เป็ไปได้อย่างไรกัน?
ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าขนลุกขึ้นทั้งร่างกาย โดยเฉพาะอันดับห้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับเจอภูตผี หมัดของตนเองที่ปล่อยออกไปนั้นได้โจมตีตรงเข้าสู่จุดตันเถียนของฉินอวี่ ด้วยความแข็งแกร่งของพลังบรรพชนก็เพียงพอที่จะโจมตีจุดตันเถียนของฉินอวี่ได้ และด้วยระดับฝึกฝนเพียงขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง ฉินอวี่จะต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้...
เมื่อเห็นว่าฉินอวี่กำลังลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ในใจของอันดับห้าก็ทั้งใและหวาดกลัว เขารู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แปลกประหลาดกำลังปกคลุมเขาอยู่ พลังเช่นนี้ทำให้กุมารทิพย์ของเขาเริ่มสั่นไหว จนแทบจะะโออกมาจากจุดตันเถียน วิกฤติความตายเช่นนี้ยิ่งทำให้อันดับห้าใมากขึ้น!
อันดับหนึ่งที่มองอยู่ในระยะไกลหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองไปทางฉินอวี่ที่กำลังลุกขึ้นอย่างช้าๆ ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีเทาหม่น และมีลำแสงสีแดงอ่อนแผ่กระจายออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ในขณะนี้ หัวใจของอันดับหนึ่งก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน เขาได้อ่านตำราโบราณที่รวบรวมเื่ของหยาจื้อสิบสามฝ่ายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าเ้าคนนี้จะเป็ผู้สืบทอดของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง? แต่หากสำนักยุทธ์ว่านจ้งจะควบคุมหยาจื้อสิบสามฝ่ายไปจนนานนับปีได้ ก็คงไม่ใช่เื่ที่ไร้เหตุผล” อันดับหนึ่งตกตะลึงในใจ
ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของสำนักใดสำนักหนึ่ง ต้องดูจากคนรุ่นใหม่ เป็เพราะคนรุ่นใหม่ในวัยหนุ่มสาวคือรากฐานของสำนัก
“สิ่งที่ทำให้ข้าััได้ถึงวิกฤตของความเป็ความตายนั่นมันคืออะไรกันแน่? พละกำลังของเขาในตอนนี้อย่างมากที่สุดก็น่าจะอยู่ระดับเดียวกับข้า แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้ามีความรู้สึกในวิกฤตความเป็ความตายได้ หรือว่า... จะเป็เพราะอัคคีสีเทาหม่นนั่น?” อันดับหนึ่งจ้องมองไปยังเปลวเพลิงสีเทาหม่นที่กำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในร่างกายของฉินอวี่ ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยการครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข้อความชุดหนึ่งปรากฏขึ้นในจิตใจของอันดับหนึ่ง
“เป็ไปได้อย่างไรกัน! เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน...” อันดับหนึ่งขนลุกไปทั้งตัว ข้อความสั้นๆ นั้นราวกับััแห่งเต๋าอันไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้จิตใจของอันดับหนึ่งตกตะลึง
เสี่ยหยวนจ้องมองฉินอวี่อยู่อย่างเงียบๆ ความแข็งแกร่งของฉินอวี่ทำให้เสี่ยหยวนรู้สึกใเป็อย่างมาก เขาเข้าใจความคิดของฉินอวี่ได้ั้แ่แรก และรู้สึกว่าฉินอวี่คือคนที่มีโอกาสทำให้อันดับห้าาเ็ได้มากที่สุด เพื่อสร้างโอกาสให้กับเขา แต่ในตอนนี้... พละกำลังของฉินอวี่อยู่เหนือจินตนาการของทุกคนมากจริงๆ
แม้กระทั่ง... เกินกว่าจินตนาการของตัวฉินอวี่เองเช่นกัน!
ฉินอวี่ลุกขึ้นยืนช้าๆ สะบัดศีรษะอย่างรุนแรง พลังอันไม่มีที่สิ้นสุดในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้นทันที ราวกับมีความกระตือรือร้นที่จะปะทุออกมาจากร่างกาย
“อ๊าก!” ฉินอวี่ส่งเสียงคำรามเหมือนกับอสูรร้ายออกไป และดูเหมือนเขาจะพยายามระบายพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกจากร่างกายของตนเอง
ฉินอวี่ในตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่อธิบายไม่ได้ เขายังไม่เสียสติ แต่พลังความเกลียดชังและอาฆาตได้กระทบเข้ากับประสาททุกเส้นสายของเขา หัวใจของเขาก็ได้รับการกระตุ้นการทำลายทุกสิ่งที่เขาเห็น ทำลายทุกสิ่งในโลกหล้า!
