ทว่าจูชิงหรือจักกลัวซั่งกวานจือหนิง เขาหันไปยิ้มให้กับนางแล้วเริ่มรักษาาแของตัวเอง
ซั่งกวานจือหนิงเองก็พบว่ากำลังทำสิ่งที่เปล่าประโยชน์ นางแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอ เอนหลังพิงกำแพงพลางหลับตาลง
เพลานี้ไร้ซึ่งหนทางกลับออกไป แม้ปักษาอัสนีเก้า์จักบินหนีไปแล้ว แต่อัสนีบาตของมันยังคงอยู่ ซึ่งอันตรายยวดยิ่งสำหรับจูชิง ถ้าเขาถูกสายฟ้าฟาดอีกรอบครานี้จักต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝังเป็แน่แท้
่วินาทีสุดท้ายก่อนเข้ามาในถ้ำ จูชิงเห็นแสงสีทองพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อต้านเกลียวสายฟ้าของปักษาอัสนีเก้า์เอาไว้ ถ้ามิใช่เพราะแสงสีทอง จูชิงเชื่อว่าด้วยพลานุภาพของสายฟ้านั่น เส้นทางหนีตายสุดท้ายของเขาจะต้องพังทลายเป็แน่แท้ ถึงเขากับซั่งกวานจือหนิงจะหนีเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้ ทว่าสุดท้ายก็ย่อมต้องตายโดยมิต้องสงสัย
“แสงสีทองนั่นมันอะไร?” จูชิงครุ่นคิด
เขาอยากถามเฒ่าปีศาจ เฒ่าปีศาจเป็ผู้รอบรู้ทั้งยังแกร่งกล้า จักต้องสังเกตเห็นบางสิ่งที่เขาไม่เห็นเป็แน่
ทว่าเฒ่าปีศาจยามนี้ไม่สนใจสิ่งใด ถ้าเฒ่าปีศาจอารมณ์ดีเขาจักโผล่ออกมาคุยกับจูชิงบ้าง แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี จูชิงจักเรียกอย่างไร เฒ่าปีศาจก็ไม่มีทางออกมา
“ขลุกๆ!” ทันใดนั้น ไข่ทองคำขนาดเท่าเล็บมือกลิ้งเข้ามาในถ้ำ
ม่านตาของจูชิงหดเล็กเหลือเท่ารูเข็ม ไข่ทองคำใบนี้ช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน นั่นมันไข่ที่เขาโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้มิใช่หรือ!
“ไม่ใช่หรอกมั้ง” จูชิงขมวดคิ้ว
ไข่ทองคำคล้ายกับจ้องมองจูชิงอยู่ มันกลิ้งไปกลิ้งมารอบๆ เท้าของเขา!
“แคร่ก!” จูชิงหรือจะยอมให้ไข่ทองคำประหลาดเข้าใกล้ตัวเอง ยื่นเท้าไปเตะไข่ทองคำกระเด็นลอยละลิ่ว
แต่ไม่นานนักมันก็กลิ้งกลับมาที่เดิม!
“นี่มัน...” จูชิงจ้องเขม็งมองไข่ทองคำด้วยความตกตะลึง ถึงมันจักมีรูปร่างเป็ไข่อยู่ ทว่ามีชีวิตก่อเกิดขึ้นภายใต้เปลือกสีทองแล้ว
เขาย่อตัวลง เอามือวางไว้ที่พื้น เ้าไข่ทองคำกลิ้งไปมาบนฝ่ามือของจูชิง ก่อนที่จะมุดเข้าไปในเสื้อผ่านทางแขนเสื้อ
จูชิงยักไหล่อย่างช่วยมิได้ ไข่ทองคำมีความพิเศษบางอย่าง อีกทั้งดูแล้วก็มิได้มีเจตนาร้ายกับเขา เก็บมันไว้กับตัวก็คงไม่ใช่เื่เลวร้ายอะไร
“เ้าจะไปไหน?” ครั้นซั่งกวานจือหนิงเห็นว่าจูชิงกำลังเดินออกจากถ้ำ นางก็เอ่ยถามด้วยความระแวดระวัง
มือกับเท้าของนางถูกหนวดปลาัทองมัดพันธนาการไว้จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก ถ้าจูชิงไปจากที่นี่ นางไม่มีทางปกป้องตัวเองได้อย่างแน่นอน
แม้ซั่งกวานจือหนิงไม่อยากยอมรับ ทว่าในตอนนี้จูชิงเป็ที่พึ่งเดียวของนาง!
