ชั่วขณะที่นิ้วอุ่นร้อนของหลงเซี่ยวหนานแตะเข้ากับนิ้วเย็นเฉียบขาวผ่องดั่งหยกของมู่จื่อหลิง จู่ๆ ก็มีความรู้สึกสั่นไหวอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นในจิตใจ หัวใจที่สงบนั้นเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ั์ตาอ่อนโยนของเขาฉายแววความสับสนสายหนึ่ง ก่อนจะหายไปในทันที เขากลืนยาในมือลงท้องไปอย่างไม่ลังเลพร้อมกับนอนลง หลับตาอย่างเชื่องช้า ไม่ถึงครู่หนึ่งก็หมดสติไป
มู่จื่อหลิงค่อยๆ วางเสี่ยวไตกูที่ตื่นเต้นลงบนปลายจมูกของหลงเซี่ยวหนาน ดวงตาของเสี่ยวไตกูทอประกายระยิบระยับ แลบลิ้นยาวๆ อย่างน้ำลายสอ รอคอยการมาถึงของอาหารอันโอชะ
ั้แ่ครั้งก่อนที่นายน้อยให้มันกินอาหารอันโอชะไปมื้อหนึ่ง มันก็ไม่ได้กินอีกมานานมากแล้ว มันรับรู้ได้ว่าในสมองของบุคคลใต้ร่างมีอาหารอันโอชะอยู่มากมายนัก มันก็สามารถกินอิ่มไปได้อีกมื้อแล้ว
ไม่ถึงครู่หนึ่ง ริมฝีปากซีดขาวของหลงเซี่ยวหนานก็มีความเคลื่อนไหว ราวกับมีสิ่งใด้ากระเสือกกระสนออกมา
สองตาของเสี่ยวไตกูสว่างวาบโดยพลัน ลิ้นยาวเล็กสั่นระริกตั้งท่ารอ ตื่นเต้นเป็ที่สุด!
กู่ปรสิตโชกเืตัวหนึ่งก็กระเสือกกระสนออกมาจากริมฝีปากที่ปิดสนิทของหลงเซี่ยวหนานสุดชีวิต เพียงแต่เพิ่งรีดตัวออกมาได้ครึ่งหนึ่งก็ถูกลิ้นสีแดงสดขนาดเล็กของเสี่ยวไตกูม้วนเอาเข้าไปในท้องเสียแล้ว
ความเร็วนี้รวดเร็วจนทำให้คนทั้งหมดในที่นั้นใจนพูดไม่ออก!
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น พวกเขายังไม่ทันมองให้ชัดว่าหนอนกู่นั่นมีรูปร่างเช่นใดด้วยซ้ำ เพียงพริบตาก็ถูกเ้าตัวเล็กจ้อยนี่กลืนลงท้องไปแล้ว
เสี่ยวไตกูแลบลิ้นยาวเล็กเลียอย่างไม่หนำใจ รอการมาถึงของอาหารโอชะตัวถัดไป
ตามมาด้วยกู่ปรสิตโชกเืที่ทยอยปีนออกมาติดต่อกัน ลิ้นยาวของเสี่ยวไตกูก็แลบออกม้วนแล้วดึงกลับ เรียกได้ว่าทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และโเี้
หลงเซี่ยวเจ๋อมองเ้าตัวเล็กจ้อยตรงหน้าตัวที่เขาเพิ่งจะดูถูกไปด้วยดวงตาเลื่อมใสเป็อย่างยิ่ง
นี่ เ้าตัวเล็กจ้อยนี่จะสุดยอดเกินไปแล้ว!
