พ่อเฒ่าโจวมีแววตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก และเขายังเป็คนยุติธรรมมากอีกด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานมิอาจปฏิเสธคำขอนี้ได้เลย
แนะนำตัวเอง?
อันที่จริงประเด็นที่พวกโจวอวี๋โจมตีก็ไม่ผิดอะไร เธอมาจากชนบทของมณฑลอวี้หนานจริงนี่นา เพียงแต่สถานการณ์ทางการเงินอันย่ำแย่ของครอบครัว ได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเพียรพยายามของเธอแล้ว... ถ้าโจวเฉิงพาเธอเข้าบ้านั้แ่เมื่อหลายเดือนก่อน แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะมีความทะเยอทะยาน ทว่าเธอไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดใดมาพิสูจน์ตนเองเลย
สถานการณ์แบบนั้นเลวร้ายที่สุดอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานอดไม่ได้ที่จะมองไปยังโจวเฉิง นี่คงเป็่เวลาอันเหมาะเจาะที่สุด โจวเฉิงคงตั้งใจไว้นานแล้วสินะ?
โจวเฉิงอยากจะพูด แต่เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้าปฏิเสธ ในเวลาแบบนี้ต้องให้เธอพูดด้วยตนเองเท่านั้น!
ติ๊งต่อง—
ด้านนอกมีเสียงกริ่งดังขึ้นสองหน กวนฮุ่ยเอ๋อคิดในใจว่ากลับมาไม่ถูกเวล่ำเวลาจริงๆ เธอยังคงรอคอยให้เซี่ยเสี่ยวหลานพูดอะไรออกมาบ้าง แววตาของปู่โจวแหลมคมที่สุด อีกทั้งเธอเองก็รู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เหมือนที่เธอเคยคิดเช่นกัน ความรู้สึกว่าที่ขัดแย้งกันนั้นทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในเวลาสำคัญแบบนี้ โจวกั๋วปินดันเลิกงานแล้วพอดีเสียได้!
กวนฮุ่ยเอ๋อรีบไปเปิดประตู โจวกั๋วปินกลับมาพร้อมกระเป๋าเอกสาร คนขับรถไม่เข้าใจ วันนี้หัวหน้ามีประชุมที่เป่ยไต้เหอ [1] เดิมทีจะพักในเป่ยไต้เหอหนึ่งคืน ทั้งที่จองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าหัวหน้า้ารีบกลับมาให้ได้
โจวกั๋วปินจะไม่กลับมาได้หรือ โจวเฉิงพาคนรักเข้าบ้านเป็ครั้งแรกทั้งที แต่เดิมคือการพบปะพ่อแม่ ถ้าเขาไม่ปรากฏตัว ถือว่าไม่ให้เกียรติต่อฝ่ายหญิงอย่างร้ายแรง!
ฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าโจวเฉิงเสียอีก จะคิดมากเพราะเหตุนี้ก็คงไม่แปลก
โจวกั๋วปินอยู่ตรงบริเวณทางเดิน เขามองเห็นเลือนรางว่ามีคนมากมายนั่งอยู่ในห้องรับแขก
“หืม?”