ความรุนแรงที่ยากอธิบายเช่นนี้ทำให้ฉินอวี่แผดเสียงคำรามออกมาอย่างต่อเนื่องในลำคอ และฉินอวี่ไม่ได้สังเกตเห็นเปลวไฟที่อยู่ในช่องท้องที่กำลังลุกโชนราวกับจะกลืนกินเพลิงแอ่งธรณีของฟ้าดิน
“บ้าเอ๊ย!” ในร่างกายของฉินอวี่ปรากฏเป็เสียงดังคมชัด เขาบิดคออย่างรุนแรง ดวงตาทั้งคู่ที่มีสีแดงจางๆ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างที่ไม่มีสิ้นสุด
เมื่อถูกฉินอวี่จ้องมองเช่นนี้ อันดับห้าก็รู้สึกเหมือนศีรษะแทบะเิ ความรู้สึกถึงอันตรายที่แฝงอยู่ทำให้อันดับห้ารู้สึกใอย่างยิ่ง เขารีบเรียกเอาชุดเกราะยุทธ์ชุดหนึ่งออกมาสวมไว้บนร่างทันที จากนั้นจึงหยิบเม็ดยาออกมาและใส่เข้าไปในปาก ท้ายที่สุด เขาก็สวมกำปั้นยุทธ์คู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินอวี่ในตอนนี้ อันดับห้าจึงต้องเตรียมติดอาวุธให้ครบถ้วน และไม่กล้าจะประมาทฉินอวี่อีกต่อไป
“ตูม!”
ในขณะที่อันดับห้ากำลังใส่นวมกำปั้นยุทธ์อยู่นั้น ฉินอวี่ก็กำลังโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วของเขารวดเร็วกว่าอันดับห้าอยู่มากยิ่งนัก และการโจมตีของเขาก็เหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังจากหมัดข้างขวาของเขา
แต่สิ่งที่ทำให้อันดับห้าต้องใคือ เปลวไฟสีเทาที่แฝงอยู่ในการโจมตีของฉินอวี่ เปลวไฟนี้ดูเหมือนจะสามารถทะลุเกราะศึกของเขา และเผาผลาญชีวิตของเขาได้
“นี่เป็อัคคีอะไรกันแน่?” อันดับห้าตกตะลึงอย่างมาก เขาสามารถควบคุมอัคคีและสามารถกระตุ้นสายเืของหยาจื้อได้ แต่เมื่อเทียบอัคคีของหยาจื้อกับไฟที่แฝงอยู่ในการโจมตีของฉินอวี่แล้ว บอกได้เลยว่าอยู่คนละระดับกันอย่างแน่นอน
อันดับห้าระงับความใเอาไว้ และตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน แม้ว่าจะใ แต่เมื่อสวมนวมกำปั้นยุทธ์และเกราะศึกแล้ว เขาก็ไม่เกรงกลัวฉินอวี่อีกต่อไป
ในเวลานี้ เขาไม่กล้าจะรั้งมืออีกต่อไป พลังของบรรพชนจากสายเืทั้งสามะเิออกไปในรอบด้าน ทำให้พลังของเขายกระดับขึ้นสู่จุดสูงสุดทันที ทำให้ทุกการโจมตีในตอนนี้แทบจะทำลายพื้นที่จนแตกสลาย
แต่ดูเหมือนฉินอวี่จะบ้าไปแล้ว เขาไม่ต่อต้านการโจมตีของอันดับห้าเลยแม้แต่น้อย คอยแต่โจมตีอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจรอบข้าง
คนบ้า! นี่มันคนบ้าชัดๆ เขาไม่กลัวตายเลยหรือ?
ในตอนนี้ อันดับห้าทั้งตกตะลึงทั้งหวาดกลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินอวี่ในสภาพเช่นนี้ ส่วนลึกในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขานึกไม่ถึงเลยว่าการต่อสู้ที่แสนจะปกติธรรมดา จะกลายมาเป็สถานการณ์เช่นนี้
ฉินอวี่ที่กำลังจมอยู่กับสภาวะอันแสนประหลาด โจมตีด้วยความคลุ้มคลั่งราวกับอสูรร้าย และพลังจากทุกหมัดของเขาในตอนนี้ ล้วนแต่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“พลังว่านจ้งสี่ชั้น!”