ในท้ายที่สุดบริเวณที่กู่ปรสิตปรากฏขึ้นนั้นก็มิได้มีเพียงแค่ปากของหลงเซี่ยวหนานเท่านั้น แต่แบ่งกันคลานออกมาทางตาหูจมูกและปากของหลงเซี่ยวหนาน จำนวนมากมายขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอยู่รวมกันยิ่งยั้วเยี้ยไปหมด
รอบกายนั้นเงียบสนิท ทุกคนต่างก็ปิดปากไปโดยปริยาย ไม่มีใครอ้าปากพูดแม้สักประโยค สายตาของคนทั้งหมดจับจ้องไปที่ฉากนั้นแน่นิ่ง ได้ยินเพียงเสียงแ่เบาของเสี่ยวไตกูที่กำลังลิ้มรสอาหารอันโอชะดังแจ๊บๆ
ยิ่งกู่ปรสิตรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวไตกูก็ตื่นเต้นจนกระวนกระวาย ตาไวลิ้นไวยุ่งสาละวนไม่หยุดพัก ทว่าต่อให้ความเร็วว่องไวกว่านี้อีกมันก็มีเพียงแค่ลิ้นเดียวเท่านั้น ไม่อาจไวเท่ากู่ปรสิตที่คลานออกมาระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างสิ้นเชิง
ด้านหลังกู่ปรสิตทุกตัวนั้นลากรอยเืเหนียวข้นเป็ทางยาว ในอากาศก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวอันเข้มข้นอย่างฉับพลัน
ไม่ถึงสิบห้านาทีกู่ปรสิตก็ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของหลงเซี่ยวหนาน นอกจากบริเวณปลายจมูกที่เสี่ยวไตกูอยู่แล้ว ทั่วทั้งใบหน้าก็เป็กู่ปรสิตที่เปื้อนเืเหนียวหนืด
พวกมันอยู่เพียงแค่บริเวณใบหน้าของหลงเซี่ยวหนานเท่านั้น ชอนไชเชื่องช้าอยู่บริเวณเดิมที่เต็มไปด้วยเืสดๆ ราวกับกำลังกวักมือเรียกให้เสี่ยวไตกูตวัดพวกมันลงท้องเร็วๆ ทำให้ผู้ที่มองนั้นขนลุกขนพองไปหมด อยากจะอาเจียนออกมาอย่างทนไม่ไหว
เมื่อมองฉากที่น่าสะอิดสะเอียนนี้แล้ว หลงเซี่ยวเจ๋อก็ขยับก้าวเล็กๆ ไปข้างกายมู่จื่อหลิง กลืนน้ำลาย ถามอย่างกังวลด้วยน้ำเสียงแ่เบา “พี่สะใภ้สาม สิ่งน่าขยะแขยงพวกนั้นไต่อยู่บนใบหน้าพี่ห้า ใบหน้าเขาจะไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?”
มู่จื่อหลิงมองเขาด้วยหางตาอย่างอารมณ์เสีย “ข้าเองก็ไม่รู้ ในเมื่อเ้ากังวลใจ จะให้จับมาให้เ้าทดสอบเสียสองสามตัวหรือไม่เล่า?”
นางไม่รู้จริงๆ แต่ว่าดูท่าทางแล้วคงไม่เป็อันใด เหตุที่นางทำยาลูกกลอนผสมลมหายใจคางคกม่วงนั้น มาจากคำชี้แนะจากระบบซิงเฉินทั้งหมด
คำแนะนำในการรักษาครั้งนี้นางก็เห็นแล้ว จึงได้ค้นพบว่าคางคกม่วงเป็ผลผลิตอันล้ำค่าและมิอาจขาดไปได้ของระบบซิงเฉิน คางคกม่วงเชื่อมต่อกับระบบซิงเฉินเช่นกัน ดังนั้นมันกับระบบซิงเฉินย่อมมีความเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น
ได้ยินเช่นนี้หลงเซี่ยวเจ๋อก็ใ ส่ายศีรษะเป็พัลวัน “พี่...พี่สะใภ้สาม อย่าได้ล้อเล่น แม้ข้าจะเป็ห่วงพี่ห้า แต่ก็มิอาจนำใบหน้าหล่อเหลาที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในร่างกายั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าของข้าไปกังวลด้วยได้นะ!”