“คุณพ่อคุณแม่มาทั้งคู่เลย มีน้องสาวสองคนของคุณด้วย ฉันจะอธิบายให้คุณฟังทีหลังนะคะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อสรุปสถานการณ์ตอนนี้ในประโยคเดียว โจวกั๋วปินเห็นหญิงสาวกระโปรงแดงที่กำลังยืนอยู่ข้างโซฟาแล้ว
หญิงสาวคนนี้หน้าตาสะสวยมากจริงๆ ไม่แปลกใจที่โจวเฉิงจะชอบ แต่โจวเฉิงก็ไม่ใช่คนประเภทชอบรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว ถ้ามีแค่ความสวยเป็ข้อได้เปรียบ โจวเฉิงอาจจะคบ ทว่าไม่พาเข้าบ้านแน่นอน ลูกชายของตนมีแนวทางปฏิบัติตัวแบบใด โจวกั๋วปินรู้ดีเกือบทุกอย่าง โจวเฉิงต้องมีความมั่นใจมากอย่างแน่นอน ว่าหญิงสาวคนนี้จะได้รับการยอมรับจากครอบครัว ถึงพาเข้าบ้านมาในเวลาเช่นนี้
“เสี่ยวหลาน นี่คือพ่อของฉัน พ่อครับ นี่คือแฟนของผม เซี่ยเสี่ยวหลาน”
“คุณอาโจว”
โจวกั๋วปินโบกมือ “สวัสดี รีบนั่งเถอะ เมื่อครู่ทุกคนคุยกันถึงไหนแล้ว ฉันกลับมาขัดจังหวะการพูดคุยของพวกเธอหรือเปล่า?”
อาหญิงเล็กของโจวเฉิงพยักหน้าพลางตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม “ถูกเผงเลยพี่ เมื่อครู่พ่อเขากำลังขอให้เสี่ยวหลานแนะนำตัวเอง พี่รองกลับมาได้จังหวะเหมาะเจาะพอดีมาก มาฟังพร้อมกันเถอะ”
ทั้งอาหญิงเล็กและอาเขยเป็คนตรงไปตรงมา หรือจะบอกว่าฉลาดก็ไม่ผิด แม้ย่าโจวจะเรียกพวกเขามาดูตัว ‘หลานสะใภ้’ แต่โจวเฉิงกำลังคบหากับคนรักแบบไหน พี่รองและภรรยาไม่คัดค้านด้วยซ้ำ จำเป็ต้องให้อาอย่างเธอก้าวก่ายด้วยหรือ?
โจวกั๋วปินเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
เขาหาที่นั่งและนั่งลง คนตระกูลโจวทุกคนกำลังมองเซี่ยเสี่ยวหลาน มีทั้งผู้ที่เจตนาดีเฉกเช่นย่าโจว มีทั้งคนกลางอย่างอาหญิงเล็ก และแน่นอนว่ามีคนที่สงสัยด้วยเช่นกัน
ในใจของโจวเฉิงมีไฟสุมอยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่อนุญาตให้เขาบันดาลโทสะ
พ่อเฒ่าโจวแสดงท่าทีเคารพต่อเธอมาก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม แค่แนะนำตัวเองเล็กน้อย คิดเสียว่าเป็การสัมภาษณ์ไม่ดีกว่าหรือ?
“ในเมื่อคุณปู่โจวให้ฉันแนะนำตัวเอง ฉันก็ขอพูดเลยแล้วกันค่ะ ฉันเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ภายใต้เขตอันชิ่งของมณฑลอวี้หนาน ตอนเด็กไม่รู้จักเหตุผล และไม่รู้ว่าตัวเอง้าอะไร พอจบมัธยมต้นก็ไม่เรียนหนังสือ ต่อมาในครอบครัวเกิดเื่ขึ้นนิดหน่อย ฉันจึงติดตามแม่ออกจากบ้านและย้ายไปอยู่บ้านลุงแทน นี่เป็การอาศัยชายคาคนอื่นเขาใช่ไหมล่ะคะ ฉันจะใช้ชีวิตไปวันๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกต่อไป ต่อมาประเทศเราเปิดกว้างแล้ว ฉันเลยอยากลองทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเอง...”
โจวอวี๋ตาลุกวาว อะไรคือการ ‘ติดตามแม่ออกจากบ้านเดิม’ คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ?!
เซี่ยเสี่ยวหลานเสียสติไปแล้วหรือไร ใครเขาเอาเื่ที่พ่อแม่ของตัวเองหย่าร้างจากกันมาพูดั้แ่ครั้งแรกที่พบครอบครัวฝ่ายชายบ้าง!
เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมมองเห็นความประหลาดใจในดวงตาของคนตระกูลโจว เธอไม่ได้โง่ เพียงแต่รู้สึกว่าสถานการณ์แท้จริงของครอบครัวเธอเป็แบบนี้ การหย่าร้างไม่ใช่ความผิดของหลิวเฟิน มีอะไรที่น่าละอายกัน?
โจวเฉิงยืนประกบด้านหลังเซี่ยเสี่ยวหลาน วางมือไว้บนบ่าของเธอ ส่งแรงสนับสนุนของตัวเขาให้แก่เธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานออกจะไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ เพราะไม่ทันไรก็พูดถึงจุดสำคัญแล้ว “ฉันบังเอิญโดนอันธพาลคุกคามตอนทำธุรกิจค่ะ โจวเฉิงช่วยชีวิตฉันไว้ได้ทัน รวมถึงช่วยฉันส่งอันธพาลไปสถานีตำรวจด้วย พวกเราสองคนเริ่มรู้จักกันเพราะเหตุนี้ หลังหาเงินจากการทำธุรกิจได้บ้าง ฉันก็คิดจะเรียนต่อ ไม่ใช่เพียงเพื่อยกระดับวุฒิการศึกษาของฉันเท่านั้น แต่เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วย ตอนเดือนตุลาปีก่อนฉันสอบเข้าเรียนกลางคันในโรงเรียนมัธยมปลายประจำเขต เตรียมตัวอยู่ราวสองสามเดือน และร่วมสอบเกาเข่าของปีนี้ตอนต้นเดือนเจ็ด หลังจากนั้น—”
เซี่ยเสี่ยวหลานชะงัก คำพูดต่อจากนี้เป็ต้นไปที่ออกมาจากปากของเธอเองนั้นราวกับกำลังโอ้อวดความเก่งกล้าสามารถของตน
เธอกำลังคาดหวังว่าโจวเฉิงจะพูดต่อ จู่ๆ อาเขยเล็กผู้เป็มนุษย์ล่องหนมาโดยตลอดก็อุทานดัง ‘หา’ ขึ้นมา “เธอคือเซี่ยเสี่ยวหลานคนนั้นใช่หรือเปล่า? เซี่ยเสี่ยวหลานจากมณฑลอวี้หนาน!”
อาหญิงเล็กหยิกสามี ตกลงกันแล้วว่าจะเป็มนุษย์ล่องหนไม่ใช่หรือ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาตอนนี้เล่า! เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำชื่อเสียงเรียงนามของตนั้แ่แรก สถานที่เกิดก็บอกอย่างชัดเจน จำเป็ต้องให้เขาพูดมากทวนซ้ำอีกหรือ
อาเขยเล็กตื่นเต้นมาก เขาทำงานในฝ่ายวางแผนพัฒนาของกระทรวงศึกษาธิการ ตำแหน่งงานของเขานั้นไม่โดดเด่นสำหรับตระกูลโจว ปกติก็เคยชินกับการเป็มนุษย์ล่องหนอยู่แล้ว ‘ฝ่ายวางแผนพัฒนา’ ทำหน้าที่กำหนดแผนระยะกลางและระยะยาวสำหรับพัฒนาการศึกษา และช่วยคำนวณข้อมูลพื้นฐานเชิงสถิติของการศึกษาทั่วประเทศ หลังจากนั้นก็วิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ นอกจากนี้ยังรับผิดชอบการร่างแผนรับสมัครผู้เข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาอีกด้วย... การสอบเกาเข่าประจำทุกปีไม่ได้ขึ้นตรงกับฝ่ายวางแผนพัฒนาที่อาเขยเล็กทำงานอยู่โดยสิ้นเชิง แต่ก็แยกจากฝ่ายนี้ไม่ได้เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้อาเขยเล็กรู้สึกว่าชื่อ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ช่างคุ้นหูยิ่งนัก เดิมทีไม่ได้คิดไปถึงเื่นั้นเลย จนกระทั่งตอนที่เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำตนเองโดยละเอียดแล้ว อาเขยเล็กจึงจำได้ในทันที