“พลังว่านจ้งห้าชั้น!”
เมื่อพลังของเขายกระดับไปถึงพลังว่านจ้งห้าชั้น และเสริมด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งจากผนึกฝ่ามือจากมือข้างขวา หมัดขวาของฉินอวี่จึงอยู่ในระดับที่น่ากลัวอีกครั้ง หมัดหนึ่งที่ปล่อยออกไป จึงมีกำลังเกือบเทียบเท่าพลังว่านจ้งเจ็ดชั้น
“ตูม ตูม ตูม!”
อันดับห้าและฉินอวี่ต่างต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง แต่ในท้ายที่สุด อันดับห้าก็ดูแย่ลงไปเรื่อยๆ พลังบรรพชนทั้งสามประเภททำให้พละกำลังของเขาขึ้นถึงจุดสูงสุด แต่แม้ว่าการป้องกันของเกราะศึกจะมีความแข็งแกร่ง แต่ด้วยหมัดของฉินอวี่ต่างแฝงไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้พลังปราณของอันดับห้าที่กำลังตื่นตระหนกเริ่มพลุ่งพล่านมากขึ้น
“ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าเ้าจะไม่ตาย!” อันดับห้าใช้หมัดที่สวมกำปั้นยุทธ์ที่มีหนามแหลมคมชกตรงไปยังตำแหน่งขมับของฉินอวี่ พยายามสังหารฉินอวี่ในทันที
“เวิง!”
ใน่เวลาที่หมัดกำลังเคลื่อนเข้ามานั้น ม่านแสงสีแดงจางๆ ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง เปลวไฟสีเทาอ่อนได้ห่อหุ้มบนม่านแสงสีแดงอ่อนอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะกลืนเปลวอัคคีสีเทาเข้าไป
ดวงตาของอันดับห้าเบิกกว้างทันที เขานึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะมีพลังการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ ในขณะที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น ฉินอวี่ก็พุ่งเข้ามาอย่างโเี้ ตรงเข้ากระแทกใส่อันดับห้าจนกระเด็นออกไป
ขณะที่อันดับห้ากำลังกระเด็นลอยออกไปนั้น ฉินอวี่ก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ เปลวอัคคีกดตามลงมาอย่างดุเดือด จนอันดับห้าจมลงไปกับพื้น
เมื่ออันดับห้าตกลงกระแทกพื้นและเตรียมจะยกตัวะโขึ้นไป ฉินอวี่ก็ได้ใช้เข่าข้างซ้ายกระแทกลงบนหน้าอกของอันดับห้า มือซ้ายของเขาปรากฏเหมือนกรงเล็บ ที่คว้าเข้าตรงคอของอันดับห้า หมัดขวาของเขาเป็ดังพายุฝนที่บ้าคลั่ง รวดเร็วราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่ง
และในการชกแต่ละครั้ง ยังเต็มไปด้วยพลังอันโหดร้ายรุนแรงเกือบยี่สิบหมัด
ภายใต้สภาวะเช่นนี้ หมัดะเิฟ้าของฉินอวี่จึงสามารถปล่อยหมัดออกไปได้ถึงยี่สิบหมัดในพริบตาเดียว
พายุพลังที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับจะทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย แม้ว่าจะมีม่านแสงที่ก่อตัวเป็เกราะศึกปกป้องอยู่เหนือชั้นิั แต่อันดับห้าที่ถูกฉินอวี่โจมตีอย่างรุนแรงก็ถึงกับต้องวิงเวียนจนตาลาย จนเืลมถึงกับแปรปรวน
“ตูม ตูม ตูม!”