มู่จื่อหลิงกุมหน้าผากอย่างหมดคำพูด มุมปากกระตุกเบาๆ สุดท้ายก็ไม่สนใจและไม่โต้เถียงกับเขา
เหล่าขันทีนางกำนัลในที่แห่งนั้นอดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เพราะว่ามีเ้านายอยู่ด้วย พวกเขาจึงได้แต่กลืนสิ่งสกปรกที่กำลังจะสำรอกออกมาลงไปอีกครั้ง กัดฟันแน่นและสองตาหลับปี๋ ตาไม่มองเห็นก็นับว่าไม่มีแล้ว
ทว่ามองไม่เห็นก็ยังสามารถดมกลิ่นได้ กลิ่นคาวเืฉุนกึกพุ่งปะทะกับจมูกระลอกแล้วระลอกเล่า พวกเขาได้แต่ภาวนาให้เ้านายรีบพาพวกเขาออกไปโดยเร็ว
แพทย์ผู้เห็นฉากเปื้อนเืมานับครั้งไม่ถ้วนจนเคยชินเช่นมู่จื่อหลิงนั้น หลังคอก็ยังเย็นวาบ ขนลุกจนตุ่มหนังไก่ผุดขึ้นไปทั้งตัว
นางลอบกินยาสงบใจเข้าไปหนึ่งเม็ดในมุมที่คนทั้งหมดมองไม่เห็น ยาสงบใจสามารถทำให้กลิ่นที่เราสูดเข้าไปเป็กลิ่นสะอาดสดชื่น
หลังจากมู่จื่อหลิงกินยาสงบใจเข้าไป จิตใจก็ปลอดโปร่งขึ้นมาโดยพลัน นางมองไปยังตำแหน่งของฮองเฮาอย่างไม่ใส่ใจ ริมฝีปากน่ามองก็ยกเป็รอยยิ้มเย้ยหยัน
คนผู้อื่นจะเป็เช่นใดมู่จื่อหลิงไม่สนใจ นางชอบมองใบหน้าของฮองเฮาที่เมตตาใจดี สงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ผู้นั้น หลังจากเห็นฉากนี้ยังนิ่งสงบไร้คลื่นอารมณ์เช่นเดิม หรือว่าจะเป็ใบหน้ายับย่นบิดเบี้ยวอย่างไร
นางรู้ว่าฮองเฮาทำหน้าหนาพูดต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ว่า้าอยู่ด้วยตนเอง ต่อให้ทนรับไม่ไหว ฮองเฮาก็ไม่มีทางถอยทัพกลับโดยง่ายแน่
ฮองเฮาเป็ผู้ที่สงบเยือกเย็นและหยิ่งยโสมากนัก! จะล่าถอยกลับไปเช่นนี้ได้อย่างไร เช่นนี้ไม่เพียงเสียหน้าต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเสียหน้าต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้อีกด้วย
จริงดังคาด! ฮองเฮามิได้ทำให้มู่จื่อหลิงผิดหวังจริงๆ
ใบหน้างดงามของฮองเฮา ต่อให้แต่งหน้าจนหนาเตอะก็ยังมองออกว่านางใจนสีหน้าซีดขาว หัวคิ้วขมวด บริเวณลูกกระเดือกนั้นบีบรัด ราวกับกลั้นอันใดซักอย่างอยู่
ฮองเฮาร้ายกาจแล้วอย่างไร ต่อให้ร้ายกาจแค่ไหนก็เป็เพียงสตรีวังหลังที่กร้านโลก แต่กลับเหมือนกบในกะลา ต่อให้หน้าเนื้อใจเสือเพียงใดก็ไม่เคยพบเห็นฉากนองเืน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้มาก่อน
วันนี้ก็ให้นางดูฉากน่าสยดสยองเหลือรับที่นางรังสรรค์ขึ้นมาด้วยน้ำมือตนเองไปแล้วกัน
ราวกับรู้สึกได้ถึงสายตาเฉียบคมแวววาวมองมาที่ตน ฮองเฮาจึงเหลือบดวงตาขึ้นมาปะทะตามจิตใต้สำนึก
มู่จื่อหลิงนั้นย้ายสายตาไปนานแล้ว ั์ตาจับจ้องไปที่ฉากสะอิดสะเอียนน่าสะพรึงบนตั่งนุ่มต่อไป
เพียงเห็นมู่จื่อหลิงมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับรอบกายไม่มีผู้ใด มองใบหน้าหลงเซี่ยวหนานด้วยรอยยิ้มกึ่งไม่ยิ้มอย่างสงบนิ่ง
สีหน้าสบายอกสบายใจเช่นนั้นสำหรับฮองเฮาแล้วดูเสียดสีเป็พิเศษ แม้มู่จื่อหลิงจะไม่มองนาง แต่นางก็รู้สึกเหมือนตนเองถูกมู่จื่อหลิงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างไรอย่างนั้น
ความคับแค้นในใจฮองเฮาก็ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง
ราวกับสำราญใจที่ได้ยั่วโทสะเสด็จแม่ผู้เมตตาและอ่อนโยน
ในตอนท้าย มู่จื่อหลิงยังบังเอิญแยกริมฝีปากเล็กออก เผยให้เห็นฟันสีขาวเป็ระเบียบสองแถว องศาของมุมปากนั้นสูงขึ้นไปอีก ยิ้มตาหยีมองเสี่ยวไตกูกินหนอนกู่ ั์ตาคู่สวยเองเจือไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
รอยยิ้มนั้นเจิดแจ่มใสครองใจผู้คนเป็พิเศษ!