เขาไม่เพียงแต่ขัดจังหวะเซี่ยเสี่ยวหลาน ยังลุกขึ้นยืนจากที่นั่งด้วยอาการตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่
“เมืองเฟิ่งเสียนมณฑลอวี้หนาน โรงเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงเซี่ยเสี่ยวหลาน ใช่เธอหรือเปล่า?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ เกิดอะไรขึ้นกับอาเขยเล็กกัน ท่าทางประหนึ่งแฟนคลับที่พบกับไอดอล เซี่ยเสี่ยวหลานพอคาดเดาอะไรบางอย่างได้ ขณะเดียวกันก็คิดว่าไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น
อยู่ดีๆ อาเขยเล็กวาดแขนชี้ไปยังโจวอวี๋ “หลานไปหาเื่เธอทำไมกัน หลานรู้หรือเปล่า เธอเก่งมากขนาดไหน! ผู้เข้าสอบล้านกว่าคนทั่วประเทศ คะแนนรวมของเธอเป็อันดับสามของประเทศเชียวนะ ที่หนึ่งสายวิทย์มณฑลอวี้หนานล่ะ คะแนนเกาเข่า 616 คะแนน ฉันจำได้ว่าเธอยื่นเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิง พวกเขาจะรับเข้าเรียนแน่นอน ถ้าไม่ได้แสดงว่าต้องเป็เพราะฝ่ายรับนักศึกษาทำงานผิดพลาดแน่นอน... เสี่ยวหลาน เธอกับที่หนึ่งของประเทศคะแนนห่างกันแค่ 4 คะแนนเท่านั้น”
ในน้ำเสียงของอาเขยเล็กมีความเสียดายอย่างสุดซึ้ง
เกาเข่าประจำปีนี้ อันดับหนึ่งของทั่วประเทศคือ 620 คะแนน
ปั๋งเหยี่ยน [2] คือ 617 คะแนน เช่นนั้นทั่นฮวา [3] ก็คือเซี่ยเสี่ยวหลาน คะแนนรวม 616 คะแนน
การสอบที่มีผู้เข้าร่วมสอบมากถึงล้านกว่าคน ระดับความยากไม่ด้อยไปกว่าการสอบคัดเลือกขุนนางในสังคมเก่า ตำแหน่ง ‘ทั่นฮวา’ ของเซี่ยเสี่ยวหลานนี้ควรค่าแก่การสรรเสริญอย่างไร้ข้อแม้ กอปรกับเงื่อนไขที่เธอเพิ่งเข้าเรียนมัธยมปลายปีสามกลางคันเมื่อปีกลาย อาเขยเล็กยิ่งคิดว่าอันที่จริงความแตกต่างของ 4 คะแนนนั้นกระจิริดนิดหน่อยเท่านั้น อันดับหนึ่งของประเทศไม่ใช่นักเรียนซึ่งจบการศึกษาในปีนี้ด้วยซ้ำ เวลาที่ทุ่มเทให้กับการทบทวนย่อมมากกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานน่ะสิ!
คำพูดของอาเขยเล็กทำให้ตระกูลโจวคนอื่นนอกเหนือจากโจวเฉิงล้วนตกตะลึงโดยทั่วกัน
โจวอวี๋ถามกลับอย่างตะกุกตะกัก “...อาเขยเล็ก อาจำผิดหรือเปล่าคะ?”
เชิงอรรถ
[1]北戴河 เป่ยไต้เหอ คือ เขตเป่ยไต้เหอ อยู่ในเมืองฉินหวงเต่า มณฑลเหอเป่ย
[2]榜眼 ปั๋งเหยี่ยน คือ ตำแหน่งของผู้มีคะแนนเป็อันดับที่สองในการสอบคัดเลือกขุนนาง
[3]探花 ทั่นฮวา คือ ตำแหน่งของผู้มีคะแนนเป็อันดับที่สามในการสอบคัดเลือกขุนนาง