“ข้าจะไปหาอะไรกินสักหน่อย ถึงเ้าจะไม่หิว แต่ข้าหิว” จูชิงลูบท้องตัวเอง
“อ๋อ...” ซั่งกวานจือหนิงก้มหน้า พอจูชิงพูดเช่นนี้นางก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว
ผ่านไปไม่นาน จูชิงก็กลับมาพร้อมกับไข่ทั้งรังของอีกากระหายเื เพียงอีกากระหายเืเห็นจูชิง พวกมันเปล่งเสียงร้องแล้วรีบบินหนีราวกับเห็นผี เพราะเหตุนั้นจูชิงจึงได้ไข่อีกากระหายเืมายี่สิบกว่าใบโดยที่ไม่ต้องออกแรงใดๆ ซึ่งจำนวนเพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเอาไว้กินสองคนแล้ว
ถุงเอกภพของซั่งกวานจือหนิงมีของจำนวนไม่น้อย จูชิงพบหม้อสัมฤทธิ์อยู่ใบหนึ่ง เขาเติมน้ำจนเต็มหม้อ จากนั้นจึงเริ่มก่อไฟเพื่อต้มไข่
ซั่งกวานจือหนิงเหนื่อยหน่ายต่อพฤติกรรมของจูชิงแล้ว คนบ้าที่ไหนจักเอาหม้อสัมฤทธิ์ที่ใช้ปรุงโอสถมาต้มไข่
“ไม่คิดเลยว่าถุงเล็กจิ๋วนี่จักจุของได้เยอะถึงขนาดนี้” จูชิงปอกไข่อีกาได้หลายใบแล้วก็เอาแบ่งใส่มือซั่งกวานจือหนิง จากนั้นก็ยัดไข่เข้าปากตัวเอง
ซั่งกวานจือหนิงไม่ชอบวิธีการกินแบบตะกละตะกลามอย่างจูชิง นางค่อยๆ กัดทีละคำ คำเล็กๆ เดิมทีไข่ของอีกากระหายโลหิตก็มิได้ใหญ่มากอยู่แล้ว หากนางแบ่งกัดหลายสิบคำถึงจะกินหมด
เวลากินข้าวเองก็เหมือนกัน วิธีการกินของซั่งกวานจือหนิงช่างน่ามองเพลินตา ส่วนของจูชิงนั้นน่าสังเวชเกินทานทน
“มันเรียกว่าถุงเอกภพ ภายในมีมิติพิศวงอยู่ สำหรับจอมยุทธ์แล้ว มันคือสิ่งของทั่วไปมิได้วิเศษวิโส” ซั่งกวานจือหนิงอธิบาย
ทวีปเฉียนหยวนมีหินชนิดหนึ่งเรียกว่าหินสุเมรุ ซึ่งหินสุเมรุนั้นสามารถนำมาหลอมเป็ถุงเอกภพได้
กระนั้นแล้วถุงเอกภพก็มีระดับแตกต่างกันออกไป ถุงเอกภพที่มีขนาดเล็กสุดจะมีพื้นที่เพียงสิบลูกบาศก์เมตร จัดเก็บสิ่งของได้อย่างจำกัด หากเป็ระดับที่สูงหน่อยอย่างของซั่งกวานจือหนิงก็จักมีพื้นที่อยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็ถุงเอกภพที่พบเจอได้ยากมาก ทั้งราคาก็ยังสูงลิบ
“เ้าเอาถุงเอกภพคืนข้ามาเถอะ ประเดี๋ยวพอข้ากลับนิกาย ข้าจักเอาอันที่ดีกว่าให้เ้า” ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงด้วยสายตาวิงวอน
จูชิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ถุงเอกภพนี่ถึงขนาดทำให้มารปีศาจอย่างซั่งกวานจือหนิงยอมจำนนอ้อนวอนขอร้องตนได้ เห็นได้ชัดว่าถุงเอกภพนี่สำคัญกับนางมากแค่ไหน
ครั้นเห็นสาวงามทำหน้าออดอ้อนอยู่ตรงหน้า ถ้าจูชิงบอกว่ามิได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยคงโกหก ทว่าพอนึกขึ้นได้ว่าซั่งกวานจือหนิงคือมารปีศาจที่เคยทรมานเขาจนเกือบตายสติพลันกลับคืนมาเล็กน้อย
“ได้สิ ทว่าเ้าต้องเรียกข้าว่าพี่ก่อน” จูชิงมองซั่งกวานจือหนิงพลางยกยิ้มกวนประสาท
ซั่งกวานจือหนิงหน้าแข็งค้าง จ้องเขม็งมองจูชิงอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่คิดว่าจูชิงจักตอบรับคำขอร้องของนางโดยง่าย แม้จะถูกให้เรียกพี่อย่างน่าอายก็เถอะ
“พะ...พี่!” ซั่งกวานจือหนิงพูดตะกุกตะกัก เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน!