ทว่าเมื่อฉากนี้ตกอยู่ในสายตาฮองเฮาก็เห็นได้ชัดว่าทิ่มแทงสายตาเป็อย่างยิ่ง ใบหน้าของนางประเดี๋ยวก็เขียวประเดี๋ยวก็แดงขึ้นโดยพลัน ต่อให้มีโทสะมากขึ้นไปอีกนางก็ข่มกลั้นเอาไว้ไม่ให้สีแดงขึ้นมาบนใบหน้า
ยามนี้ฮองเฮาเสียใจยิ่งนักที่เมื่อครู่ดึงดันจะอยู่ต่อ กู่ปรสิตนางก็เคยเห็นมาก่อนและมิได้น่าผวาถึงเพียงนี้
เดิมคิดว่านางจะสามารถหาจุดน่าสงสัยระหว่างที่คางคกม่วงรักษาหลงเซี่ยวหนานออกมาได้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นฉากที่น่าหวาดผวาเพียงนี้
เื่ที่นางทุ่มเทความคิดทำออกมา บัดนี้ถูกมู่จื่อหลิงแก้ไขได้อย่างง่ายดาย จะให้นางยินยอมได้อย่างไร
แน่นอนว่า ในที่แห่งนั้นยังมีสองสามคนที่มิได้หวาดกลัวฉากนี้โดยสิ้นเชิง
อย่างเช่นกุ่ยเม่ยที่มีใบหน้านิ่งสงบ สองมือกอดกระบี่อยู่ที่หน้าอก ยืนนิ่งด้านข้างราวกับหิน อย่างเช่นเสิ่นซือหยางที่ยังมีสีหน้าซื่อตรงยุติธรรม ไม่พูดไม่จา ยืนมองด้วยสายตาเยือกเย็น และเช่นฮ่องเต้เหวินอิ้น พระองค์ดูเหมือนจะมีความสนใจขึ้นมา มองคางคกม่วงตวัดกู่ลงท้องอย่างสนอกสนใจ
จิตใจพวกเขาในยามนี้มีเพียงความแปลกประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อ...สิ่งเดียวที่ไม่มีคือความหวาดกลัวสะอิดสะเอียน!
ในที่สุดฮองเฮาก็รับฉากเปื้อนเืน่าสะอิดสะเอียนไม่ได้แล้ว หาเหตุผลออกไปข้างนอกอย่างขอไปที
ฮ่องเต้เหวินอิ้นกำลังทอดพระเนตรอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ถูกรบกวนก็ไม่พอพระทัย เหลือบสายพระเนตรไปมองฮองเฮา แล้วโบกแขนเสื้อแสดงท่าทีให้นางไปได้
แม้ฮองเฮาไม่พอใจ แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ ได้แต่พามามาและนางกำนัลประจำตัว ปิดจมูกวิ่งออกไปอย่างหมดสภาพ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด กู่ปรสิตที่ยั้วเยี้ยอยู่บนใบหน้าของหลงเซี่ยวหนานก็ไม่มีตัวใดรอดชีวิต ตกลงไปสู่ท้องของเสี่ยวไตกูทั้งหมด
ร่างกายที่แบนราบสง่างามมาแต่เดิมของเสี่ยวไตกูก็เปลี่ยนเป็ลูกหนังกลมดิ๊กลูกเล็ก มันกลิ้งอยู่ในมือมู่จื่อหลิงอย่างพึงพอใจ
คนทั้งหมดมองเสี่ยวไตกูที่อยู่บนฝ่ามือของมู่จื่อหลิงอย่างไม่อยากเชื่อ พวกเขาไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าท้องคางคกม่วงที่ตัวไม่ถึงหนึ่งชุ่นนี้จะเขมือบหนอนกู่ฝูงแล้วฝูงเล่าลงไปได้...
