ้านก็ถูกเปิดออก มู่เฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“เฟิง...”
เมื่อเหลือบไปเห็นมู่เฟิง ว่านเอ๋อร์ก็หลั่งน้ำตาออกมาพร้อมโผเข้าไปสวมกอดมู่เฟิงทันที
มู่เฟิงกระชับกอดว่านเอ๋อร์แน่น เขามองไปยังรอยนิ้วมือทั้งห้าบนแก้มของนางที่กำลังบวมเป่ง ในใจของเขาพลันเดือดดาลขึ้นมา
“มู่เฟิง เป็เ้าอีกแล้ว ข้ากำลังสั่งสอนน้องสาวของข้า ไม่ใช่เื่ของเ้า เ้ามาทำอะไรที่นี่?”