ดูเหมือนว่าผืนแผ่นดินยังคงส่งเสียงอึกทึก ปั่นป่วนอย่างรุนแรง และเสียงะเิยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
ทุกคนต่างจ้องมองไปด้วยดวงตากลมโต มองไปยังคนบ้าอย่างฉินอวี่ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวพร้อมร่างกายที่สั่นเทา เมื่อมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ศิษย์ของหยาจื้อสิบสามฝ่ายที่อยู่ไกลออกไปต่างวิ่งกระเจิดกระเจิง ราวกับ้าหนีไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าจะต้องพบกับภัยพิบัติอันน่าสะพรึง
อันดับหนึ่งจ้องมองฉินอวี่ที่กำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด ในใจของเขาไม่อาจสงบอยู่ได้อีกแล้ว ในเวลานี้ อันดับหนึ่งจึงยกให้ฉินอวี่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแล้ว
“เขาเป็ใครกันแน่? ได้รับการคุ้มครองจากสัญญาไท่กู่ มีอัคคีที่น่าสะพรึงกลัว และยังมีทักษะยุทธ์อันทรงพลังเช่นนี้อีก?” อันดับหนึ่งพึมพำในใจ สายตาของเขาปรากฏเห็นััแห่งการต่อสู้และความลังเลใจ
ในตอนนี้เสี่ยหยวนเองก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุดเช่นกัน สาดส่องมโนจิตของเขาครอบคลุมไปยังฉินอวี่ที่กำลังตกลงสู่พื้นดิน ส่วนอันดับห้าจะเป็หรือตายยังไม่อาจรู้ได้ และแผ่นดินที่เบื้องล่างของเขาในตอนนี้ ได้ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ฉินอวี่ไม่รู้ว่าเขาเหวี่ยงหมัดออกไปทั้งหมดกี่ครั้ง พลังในร่างกายดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
จนกระทั่งพื้นดินเกิดเป็หลุมขนาดใหญ่ที่มีขนาดกว่าสามสิบจ้าง หมัดของฉินอวี่ได้ทุบลงบนเกราะศึกป้องกันของอันดับห้าจนแตกกระจาย อีกหมัดหนึ่งตรงไปบนศีรษะของอันดับห้า จนอันดับห้าหมดสติไปทันที แต่ความดุร้ายในใจของฉินอวี่กลับไม่มีลดลง เขาเหาะตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาสีแดงก่ำของฉินอวี่จ้องตรงไปยังอันดับหนึ่งทันที เขาขยับคอเล็กน้อย ก่อนจะก้าวตรงออกไปอย่างดุร้าย
อันดับหนึ่งตกตะลึง มองไปยังฉินอวี่ที่กำลังเป็เหมือนปีศาจคลั่ง เขารู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และขณะที่ฉินอวี่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น เขาจึงหันหลังกลับและหายลับไปทันที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินอวี่ นึกไม่ถึงว่าอันดับหนึ่งในรายชื่อระดับสามัญก็ยังต้องถอยหนีอย่างใ
เสี่ยหยวนจ้องไปยังอันดับหนึ่งที่หายลับไป ก่อนจะมองไปทางฉินอวี่ด้วยความใ
อันดับหนึ่ง... ยังใจนถอยหนีไปแล้วหรือ?
ฉินอวี่ไม่ได้ไล่ตามไป แม้ว่าความดุเดือดที่อยู่ในใจจะทำให้เขาอยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขาก็ยังมีสติหลงเหลืออยู่ และใช้มโนจิตกวาดมองออกไปโดยรอยรัศมีร้อยลี้ และเมื่อไม่พบเจอผู้ใด ฉินอวี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกาย ฉินอวี่ก็พึมพำอยู่ในใจ “นี่... จึงจะเป็การเปลี่ยนแปลงในขั้นที่หนึ่งของวิชาปีศาจคลั่งจริงๆ หรือ?”
“ทำไมจึงเป็ปีศาจคลั่ง?”
เมื่อฉินอวี่รู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ในร่างกายของเขาสลายไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็มีเสียงที่ดูเลื่อนลอยดังขึ้นในจิตใจของเขา และเสียงนั้นดูเหมือนจะมาจาก่ยุคสมัยหงหวง ฉินอวี่ตกตะลึงเป็อย่างยิ่ง เขาััได้ถึงความรู้สึกที่อ่อนแอกำลังเคลื่อนเข้ามาด้วยพลังมหาศาล จากนั้นเขาจึงนั่งขัดสมาธิลงไป
ในเวลาเดียวกันนี้เอง
ณ ฝ่ายวานรยุทธ์ หนึ่งในหยาจื้อสิบสามฝ่าย
“ไม่!” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาจากส่วนลึกของฝ่ายวานรยุทธ์ เสียงนี้เต็มไปด้วยความทรงพลังและความเคียดแค้นอย่างยิ่ง
จนทำให้บรรดายอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายต่างตื่นตระหนก!
ในเวลาเดียวกัน ณ ดินแดนที่ไม่รู้จักแห่งหนึ่ง
“ปีศาจคลั่ง... หากเติบโตขึ้นต่อไป วันข้างหน้า ปีศาจคลั่งที่ทรงพลังพลิกฟ้า จะต้องปรากฏขึ้นอีกครั้ง...”