แม้จะยังสืบหาตัวการวางพิษกู่ออกมาไม่ได้ แต่พิษกู่ของหลงเซี่ยวหนานก็ถูกถอนออกแล้ว และยังใช้วิธีประเภทพิเศษถอนพิษเช่นนี้
พระพักตร์ัของฮ่องเต้เหวินอิ้นพึงพอพระทัยยิ่งนัก ประทานรางวัลเป็แผ่นป้ายทองละเว้นโทษตายให้มู่จื่อหลิงหนึ่งแผ่น มีแผ่นป้ายทองละเว้นโทษตายนี้อยู่ต่อให้ทำผิดมหันต์ครั้งหนึ่งก็ยังมีโอกาสรักษาชีวิตไว้ได้
สำหรับสิ่งนี้มู่จื่อหลิงรับมาอย่างยินดีปรีดา เมื่อตัวอยู่ในตำแหน่งเช่นนางนี้ นางไม่วิ่งไปหาความวุ่นวาย กลับกันวันๆ มีแต่ปัญหาเข้ามาหานาง ขิงก็ราข่าก็แรง มิทันตั้งตัวมิอาจป้องกัน ได้รับโอกาสละเว้นโทษตายจากฮ่องเต้ เหตุใดนางจะไม่ยินดีเล่า?
จากนั้นฮ่องเต้เหวินอิ้นก็เสด็จจากไปอย่างสำราญพระทัย เวลาไม่นานหลงเซี่ยวหนานก็ตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าสีหน้าดีขึ้นมาก ร่างกายก็กระปรี้กระเปร่า
มู่จื่อหลิงให้นางกำนัลขันทีในที่นั้นถอยออกไป สำหรับเสิ่นซือหยางนางกลับรู้ว่าเป็คนที่สามารถเชื่อถือได้ผู้หนึ่ง ยิ่งกว่านั้นการสืบคดีนี้อาจจะ้าความช่วยเหลือจากเสิ่นซือหยาง
นางนำคำถามที่เคยถามกุ่ยเม่ยมาก่อนหน้านี้ ถามหลงเซี่ยวหนานอีกครั้ง นางคิดว่าหลงเซี่ยวหนานที่เป็เ้าของเื่คงจะรู้ชัดเจนยิ่งกว่า เพียงแต่คำตอบของหลงเซี่ยวหนานกลับเหมือนกับคำตอบของกุ่ยเม่ย
ยังคงไม่มีเบาะแสแม้แต่เล็กน้อยเช่นเดิม!
ผิดหวังอยู่ครู่หนึ่ง มู่จื่อหลิงเบะปากอย่างเซื่องซึม มองไปที่ลูกกลมๆ ในมือตัวนั้น ดวงตาพร่ามัวมองเสี่ยวไตกูที่มีสภาพคล้ายกับยากันยุง
ยามนี้ได้แต่พึ่งมันแล้ว ความหวังสุดท้าย
แต่ว่า
-
ตำหนักคุนหนิง
หลังกลับมาฮองเฮาก็มิได้คิดถึงข้าวปลาอาหาร จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย มิใช่เพียงเพราะไม่ได้เห็นฉากเปื้อนเืมานาน แต่เป็เพราะมู่จื่อหลิง
ยามนี้นางยิ่งวิตกกังวลขึ้นเรื่อยๆ สายตาท้าทายของมู่จื่อหลิงในวันนี้ นางมองแล้วทำให้ไม่สบายใจนัก นางต่อสู้ในวังต้องห้ามมาหลายปีดีดัก ยังไม่เคยปราชัยมาก่อน ครั้งนี้จะมาถูกยายเด็กหน้าขนข่มลงไปได้อย่างไร
เพียงแต่เื่ที่นางคาดไม่ถึง ตอนนี้มู่จื่อหลิงคลี่คลายไปแล้ว หากเป็เช่นนี้ต่อไป หากปล่อยให้มู่จื่อหลิงหาที่มาของกู่พบจริงๆ ผลสุดท้ายคงเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ดังนั้น
เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ ั์ตาสวยของฮองเฮาก็ทอประกายโเี้อำมหิต จากนั้นก็เหลือบไปมองเหล่ามามาที่อยู่ด้านข้างผู้ซึ่งปรนนิบัตินางมาหลายปี
เมื่อได้รับสายตาของฮองเฮา แววตาของเหล่ามามาก็ยังคงทอประกายเมตตาใจดี ทว่าผู้ใดก็มองไม่ออกว่านางมีจิตใจเช่นใด
ฮองเฮาเพียงขยับริมฝีปากกับเหล่ามามาอย่างแ่เบา และไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
อย่างไรก็ตาม เหล่ามามาแย้มรอยยิ้มเมตตา ผงกศีรษะอย่างเข้าใจ สองนายบ่าวมิจำเป็ต้องพูดก็เข้าใจอีกฝ่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้