จูชิงเงี่ยหูฟัง “ว่ายังไงนะ? ข้าไม่ได้ยิน”
ซั่งกวานจือหนิงถลึงตาใส่จูชิงแล้วรีบพูดอย่างรวดเร็ว “พี่!”
จูชิงหัวเราะ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าถุงเอกภพเพียงใบเดียวจะทำให้ซั่งกวานจือหนิงที่ยโสโอหังยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันคืน!
“ข้าเป็คนพูดคำไหนคำนั้น ข้าจะคืนถุงเอกภพให้กับเ้า” จูชิงแขวนถุงเอกภพไว้ที่เอวของซั่งกวานจือหนิง อีกทั้งยังแก้มัดที่ข้อเท้าให้กับนางอีกด้วย
“เ้าจะปล่อยข้าไปงั้นรึ ทำไมอยู่ๆ ถึงใจดีขึ้นมาล่ะ?” ซั่งกวานจือหนิงมองหน้าจูชิงด้วยความฉงน
“มองอะไรล่ะ!” จูชิงดีดหน้าผากซั่งกวานจือหนิงเข้าให้คราหนึ่ง
“โอ๊ย!” ซั่งกวานจือหนิงเหลือบมองจูชิงอย่างไม่พอใจ
“เ้าปักษานั่นอาละวาดจนเละเทะไปหมด ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” จากนั้นจูชิงก็ใช้หนวดปลาัทองมัดมือของซั่งกวานจือหนิงที่คลายออกให้แน่นขึ้น ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มัดข้อเท้าซั่งกวานจือหนิงอีก
“ข้าคิดมากเกินไปเอง ไอ้หัวขโมยนี่จะใจดีกับข้าได้อย่างไร” ซั่งกวานจือหนิงส่ายศีรษะหยุดความคิดเหลวไหลที่อยู่ในหัว
“พลังของเ้าในตอนนี้ ไม่มีทางเอาชีวิตรอดจากเกาะหลัวโหวได้แน่ เ้าปล่อยข้าไม่ดีกว่ารึ อย่างน้อยๆ ข้าก็ช่วยปกป้องชีวิตน้อยๆ ของเ้าได้ ทั้งข้ายังพาเ้าไปจากเกาะหลัวโหวได้ด้วย” ซั่งกวานจือหนิงพูด
ด้วยสถานะของซั่งกวานจือหนิงในขุนเขากระบี่เทียนหยวนการที่จะพาคนนอกออกจากเกาะหลัวโหวนั้นมิใช่เื่ยากอันใด
จูชิงเหลือบตามองซั่งกวานจือหนิงแวบหนึ่ง “พวกเ้าขุนเขากระบี่เทียนหยวนกล้าส่งลูกศิษย์มาที่เกาะหลัวโหว แน่นอนว่าต้องพาพวกเขากลับไปอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นข้าค่อยอาศัยจังหวะนั้นออกไปพร้อมพวกเขาก็ได้มิใช่รึ”
“เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าเกาะหลัวโหวถึงจะเปิด เ้าคิดว่าเ้าจักเอาตัวรอดอยู่ในเกาะได้ด้วยพลังของตัวเองจนถึงเวลานั้นอย่างนั้นหรือไร?” ซั่งกวานจือหนิงถามกลับ
เดิมทีเกาะหลัวโหวเป็สถานที่อันตราย มีทั้งัเชิดหัว มีทั้งอสูรดึกดำบรรพ์อีกนับพันตัว แม้เป็ซั่งกวานจือหนิงก็ยังยากที่จะรับประกันว่าจักเอาชีวิตรอดกลับไปครบสามสิบสอง ดังนั้นมิต้องถามถึงจูชิงที่เพิ่งสำเร็จเป็จอมยุทธ์ซ้ำยังมีขั้นพลังอยู่ที่ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้า
“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?” จูชิงยิ้มบางๆ
《เคล็ดวิชา์าหลัวโหว》เป็หนึ่งในศาสตร์การต่อสู้ที่ทรงพลังยิ่งยวด ซึ่งมันคือที่พึ่งพาเดียวของจูชิง เขาผสานสองอักขระาหลัวโหวแล้ว ยามนี้ย่อมประมือกับอสูรดึกดำบรรพ์ทั่วไปได้โดยมิต้องสงสัย
หาก้าพัฒนาความแข็งแกร่ง การต่อสู้นั้นเป็สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ มีเพียงต้องฝึกฝนตัวเองท่ามกลางานองเืเท่านั้นถึงจักเดินไปถึงจุดสูงสุดของเส้นทางบำเพ็ญเพียรได้
“เกาะหลัวโหวอันตรายเกินกว่าที่เ้าจะสามารถจินตนาการนัก ขุนเขากระบี่เทียนหยวนสำรวจเกาะแห่งนี้มาหลายพันปีแล้ว หากยังมีหลายสิ่งที่ไม่ถูกค้นพบ” ซั่งกวานจือหนิงเอ่ยปากเช่นนี้เพราะกลัวว่าจูชิงจักนำพาความวุ่นวายมาให้กับนาง
ทว่าจูชิงมิได้สนใจซั่งกวานจือหนิงแม้เพียงนิด ทั้งยังลากนางเข้าไปในป่า!
“เ้าทำอะไรของเ้า นี่ไม่ใช่เื่ล้อเล่นนะ!” ซั่งกวานจือหนิงอยากร่ำไห้ นางรับรู้ได้ว่านางอาจจะต้องตายบนเกาะหลัวโหว
“บรู้วว!” เสียงหมาป่าคำรณอึกทึกมาจากแดนไกล ก่อนที่หมาป่าที่ซ่อนอยู่ในป่าจักเห่าหอนตามกันเป็ทอดๆ
“หมาป่าวายุคลั่ง ชำนาญการควบคุมลม รวดเร็วดั่งสายลม ถึงจักเป็อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นหลอมกายา ทว่าพวกมันอยู่ด้วยกันเป็ฝูง มีมากกว่าร้อยตัวเป็อย่างน้อย!” ซั่งกวานจือหนิงหน้าเปลี่ยนสี
“ที่ใดมีหมาป่าวายุคลั่งที่นั่นจักต้องมีหญ้าิญญาเย็นอยู่ มันเป็สมุนไพรที่มีประโยชน์สำหรับเ้า” จู่ๆ เฒ่าปีศาจก็โผล่พรวดออกมา
หญ้าิญญาเย็นเป็สมุนไพรระดับกลาง สามารถปรับเปลี่ยนกระดูก เพิ่มทักษะวิชาธาตุลม ทั้งยังช่วยเพิ่มความเร็วให้กับผู้ใช้ มูลค่ามิด้อยไปกว่าหญ้าเพลิง
ถึงแม้มันจักเป็สมุนไพรระดับกลาง ทว่ามันสูญพันธุ์ไปนานมากแล้ว ถึงจะยังพอมีเหลืออยู่บ้างในทวีปเฉียนหยวน หากส่วนใหญ่ล้วนถูกเก็บไว้โดยตระกูลชั้นสูง คนสามัญทั่วไปไม่มีทางเข้าใกล้พวกมันได้เลย
ศิษย์ขุนเขากระบี่เทียนหยวนเองก็ปรารถนาอยากหญ้าิญญาเย็น ทว่าหมาป่าวายุคลั่งใช่ว่ารับมือได้ง่ายได้เสียเมื่อไหร่
ถึงแม้หมาป่าวายุคลั่งจะเป็อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นหลอมกายา แต่ราชันหมาป่าวายุคลั่งเป็อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ ทั้งยังสามารถออกคำสั่งให้ฝูงหมาป่าวายุคลั่งต่อสู้เพื่อตัวเองได้
ถ้าเป็จอมยุทธ์ขั้นหลอมลมปราณมีหรือจักกลัวหมาป่าวายุคลั่ง ทว่าพวกเขายามนี้ถูกยับยั้งขั้นบำเพ็ญเพียรให้เหลืออยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ ซึ่งการเผชิญหน้ากับราชันหมาป่าวายุคลั่งที่มีฝูงหมาป่าวายุคลั่งอีกเป็โขยง หาใช่ทางเลือกที่ฉลาดไม่
“หญ้าิญญาเย็น เ้าจะไปเอาหญ้าิญญาเย็นอย่างนั้นรึ!” ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงเหมือนกับมองคนบ้า แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้พูดอันใดออกมาทว่านางก็รู้ว่าจูชิงคิดจะทำสิ่งใด ขุนเขากระบี่เทียนหยวนเคยลองมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว จูชิงเป็แค่จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้า กลับคิดจะเก็บเกี่ยวหญ้าิญญาเย็น นั่นมันต่างอะไรกับไปฆ่าตัวตาย?
